บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ
_______
ไม่มีทาง
อัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยว
จริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น
เว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์
อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิ
ในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขา
นั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม
อัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัว
ข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา
วีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเองจนเจอ “... พ...พี”
ไร้เสียงตอบรับกลับมา มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและเสียงคำรามแผ่วเบาในลำคอของพีรยุทธ์ออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ
อัลฟ่าชากุหลาบพยายามดึงรั้งข้อมือตนออกจากพันธนาการอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้พีรยุทธ์รับรู้และเผลอตัวแสดงท่าทางน่าหวั่นเกรงเหล่านั้นออกมา
แต่เพียงแค่วีรกานต์ขยับข้อมือเพียงนิดเดียวก็ดูเหมือนว่าอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นจะรู้สึกตัว
พีรยุทธ์ดันกายหนาขึ้นพร้อมกับออกแรงกดข้อมือคนใต้ร่างเอาไว้แน่นกว่าเดิมจนอัลฟ่าชากุหลาบต้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ
ใบหน้าคมที่ก่อนหน้าแสดงอารมณ์ดุร้ายออกมาบัดนี้เรียบนิ่ง ดวงตาสีเหลืองทองของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นถูกใช้เพื่อจ้องมองวีรกานต์โดยไม่ละไปไหน
คล้ายกับหลงใหล
และตกอยู่ในห้วงของภวังค์
“พี ได้ยินกานต์ไหม” แม้จะนึกกลัวและหวั่นใจอยู่บ้างแต่วีรกานต์ก็ใช้ความกล้าที่มีเอ่ยถามเพื่อนอัลฟ่าที่คล้ายกับไม่ได้สติเสียงแผ่วเบา
ยังคงไร้เสียงตอบรับเช่นเดิม อัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่นพลางใช้ความคิด
วีรกานต์คิ้วขมวดมุ่นมองลึกเข้าไปในดวงตาสีทองของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่ละสายตา ก่อนที่ความคิดบ้า ๆ อย่างหนึ่งจะวิ่งเข้ามาในหัวและเขาก็ตัดสินใจทำมันทันทีอย่างไม่ลังเล
“อ๊ากก!” พีรยุทธ์เงยหน้าคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราดเมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคมเขี้ยวฝังลงบนท่อนแขนอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแสบ
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นสะบัดข้อมือที่จับกุมคนใต้ร่างออกเพื่อยกขึ้นมาดูบาดแผล ปรากฏรอยช้ำสีแดงเป็นทางยาวเพื่อถูกรูด วีรกานต์จึงใช้โอกาสนี้ผลักลำตัวหนาของพีรยุทธ์ออกจากตัวให้ตนเป็นอิสระแล้วดันกายลุกขึ้นรีบคลานเข่าไปอีกฝั่งของเตียงนอนทันที
เพราะกำลังให้ความสนใจอยู่ที่บาดแผลบนท่อนแขนจึงปล่อยให้อัลฟ่าชากุหลาบหลุดจากการจับกุมไปอย่างง่ายดาย
แต่เพียงชั่วครู่พีรยุทธ์ก็เอี้ยวตัวกลับหลัง ฝ่ามือหนาคว้าเอาข้อเท้าข้างหนึ่งของอัลฟ่าชากุหลาบมากอบกุมไว้แทนจนอีกฝ่ายหน้าคะมำลงบนที่นอนนุ่ม ก่อนจะจับเอวของวีรกานต์ให้พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากันดังเดิม
ในความเป็นจริงวีรกานต์สามารถสะบัดกายหนีลงพื้นแล้วกลับเข้าห้องนอนของตัวเองก็ย่อมได้ แต่เขาไม่ทำ
พีรยุทธ์กำลังไม่มีสติ
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสับสนคล้ายกับกำลังต่อสู้กับสัญชาตญาณที่อยู่ภายในตัว อัลฟ่าชากุหลาบจึงไม่สามารถทิ้งเพื่อนอัลฟ่าให้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพังได้
นัยน์ตาสีเหลืองทองเบิกกว้างจ้องมองผู้ที่ประทุษร้ายเขาเมื่อครู่อย่างนึกแค้นใจก่อนจะสะบัดศีรษะอย่างแรงจนเส้นผมสีรัตติกาลชี้ฟูไม่เป็นทรงเพราะความคิดในหัวกำลังตบตีกัน
“พี ได้ยินกานต์ไหม” อัลฟ่าชากุหลาบตัดใจเอ่ยเรียกพีรยุทธ์อีกครั้ง ท่าทีของอีกฝ่ายบอกชัดว่ากำลังพยายามควบคุมสัญชาตญาณก่อนที่มันจะควบคุมแทน
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นมองตามเสียงเรียกแต่ไม่ได้ตอบรับสิ่งใด พีรยุทธ์เดินเข่าเข้าใกล้อัลฟ่าชากุหลาบจนวีรกานต์ต้องกระถดกายหนี แผ่นหลังแนบชิดกับหัวเตียง เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างไร้หนทางขัดขืน
“พ...พี” เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่วีรกานต์เรียกชื่อเพื่อนสนิทแต่ก็
ไร้เสียงตอบรับอย่างทุกที
ร่าหนาของพีรยุทธ์ขยับกายเขาใกล้จนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของกันและกัน เขาโน้มตัวลงใกล้อีกฝ่ายหวังสูดดมกลิ่นฟีโรโมนประจำกายตามสัญชาตญาณนักล่า
วีรกานต์ยกมือขึ้นดันหน้าอกแกร่งของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้พลางก้มหน้างุดหลับตาลงเพื่อหนีการกระทำชวนให้ใจสั่นเช่นนี้
พีรยุทธ์ชะงักกึกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม จมูกโด่งของนักล่าขยับซ้ายขวาเพื่อสูดดมหากลิ่นหอมหวนที่ลอยมาตามอากาศ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ลำคอขาวของวีรกานต์
อัลฟ่าชากุหลาบย่นคอหนีสัมผัสพลางปิดตาลงอย่างนึกกลัวเพราะในตอนนี้พีรยุทธ์มีคมเขี้ยวเป็นอาวุธเขาจึงไม่แน่ใจนักว่าอัลฟ่าผมสีดำสนิทคนนี้มีสติมากพอที่จะไม่ฝังมันลงบนคอเขาเพื่อล่าเหยื่อตามสัญชาตญาณหรือไม่
แต่สัมผัสที่ได้รับกลับทำให้วีรกานต์ตัวแข็งค้าง ความรู้สึกชื้นแฉะที่ลำคอและสัมผัสนุ่มหยุ่นที่ประทับลงมาแล้วผละออก ดวงตาสีเฮเซลนัทของอัลฟ่าสั่นระริกคล้ายกับทำอะไรไม่ถูก “พี...”
