บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ
_______
ไม่มีทาง
อัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยว
จริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น
เว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์
อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิ
ในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขา
นั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม
อัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัว
ข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา
วีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเองจนเจอ “... พ...พี”
ไร้เสียงตอบรับกลับมา มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและเสียงคำรามแผ่วเบาในลำคอของพีรยุทธ์ออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ
อัลฟ่าชากุหลาบพยายามดึงรั้งข้อมือตนออกจากพันธนาการอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้พีรยุทธ์รับรู้และเผลอตัวแสดงท่าทางน่าหวั่นเกรงเหล่านั้นออกมา
แต่เพียงแค่วีรกานต์ขยับข้อมือเพียงนิดเดียวก็ดูเหมือนว่าอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นจะรู้สึกตัว
พีรยุทธ์ดันกายหนาขึ้นพร้อมกับออกแรงกดข้อมือคนใต้ร่างเอาไว้แน่นกว่าเดิมจนอัลฟ่าชากุหลาบต้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ
ใบหน้าคมที่ก่อนหน้าแสดงอารมณ์ดุร้ายออกมาบัดนี้เรียบนิ่ง ดวงตาสีเหลืองทองของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นถูกใช้เพื่อจ้องมองวีรกานต์โดยไม่ละไปไหน
คล้ายกับหลงใหล
และตกอยู่ในห้วงของภวังค์
“พี ได้ยินกานต์ไหม” แม้จะนึกกลัวและหวั่นใจอยู่บ้างแต่วีรกานต์ก็ใช้ความกล้าที่มีเอ่ยถามเพื่อนอัลฟ่าที่คล้ายกับไม่ได้สติเสียงแผ่วเบา
ยังคงไร้เสียงตอบรับเช่นเดิม อัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่นพลางใช้ความคิด
วีรกานต์คิ้วขมวดมุ่นมองลึกเข้าไปในดวงตาสีทองของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่ละสายตา ก่อนที่ความคิดบ้า ๆ อย่างหนึ่งจะวิ่งเข้ามาในหัวและเขาก็ตัดสินใจทำมันทันทีอย่างไม่ลังเล
“อ๊ากก!” พีรยุทธ์เงยหน้าคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราดเมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคมเขี้ยวฝังลงบนท่อนแขนอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแสบ
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นสะบัดข้อมือที่จับกุมคนใต้ร่างออกเพื่อยกขึ้นมาดูบาดแผล ปรากฏรอยช้ำสีแดงเป็นทางยาวเพื่อถูกรูด วีรกานต์จึงใช้โอกาสนี้ผลักลำตัวหนาของพีรยุทธ์ออกจากตัวให้ตนเป็นอิสระแล้วดันกายลุกขึ้นรีบคลานเข่าไปอีกฝั่งของเตียงนอนทันที
เพราะกำลังให้ความสนใจอยู่ที่บาดแผลบนท่อนแขนจึงปล่อยให้อัลฟ่าชากุหลาบหลุดจากการจับกุมไปอย่างง่ายดาย
แต่เพียงชั่วครู่พีรยุทธ์ก็เอี้ยวตัวกลับหลัง ฝ่ามือหนาคว้าเอาข้อเท้าข้างหนึ่งของอัลฟ่าชากุหลาบมากอบกุมไว้แทนจนอีกฝ่ายหน้าคะมำลงบนที่นอนนุ่ม ก่อนจะจับเอวของวีรกานต์ให้พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากันดังเดิม
ในความเป็นจริงวีรกานต์สามารถสะบัดกายหนีลงพื้นแล้วกลับเข้าห้องนอนของตัวเองก็ย่อมได้ แต่เขาไม่ทำ
พีรยุทธ์กำลังไม่มีสติ
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสับสนคล้ายกับกำลังต่อสู้กับสัญชาตญาณที่อยู่ภายในตัว อัลฟ่าชากุหลาบจึงไม่สามารถทิ้งเพื่อนอัลฟ่าให้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพังได้
