เมื่อนักเขียนนิยายมือใหม่อย่างเขา ต้องเข้ามาอยู่ในนิยายที่ยังแต่งไม่จบของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเพราะความสงสารในตัวร้ายที่ตนเองเป็นคนแต่งขึ้นมาหรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง! ทำไม? ต้องให้เขามาอยู่ร่วมกับตัวร้ายแบบนี้ด้วย แล้วทำไม? ไม่ว่าจะพระเอก นางเอก หรือแม้แต่ตัวประกอบก็ยังไม่ยอมเดินเรื่องตามบทที่เขาแต่งเอาไว้อีก!!!
Lihat lebih banyakหยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว
“ท่านพ่อเป็นอะไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าบิดาอยู่ ๆ ก็ฝืนเกรงตัวขึ้น...ในขณะที่เขากำลังแก้เชือกให้อีกฝ่ายอยู่ ส่วนจินเฟยฮวาก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินเข้ามาหลบด้านหลังเขา จินเฟยเทียนจึงเงยหน้าขึ้น...แล้วมองไปตามสายตาของคนทั้งสอง “บ่าวมาช่วยขอรับ คุณชายใหญ่” ชุนฉือเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาระแวดระวังจากคนในกระท่อม “อืม...ขอบคุณท่านมาก ท่านพ่อบ้าน” จินเฟยเทียนกล่าวตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา ระหว่างที่ชุนฉือเข้ามาช่วยจินเฟยเทียนแก้มัดให้จินเฟยหมิง จินเฟยเทียนก็แอบมองไปที่ดวงตาและท่าทางของอีกฝ่าย จากที่เขาสังเกต...เขาคิดว่ายามนี้ชุนฉือน่าจะกำลังทำแบบในนิยายที่เขาได้เขียนเอาไว้ คือ...ทำตัวไหลไปตามแผนการณ์ของพวกหานเฟิงแต่ก็ดูเหมือนว่าชุนฉือจะไม่ได้ทำเหมือนที่เขาได้เขียนเอาไว้ทั้งหมด อย่างเช่น การนำแผนการณ์ของพวกหานเฟิงไปบอกเล่าให้กับจินเฟยหลงได้ฟัง เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขายังไม่เห็นจินเฟยหลงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการที
หานเฟิงมองไปที่จินเฟยหมิงกับชิงจิวซินที่กำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น และพยายามที่จะพาตัวเองตามไปช่วยบุตรชายและบุตรสาว เขาจึงหันไปเอ่ยปากพูดกับคนทั้งสองอีกครั้ง “ท่านแม่ทัพใหญ่ท่านอยากตายพร้อมกับบุตรชายและบุตรสาวของท่านใช่หรือไม่... ในเมื่อท่านอยากตาย ข้าก็ให้ท่านได้ตายสมใจอยาก แต่...กับสำหรับสตรีชั่วช้าเช่นเจ้า! จินฮูหยิน...ข้าจะยังไม่ให้เจ้าได้ตายสมใจในตอนนี้เพราะข้าอยากให้เจ้าได้อยู่และได้เห็นคนที่เจ้ารักค่อยๆ ตายลงไปต่อหน้าเจ้า โดยที่ตัวเจ้าไม่สามารถช่วยอะไรคนที่เจ้ารักได้เลย จากนั้น...ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าค่อยๆ ตาย ด้วยยาพิษที่ข้าเตรียมเอาไว้สำหรับเจ้าโดยเฉพาะ...ตัวนี้!” พูดจบหานเฟิงก็ให้คนนำยาพิษไปกรอกปากชิงจิวซินแล้วให้คนนำตัวจินเฟยหมิงเข้าไปไว้ในกระท่อมเดียวกับจินเฟยฮวาและจินเฟยเทียน แล้วหันกลับไปรับคบไฟที่ถูกจุดไฟมาเรียบร้อยแล้วจากคนของเขาที่ยื่นมาทางเขากับว่านซิ่นหลิงคนล่ะอัน ชิงจิวซินร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อตัวนางถูกกรอกยาพิษไปพ
จินเฟยหลงเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ว่านซิ่นหลิงและหานเฟิงพูด เขาก็แทบอยากจะพุ่งตัวลงไปจัดการกับจินฮูหยิน เพราะที่ผ่านมา...เขาต้องแบกรับความรู้สึกผิดในสิ่งที่ผู้เป็นมารดาเขาได้เคยทำเอาไว้ และความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนของเขาเอาไว้ได้... ตั้งแต่ที่จินเฟยหลงจำความได้ เขาก็ได้รับทั้งความรักและการดูแลเอาใจใส่จากท่านแม่ใหญ่กับพี่ใหญ่ของเขา จนตัวเขาแทบจะลืมไปแล้วว่าที่จริง... เขาหาบุตรชายแท้ๆ หรือน้องชายแท้ๆ ของคนทั้งสองไม่ จนมีวันหนึ่ง เป็นวันที่พี่ใหญ่ของเขาเกิดล้มป่วย แล้วมีบ่าวในจวนเผลอหลุดปากพูดเรื่องที่ผู้เป็นมารดาเขาได้เคยทำไว้จนส่งผลทำให้พี่ใหญ่ของเขามีร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่เกิด และด้วยเพราะร่างกายที่อ่อนแอนี้พี่ใหญ่จึงไม่สามารถฝึกวรยุทธหรือไปเรียนที่สำนักศึกษาแบบเขาได้ ตอนนั้นเขาทั้งรู้สึกเสียใจ และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และในตอนนั้น...พี่ใหญ่ที่กำลังล้มป่วยจนแทบจะลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว ก็รีบฝืนลุกขึ้นมาสั่งบ่าวผู้นั้นให้หยุดพูด และนำ
“องค์ชายสิบสองใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ! คุณชายหยางด้วยนะขอรับ รอคนของพวกเราตามมาสมทบก่อน ตอนนี้หากพวกท่านบุกลงไป มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันดูแย่ลงกว่าเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ” ซงหยวนเอ่ยพูดกับผู้เป็นนายและคุณชายหยาง เนื่องจากเขากับบ่าวอีกคนเกือบจะจับคนทั้งสองเอาไว้ไม่ทัน หลังจากที่ผู้เป็นนายและคุณชายหยางเห็นคุณชายฟางถูกคนด้านล่างลงมือทำร้าย... หยางหมิงเซียนยามนี้รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักที่ต้องมาทนเห็นจินเฟยเทียนถูกทำร้ายต่อหน้า...แต่เขากลับไม่สามารถช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เลย และยังไม่พอ...คนที่กำลังลงมือทำร้ายจินเฟยเทียนดันเป็นมารดาของเขาเองทำไม! ทำไม...ทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย หากเป็นคนอื่นทำกับคนของเขาแบบนี้! เขาสาบานเลยว่า...ปากที่มันใช้สั่งการหรือมือข้างที่มันใช้กระชากผมของจินเฟยเทียน เขาจะลงมือสับมัน! และจัดการกับคนผู้นั้นด้วยตัวของเขาเอง แต่...พอคนผู้นั้นเป็นมารดาของเขา หยางหมิงเซียนจึงรู้สึกทั้งอึดอัดและรู้สึกเจ็บปวดใจในเวลาเดียวกัน “พี่ใหญ่!” จินเฟยหลงเอ่ยขึ้นหลังจากได้ยินส
“คนของเจ้ายามนี้ฝีมือช่างอ่อนหัดยิ่งนัก! ข้ารอเวลานี้มานาน...จินฮูหยิน วันที่ได้เห็นเจ้าสิ้นอำนาจในมือ” หานเฟิงพูดพร้อมกับกดสายตามองสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้า เขายินดียิ่งนักยามที่ได้ข่าวว่า...ตระกูลฝั่งมารดาของนางค่อยๆ หมดวาสนาสิ้นอำนาจในมือ ส่วนทางฝั่งของบิดา...อีกฝ่ายคงไม่คิดจะลงมายุ่งกับเรื่องนี้เป็นแน่ ดังนั้นยามนี้ชิงจิวซินก็คงจะไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของเขาแล้ว ว่านซิ่นหลิงยิ้มหยันเมื่อได้เห็นชิงจิวซินเริ่มแสดงอาการหวาดกลัวออกมา... “บ่าวชั้นต่ำอย่างนั้นหรือ... ถึงแม้ข้าจะเป็นบ่าวชั้นต่ำอย่างที่เจ้าว่าแต่ข้าก็ยังดีกว่าเจ้าจินฮูหยินต่อหน้าผู้อื่น เจ้าทำตัวเป็นดั่งดอกบัวขาวแต่ภายในจิตใจของเจ้ามันช่างโหดเหี้ยมไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายในป่า!” ว่านซิ่นหลิงพูดใส่หน้าชิงจิวซินจบก็หันกลับมาพูดกับจินเฟยฮวา “คุณหนูเฟยฮวาเจ้าคะ ท่านรู้หรือไม่ว่ามารดาของท่าน เพียงเพื่อต้องการปกปิดความผิดในอดีตของตัวเองและเพื่อช่วยชีวิตของท่าน นางถึงกลับให้คนไปลงมือวางยาพิษในอาหารของ