พีรยุทธ์เมื่อผละออกก็คล้ายกับว่าจะได้คำตอบว่ามีสิ่งใดที่เปลี่ยนไป จมูกของอัลฟ่าสูดดมกลิ่นฟีโรโมนที่ซอกคอหอมกรุ่นเข้าไปเต็มปอด
ชากุหลาบที่กลิ่นรุนแรงกว่าเดิมเพราะเจ้าของร่างมีอาการตื่นกลัวและหวั่นเกรงเขาจึงได้เผลอตัวปล่อยฟีโรโมนออกมา
เป็นกลิ่นที่แสนยั่วยวนสำหรับพีรยุทธ์
“กุหลาบ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอยพลางผละออกมาจ้องใบหน้าเจ้าของกลิ่นหอมหวานชวนหลงใหลที่เขาชอบมัน
ดวงตาสีเฮเซลนัทแสดงความหวั่นวิตกออกมาอย่างไม่ปิดบังการกระทำของพีรยุทธ์เมื่อครู่ไม่สามารถแปลความหมายเป็นสิ่งอื่นได้นอกจากอาการรัทของอัลฟ่าที่จะเกิดขึ้นทุก ๆ ปี
อัลฟ่าไม่สามารถเกิดอารมณ์ทางเพศในช่วงของการรัทกับอัลฟ่าด้วยกันได้
แต่พีรยุทธ์กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์อยากในขณะที่มีเขาอยู่ใกล้ตัว
ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นอะไรไป
วีรกานต์ออกแรงดันแผ่นอกหนาของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อพีรยุทธ์ยังคงดันร่างกายเข้าใกล้เขาเรื่อย ๆ ซ้ำยังปล่อยฟีโรโมนของอัลฟ่ามาข่มเขาจนหายใจแทบไม่ออกอีก
ไม่ แบบนี้มันมากกว่านั้น
อัลฟ่าชากุหลาบรู้สึกได้ถึงความเหนือกว่าจากพีรยุทธ์ อาจจะด้วยขนาดร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกันมากเพียงใด เขาจึงกลายเป็นคนที่ถูกข่มอย่างไม่สามารถโต้แย้งได้
แต่มันมากเกินไป
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันแต่การที่เขาถูกฟีโรโมนกดข่มจนไร้หนทางสู้กลับเช่นนี้มันแปลกเกินไป
อัลฟ่าชากุหลาบยกมือขึ้นกุมบริเวณหน้าอกเพราะเขาแทบขาดอากาศหายใจ อาการไอโขลกจนสำลักของวีรกานต์ทำให้อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นรู้สึกตัว เขาสะบัดศีรษะอย่างแรงพร้อมกับจับตัวของอัลฟ่าชากุหลาบเข้ามาตระกองกอดเสียแนบแน่น
“กานต์” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกคนในอ้อมกอดเสียงแผ่วหลังจากได้สติ เขาคลายฟีโรโมนที่กดข่มอีกคนลงทำให้อัลฟ่าชากุหลาบหายใจสะดวกขึ้นแต่ก็ยังมีอาการหอบอยู่
“แค่ก ๆ พ...พี” วีรกานต์ไอแห้งอย่างน่าสงสาร
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นผละตัวออก วางตัวของวีรกานต์ให้แผ่นหลังแนบไปกับหัวเตียงแล้วรีบสาวเท้าไปรินน้ำเปล่าข้างประตูห้องมาให้คนบนเตียงดื่มดับกระหาย
ทันทีที่ได้รับวีรกานต์ก็กระดกดื่มจนลืมสำลัก เขายกมือขึ้นปาดหยดน้ำที่มุมปากออกพลางหอบหายใจเอาอากาศมากมายเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่ แต่เมื่อเหลือบสายตามองคนที่นำน้ำมาให้ก็พบว่าอีกฝ่ายย้ายตัวเองไปยืนตัวเปลือยเปล่ากุมมือปกปิดส่วนสงวนอยู่ข้างตู้ใบเล็กข้างเตียงนอน
“ไปยืนทำอะไรตรงนั้น” วีรกานต์เอ่ยถามอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นพลางยกยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้อย่างที่เคยทำ แก้วน้ำในมือก็ถูกวางลงบนโต๊ะที่พีรยุทธ์ยืนพิงอยู่
“ก...กานต์กลับไปก่อนไหมครับ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับไม่มั่นใจ
วีรกานต์ส่ายหน้าทันทีเป็นคำตอบ
เขายกยิ้มบางส่งให้พีรยุทธ์ไปอีกครั้ง อีกฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาลงมองต่ำทันที ซ้ำยังค่อย ๆ ขยับกายเบี่ยงตัวหันหลังหนีเขาอีก
“มาคุยกันหน่อยไหม” วีรกานต์เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
เขารู้ว่าในตอนนี้พีรยุทธ์ยังไม่หายจากอาการรัทแต่การที่อีกฝ่ายทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นนี้คงกำลังพยายามคุมสัญชาตญาณไว้ให้อยู่ เป็นเพราะเมื่อครู่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเผลอตัวให้สัญชาตญาณนำพาร่างกายและจิตใต้สำนึกจนพลั้งเผลอทำร้ายเขาแบบไม่รู้ตัว
คงตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้สติกลับมา
จึงลงโทษตัวเองด้วยการพยายามอยู่ให้ห่างจากฟีโรโมนของเขาให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เผลอตัวปล่อยสัญชาตญาณมาควบคุมได้อีก
“ก...กานต์ กลับ ป...ไปก่อนนะครับ” พีรยุทธ์ยังคงยืนหันหลังให้อัลฟ่าชากุหลาบ บนร่างกายกำยำเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาอุณหภูมิจากภายในก็ยังไม่ลดลง ส่วนสงวนของอัลฟ่าก็ตั้งโด่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลย
เรือนผมสีดำสนิทสะบัดไปมาเล็กน้อยเมื่ออารมณ์อยากเสพสมในกามมันตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับเท้าให้ชิดกันกว่าเก่าจนแก่นกายเสียดสีไปกับเนื้อหนังจนรู้สึกสะท้านวาบ
“อ๊ะ” พีรยุทธ์เผลอตัวปล่อยเสียงครางน่าอายออกมาก่อนจะรีบยกมือปิดปากตัวเองไว้แน่นอย่างอับอาย