นัยน์ตาสีเหลืองทองเบิกกว้างจ้องมองผู้ที่ประทุษร้ายเขาเมื่อครู่อย่างนึกแค้นใจก่อนจะสะบัดศีรษะอย่างแรงจนเส้นผมสีรัตติกาลชี้ฟูไม่เป็นทรงเพราะความคิดในหัวกำลังตบตีกัน
“พี ได้ยินกานต์ไหม” อัลฟ่าชากุหลาบตัดใจเอ่ยเรียกพีรยุทธ์อีกครั้ง ท่าทีของอีกฝ่ายบอกชัดว่ากำลังพยายามควบคุมสัญชาตญาณก่อนที่มันจะควบคุมแทน
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นมองตามเสียงเรียกแต่ไม่ได้ตอบรับสิ่งใด พีรยุทธ์เดินเข่าเข้าใกล้อัลฟ่าชากุหลาบจนวีรกานต์ต้องกระถดกายหนี แผ่นหลังแนบชิดกับหัวเตียง เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างไร้หนทางขัดขืน
“พ...พี” เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่วีรกานต์เรียกชื่อเพื่อนสนิทแต่ก็
ไร้เสียงตอบรับอย่างทุกที
ร่าหนาของพีรยุทธ์ขยับกายเขาใกล้จนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของกันและกัน เขาโน้มตัวลงใกล้อีกฝ่ายหวังสูดดมกลิ่นฟีโรโมนประจำกายตามสัญชาตญาณนักล่า
วีรกานต์ยกมือขึ้นดันหน้าอกแกร่งของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้พลางก้มหน้างุดหลับตาลงเพื่อหนีการกระทำชวนให้ใจสั่นเช่นนี้
พีรยุทธ์ชะงักกึกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม จมูกโด่งของนักล่าขยับซ้ายขวาเพื่อสูดดมหากลิ่นหอมหวนที่ลอยมาตามอากาศ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ลำคอขาวของวีรกานต์
อัลฟ่าชากุหลาบย่นคอหนีสัมผัสพลางปิดตาลงอย่างนึกกลัวเพราะในตอนนี้พีรยุทธ์มีคมเขี้ยวเป็นอาวุธเขาจึงไม่แน่ใจนักว่าอัลฟ่าผมสีดำสนิทคนนี้มีสติมากพอที่จะไม่ฝังมันลงบนคอเขาเพื่อล่าเหยื่อตามสัญชาตญาณหรือไม่
แต่สัมผัสที่ได้รับกลับทำให้วีรกานต์ตัวแข็งค้าง ความรู้สึกชื้นแฉะที่ลำคอและสัมผัสนุ่มหยุ่นที่ประทับลงมาแล้วผละออก ดวงตาสีเฮเซลนัทของอัลฟ่าสั่นระริกคล้ายกับทำอะไรไม่ถูก “พี...”
พีรยุทธ์เมื่อผละออกก็คล้ายกับว่าจะได้คำตอบว่ามีสิ่งใดที่เปลี่ยนไป จมูกของอัลฟ่าสูดดมกลิ่นฟีโรโมนที่ซอกคอหอมกรุ่นเข้าไปเต็มปอด
ชากุหลาบที่กลิ่นรุนแรงกว่าเดิมเพราะเจ้าของร่างมีอาการตื่นกลัวและหวั่นเกรงเขาจึงได้เผลอตัวปล่อยฟีโรโมนออกมา
เป็นกลิ่นที่แสนยั่วยวนสำหรับพีรยุทธ์
“กุหลาบ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอยพลางผละออกมาจ้องใบหน้าเจ้าของกลิ่นหอมหวานชวนหลงใหลที่เขาชอบมัน
ดวงตาสีเฮเซลนัทแสดงความหวั่นวิตกออกมาอย่างไม่ปิดบังการกระทำของพีรยุทธ์เมื่อครู่ไม่สามารถแปลความหมายเป็นสิ่งอื่นได้นอกจากอาการรัทของอัลฟ่าที่จะเกิดขึ้นทุก ๆ ปี
อัลฟ่าไม่สามารถเกิดอารมณ์ทางเพศในช่วงของการรัทกับอัลฟ่าด้วยกันได้
แต่พีรยุทธ์กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์อยากในขณะที่มีเขาอยู่ใกล้ตัว
ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นอะไรไป
วีรกานต์ออกแรงดันแผ่นอกหนาของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อพีรยุทธ์ยังคงดันร่างกายเข้าใกล้เขาเรื่อย ๆ ซ้ำยังปล่อยฟีโรโมนของอัลฟ่ามาข่มเขาจนหายใจแทบไม่ออกอีก
ไม่ แบบนี้มันมากกว่านั้น
อัลฟ่าชากุหลาบรู้สึกได้ถึงความเหนือกว่าจากพีรยุทธ์ อาจจะด้วยขนาดร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกันมากเพียงใด เขาจึงกลายเป็นคนที่ถูกข่มอย่างไม่สามารถโต้แย้งได้
แต่มันมากเกินไป
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันแต่การที่เขาถูกฟีโรโมนกดข่มจนไร้หนทางสู้กลับเช่นนี้มันแปลกเกินไป
