ส่วนจินเฟยเทียนก็ยังคงกล่าวต่อไปโดยไม่ได้หันมาสนใจปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กชายตรงหน้าเลย
“เด็กน้อยเจ้าหิวข้าวแล้วหรือไม่? หรือเจ้าจะไปอาบน้ำก่อน? แต่...เจ้าเพิ่งฟื้นตัวจากไข้ เจ้าก็คงยังอาบน้ำไม่ได้ งั้นข้าเช็ดตัวให้เจ้าก่อนดีกว่า...แล้วค่อยให้เจ้ากินข้าวกินยา” จินเฟยเทียนพูดเองตอบเอง แล้วจะลุกออกจากเตียงเพื่อไปเตรียมของ แต่ก็ถูกหยางหมิงเซียนเอื้อมมือมาดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่เด็กชายตรงหน้าพูด เขาก็พยายามจะเอ่ยโต้แย้ง แต่ด้วยเสียงที่ออกมากลับแหบแห้งไม่เป็นคำ เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้า...แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมมองมาที่เขาเลย
“เด็กน้อย...ตอนนี้ร่างกายของเจ้ามีแต่เหงื่อ ยังไงเจ้าก็ต้องเช็ดตัวเปลี่ยนชุด เจ้าจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น หรือว่า...เจ้าอายข้า” จินเฟยเทียนเมื่อเห็นหยางหมิงเซียนพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เขาจะทำให้ เขาจึงพยายามอธิบายและสังเกตปฏิกิริยาของเด็กชายตรงหน้าไปด้วย แล้วเขาก็ได้เห็นแก้มของเด็กชายที่เริ่มแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วมันไม่น่าจะเกิดจากพิษไข้
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้าลงจนแทบจะติดเตียง
‘หึๆ เด็กคนนี้ขี้อายด้วยแฮะ’
“เด็กน้อย...เจ้าจะอายข้าทำไม! เราเป็นบุรุษเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อเช้าข้าก็เป็นคนเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้กับเจ้า ดังนั้นก็ไม่มีอะไรต้องอายข้าแล้ว!” กล่าวเย้าแหย่เด็กชายจบก็ต้องกลั้นขำ เมื่อเห็นเด็กชายตรงหน้าตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปเรียบร้อยแล้ว
จินเฟยเทียนลุกขึ้นไปเตรียมของสำหรับเช็ดตัวและเตรียมชุดใหม่ให้กับหยางหมิงเซียน จากนั้นเขาจึงเดินกลับมานั่งที่เตียง แล้วเขาก็ได้เห็นว่าเด็กชายบนเตียงยังคงก้มหน้าลง ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเลยสักนิด
จินเฟยเทียนจึงวางของที่เตรียมมาไว้ข้างเตียง แล้วนำผ้าสะอาดไปชุบน้ำก่อนจะนำมาเช็ดตามหน้าตาและเนื้อตัวของเด็กชาย จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนชุดให้หยางหมิงเซียน โดยที่เจ้าตัวมีอาการขัดขืนบ้างเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ให้ความร่วมมือจนผ่านไปได้ด้วยดี
“เด็กน้อย เจ้ากินข้าวกินยาเองไหวหรือไม่?”