เขาได้ยินเสียงหัวเราะน้อย ๆ ดังมาจากด้านหลัง อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นไม่กล้าแม้แต่จะเอี้ยวตัวกลับไปมองว่าวีรกานต์มีท่าทีเช่นไร
เขาที่ยืนเปลือยกายอยู่ภายในห้องและมีอัลฟ่าชากุหลาบนั่งมองอยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
ขอเพียงอย่ารังเกียจกันเท่านั้น
น่าขำสิ้นดี
“พี มาหากานต์” วีรกานต์เอ่ยเรียกสติคนตรงหน้าอีกครั้ง
“กานต์กลับ...”
“กานต์ไม่กลับ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยมเงียบสงัดไม่มีสิ่งใดหรือใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก
พีรยุทธ์ยังคงยืนหันหลังให้อีกคน แต่ร่างกายก็เริ่มสั่นเทามากขึ้นเมื่อเขาใกล้จะคุมมันว้ไไม่อยู่
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด การรัทครั้งนี้มันถึงรุนแรงจนเขาคุมตัวเองไม่ได้ กว่าจะได้สติก็เผลอตัวกระทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไป
และเขามีร่างกายที่เป็นอัลฟ่า
แต่การที่อัลฟ่ามีอาการรัทที่รุนแรงขึ้นเพราะได้กลิ่นฟีโรโมนของคนที่เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันมันผิดปกติ
ธรรมชาติไม่ได้สรรค์สร้างให้พวกเขาเกิดมาคู่กัน
ตอนที่เขารัทและเข้าไปดับอารมณ์ในห้องน้ำอย่างที่เคยทำ เขาก็ได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวนลอยมากระทบจมูกจนอาการที่เป็นอยู่มันหนักขึ้นในทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ
กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์
เขาพยายามปรนเปรอตัวเองให้ดับความกระหายอยากอยู่ภายใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำไหลผ่าน แต่จนกระทั่งอัลฟ่าชากุหลาบปรากฏตัวเขาก็ยังไม่เสร็จสมดั่งใจหวัง
วีรกานต์พาร่างเขามาถึงเตียงนอนก็คล้ายกับว่าสติที่มีอยู่ไม่มากนักจะเลื่อนลอยออกไปไกล กลิ่นหอมของชากุหลาบที่มากกว่าเดิมพาให้ร่างกายเขาสั่นสะท้านจนคุมไม่อยู่ สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการปล่อยฟีโรโมนข่มเพราะอีกฝ่ายมีท่าทีขัดขืนสัมผัสจากเขา
“พี” เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงของวีรกานต์เรียกสติอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นให้หลุดจากห้วงความคิด
เสียงนุ่มที่ดังกว่าเมื่อครู่กับกลิ่นฟีโรโมนที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนพีรยุทธ์ต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดจมูกโด่งของตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ให้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานมาทำลายสติได้อีก
เขากลัวว่าจะทำมันพลาดเป็นครั้งที่สอง
วีรกานต์ย้ายตัวเองมายืนอยู่ด้านหลังของพีรยุทธ์นานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดสักอย่างหนึ่งแต่เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าคือเรื่องใด
ท่าทีของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นที่รีบยกมือขึ้นปิดจมูกเพราะเกรงว่าจะเผลอตัวทำร้ายเขาจนลืมปกปิดของสงวนนั่นน่าเอ็นดูเสียจริง
เป็นห่วงแต่คนอื่นจนลืมว่าตัวเองมีสภาพเป็นเช่นไร
อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมยกยิ้มบาง เขาใช้แขนของตัวเองคล้องวงแขนของอีกฝ่ายแล้วออกแรงบังคับให้พีรยุทธ์ก้าวตามตนมานั่งบนเตียงนอน
แม้จะขัดขืนอยู่บ้างแต่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ยอมตามมาแต่โดยดีเมื่อถูกวีรกานต์มองด้วยสายตาที่คล้ายว่าจะหงุดหงิด
พีรยุทธ์จึงไม่กล้าขัดอีก
บอกแล้วอย่างไรว่าเขายอมอัลฟ่าชากุหลาบได้หมดทุกอย่าง
เมื่อหย่อนกายลงที่นอนนุ่ม พีรยุทธ์ก็รีบขยับตัวจนร่างหนาย้ายไปอยู่ที่ปลายเตียง ดึงรั้งเอาผ้าห่มนวมจากมุมที่นอนขึ้นมาคลุมร่างกายส่วนล่างเอาไว้จนมิดแล้วยกมือปิดจมูกไว้ดังเดิม ซ้ำยังกลั้นหายใจจนหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อยุบลงไปจนเห็นได้ชัด
วีรกานต์มองตามการกระทำนั้นด้วยอาการคิ้วขมวด แขนของอัลฟ่าทั้งสองข้างยกขึ้นมาประสานกันไว้กลางอก เข้าใจอยู่ว่าไม่ต้องการทำร้ายหรือแตะตัวเขาแต่ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ “รังเกียจกานต์หรือไง”
“ไม่ใช่นะกานต์!” พีรยุทธ์เผลอตัวเอ่ยตอบเสียงดังลั่นเพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้และเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจการกระทำของตนผิดไป
เขาเสียอีกที่ต้องเป็นคนถามคำถามนั้น
แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป
“งั้นก็บอกกานต์มา ทำไมรอบนี้มันถึงเป็นหนักขนาดนี้”