อัลฟ่าชากุหลาบยกมือขึ้นกุมบริเวณหน้าอกเพราะเขาแทบขาดอากาศหายใจ อาการไอโขลกจนสำลักของวีรกานต์ทำให้อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นรู้สึกตัว เขาสะบัดศีรษะอย่างแรงพร้อมกับจับตัวของอัลฟ่าชากุหลาบเข้ามาตระกองกอดเสียแนบแน่น
“กานต์” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกคนในอ้อมกอดเสียงแผ่วหลังจากได้สติ เขาคลายฟีโรโมนที่กดข่มอีกคนลงทำให้อัลฟ่าชากุหลาบหายใจสะดวกขึ้นแต่ก็ยังมีอาการหอบอยู่
“แค่ก ๆ พ...พี” วีรกานต์ไอแห้งอย่างน่าสงสาร
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นผละตัวออก วางตัวของวีรกานต์ให้แผ่นหลังแนบไปกับหัวเตียงแล้วรีบสาวเท้าไปรินน้ำเปล่าข้างประตูห้องมาให้คนบนเตียงดื่มดับกระหาย
ทันทีที่ได้รับวีรกานต์ก็กระดกดื่มจนลืมสำลัก เขายกมือขึ้นปาดหยดน้ำที่มุมปากออกพลางหอบหายใจเอาอากาศมากมายเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่ แต่เมื่อเหลือบสายตามองคนที่นำน้ำมาให้ก็พบว่าอีกฝ่ายย้ายตัวเองไปยืนตัวเปลือยเปล่ากุมมือปกปิดส่วนสงวนอยู่ข้างตู้ใบเล็กข้างเตียงนอน
“ไปยืนทำอะไรตรงนั้น” วีรกานต์เอ่ยถามอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นพลางยกยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้อย่างที่เคยทำ แก้วน้ำในมือก็ถูกวางลงบนโต๊ะที่พีรยุทธ์ยืนพิงอยู่
“ก...กานต์กลับไปก่อนไหมครับ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับไม่มั่นใจ
วีรกานต์ส่ายหน้าทันทีเป็นคำตอบ
เขายกยิ้มบางส่งให้พีรยุทธ์ไปอีกครั้ง อีกฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาลงมองต่ำทันที ซ้ำยังค่อย ๆ ขยับกายเบี่ยงตัวหันหลังหนีเขาอีก
“มาคุยกันหน่อยไหม” วีรกานต์เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
เขารู้ว่าในตอนนี้พีรยุทธ์ยังไม่หายจากอาการรัทแต่การที่อีกฝ่ายทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นนี้คงกำลังพยายามคุมสัญชาตญาณไว้ให้อยู่ เป็นเพราะเมื่อครู่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเผลอตัวให้สัญชาตญาณนำพาร่างกายและจิตใต้สำนึกจนพลั้งเผลอทำร้ายเขาแบบไม่รู้ตัว
คงตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้สติกลับมา
จึงลงโทษตัวเองด้วยการพยายามอยู่ให้ห่างจากฟีโรโมนของเขาให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เผลอตัวปล่อยสัญชาตญาณมาควบคุมได้อีก
“ก...กานต์ กลับ ป...ไปก่อนนะครับ” พีรยุทธ์ยังคงยืนหันหลังให้อัลฟ่าชากุหลาบ บนร่างกายกำยำเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาอุณหภูมิจากภายในก็ยังไม่ลดลง ส่วนสงวนของอัลฟ่าก็ตั้งโด่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลย
เรือนผมสีดำสนิทสะบัดไปมาเล็กน้อยเมื่ออารมณ์อยากเสพสมในกามมันตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับเท้าให้ชิดกันกว่าเก่าจนแก่นกายเสียดสีไปกับเนื้อหนังจนรู้สึกสะท้านวาบ
“อ๊ะ” พีรยุทธ์เผลอตัวปล่อยเสียงครางน่าอายออกมาก่อนจะรีบยกมือปิดปากตัวเองไว้แน่นอย่างอับอาย
เขาได้ยินเสียงหัวเราะน้อย ๆ ดังมาจากด้านหลัง อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่กล้าแม้แต่จะเอี้ยวตัวกลับไปมองว่าวีรกานต์มีท่าทีเช่นไร
เขาที่ยืนเปลือยกายอยู่ภายในห้องและมีอัลฟ่าชากุหลาบนั่งมองอยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
ขอเพียงอย่ารังเกียจกันเท่านั้น
น่าขำสิ้นดี
“พี มาหากานต์” วีรกานต์เอ่ยเรียกสติคนตรงหน้าอีกครั้ง
“กานต์กลับ...”