หยางหมิงเซียนพยักหน้ารับ ทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่แบบนั้น จินเฟยเทียนจึงลุกไปยกข้าวต้มกับยามาให้เด็กชายบนเตียง
หยางหมิงเซียนรับชามข้าวต้มจากจินเฟยเทียนมาตักกิน เมื่อเห็นเด็กชายสามารถกินข้าวเองได้ จินเฟยเทียนจึงคิดจะลุกไปอาบน้ำ
“เด็กน้อย...กินข้าวกินยาให้หมดนะ ข้าขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูแลเจ้าใหม่” พูดจบจินเฟยเทียนก็เอื้อมมือไปลูบหัวหยางหมิงเซียนอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะพาตัวเองลุกจากเตียงไปอาบน้ำ
เนื่องจากก่อนที่จินเฟยเทียนจะมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ และก่อนที่เขาจะสูญเสียน้องชายไป เขามักชอบลูบหัว และบีบแก้มน้องชายของเขา แล้วเมื่อมาเห็นเด็กชายตรงหน้ายามนี้มันก็ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงน้องชายของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ แล้วด้วยแววตาของหยางหมิงเซียนยามนี้ช่างดูไร้เดียงสาและน่าเอ็นดูยิ่งนัก...มันช่างทำให้เขาอดที่จะคันไม้คันมือขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
หยางหมิงเซียนเมื่อเห็นเด็กชายลุกออกจากเตียงไปแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองตามหลังคนที่เพิ่งลูบหัวตัวเองไป
‘เด็กคนนี้ทำไมถึงเรียกข้าว่าเด็กน้อยทุกคำ? ทั้งที่ตัวเอง...อายุก็น่าจะห่างจากข้าไม่ถึงปี แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงต้องยิ้มให้ข้าด้วยล่ะ? แล้วไหนจะทั้งแววตา คำพูด และการกระทำของเจ้าตัว...ที่คอยดูแลข้าแบบนั้นอีก เด็กคนนี้ทำแบบนี้ไปทำไม?’
หยางหมิงเซียนที่ไม่เคยได้รับการกระทำที่ออกมาจากใจแบบนี้จากผู้ใดมาก่อน เพราะตั้งแต่จำความได้ มารดาจะดูแลเขา ลูบหัวเขา หรือโอบกอดเขาก็ต่อเมื่อบิดากลับเรือนเท่านั้น ส่วนบิดาของเขาด้วยนิสัยของชายชาติทหารยามอยู่เรือน อีกฝ่ายพูดคุยกับเขาก็แทบจะนับคำได้เลย
แต่ตอนนี้เขากลับได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากเด็กชายที่เขาไม่รู้จักคนนี้ มันจึงทำให้หยางหมิงเซียนเกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่คุ้นชิน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจ มันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดีด้วยซ้ำ...
หยางหมิงเซียนจ้องมองไปที่ฉากกั้นที่เด็กชายคนนั้นเดินเข้าไปได้สักพัก ก่อนจะถอนสายตากลับมานั่งกินข้าวและกินยาตามที่เด็กชายผู้นั้นสั่งไว้...
จินเฟยเทียนเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาที่เตียง ก็ยังคงเห็นหยางหมิงเซียนที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาเหมือนเดิม
‘สงสัยจะยังอายข้าอยู่ เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าตัวร้ายวัยเยาว์ของข้าช่างน่าเอ็นดู’
จินเฟยเทียนจึงเดินเลยไปดูชามข้าวกับถ้วยยา ก็เห็นว่า...เด็กชายทำตามที่ตนเองได้บอกเอาไว้ เขาจึงเอื้อมมือไปลูบหัวและบีบแก้มเด็กชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากชม...
“เก่งมาก เด็กดี” จากนั้นจินเฟยเทียนจึงจับบ่าเด็กชายให้กลับลงไปนอน
“นอนหลับได้แล้ว ข้าขอไปจัดการสำรับของตนเองก่อน เดี๋ยวจะขึ้นมานอนด้วย” จินเฟยเทียนพูดจบก็ลุกไปจัดการสำรับของตนเองทันที
หยางหมิงเซียนเมื่อได้รับคำชมแล้วโดนเด็กชายบีบแก้ม มันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกๆ ขึ้นกว่าเดิม เมื่อก่อนเขาพยายามทำตามที่มารดาหรือบิดาสั่งทุกอย่าง แต่เขาไม่เคยได้รับคำชมเชยเลยสักครั้ง แต่กับคนผู้นี้...เขาก็แค่กินข้าวกินยาตามที่อีกฝ่ายสั่ง กลับได้รับคำชม... ‘มันช่างแปลก...แต่ก็รู้สึกดีจริงๆ’
จินเฟยเทียนหลังจากจัดการกับสำรับของตัวเองเสร็จ เขาก็เดินกลับมาที่เตียงนอน แล้วเห็นว่าหยางหมิงเซียนได้นอนหลับไปแล้ว เขาจึงขึ้นไปนอนข้างๆ เมื่อหนังท้องตึง...แล้วหัวถึงหมอนอีกครั้ง จินเฟยเทียนก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆ เขาก็ลืมตาของตัวเองขึ้นมา...แล้วหันไปมองเด็กชายที่นอนอยู่ข้างตัวเขา จากนั้นเขาก็เอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของเด็กชายผู้นี้เอาไว้ แล้วเขาผล็อยหลับตามคนข้างๆไป ด้วยความรู้สึกที่ว่า...