พีรยุทธ์เงียบ
“บอกกานต์มา อย่ามาเงียบใส่กัน” วีรกานต์กล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย คิ้วสวยบนใบหน้าย่นเข้าหากันจนแทบชิด เขาจ้องเขม็งไปที่อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นอย่างไม่ลดละ อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงกลัวจนเขานึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
พีรยุทธ์ยังคงปิดปากเงียบ เขาย้ายมือข้างซ้ายมากำผ้าห่มผืนหนาไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนรุ่มจากภายในที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นเพราะอัลฟ่าตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ฟีโรโมนกลิ่นชากุหลาบจึงได้กระจายรุนแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่จนทำให้เขาที่ยังอยู่ในวงจรของการรัทเกือบหลงระเริงไปกับมัน
อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นช้อนตามองคนด้านหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตนด้วยอาการคิ้วขมวดจึงได้รีบก้มหน้างุดลงดังเดิม
วีรกานต์ถอนหายใจ
มันดังเสียจนพีรยุทธ์ได้ยินชัดจนพาลให้ก้อนเนื้อภายในอกสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะเกรงว่าอัลฟ่าชากุหลาบจะโกรธเคืองกัน
“แล้วยาแก้รัทอยู่ไหน เดี๋ยวกานต์ไปเอามาให้” วีรกานต์พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ห้วนจนเกินไป
“พีฉีดไปแล้วครับ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นตอบอ้อมแอ้มในลำคอเขายังคงก้มหน้ามองพื้นเตียงอยู่เช่นเดิม
“งั้นก็ทนอีกสักหน่อย คงใกล้จะออกฤทธิ์แล้วแหละ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอ่ยบอกเพื่อนสนิทก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อดวงตาเจ้ากรรมไปปะทะกับแก่นกายภายใต้ผ้าห่มที่ตั้งโด่ขึ้นมา มิหนำซ้ำฟีโรโมนกลิ่นไวน์องุ่นของเจ้าตัวยังฟุ้งกระจายไปทั่วจนเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ วูบวาบในกาย
พีรยุทธ์เม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด “ตั้งแต่เช้าแล้วครับ ทั้งหมดเลย”
“ว่าไงนะ!” วีรกานต์เหวเสียงดังลั่นเมื่อได้ฟังคำตอบของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่น
“พีจะบ้าหรอ หมดนั่นมันเกินโดสไปเยอะมากนะพี”
“พีฉีดแล้วมันไม่หาย มีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พีทนไม่ไหวหรอกนะกานต์” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นใบหน้าแดงก่ำ ก้มงุดกว่าเดิมจนคางชิดแผ่นอก
“แล้วทำไมไม่บอกกานต์ กานต์อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
เป็นอีกครั้งที่พีรยุทธ์ตอบกลับวีรกานต์ด้วยความเงียบ และเพราะแบบนั้นอัลฟ่าชากุหลาบจึงหัวเสียมากกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่ทำให้เขาสติแตกเท่าประโยคถัดมา
“กานต์กลับไปก่อนนะครับ” อัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเสหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง ไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้วีรกานต์มีท่าทีโกรธขึงตนเช่นไร
อัลฟ่าชากุหลาบอ้าปากพะงาบ ๆ อยู่หลายครั้งคล้ายจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา จนสุดท้ายจึงทำเพียงก้าวขาลงจากที่นอนนุ่มแล้วตรงดิ่งไปที่ประตูกระจกทันที
จริงสินะ
อัลฟ่าในยามรัทก็ล้วนต้องการความเป็นส่วนตัวกันทั้งนั้น เขาลืมคิดถึงข้อนี้ไปได้อย่างไร เจ้าของห้องอย่างพีรยุทธ์เองก็เอ่ยปากไล่เขาเสียหลายครั้งแต่เป็นเขาเองที่ดึงดันจะอยู่ต่อเพราะความเป็นห่วงอีกฝ่าย
พีรยุทธ์รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอัลฟ่าชากุหลาบจนกระทั่งได้ยินเสียงบานประตูปิดและลงกลอนเรียบร้อยจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้ไม่เผลอตัวทำร้ายวีรกานต์เหมือนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
#พีขอโทษ
ไว้เจอกันตอนหน้าคับบบ
TW : dao_jun000
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