“กานต์ไม่กลับ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยมเงียบสงัดไม่มีสิ่งใดหรือใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก
พีรยุทธ์ยังคงยืนหันหลังให้อีกคน แต่ร่างกายก็เริ่มสั่นเทามากขึ้นเมื่อเขาใกล้จะคุมมันว้ไไม่อยู่
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด การรัทครั้งนี้มันถึงรุนแรงจนเขาคุมตัวเองไม่ได้ กว่าจะได้สติก็เผลอตัวกระทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไป
และเขามีร่างกายที่เป็นอัลฟ่า
แต่การที่อัลฟ่ามีอาการรัทที่รุนแรงขึ้นเพราะได้กลิ่นฟีโรโมนของคนที่เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันมันผิดปกติ
ธรรมชาติไม่ได้สรรค์สร้างให้พวกเขาเกิดมาคู่กัน
ตอนที่เขารัทและเข้าไปดับอารมณ์ในห้องน้ำอย่างที่เคยทำ เขาก็ได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวนลอยมากระทบจมูกจนอาการที่เป็นอยู่มันหนักขึ้นในทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ
กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์
เขาพยายามปรนเปรอตัวเองให้ดับความกระหายอยากอยู่ภายใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำไหลผ่าน แต่จนกระทั่งอัลฟ่าชากุหลาบปรากฏตัวเขาก็ยังไม่เสร็จสมดั่งใจหวัง
วีรกานต์พาร่างเขามาถึงเตียงนอนก็คล้ายกับว่าสติที่มีอยู่ไม่มากนักจะเลื่อนลอยออกไปไกล กลิ่นหอมของชากุหลาบที่มากกว่าเดิมพาให้ร่างกายเขาสั่นสะท้านจนคุมไม่อยู่ สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการปล่อยฟีโรโมนข่มเพราะอีกฝ่ายมีท่าทีขัดขืนสัมผัสจากเขา
“พี” เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงของวีรกานต์เรียกสติอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นให้หลุดจากห้วงความคิด
เสียงนุ่มที่ดังกว่าเมื่อครู่กับกลิ่นฟีโรโมนที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนพีรยุทธ์ต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดจมูกโด่งของตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ให้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานมาทำลายสติได้อีก
เขากลัวว่าจะทำมันพลาดเป็นครั้งที่สอง
วีรกานต์ย้ายตัวเองมายืนอยู่ด้านหลังของพีรยุทธ์นานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดสักอย่างหนึ่งแต่เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าคือเรื่องใด
ท่าทีของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นที่รีบยกมือขึ้นปิดจมูกเพราะเกรงว่าจะเผลอตัวทำร้ายเขาจนลืมปกปิดของสงวนนั่นน่าเอ็นดูเสียจริง
เป็นห่วงแต่คนอื่นจนลืมว่าตัวเองมีสภาพเป็นเช่นไร
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมยกยิ้มบาง เขาใช้แขนของตัวเองคล้องวงแขนของอีกฝ่ายแล้วออกแรงบังคับให้พีรยุทธ์ก้าวตามตนมานั่งบนเตียงนอน
แม้จะขัดขืนอยู่บ้างแต่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ยอมตามมาแต่โดยดีเมื่อถูกวีรกานต์มองด้วยสายตาที่คล้ายว่าจะหงุดหงิด
พีรยุทธ์จึงไม่กล้าขัดอีก
บอกแล้วอย่างไรว่าเขายอมอัลฟ่าชากุหลาบได้หมดทุกอย่าง
เมื่อหย่อนกายลงที่นอนนุ่ม พีรยุทธ์ก็รีบขยับตัวจนร่างหนาย้ายไปอยู่ที่ปลายเตียง ดึงรั้งเอาผ้าห่มนวมจากมุมที่นอนขึ้นมาคลุมร่างกายส่วนล่างเอาไว้จนมิดแล้วยกมือปิดจมูกไว้ดังเดิม ซ้ำยังกลั้นหายใจจนหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อยุบลงไปจนเห็นได้ชัด
วีรกานต์มองตามการกระทำนั้นด้วยอาการคิ้วขมวด แขนของอัลฟ่าทั้งสองข้างยกขึ้นมาประสานกันไว้กลางอก เข้าใจอยู่ว่าไม่ต้องการทำร้ายหรือแตะตัวเขาแต่ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ “รังเกียจกานต์หรือไง”