‘มือของคนผู้นี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน’
ฟิ้ว! ปึก! เคร้งๆๆ เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นมาจากภายนอกห้อง ปลุกจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนให้ตื่นจากการหลับไหล ด้วยเรือนของหยงหม่าอยู่ห่างจากเรือนหลังอื่นๆ ในหมู่บ้าน และด้านหลังเรือนหลังนี้ก็ยังติดกับป่าจึงไม่ค่อยมีใครผ่านมาทางนี้บ่อยนัก จะมีบ้างก็นานๆ ครั้งที่ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าออกมาขาย ดังนั้นเสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้จึงทำให้จินเฟยเทียนอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ‘ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?’ แต่ยังไม่ทันที่จินเฟยเทียนจะได้หาคำตอบ หยงหม่าและชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องแล้วรีบเดินเข้ามาหาเขาที่เตียง ในมือของคนทั้งสองต่างก็ถือดาบกันคนละเล่ม “คุณชายใหญ่ขอรับ! แย่แล้วขอรับ พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้วขอรับ ตอนนี้พวกองครักษ์กำลังต้านพวกมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาภายในเรือนขอรับ” หยงหม่าพูดพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้ผู้เป็นนายกับเด็กชายที่อยู่บนเตียงข้างนายตน “คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วขอรับ เท่าที่บ่าวสังเกตฝีมือของพวกนักฆ่าน่าจะเป็นพวกมืออาชีพเลยขอรับ พวกองครักษ์อาจจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานขอรับ” “พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้ว
จินเฟยเทียนถึงจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขากลับรับมือกับมันไม่ได้เลย... จินเฟยเทียนที่ยามนี้ทำได้เพียงยืนมองไห่เฟิงกวัดแกว่งดาบรับมือกับนักฆ่าถึงสองคน และยืนมองหยงหม่าที่ถูกนักฆ่าซัดฝ่ามือใส่จนร่างกระเด็นไปสลบอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตอนนี้น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว จินเฟยเทียนพยายามจะเดินเข้าไปหาหยงหม่า แต่นักฆ่าที่ซัดฝ่ามือใส่หยงหม่ากลับเดินเข้ามาขวางเขาเอาไว้ แล้วนักฆ่าคนนั้นก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาจินเฟยเทียนอย่างช้าๆ ไห่เฟิงที่เห็นหยงหม่าพลาดท่าให้กับนักฆ่าไปแล้ว และตอนนี้นักฆ่าคนนั้นก็กำลังจะเข้าไปทำร้ายผู้เป็นนายของเขา เขาจึงพยายามสลัดนักฆ่าสองคนที่พยายามจู่โจมเขาเพื่อเข้าไปปกป้องผู้เป็นนาย แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการต่อสู้ตรงหน้าได้เลย จินเฟยเทียนพยายามก้าวถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากนักฆ่าโดยให้หยางหมิงเซียนหลบไปอยู่ด้านหลังของตนเองอีกที “คุณชายใหญ่! ท่านช่างตายยากตายเย็นเสียจริง ท่านน่าจะตายไปพร้อมกับมารดาของท่านที่ชายป่า ท่านไม่ควรกระเสือกกระสนมาตายไกลถึงที่