บทที่ 10 จูบได้ไหมครับ_______Warning : ตัวละครตกอยู่ภายใต้อำนาจของฟีโรโมน หมายความว่า ไม่มีสติมากพอในการรับรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ หรือ รับรู้แต่ไม่สามารถฝืนได้พีรยุทธ์ใช้เวลาในการเดินทางกลับมายังคอนโดของอัลฟ่าชากุหลาบเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้น ซึ่งไวกว่าตอนไปคอนโดของเต้อยู่มาก เพราะยังไม่ใช่เวลาเร่งรีบการสัญจรจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่นแต่ภายในรถไม่ได้ราบรื่นเลยสักนิดอัลฟ่าชากุหลาบจงใจปล่อยฟีโรโมนออกมายั่วยวนคนขับ เพราะพื้นที่ในรถมีน้อยนิดทำให้กลิ่นนั้นอบอวลและรุนแรงมากกว่าปกติ เขาพยายามเกาะเกี่ยวร่างของพีรยุทธ์ตลอดทางอย่างคนที่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ เล่นเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นเหงื่อแตกพลั่กเพราะต้องทนกับฟีโรโมนและท่าทางยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเขาแทบสติแตกอัลฟ่ากลิ่นองุ่นพาวีรกานต์ขึ้นมายังคอนโดเรียบร้อยและพาร่างที่ตั้งใจทิ้งน้ำหนักตัวมาหาเขาให้เอนกายนอนบนเตียงดี ๆ แต่กว่าจะผ่านด่านพนักงานรักษาความปลอดภัยมาได้ก็กินเวลาหลายนาทีเนื่องด้วยท่าทางของอัลฟ่าชากุหลาบและเขานั้นไม่น่าไว้ใจนักจึงถูกสักถามและกันตัวเอาไว้เสียนาน เพราะพนักงานเกือบทุกคนเป็นเบต้าจึงไม่รับรู้ถึงฟีโรโมนยั่วยวนของวีรก
บทที่ 10 จูบได้ไหมครับ (ต่อ)_______Warning : ตัวละครตกอยู่ภายใต้อำนาจของฟีโรโมน หมายความว่า ไม่มีสติมากพอในการรับรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ หรือ รับรู้แต่ไม่สามารถฝืนได้หยาดน้ำสีขุ่นไหลย้อยออกมาจากส่วนหัวที่บัดนี้แดงก่ำ มันเลอะหน้าท้องของวีรกานต์ในขณะที่บางส่วนกระเด็นเปื้อนเสื้อเชิ้ตของพีรยุทธ์หรือแม้กระทั่งผ้าปูที่นอนอัลฟ่าชากุหลาบหอบหายใจถี่จนอกกระเพื่อมขึ้นลง กำปั้นที่เอามากัดเมื่อครู่วางแหมะลงข้างตัวแล้วอ้าปากเอาอากาศเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่ พักหายใจหายคอได้ไม่นานก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวจากด้านล่างจึงได้ผงกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อก้มดูว่าพีรยุทธ์กำลังทำอะไร“พี...ทำอะไร” วีรกานต์เสียงขาดห้วงเพราะยังเหนื่อยหอบจากกิจกรรมเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาฝ่ามือหนาของพีรยุทธ์จับเข้าที่ต้นขาขาวทั้งสองข้างของวีรกานต์แล้วค่อย ๆ ดันขึ้นโดยอัลฟ่าชากุหลาบก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนสะโพกกลมลอยเด่น เขาจ้องมองช่องทางด้านหลังที่เริ่มมีน้ำหล่อลื่นมันขมิบถี่อย่างเชิญชวนดวงตาสีรัตติกาลช้อนขึ้นมองเจ้าของร่างอยู่ครู่หนึ่ง วีรกานต์เอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หมายถึง...ครั้งนั้นพี
บทที่ 11 เกลียดกันก็ไปซะ_______เสียงดังเหมือนอลูมิเนียมกระทบกันจากโซนห้องครัวเรียกให้วีรกานต์ที่เพิ่งยันกายลุกขึ้นนั่งบนที่นอนหันมองตามเสียงอัลฟ่าชากุหลาบอยู่ในชุดนอนสีอ่อน เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นพีรยุทธ์ที่จัดการเปลี่ยนให้ตอนเขานอนหลับอยู่เขารู้สึกตัวตื่นได้หลายสิบนาทีแล้ว แต่กว่าจะขยับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเพราะร่างกายที่ปวดร้าวและระบมไปทุกสัดส่วนโดยเฉพาะกายท่อนล่างที่รู้สึกว่ามันด้านชาไปเสียอย่างนั้นโดนเจ้าลูกหมานั่นเคี่ยวกรำไม่หยุดหย่อน แม้เขาจะเอ่ยบอกให้พอหลายต่อหลายครั้งก็ตามทีพีรยุทธ์นะพีรยุทธ์ขาเรียวของอัลฟ่าชากุหลาบวางลงบนพื้นห้องพลางใช้มือยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองเบาลงจนสังเกตได้ ทั้งแขนขาที่กล้ามเนื้อหายไปบางส่วน หน้าท้องก็แบนราบลง อาจจะตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วเขายอมรับแต่โดยดีว่าช่วงที่ผ่านมาเขาไม่อยากอาหารเลยท่อนขาสั่นเทาค่อย ๆ พาตนเองก้าวเดินออกจากห้องนอนโดยมีเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องเป็นตัวช่วยประคองไม่ให้เขาล้มขาพับขาอ่อนลงไป กว่าจะพาร่างที่แทบไร้เรี่ยวแรงออกมายังห้องนั่งเล่นด้านหน้าได้ก็เกือบเข่าทรุดอยู่หลายครั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอ
บทที่ 12 ติดกลิ่น_______มวลเมฆสีดำก้อนใหญ่ลอยต่ำ เสียงกัมปนาทฟาดดังเปรี้ยงปร้างให้ได้ยินเป็นระยะเป็นสัญญาณบอกถึงสิ่งที่จะตามมาในอีกไม่ช้าว่าคงเป็นฝนห่าใหญ่เพราะพายุเข้ามาเกือบสัปดาห์ได้แล้วดวงตาสีเฮเซลนัทเหม่อมองออกไปทางถนนใหญ่ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักในย่านนี้ รถราหลายสิบหลายร้อยคันค่อย ๆ ขยับเคลื่อนตัวทีละนิดเพราะเป็นช่วงห้าโมงเย็นจึงไม่แปลกหากรถจะติดถึงเพียงนี้วีรกานต์ยกเครื่องดื่มบนโต๊ะขึ้นมาจิบไปพลาง ๆ ระหว่างรอใครบางคนที่น่าจะใกล้มาถึงแล้ว เขานั่งรอพีรยุทธ์อยู่ในร้านกาแฟชื่อดังหลังจากเสร็จสิ้นการสอนพิเศษให้รุ่นน้องที่คุ้นเคยกันดีอย่างเต้แม้เรื่องราววันนั้นจะผ่านมาเป็นเดือนแล้วแต่อีกฝ่ายยังมีความรู้สึกผิดหลงเหลืออยู่สีหน้าจึงบ่งบอกว่าไม่สบายใจนักแต่วีรกานต์ก็คือวีรกานต์ ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วก็จะไม่นึกถึงมันอีกเพราะในครั้งนั้นไม่ใช่ความผิดของใครเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเท่านั้นไม่นานนักเสียงอุปกรณ์สื่อสารที่เขาวางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น อัลฟ่าชากุหลาบยกยิ้มบางเมื่อเห็นว่าหน้าจอปรากฏชื่อของคนที่เขากำลังรออยู่นายองุ่นเขายกโทรศัพท์มากดรับแล้วส่งเสียงครางเครือในลำคอกรอกใส่ปลายส