“ไม่ใช่นะกานต์!” พีรยุทธ์เผลอตัวเอ่ยตอบเสียงดังลั่นเพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้และเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจการกระทำของตนผิดไป
เขาเสียอีกที่ต้องเป็นคนถามคำถามนั้น
แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป
“งั้นก็บอกกานต์มา ทำไมรอบนี้มันถึงเป็นหนักขนาดนี้”
พีรยุทธ์เงียบ
“บอกกานต์มา อย่ามาเงียบใส่กัน” วีรกานต์กล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย คิ้วสวยบนใบหน้าย่นเข้าหากันจนแทบชิด เขาจ้องเขม็งไปที่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นอย่างไม่ลดละ อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงกลัวจนเขานึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
พีรยุทธ์ยังคงปิดปากเงียบ เขาย้ายมือข้างซ้ายมากำผ้าห่มผืนหนาไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนรุ่มจากภายในที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นเพราะอัลฟ่าตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ฟีโรโมนกลิ่นชากุหลาบจึงได้กระจายรุนแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่จนทำให้เขาที่ยังอยู่ในวงจรของการรัทเกือบหลงระเริงไปกับมัน
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นช้อนตามองคนด้านหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตนด้วยอาการคิ้วขมวดจึงได้รีบก้มหน้างุดลงดังเดิม
วีรกานต์ถอนหายใจ
มันดังเสียจนพีรยุทธ์ได้ยินชัดจนพาลให้ก้อนเนื้อภายในอกสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะเกรงว่าอัลฟ่าชากุหลาบจะโกรธเคืองกัน
“แล้วยาแก้รัทอยู่ไหน เดี๋ยวกานต์ไปเอามาให้” วีรกานต์พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ห้วนจนเกินไป
“พีฉีดไปแล้วครับ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นตอบอ้อมแอ้มในลำคอเขายังคงก้มหน้ามองพื้นเตียงอยู่เช่นเดิม
“งั้นก็ทนอีกสักหน่อย คงใกล้จะออกฤทธิ์แล้วแหละ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอ่ยบอกเพื่อนสนิทก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อดวงตาเจ้ากรรมไปปะทะกับแก่นกายภายใต้ผ้าห่มที่ตั้งโด่ขึ้นมา มิหนำซ้ำฟีโรโมนกลิ่นไวน์องุ่นของเจ้าตัวยังฟุ้งกระจายไปทั่วจนเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ วูบวาบในกาย
พีรยุทธ์เม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด “ตั้งแต่เช้าแล้วครับ ทั้งหมดเลย”
“ว่าไงนะ!” วีรกานต์เหวเสียงดังลั่นเมื่อได้ฟังคำตอบของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่น
“พีจะบ้าหรอ หมดนั่นมันเกินโดสไปเยอะมากนะพี”
“พีฉีดแล้วมันไม่หาย มีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พีทนไม่ไหวหรอกนะกานต์” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นใบหน้าแดงก่ำ ก้มงุดกว่าเดิมจนคางชิดแผ่นอก
“แล้วทำไมไม่บอกกานต์ กานต์อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
เป็นอีกครั้งที่พีรยุทธ์ตอบกลับวีรกานต์ด้วยความเงียบ และเพราะแบบนั้นอัลฟ่าชากุหลาบจึงหัวเสียมากกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่ทำให้เขาสติแตกเท่าประโยคถัดมา
“กานต์กลับไปก่อนนะครับ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเสหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง ไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้วีรกานต์มีท่าทีโกรธขึงตนเช่นไร
อัลฟ่าชากุหลาบอ้าปากพะงาบ ๆ อยู่หลายครั้งคล้ายจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา จนสุดท้ายจึงทำเพียงก้าวขาลงจากที่นอนนุ่มแล้วตรงดิ่งไปที่ประตูกระจกทันที
จริงสินะ