หานเฟิงหันกลับไปมองที่เชิงเขาหลังกระท่อม...แล้วค่อยๆ หลับตาของตัวเองลงอย่างช้าๆ และแล้ววันที่เขารอคอยก็มาถึงแล้วสินะ วันที่เขาจะได้ชำระหนี้แค้น!หานเฟิงยังจำความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี วันนั้น...เป็นวันที่หานเฟิงขอลางานกับท่านแม่ทัพใหญ่แคว้นฉินแล้วลอบเข้าไปในแคว้นตงเพื่อนำของรับขวัญไปให้หลานชายตัวน้อย ที่เพิ่งคลอดได้เพียงแค่สามเดือนและในตอนนั้นหานเฟิงก็ตั้งใจที่จะไปเกลี่ยกล่อมหานตงผู้เป็นน้องชายคนเดียวของเขา ให้พาครอบครัวของตัวเองกลับมาอยู่ที่จวนในแคว้นฉินด้วยกัน เนื่องจากน้องชายของเขา...ไม่อยากถูกบิดาบังคับให้ไปเป็นทหารเหมือนกันกับเขา อีกฝ่ายเลยหนีออกจากจวน มาสร้างครอบครัวเล็กๆ ในแคว้นตง แต่ตอนนี้บิดามารดาของพวกเขา เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงและเริ่มหายโกรธเคืองในตัวน้องชาย หลังจากที่พวกท่านทั้งสองได้รับรู้เรื่องหลานชายตัวน้อย แต่เมื่อหานเฟิงเดินทางมาถึงหมู่บ้านที่หานตงและครอบครัวอาศัยอยู่ ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า...มันกลับทำให
“คุณชายใหญ่อย่างนั้นหรือ... หึ! ช่างน่าตกใจจริงๆ ไม่ใช่ท่านตายไปพร้อมกับมารดาของท่านเมื่อหลายปีก่อนแล้วหรือคุณชายใหญ่?” หานเฟิงกล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปที่จินเฟยเทียน หลังจากได้ยินคำพูดของว่านซิ่นหลิง จินเฟยเทียนทำเพียงยืนบังผู้เป็นบิดาของเขาเอาไว้ ยามนี้เขาไม่คิดจะเปิดปากตอบคำถามของใครทั้งนั้น “เข้าไปจับมันมัดไว้กับท่านแม่ทัพ แล้วค้นดูให้ทั่วว่ามีพวกมันซ่อนอยู่อีกหรือไม่?” จินเฟยเทียนได้ยินที่หานเฟิงสั่งลูกน้อง เขาก็ไม่คิดที่จะขัดขืนเขายอมถูกอีกฝ่ายจับมัดแต่โดยดี ด้วยกลัวว่าหากเขาคิดขัดขืน คนพวกนี้อาจจะลงมือทำร้ายทั้งตัวเขาและผู้เป็นบิดา และอีกอย่างเขาก็เป็นห่วงบ่าวที่ติดตามมากับเขาด้วย ยามนี้เขาจึงพยายามไม่มองไปยังบริเวณที่บ่าวของเขาซ่อนตัวอยู่ “คุณชายใหญ่ ท่านทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดท่านถึงรอดมาได้? มิใช่ยามนั้น...ตัวท่านโดนฟันและถูกเผาไปพร้อมกับคนของท่านแล้วมิใช่หรือ? แล้
‘ที่นี่ที่ไหน?’ คำถามแรกที่เข้ามาในหัวของไผ่ พอเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้สี่เสา สภาพห้องคล้ายกับในซีรีส์จีนโบราณที่เขาเคยดูมา...มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วเมื่อเขาลองขยับตัวก็ต้องตกใจ! เพราะมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มานอนหันหลังให้กับเขาอยู่บนเตียงเดียวกัน เด็กคนนี้ ผมยาว ตัวเล็ก อายุน่าจะประมาณ 9 ขวบ และแต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณ ไผ่พยายามพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงให้เบาที่สุด ด้วยเพราะกลัวว่าเด็กคนนั้นจะตื่น แต่เมื่อเขาเห็นแขนที่สั้นลงของตัวเอง เขาก็รีบพุ่งตัวไปที่กระจกตรงโต๊ะข้างเตียงทันที แล้วเงาที่สะท้อนออกมาให้เขาเห็นนั้น...มันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจแทบสิ้นสติ ‘เด็กคนนี้คือใคร?’ ใบหน้าเรียวเล็กที่ดูซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษ ขาและแขนก็ดูทั้งเล็กทั้งสั้น ผมก็ยาวสยายไปจนถึงกลางหลัง แถมยังใส่ชุดจีนโบราณ อายุก็น่าจะประมาณสัก 10 ขวบ “เฮ้ย! เดี๋ยวนะ!” ไผ่รีบเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ‘อย่าบอกนะว่าเขาทะลุมิติมา?’ ‘ไม่ใช่มั้ง’ ‘หรือจะมีคนแกล้ง?’ ไผ่เลยตัดสินใจนั่งรอ และคอยมองทางซ้ายทีทางขวาทีแต่...
Komen