Special 2 บันทึกของพีและกานต์ _______ตั้งแต่จำความได้เขาก็ตัวติดกับวีรกานต์แล้ว อาจจะเพราะเรียนชั้นเดียวกันและอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนทำให้พวกเราสนิทกันมากแต่เพราะความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเป็นกังวลว่าหากวันใดที่พวกเขาเกิดบาดหมางกันขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากอัลฟ่ามักหวงถิ่นและไม่ค่อยชอบใจนักที่มีอัลฟ่าอีกหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของตนแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นพีรยุทธ์และวีรกานต์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันสักครั้ง อย่างมากก็แค่ออกอาการแง่งอนตามประสาซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่าคนน้องหลายครั้งอาจมีการลงไม้ลงมือบ้างแต่ไม่ใช่การทำร้ายกัน เป็นพีรยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองหรือข้าวของต่าง ๆ เพราะอัลฟ่าคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และทุกครั้งคนที่ทำให้สงบลงได้ก็เห็นจะมีแค่เพียงอัลฟ่าคนพี่อย่างวีรกานต์เท่านั้นห้องนอนถูกทุบกำแพงทิ้งเพื่อติดตั้งประตูกระจกตามคำเรียกร้องของสองอัลฟ่าวัยอนุบาล ในตอนแรกความคิดนั้นถูกขัดขึ้นมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่อัลฟ่าคนน้องก็ปล่อยโฮจนคนเป็นแม่อ่อนใจ คนพี่ก็ไม่คิดเอ่ยขัดน้องมันจึงลงเอยด้วย
Special 1 กานต์อยากให้ทำ _______ ยามนี้ท้องฟ้าถูกระบายไปด้วยสีดำสนิท มีจุดสีขาวแต้มไปทั่วให้ความสว่างควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์บนท้องถนนและตามตึกราต่าง ๆ ภายในห้องนอนของคอนโดใจกลางเมืองมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา สองร่างของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ากอดก่ายมอบความอบอุ่นให้แก่กันอย่างเช่นทุกวัน ที่ด้านข้างเตียงมีที่นอนขนาดเล็กถูกล้อมไว้ด้วยแผ่นไม้หลายซี่จนกลายเป็นกรงขนาดย่อม ด้านในมีฟูกหนารองรับ หมอนข้างอันเล็กถูกวางกั้นไว้ทั้งสี่ทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยด้านในกลิ้งกระแทกจนเจ็บตัว ผ้าห่มผืนสะอาดก็คลุมอยู่บนตัวของเด็กชายโอเมก้าวัยห้าเดือนเศษ โอเมก้าน้อยอยู่ในชุดสีครีมนวล มือและเท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าขนาดพอดีข้อมือข้อเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยซุกซนจิกเล็บบนเนื้อตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดพริ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากใครได้เห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถอดแบบคนเป็นแม่มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว ประกอบกับพวงแก้มคล้ายลูกซาลาเปานั่นยิ่งทำให้โอเมก้าน้อยดูน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ น่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อออกอาการหวงลูกชายตั้งแต่
บทที่ 26 คุณพ่อและคุณแม่ (end)_______การสังสรรค์มื้อค่ำจบลงตอนใกล้เข้าวันใหม่ คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนช่วยกันเก็บล้างจานชามและสถานที่ทานอาหารด้านหน้าของบ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาววัยกลางคนกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนพวกเขาจะตามไปบ้างพีรยุทธ์อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในห้องของคุณแม่โอเมก้าระหว่างรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายดับกลิ่นควันกลิ่นอาหารก่อนเข้านอน ซึ่งเขาอาบน้ำมาแล้วก่อนหน้า เมื่อจัดการตัวเองเสร็จสรรพจึงได้ถือวิสาสะเข้าห้องวีรกานต์มานั่งรอไม่นานจมูกโด่งก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และฟีโรโมนชากุหลาบก่อนดวงตาสีรัตติกาลจะเห็นว่าวีรกานต์กำลังสาวเท้ามาทางตน รอยยิ้มบางผุดขึ้นทันทีแล้วรีบเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง ท่อนแขนหนาอ้าออกกว้างเพื่อรับเอาคุณแม่โอเมก้ามาไว้ในอ้อมกอดซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีวีรกานต์ทรุดกายลงนั่งบนที่นอนนุ่มโดยมีคุณพ่ออัลฟ่าเกาะเกี่ยวอยู่ไม่ห่าง เขาวางกองผ้าที่หอบมาไว้ริมที่นอน จัดการตำแหน่งให้พวกมันโอบล้อมตัวเองตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเสื้อผ้าของพีรยุทธ์ที่เขาขอจากอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อครู่เขานำมันเข้าห้องน้ำไปด้วยเพร