ในป่าท้ายหมู่บ้านยามนี้มีเงาดำสี่สายกำลังพุ่งตัวตามเงาดำสายหนึ่งอยู่... ไห่เฟิงหลังจากพาจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนหลบหนีออกมาจากเรือนของหยงหม่าได้ เขาก็รีบพาคนทั้งคู่เข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยใช้วิชาตัวเบาสลับกับการเดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ เพื่ออาศัยความมืดในการพรางตัวเนื่องจากไห่เฟิงได้สูญเสียลมปราณไปกับการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย จึงทำให้เขาในยามนี้ต้องใช้พลังกายและพยายามดึงเอาลมปราณส่วนที่ยังเหลือออกมาใช้ เพื่อพาผู้เป็นนายหลบหนีจากกลุ่มนักฆ่าให้เร็วที่สุด ไห่เฟิงที่รับรู้ว่ายามนี้มีกลุ่มคนกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ เขาจึงกระซิบบอกผู้เป็นนายในอ้อมแขนของตัวเองเบาๆ “คุณชายใหญ่ขอรับ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกติดตามจากพวกนักฆ่า คุณชายใหญ่สงบลงก่อนนะขอรับ” จินเฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับ แล้วพยายามสงบใจของตัวเองลง จากนั้นเขาก็พยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดลอดออกมาได้
จินเฟยเทียนจากที่จะเตรียมตัวทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ก็ต้องหันกลับลงมามองหยางหมิงเซียนที่ยามนี้อีกฝ่ายเอื้อมมือมากอดตัวเขาเอาไว้จนแน่น “เด็กน้อยเจ้า...” “เจ้าไม่กลัวตายหรือ...คนพวกนั้นหวังเอาชีวิตข้าไม่ใช่ชีวิตเจ้า ข้าไม่ต้องการจะให้ใครต้องมาตายเพื่อข้าอีกแล้ว” จินเฟยเทียนพูดทั้งน้ำตาและพยายามแกะมือของเด็กชายที่กำลังกอดเขาอยู่ออก หยางหมิงเซียนพยายามกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาไม่คิดจะปล่อยมือจากคนผู้นี้ เขารู้ว่าหากทำแบบนี้...เขาอาจจะต้องตายไปพร้อมกับคนตรงหน้า แต่จะให้เขาทิ้งอีกฝ่ายไปเพื่อหนีเอาตัวรอดเขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ คนผู้นี้เข้ามาปกป้องเขาจากอันตราย คอยดูแล คอยเอาใจใส่เขา แบบที่ตัวเขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และยามนี้คนตรงหน้าก็ยังพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตของเด็กที่ไม่มีใครต้องการแบบเขาอีก จินเฟยเทียนเมื่อโดนหยางหมิงเซียนกอดแน่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาต้องกา
แสงของดวงอาทิตย์ส่องเข้ามากระทบร่างของเด็กชายสองคนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้หลังพุ่มไม้ใหญ่ จินเฟยเทียนรู้สึกได้ถึงแสงที่ส่องเข้ามากระทบใบหน้าของตนเอง เขาจึงพยายามลืมตาที่หนักอึ้งและปูดบวมของเขาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นสภาพของตัวเองที่กำลังนอนซบอยู่กับบ่าน้อยๆ ของหยางหมิงเซียนและไหนจะแขนขาของเขาที่กำลังกอดก่ายอีกฝ่ายอยู่ แล้วยังมีแขนของเด็กชายที่พาดอยู่ที่เอวของเขาอีก... จินเฟยเทียนค่อยๆ ยกแขนของหยางหมิงเซียนออกจากเอวของเขา จากนั้นเขาก็ยกแขนยกขาแล้วเอาตัวเองลุกขึ้นจากตัวของอีกฝ่ายให้เบาที่สุด ถึงแม้ทั้งเขาและหยางหมิงเซียนจะเป็นเด็กผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่มานอนกอดกันแบบนี้มันก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล ‘แต่มาลองคิดดูอีกที...ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยนอนกอดกับผู้ชายเสียเมื่อไหร่! กับน้องชายของเขาก็เคยนอนกอดแล้วหลับไปพร้อมกันออกบ่อยไป’ เมื่อคิดได้ดังนั้นจินเฟยเทียนก็ลุกขึ้นไปจัดท่านอนให้หยางหม
หยางหมิงเซียนที่แกล้งหลับแต่คอยแอบมองเด็กชายอยู่ตลอดเวลา...เขาได้เห็นว่าอีกฝ่ายเดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ฮึดสู้ จากนั้นอีกฝ่ายก็กลับไปนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แล้วเขาก็เห็นอีกฝ่ายเดี๋ยวก็นั่งขมวดคิ้วคิดหนักบ้าง ทำหน้าตึงเครียดบ้าง ถอนหายใจอยู่คนเดียวบ้าง นี่ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม...แต่อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าออกมาหลากหลาย จนคนแอบมองอย่างเขาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายสามารถเปลี่ยนอารมณ์ไปมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายไม่นั่งจมอยู่กับความเศร้า จินเฟยเทียนหลังจากนั่งใช้ความคิดอยู่นาน เขาก็คิดได้ว่า...สิ่งแรกที่เขาควรทำก็คือการพาหยางหมิงเซียนไปตามทางที่ไห่เฟิงได้บอกเอาไว้เสียก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้หาทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นเขาค่อยกลับมาคิดเรื่องหลังจากนั้นอีกที... หยางหมิงเซียนที่เห็นว่าเด็กชายเริ่มหันมามองทางเขาบ่อยครั้งขึ้น เขาจึงลืมตาของตัวเองขึ้น ขยับตัว แล้วลุกขึ้นมานั่ง จินเฟยเทียนที่หัน
จินเฟยเทียนพาหยางหมิงเซียนเดินลัดเลาะต้นไม้ในป่า ไปทางทิศตะวันออกตามที่ไห่เฟิงบอกไว้ โดยอาศัยดวงอาทิตย์ในการนำทาง ซึ่งในระหว่างที่ทั้งสองคนเดินทางด้วยกันนั้น หยางหมิงเซียนก็ยังคงจับมืออีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้จินเฟยเทียนที่เข้าใจว่าหยางหมิงเซียนยังคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ จึงหันไปเอ่ยปลอบเด็กชายตัวน้อยข้างกาย “หมิงเซียน เจ้าไม่ต้องกลัวนะ...จากนี้ไปเจ้าจะมีเฟยเกออยู่เคียงข้าง คอยดูแลและคอยปกป้องเจ้าเอง” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่จินเฟยเทียนพูด เขาก็หันหน้ากลับไปมองที่อีกฝ่ายทันที ยามนี้เขารู้สึกว่านัยน์ตาของเขาเริ่มร้อนผ่าว เขาจึงรีบก้มหน้าลง... “เฟยเกอ ท่านพูด...” หยางหมิงเซียนที่คิดจะเอ่ยถามว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นจริงหรือไม่? แต่เขาเองก็เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาโดยวัดได้จากสิ่งที่จินเฟยเทียนทำให้เขาเห็นเมื่อคืน เขาจึงไม่คิดจะเอ่ยคำถามต่อจนจบ ยามนี้หยางหมิงเซียนรู