อัลฟ่าในยามรัทก็ล้วนต้องการความเป็นส่วนตัวกันทั้งนั้น เขาลืมคิดถึงข้อนี้ไปได้อย่างไร เจ้าของห้องอย่างพีรยุทธ์เองก็เอ่ยปากไล่เขาเสียหลายครั้งแต่เป็นเขาเองที่ดึงดันจะอยู่ต่อเพราะความเป็นห่วงอีกฝ่าย
พีรยุทธ์รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอัลฟ่าชากุหลาบจนกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูปิดและลงกลอนเรียบร้อยจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้ไม่เผลอตัวทำร้ายวีรกานต์เหมือนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
#พีขอโทษ
ไว้เจอกันตอนหน้าคับบบ
TW : dao_jun000
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
บทนำในยามที่ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีดำสนิท แต่งแต้มสีขาวระยิบระยับเพิ่มเติมจนสว่างไปทั่วพื้นที่ ประกอบกับพระจันทร์สีนวลเต็มดวงส่องประกายควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์สีขาวจากหลอดไฟทั้งสองข้างถนน มันเล็ดลอดผ่านหน้าต่างสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ที่ถูกเปิดแง้มไว้เข้าไปจนปรากฎให้เห็นร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีกำลังหลับตายิ้มรับฝันอันแสนสุขในนั้นเขาเป็นเด็กชายอายุเพียงสิบขวบปีกำลังออกวิ่งไปไกลไร้จุดหมาย วิ่งด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุข รอบกายถูกรายล้อมด้วยหญ้าและดอกไม้ที่ขึ้นสูงเสียจนเกือบบดบังตัวของเด็กน้อยไปจนหมดไม่รู้ว่าวิ่งทำไม วิ่งไปเพื่ออะไรสิ่งที่รู้มีเพียงสิ่งเดียวคือความต้องการที่จะวิ่ง ก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นดินชุ่มช่ำจนสุดขา และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ผ่อนแรงฝูงผีเสื้อบินวนอยู่รอบกายและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเขา พวกมันมีสีฟ้าเปล่งประกายดั่งกับเพชรเม็ดงามในถ้ำลึก รอบปีกมีสีดำและจุดสiขาวแต่งแต้มจนทั่ว เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้าง เปล่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข จากเคยตั้งมั่นวิ่งมุ่งตรงไปข้างหน้ากลับเปลี่ยนเป็นหมุนวน ชูแขนเล็ก ๆ ขึ้นจนสุด เพื่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื้อสีฟ้านับร้อยพันตัวรอบกายสัตว์ปีกตัวน้อยเก
บทที่ 1ไม่รู้ตัวแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์ทอแสงลงมาตกกระทบพื้นถนนและสิ่งปลูกสร้างเบื้องล่าง ตึกแถวมากมายตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บางตึกสูงเพียงแค่สองชั้นในขณะที่ตึกข้าง ๆ กันนับจำนวนชั้นแทบไม่ไหว บนถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ฝุ่นและควันจากรถราทำให้หลายคนในบริเวณนั้นสำลักจนน้ำตาเล็ด เสียงบีบแตร เสียงล้อครูดไปกับถนนดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะ ผู้คนต่างเร่งรีบทำเวลาในช่วงเช้าของวัน เท้าหลายคู่ย่ำลงพื้นด้วยความเร็วและหนัก การกระทบไหล่กับคนแปลกหน้ามีให้เห็นบ้างประปรายแต่ไม่มีใครให้ความสนใจมันวีรกานต์ มองความชุลมุนข้างล่างนั่นจากสะพานลอยที่มีหลังคาหุ้มไว้เพื่อกันแสงแดด เป็นภาพคุ้นตาเมื่อเขาต้องเดินทางมาทำงานในละแวกนี้เป็นประจำวันนี้เขาเลือกใส่เชิ้ตตัวเก่ง มันเป็นเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน กระดุมถูกติดทุกเม็ดเว้นแต่สองเม็ดบนสุด เผยให้เห็นไหปลาร้าน่ามองแบบวับแวบ ปลายแขนเสื้อถูกเจ้าของพับขึ้นมาสองทบเพื่อไม่ให้ดูอึดอัดและเป็นทางการจนเกินไป ชายเสื้อข้างหนึ่งถูกยัดอยู่ในกางเกงสแลคสีครีม ส่วนอีกข้างปล่อยยาวลงมาผมสีน้ำตาลไหม้อยู่ในทรงทูบล็อก มันถูกหวีอย่างลวก ๆ ก่อนออกมา รับกับดวงหน้าคม สันจมูกโด