บทที่ 25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน_______เป็นอีกวันที่หนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่านอนกอดก่ายมอบความอบอุ่นให้กันจนเช้า อันที่จริงต้องบอกว่ามันสายสักหน่อยเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้วยิ่งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากว่าจะกล่อมกันนอนได้คุณแม่โอเมก้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อปลอบประโลมพีรยุทธ์ที่ยังอยู่ในห้วงของความกังวลและความกลัว กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงสงบลงได้โดยที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่วีรกานต์ก็ต้องลำบากอีกครั้งเมื่อถูกกอดรัดไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย แต่หากถามว่าเขายอมหรือไม่ก็ตอบได้ทันทีเลยว่ายอมด้วยความเต็มใจดีเสียอีก...มีกลิ่นฟีโรโมนของพีรยุทธ์โอบล้อมกายทั้งหอมทั้งผ่อนคลาย"...หอมจัง" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยกระซิบข้างใบหูของวีรกานต์อาจเป็นเพราะเมื่อคืนใช้เสียงกับการร้องไห้ไปมากมันเลยส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ไม่ว่าเปล่า จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของฟีโรโมนชากุหลาบตามลำคอขาวแล้วไล่พรมจูบไปตามลาดไหล่มนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ท่อนแขนหนาก็กระชับกอดรัดคุณแม่โอเมก้าไว้แน่น"พอแล้วพี" แม้จะชอบใจที่ถูกกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์โอบล้อมกายแต่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว พวกเขาทั้งคู่ควรลุกจาก
บทที่ 24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน______คืนนี้ไม่มีพระจันทร์คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน มีเพียงแสงไฟประดิษฐ์ที่ประดับประดาอยู่บนท้องถนนและตามตึกสูงใหญ่ เป็นเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลสักวินาทีเดียวมื้อเย็นวานก่อนผ่านไปได้ไม่ดีนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยากทานอาหารต่อ บนโต๊ะอาหารจึงจบลงด้วยการแยกย้ายกันโดยที่พีรยุทธ์เดินไปส่งคุณแม่โอเมก้าเข้าห้องนอนแล้วกลับมาเคลียร์โต๊ะอาหารเมื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน แม้จะฟูมฟายเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียเสียจนอยากจะล้มตัวลงนอนมันตรงนั้นมือหนาของอัลฟ่าเอื้อมเปิดประตูแผ่วเบา พยายามอย่างมากไม่ให้มันเกิดเสียงดังรบกวนคุณแม่โอเมก้าที่น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทราแสนหวานด้านในพีรยุทธ์งับประตูลงแล้วสาวเท้าพาตัวเองมายืนข้างเตียง ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านความมืดไปหาคนบนเตียง บนนั้นมีร่างของคุณแม่โอเมก้านอนอยู่ ข้างกายทั้งสองฝั่งมีกองเสื้อผ้าขนาดย่อมโอบล้อมไว้ ทั้งหมดนั่นเป็นเสื้อที่คุณพ่ออัลฟ่าใส่แล้วทั้งนั้น อีกทั้งในอ้อมแขนยังมีเสื้อเชิ้ตที่เขาเพิ่งใส่เมื่อเช้าถูกกอดรัดไว้จนแน่นอีกด้วยวีรกานต์เป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปด
บทที่ 23 ไม่เอาแล้ว_______อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เขาเลือกเป็นผัดผักและต้มจืดวุ้นเส้น เมนูง่าย ๆ ที่เบาท้องแต่ให้สารอาหารครบครันสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้วีรกานต์แยกตัวไปอาบน้ำ เขาจึงรีบเร่งฝีมือทำอาหารให้เสร็จทันก่อนที่อีกฝ่ายจะทำธุระเสร็จ เพราะเขายังรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเวลาคุณแม่โอเมก้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเพียงลำพัง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแล้วเขาไม่ได้ยินหรือรับรู้เพราะอยู่ด้านนอกก็แค่ความกลัวที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำอะไรช้ากว่าวีรกานต์ไปเสียหน่อย เพราะคุณแม่โอเมก้าเดินเข้าห้องครัวมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหารแล้วอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสีอ่อน มันยิ่งขับให้ผิวของคุณแม่โอเมก้าขาวขึ้นมากกว่าเดิม ประกอบกับเรือนร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่าเอ็นดูในสายตาของพีรยุทธ์อัลฟ่ากลิ่นองุ่นหันมาส่งยิ้มบางให้ผู้มาใหม่ก่อนจะกลับไปปิดเตาแก๊สแล้วจัดการเทอาหารลงจานพร้อมกับเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ ให้กับวีรกานต์คุณแม่โอเมก้าทำเพียงยกยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบ ๆ โดยมีอัลฟ่ากลิ่นอง