จินเฟยเทียนเมื่อขึ้นมาบนฝั่งแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างแม่น้ำไม่ไกลจากบริเวณที่พวกเขาลงไปล้างตัวมากนัก เพื่อให้หยางหมิงเซียนที่ตามขึ้นมาทีหลังจะได้หาเขาเจอได้ง่าย จินเฟยเทียนเมื่อเดินเข้ามาในป่าเขาก็รีบหาจุดที่พอจะให้พวกเขาทั้งสองคนใช้นอนในคืนนี้ได้ เนื่องจากตอนนี้น่าจะเข้าปลายยามเซินแล้ว (ยามเซิน เวลา 15:00 - 16:59 น.) ดังนั้นพวกเขาควรที่จะหยุดพักเอาแรงกันก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น จินเฟยเทียนเดินหาไม่นานเขาก็เจอกับต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาสามารถใช้นอนพักในคืนนี้ได้ เมื่อเจอบริเวณที่พอจะปลอดภัยแล้ว จินเฟยเทียนจึงเดินเข้าไปเอาชุดที่ซักเรียบร้อยแล้วของพวกเขาไปผึ่งลมตามต้นไม้ต้นเล็กๆ ในบริเวณนั้นทันที จากนั้นเขาก็เดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งมาก่อเป็นกองเตรียมจุดไฟไว้รอหยางหมิงเซียน แล้วจินเฟยเทียนก็หยิบเอากิ่งไม้ที่มีขนาดใหญ่มาวางเป็นฐานแล้วนำกิ่งไม้ที่มีขนาดเล็กกว่ามาปั่นลงตรงกึ่งกลางของฐานไม้ที่เขาวางเอาไว้ จากนั้นจินเฟยเทียนก็เห็นหยางหมิงเซียน
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว
“ท่านพ่อเป็นอะไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าบิดาอยู่ ๆ ก็ฝืนเกรงตัวขึ้น...ในขณะที่เขากำลังแก้เชือกให้อีกฝ่ายอยู่ ส่วนจินเฟยฮวาก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินเข้ามาหลบด้านหลังเขา จินเฟยเทียนจึงเงยหน้าขึ้น...แล้วมองไปตามสายตาของคนทั้งสอง “บ่าวมาช่วยขอรับ คุณชายใหญ่” ชุนฉือเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาระแวดระวังจากคนในกระท่อม “อืม...ขอบคุณท่านมาก ท่านพ่อบ้าน” จินเฟยเทียนกล่าวตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา ระหว่างที่ชุนฉือเข้ามาช่วยจินเฟยเทียนแก้มัดให้จินเฟยหมิง จินเฟยเทียนก็แอบมองไปที่ดวงตาและท่าทางของอีกฝ่าย จากที่เขาสังเกต...เขาคิดว่ายามนี้ชุนฉือน่าจะกำลังทำแบบในนิยายที่เขาได้เขียนเอาไว้ คือ...ทำตัวไหลไปตามแผนการณ์ของพวกหานเฟิงแต่ก็ดูเหมือนว่าชุนฉือจะไม่ได้ทำเหมือนที่เขาได้เขียนเอาไว้ทั้งหมด อย่างเช่น การนำแผนการณ์ของพวกหานเฟิงไปบอกเล่าให้กับจินเฟยหลงได้ฟัง เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขายังไม่เห็นจินเฟยหลงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการที
หานเฟิงมองไปที่จินเฟยหมิงกับชิงจิวซินที่กำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น และพยายามที่จะพาตัวเองตามไปช่วยบุตรชายและบุตรสาว เขาจึงหันไปเอ่ยปากพูดกับคนทั้งสองอีกครั้ง “ท่านแม่ทัพใหญ่ท่านอยากตายพร้อมกับบุตรชายและบุตรสาวของท่านใช่หรือไม่... ในเมื่อท่านอยากตาย ข้าก็ให้ท่านได้ตายสมใจอยาก แต่...กับสำหรับสตรีชั่วช้าเช่นเจ้า! จินฮูหยิน...ข้าจะยังไม่ให้เจ้าได้ตายสมใจในตอนนี้เพราะข้าอยากให้เจ้าได้อยู่และได้เห็นคนที่เจ้ารักค่อยๆ ตายลงไปต่อหน้าเจ้า โดยที่ตัวเจ้าไม่สามารถช่วยอะไรคนที่เจ้ารักได้เลย จากนั้น...ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าค่อยๆ ตาย ด้วยยาพิษที่ข้าเตรียมเอาไว้สำหรับเจ้าโดยเฉพาะ...ตัวนี้!” พูดจบหานเฟิงก็ให้คนนำยาพิษไปกรอกปากชิงจิวซินแล้วให้คนนำตัวจินเฟยหมิงเข้าไปไว้ในกระท่อมเดียวกับจินเฟยฮวาและจินเฟยเทียน แล้วหันกลับไปรับคบไฟที่ถูกจุดไฟมาเรียบร้อยแล้วจากคนของเขาที่ยื่นมาทางเขากับว่านซิ่นหลิงคนล่ะอัน ชิงจิวซินร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อตัวนางถูกกรอกยาพิษไปพ
จินเฟยหลงเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ว่านซิ่นหลิงและหานเฟิงพูด เขาก็แทบอยากจะพุ่งตัวลงไปจัดการกับจินฮูหยิน เพราะที่ผ่านมา...เขาต้องแบกรับความรู้สึกผิดในสิ่งที่ผู้เป็นมารดาเขาได้เคยทำเอาไว้ และความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนของเขาเอาไว้ได้... ตั้งแต่ที่จินเฟยหลงจำความได้ เขาก็ได้รับทั้งความรักและการดูแลเอาใจใส่จากท่านแม่ใหญ่กับพี่ใหญ่ของเขา จนตัวเขาแทบจะลืมไปแล้วว่าที่จริง... เขาหาบุตรชายแท้ๆ หรือน้องชายแท้ๆ ของคนทั้งสองไม่ จนมีวันหนึ่ง เป็นวันที่พี่ใหญ่ของเขาเกิดล้มป่วย แล้วมีบ่าวในจวนเผลอหลุดปากพูดเรื่องที่ผู้เป็นมารดาเขาได้เคยทำไว้จนส่งผลทำให้พี่ใหญ่ของเขามีร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่เกิด และด้วยเพราะร่างกายที่อ่อนแอนี้พี่ใหญ่จึงไม่สามารถฝึกวรยุทธหรือไปเรียนที่สำนักศึกษาแบบเขาได้ ตอนนั้นเขาทั้งรู้สึกเสียใจ และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และในตอนนั้น...พี่ใหญ่ที่กำลังล้มป่วยจนแทบจะลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว ก็รีบฝืนลุกขึ้นมาสั่งบ่าวผู้นั้นให้หยุดพูด และนำ
“องค์ชายสิบสองใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ! คุณชายหยางด้วยนะขอรับ รอคนของพวกเราตามมาสมทบก่อน ตอนนี้หากพวกท่านบุกลงไป มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันดูแย่ลงกว่าเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ” ซงหยวนเอ่ยพูดกับผู้เป็นนายและคุณชายหยาง เนื่องจากเขากับบ่าวอีกคนเกือบจะจับคนทั้งสองเอาไว้ไม่ทัน หลังจากที่ผู้เป็นนายและคุณชายหยางเห็นคุณชายฟางถูกคนด้านล่างลงมือทำร้าย... หยางหมิงเซียนยามนี้รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักที่ต้องมาทนเห็นจินเฟยเทียนถูกทำร้ายต่อหน้า...แต่เขากลับไม่สามารถช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เลย และยังไม่พอ...คนที่กำลังลงมือทำร้ายจินเฟยเทียนดันเป็นมารดาของเขาเองทำไม! ทำไม...ทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย หากเป็นคนอื่นทำกับคนของเขาแบบนี้! เขาสาบานเลยว่า...ปากที่มันใช้สั่งการหรือมือข้างที่มันใช้กระชากผมของจินเฟยเทียน เขาจะลงมือสับมัน! และจัดการกับคนผู้นั้นด้วยตัวของเขาเอง แต่...พอคนผู้นั้นเป็นมารดาของเขา หยางหมิงเซียนจึงรู้สึกทั้งอึดอัดและรู้สึกเจ็บปวดใจในเวลาเดียวกัน “พี่ใหญ่!” จินเฟยหลงเอ่ยขึ้นหลังจากได้ยินส