บทที่ 2เดินทางยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้วเห็นทีว่าคงต้องรอต่อไปภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายพีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจอัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝน
บทที่ 3ดูดาวบนเกาะดวงอาทิตย์กำลังบอกลาขอบฟ้าเหลือไว้เพียงแสงสีส้มแกมน้ำเงินเข้ม เสียงนกแขวกดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะแต่เพียงแผ่วเบา พวกมันกำลังออกล่าอาหารมื้อค่ำก่อนกลับรังบนต้นไม้ใหญ่ในระแวกเขื่อนสายลมเย็นในช่วงค่ำพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดแง้มไว้เข้ามา ปลุกให้สองอัลฟ่าบนฟูกสีสะอาดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราวีรกานต์ปรือตามองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปมากจากความทรงจำครั้งล่าสุดบ่งบอกว่าในขณะนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วเขาปิดปากหาวหวอดไปทีจนมีน้ำสีใสฉ่ำรอบดวงตา ตั้งใจว่าจะลุกออกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่อากาศภายนอกจะอุณหภูมิต่ำลงมากกว่านี้อัลฟ่าชากุหลาบกับอากาศหนาวเย็นไม่ใช่สิ่งคู่กันแต่ก่อนจะยันตัวขึ้นก็ต้องจัดการพันธนาการที่โอบรอบเอวนี้ไว้เสียก่อนจากตอนแรกที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายโอบกอดกันและกันก่อนเข้าสู่นิทรา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงอัลฟ่าผมสีคาราเมลเท่านั้นที่ถูกวงแขนของเพื่อนตัวดีโอบรัดร่างกายเอาไว้รัดแน่นเป็นงูเสียด้วย“พี เย็นแล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยกระซิบบุคคลด้านหลังหากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงการขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยและเสียงครางฮึมฮัมเป็นสัญญาณตอบกลับมา
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ_______ไม่มีทางอัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยวจริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้นเว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขานั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามอัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัวข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาวีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเอ
บทที่ 5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์__________หลังจบทริปพักผ่อนที่เขื่อนต่างจังหวัด สองอัลฟ่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงสายของวันถัดมา วีรกานต์ถูกพ่อแม่เอ็ดเสียยกใหญ่ว่าไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว แต่ก็ได้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมาช่วยพูดให้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ชวนอีกฝ่ายออกนอกสถานที่ไปหลายวันเมื่อการพักผ่อนจบลงก็ถึงคราวต้องกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขานั่งตรวจการบ้านของนักเรียนตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงมามากโข แม้จะรู้สึกหิวอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่ยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนอนเสียทีงานค้างเป็นกอง ไม่น่าหนีเที่ยวเลยวีรกานต์วีรกานต์ถอนหายใจ หากเขาพูดประโยคนี้ให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินมีหวังโดยงอนเป็นแน่ แต่ก็คงนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวสักสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ สี่ชั่วโมงเป็นอย่างมากก็จะกลับมาพูดคุยกับเขาดังเดิมเขาหันมองด้านขวามือที่เป็นประตูกระจกใสกันไว้ระหว่างห้องนอนของเขาและพีรยุทธ์ มันมีผ้าม่านสีขาวคลุมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวและตาข่ายดักฝันสีเดียวกันห้อยไว้ประตูนั้นไม่เปิดมาสองวันแล้วตั้งแต่กลับมาเขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะงานท่วมหัวไ