บทที่ 22 เพราะเขาเองที่เห็นแก่ตัว_______มือเช้าของวันผ่านไปได้ด้วยดีแต่ก็ออกจะช้ากว่าเวลาปกติไปมากเพราะพีรยุทธ์แทบไม่ยอมให้คุณแม่โอเมก้าทำอะไรเลยแม้กระทั่งเลือกสรรเสื้อผ้ามาใส่เองวีรกานต์ใช้เวลาอาบน้ำเพียงสิบนาที เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่นนั่งรออยู่ปลายเตียง เขาตกใจจนท่อนขาหยุดขยับอัตโนมัติแล้วกระชับผ้าขนหนูที่พาดไว้บนไหล่ให้มันเคลื่อนมาปกปิดช่วงอกเพราะยังติดกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์อยู่ เขาจึงนำมันเข้าไปด้วยเพื่อความสบายใจของตัวเอง จึงกลายเป็นว่าเขาเอาผ้าขนหนูไปอาบน้ำด้วยถึงสองผืน ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงเรื่อก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบได้ตัวไหนก็จับมากอง ๆ รวมกันไว้แล้วตั้งท่าจะเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่ก็ถูกอัลฟ่าร่างหนายืนจังก้าขวางทางไว้ จะไปซ้ายไปขวาก็หาทางไปไม่ได้เสียทีเขาไม่ได้ใจกล้าพอที่จะเปิดเปลือยแล้วสวมชุดมันตรงนั้นหรอกนะพีรยุทธ์หยิบกองเสื้อผ้าบนท่อนแขนของวีรกานต์มาถือไว้แล้วตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า ยืนมองแล้วจับสัมผัสเนื้อผ้าแต่ละชิ้นเมื่อเลือกได้ก็เอามาพาดแขนไว้แต่พอเจอตัวที่ถูกใจกว่าก็เอาไปเก็บไว้ที่เดิม ทำแบบนั้นวน ๆ อยู่หลายนาทีจนคุณแม่โอเมก้
บทที่ 21 คุณพ่อหวั่นกลัว_______อัลฟ่าร่างหนาเปิดเปลือกตาแล้วค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นยืนไม่ให้รบกวนวีรกานต์ที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา พลางบิดกายเล็กน้อยเพื่อไล่อาการเมื่อยขบที่กัดกินตามตัวโดยเฉพาะท่อนแขนด้านซ้ายก็คุณแม่โอเมก้าเล่นนอนทับมันทั้งคืน ไม่ปวดไม่เมื่อยเลยก็คงจะเกินไปหน่อยแต่เขาไม่คิดโทษอีกฝ่ายหรอกนะใบหน้าสวยนั่นยกยิ้มบางเมื่อได้ใกล้ชิดเขาแล้วได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานที่ตัวเองชอบใจก็พาลให้สติเลือนหายไปได้ในเวลาไม่นาน ในตอนแรกนอนหันหลังให้พีรยุทธ์กกกอดแต่พอช่วงดึกอากาศก็โรยตัวเย็นลงอีกฝ่ายจึงได้หันกลับมาซุกแผ่นอกหนาแล้วหลับไปจนกระทั่งตอนนี้แปดโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ตี่นจากห้วงฝันคุณพ่ออัลฟ่ายกยิ้มบางขณะมองวีรกานต์ที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนวมผืนหนาก่อนจะสาวเท้าไปทางระเบียงห้องแล้วจัดตำแหน่งของผ้าม่านให้มันปิดสนิทเพราะเขาไม่ต้องการให้แสงแดดจากภายนอกสาดส่องเข้ามารบกวนเวลานอนของคุณแม่ลูกอ่อนโอเมก้าที่กำลังอุ้มท้องต้องการการพักผ่อนมากเป็นพิเศษ ประกอบกับคืนที่ผ่านมาเขาพาอีกฝ่ายเข้านอนดึกมากไปหน่อย เวลานี้จึงอยากให้วีรกานต์หลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายพีรยุทธ์คว้าเอาผ้าขนหนูบนราวแล้ว
บทที่ 20 ไม่ชินเลย_______หนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ามือใหม่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนนุ่ม อันที่จริงแล้วต้องบอกว่ามีเพียงพีรยุทธ์ที่ตระกองกอดคุณแม่โอเมก้าไว้ไม่ห่างกายเพราะความรู้สึกโหยหาและหวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายมันยังไม่จางหายไปท่อนแขนหนากอดรัดเอวบางของวีรกานต์เอาไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าก้อนที่อยู่ด้านในรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของตน ในขณะที่ศีรษะถูกวางไว้บนท่อนแขนเล็กบางของคุณแม่พลางเอียงคอออดอ้อนอย่างที่เคยทำอัลฟ่ากลิ่นองุ่นซุกใบหน้าคมไว้ที่ลำคอขาวของวีรกานต์ จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของชากุหลาบที่ทำให้เขาผ่อนคลายเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่จนเจ้าของร่างรู้สึกยุบยิบบริเวณนั้นจึงใช้ฝ่ามือบางดันกลุ่มผมสีรัตติกาลออกห่างจากตัว“มันจั๊กจี้” วีรกานต์เอ็ดคุณพ่ออัลฟ่าไม่เต็มเสียงนักคล้ายกับหยอกเอินเสียมากกว่า ในขณะที่รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นโดยที่ไม่มีใครเห็นพีรยุทธ์ช้อนตาขึ้นมองคุณแม่โอเมก้าพลางคว่ำปากลงเหมือนเด็กน้อยที่กำลังจะปล่อยโฮเพราะไม่ได้เล่นของเล่นที่ต้องการ ทำวีรกานต์หลุดยิ้มขำหลังจากกลั้นมันไว้เสียนาน “ก็พีคิดถึงกานต์นี่ครับ ไม่ได้ฟัดตั้งเกือบอาทิตย์เลยนะ”“แล้วทำไมถึงไม่ได้ฟัด...หื้ม”