บทที่ 4 หิ่งห้อยกลางเขื่อน_______หลังจากเสร็จสิ้นการดูดาวเมื่อคืนนี้ สองอัลฟ่าก็พากันกลับไปที่จุดนัดพบกับคุณลุงเบต้าและพบว่าชายชราตั้งท่ารอคนหนุ่มทั้งคู่อยู่ก่อนแล้วแต่อาจจะด้วยอากาศที่เย็นสบายตัวและเป็นช่วงเวลาใกล้เข้าวันใหม่เต็มทีทำให้ฝ่ายของอัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการสัปหงกอยู่หลายครั้งจนพีรยุทธ์สังเกตเห็นเลยคว้าเอาตัวคนข้างกายมาไว้ในอ้อมกอดหวังให้อีกคนได้หลับนอนอย่างสบายไม่วายถูกคุณลุงเบต้าที่นั่งบังคับหางเสืออยู่ด้านหลังเอ่ยแซวว่าเป็นคู่รักที่หวานกันเสียจริง ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหูแดงเถือกลนลานรีบปฏิเสธในทันทีว่าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้นแต่อย่างไรเสียในสายตาของชายชราที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายสิบปีก็ดูออกว่าคนทั้งคู่มีใจให้แก่กันอัลฟ่าแล้วอย่างไรโลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้วพีรยุทธ์ปฏิเสธคุณลุงไปอีกรอบว่ามีเพียงตนที่แอบรักอยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาชายชราขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมรามือไป แต่ภายในใจยังคงครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากกัน คนนอกอย่างเขายังมองรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีใจแต่เอาเถอะ...คนแก่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนหนุ่มเมื่อมาถึงเรือนแพของสองอัลฟ่า พีรยุทธ์เอ่ยเรียกอัลฟ่า
บทที่ 3ดูดาวบนเกาะดวงอาทิตย์กำลังบอกลาขอบฟ้าเหลือไว้เพียงแสงสีส้มแกมน้ำเงินเข้ม เสียงนกแขวกดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะแต่เพียงแผ่วเบา พวกมันกำลังออกล่าอาหารมื้อค่ำก่อนกลับรังบนต้นไม้ใหญ่ในระแวกเขื่อนสายลมเย็นในช่วงค่ำพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดแง้มไว้เข้ามา ปลุกให้สองอัลฟ่าบนฟูกสีสะอาดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราวีรกานต์ปรือตามองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปมากจากความทรงจำครั้งล่าสุดบ่งบอกว่าในขณะนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วเขาปิดปากหาวหวอดไปทีจนมีน้ำสีใสฉ่ำรอบดวงตา ตั้งใจว่าจะลุกออกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่อากาศภายนอกจะอุณหภูมิต่ำลงมากกว่านี้อัลฟ่าชากุหลาบกับอากาศหนาวเย็นไม่ใช่สิ่งคู่กันแต่ก่อนจะยันตัวขึ้นก็ต้องจัดการพันธนาการที่โอบรอบเอวนี้ไว้เสียก่อนจากตอนแรกที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายโอบกอดกันและกันก่อนเข้าสู่นิทรา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงอัลฟ่าผมสีคาราเมลเท่านั้นที่ถูกวงแขนของเพื่อนตัวดีโอบรัดร่างกายเอาไว้รัดแน่นเป็นงูเสียด้วย“พี เย็นแล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยกระซิบบุคคลด้านหลังหากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงการขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยและเสียงครางฮึมฮัมเป็นสัญญาณตอบกลับมา
บทที่ 2เดินทางยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้วเห็นทีว่าคงต้องรอต่อไปภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายพีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจอัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝน