เมื่อท้องฟ้ามืดลง...หยงหม่าที่ยืนเคาะประตูเรียกผู้เป็นนายอยู่หน้าห้องมาได้สักพัก แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับกลับมา เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง...
แล้วเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง หยงหม่าก็เห็นผู้เป็นนายนอนหลับอยู่บนเตียงข้างเด็กชายที่มาสลบอยู่ที่ข้างเรือนของเขา แม้ว่าเขาจะไม่พอใจที่ผู้เป็นนายต้องมาคอยดูแลเด็กที่ไหนก็ไม่รู้...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อผู้เป็นนายออกปากจะเป็นผู้ดูแลเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง
หยงหม่าเมื่อเห็นผู้เป็นนายยังนอนหลับอยู่ เขาจึงถอยออกไปจากห้องเพื่อออกไปเตรียมน้ำสำหรับอาบกับสำรับไว้รอผู้เป็นนายตื่น และเขายังต้องออกไปเตรียมข้าวต้มกับยาของเด็กคนนั้นเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจทำ...แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นเดินออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนจึงลืมตาขึ้น เขารู้สึกตัว...ตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่แกล้งหลับต่อไป ตอนนี้ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงกล้าลืมตาขึ้นมามองสำรวจที่ที่เขาอยู่ และจ้องมองเด็กชายที่นอนอยู่ข้างตัวเขา
‘นี่ข้ามานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’
‘แล้วเด็กคนนี้เป็นใคร?’
‘แล้วทำไมเมื่อเช้าเด็กคนนี้ถึงต้องมาดูแลข้าด้วย?’
หยางหมิงเซียนนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ และป้อนยาให้กับเขาโดยไม่มีแววตาที่แสดงให้เห็นความรังเกียจหรือดูแคลนก็แปลกใจ...
เพราะตั้งแต่ที่หยางหมิงเซียนเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อตามหามารดา เขาก็ได้รับแต่แววตาที่แสดงให้เห็นถึงความรังเกียจและดูแคลนจากผู้คนที่นี่ แต่ก็มีบ้างที่มีคนใจดีหยิบยื่นอาหารและน้ำมาให้เขา แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำดีกับเขาขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง หากดูจากใบหน้าของอีกฝ่าย...คนตรงหน้ามีใบหน้าที่เรียวเล็กติดออกไปทางหวานสักหน่อย ริมฝีปากก็มีสีแดงระเรื่อ ส่วนผิวพรรณก็ดูทั้งขาวทั้งซีด...ดั่งคนไม่เคยออกแดดมาก่อน เด็กชายคนนี้คงจะต้องเป็นคุณชายตระกูลไหน...สักตระกูลหนึ่งเป็นแน่
เสียงเปิดประตูดังขึ้น จากนั้นก็มีกลุ่มคนทยอยเดินเข้ามาพร้อมกับถังน้ำและสำรับอาหาร หยางหมิงเซียนจึงรีบหลับตาของตัวเองลงทันที
จินเฟยเทียนงัวเงียตื่นขึ้นมานั่งบนเตียงหลังจากได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้อง แล้วเขาก็เห็นกลุ่มคนทยอยพากันยกของเข้ามาไว้ในห้อง และเพียงไม่นานเขาก็เห็นคนกลุ่มนั้นทยอยพากันเดินออกไปจากห้อง เหลือทิ้งไว้เพียงหยงหม่าที่กำลังจัดวางสำรับให้เขาอยู่
หยงหม่าเงยหน้าขึ้นมาจากสำรับ ก็เห็นว่ายามนี้ผู้เป็นนายของเขาได้ตื่นแล้ว และตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังมองมาทางเขา เขาจึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายพร้อมกับยื่นถุงเงินที่มีขนาดเท่ากันทั้งสองใบให้ผู้เป็นนายทันที
“คุณชายใหญ่ขอรับ นี่เป็นเงินที่คุณชายใหญ่ให้บ่าวนำไปแบ่งขอรับ”
จินเฟยเทียนแม้จะยังงัวเงีย แต่ก็ยื่นมือไปหยิบถุงเงินมาหนึ่งถุง “อาหม่า เงินที่ข้าให้เจ้าจงเก็บติดตัวเอาไว้ให้ดี ห้ามทำหายเป็นอันขาด”
“ขอรับ ขอบคุณขอรับคุณชายใหญ่” หยงหม่านำเงินที่ได้มาเก็บไว้ในเสื้อ แล้วสัญญากับตัวเองว่า...หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่นำเงินถุงนี้ออกมาใช้
“คุณชายใหญ่ขอรับ คุณชายใหญ่จะอาบน้ำก่อนหรือจะรับสำรับก่อนดีขอรับ บ่าวมีให้องครักษ์ช่วยยกน้ำมาเตรียมไว้ให้คุณชายใหญ่เรียบร้อยแล้วขอรับ ส่วนสำรับอาหารก็เตรียมใกล้จะเสร็จแล้วขอรับ”
“งั้นข้าขออาบน้ำก่อนแล้วค่อยมากินข้าว ขอบใจเจ้ามากนะอาหม่า”
หยงหม่าได้ยินดังนั้นจึงก้าวเข้าไปหา หวังจะช่วยปรนนิบัติผู้เป็นนายตอนอาบน้ำดังเช่นที่เคยทำ
จินเฟยเทียนเห็นหยงหม่าขยับเข้ามาใกล้ตนแล้วพยายามที่จะเอื้อมมือมาช่วยเขาปลดชุด เขาจึงรีบร้องห้ามคนตรงหน้าทันที เนื่องจากเขาไม่ชินกับการมีใครมาช่วยเขาอาบน้ำ
“อาหม่า! ไม่เป็นไร เจ้าไปเตรียมสำรับต่อเถอะ เสร็จแล้วก็ไปพักได้เลยนะ”
“คุณชายใหญ่ขอรับ ให้บ่าวอยู่ดูแลคุณชายใหญ่จนเข้านอนก่อน แล้วบ่าวค่อยกลับออกไปพักก็ได้นะขอรับ”
“อาหม่า พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแล้ว หากเจ้ามาคอยดูแลข้า แล้วเมื่อไหร่ตัวเจ้าจะได้พักผ่อน เจ้าควรเก็บแรงไว้ดูแลข้าเวลาเดินทางวันพรุ่งนี้ดีหรือไม่?”
“ขอรับ” หยงหม่าแม้จะอยากอยู่ต่อ แต่เมื่อผู้เป็นนายสั่ง...เขาก็ได้แต่หันกลับมาเตรียมสำรับต่อจนเสร็จ จากนั้นก็ถอยออกไปจากห้องแต่โดยดี
เมื่อเห็นหยงหม่าออกจากห้องไปแล้ว จินเฟยเทียนจึงลุกขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย แต่เมื่อเอี้ยวตัวกลับไปมองที่เตียง ก็ให้ตกใจ! เพราะเด็กชายตัวน้อยที่คิดว่ากำลังนอนหลับอยู่ กลับตื่น...แล้วนอนมองมาที่ตัวเขา
“อ้าว! เจ้าตื่นแล้วหรือเด็กน้อย”
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“แล้วตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
เมื่อเอ่ยถามจบจินเฟยเทียนก็เอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของหยางหมิงเซียนโดยไม่รอฟังคำตอบ
“อืม...เด็กน้อยตัวเจ้าไม่ร้อนแล้วนะ น่าจะใกล้หายแล้วล่ะ”
หยางหมิงเซียนลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามจะกล่าวขอบคุณเด็กชายตรงหน้าแต่เสียงที่เปล่งออกมาก็ยังคงแหบแห้งเหมือนเดิม
จินเฟยเทียนเห็นดังนั้นจึงช่วยรินน้ำแล้วส่งให้เด็กชายบนเตียงดื่ม
“เด็กน้อยเสียงเจ้ายังคงแหบแห้งอยู่เลย ข้าว่าเจ้าพยายามอย่าเพิ่งใช้เสียงเลยนะ” จินเฟยเทียนพูดจบ ก็เห็นเด็กชายพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย เขาจึงยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดู
หยางหมิงเซียนเมื่อได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้า แล้วยังโดนอีกฝ่ายลูบหัวของตัวเองอีก จึงทำให้เขาเผลอจ้องมองคนตรงหน้า...อย่างคนโง่งม
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
ส่วนจินเฟยเทียนก็ยังคงกล่าวต่อไปโดยไม่ได้หันมาสนใจปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กชายตรงหน้าเลย “เด็กน้อยเจ้าหิวข้าวแล้วหรือไม่? หรือเจ้าจะไปอาบน้ำก่อน? แต่...เจ้าเพิ่งฟื้นตัวจากไข้ เจ้าก็คงยังอาบน้ำไม่ได้ งั้นข้าเช็ดตัวให้เจ้าก่อนดีกว่า...แล้วค่อยให้เจ้ากินข้าวกินยา” จินเฟยเทียนพูดเองตอบเอง แล้วจะลุกออกจากเตียงเพื่อไปเตรียมของ แต่ก็ถูกหยางหมิงเซียนเอื้อมมือมาดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่เด็กชายตรงหน้าพูด เขาก็พยายามจะเอ่ยโต้แย้ง แต่ด้วยเสียงที่ออกมากลับแหบแห้งไม่เป็นคำ เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้า...แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมมองมาที่เขาเลย “เด็กน้อย...ตอนนี้ร่างกายของเจ้ามีแต่เหงื่อ ยังไงเจ้าก็ต้องเช็ดตัวเปลี่ยนชุด เจ้าจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น หรือว่า...เจ้าอายข้า” จินเฟยเทียนเมื่อเห็นหยางหมิงเซียนพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เขาจะทำให้ เขาจึงพยายามอธิบายและสังเกตปฏิกิริยาของเด็กชายตรงหน้าไปด้วย แล้วเขาก็ได้เห็นแก้มของเด็กชายที่เริ่มแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วมันไม่น่าจะเกิดจากพิษไข้ หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้าลงจนแทบจะติดเตียง ‘หึๆ
ฟิ้ว! ปึก! เคร้งๆๆ เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นมาจากภายนอกห้อง ปลุกจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนให้ตื่นจากการหลับไหล ด้วยเรือนของหยงหม่าอยู่ห่างจากเรือนหลังอื่นๆ ในหมู่บ้าน และด้านหลังเรือนหลังนี้ก็ยังติดกับป่าจึงไม่ค่อยมีใครผ่านมาทางนี้บ่อยนัก จะมีบ้างก็นานๆ ครั้งที่ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าออกมาขาย ดังนั้นเสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้จึงทำให้จินเฟยเทียนอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ‘ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?’ แต่ยังไม่ทันที่จินเฟยเทียนจะได้หาคำตอบ หยงหม่าและชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องแล้วรีบเดินเข้ามาหาเขาที่เตียง ในมือของคนทั้งสองต่างก็ถือดาบกันคนละเล่ม “คุณชายใหญ่ขอรับ! แย่แล้วขอรับ พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้วขอรับ ตอนนี้พวกองครักษ์กำลังต้านพวกมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาภายในเรือนขอรับ” หยงหม่าพูดพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้ผู้เป็นนายกับเด็กชายที่อยู่บนเตียงข้างนายตน “คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วขอรับ เท่าที่บ่าวสังเกตฝีมือของพวกนักฆ่าน่าจะเป็นพวกมืออาชีพเลยขอรับ พวกองครักษ์อาจจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานขอรับ” “พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้ว
จินเฟยเทียนถึงจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขากลับรับมือกับมันไม่ได้เลย... จินเฟยเทียนที่ยามนี้ทำได้เพียงยืนมองไห่เฟิงกวัดแกว่งดาบรับมือกับนักฆ่าถึงสองคน และยืนมองหยงหม่าที่ถูกนักฆ่าซัดฝ่ามือใส่จนร่างกระเด็นไปสลบอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตอนนี้น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว จินเฟยเทียนพยายามจะเดินเข้าไปหาหยงหม่า แต่นักฆ่าที่ซัดฝ่ามือใส่หยงหม่ากลับเดินเข้ามาขวางเขาเอาไว้ แล้วนักฆ่าคนนั้นก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาจินเฟยเทียนอย่างช้าๆ ไห่เฟิงที่เห็นหยงหม่าพลาดท่าให้กับนักฆ่าไปแล้ว และตอนนี้นักฆ่าคนนั้นก็กำลังจะเข้าไปทำร้ายผู้เป็นนายของเขา เขาจึงพยายามสลัดนักฆ่าสองคนที่พยายามจู่โจมเขาเพื่อเข้าไปปกป้องผู้เป็นนาย แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการต่อสู้ตรงหน้าได้เลย จินเฟยเทียนพยายามก้าวถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากนักฆ่าโดยให้หยางหมิงเซียนหลบไปอยู่ด้านหลังของตนเองอีกที “คุณชายใหญ่! ท่านช่างตายยากตายเย็นเสียจริง ท่านน่าจะตายไปพร้อมกับมารดาของท่านที่ชายป่า ท่านไม่ควรกระเสือกกระสนมาตายไกลถึงที่
ในป่าท้ายหมู่บ้านยามนี้มีเงาดำสี่สายกำลังพุ่งตัวตามเงาดำสายหนึ่งอยู่... ไห่เฟิงหลังจากพาจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนหลบหนีออกมาจากเรือนของหยงหม่าได้ เขาก็รีบพาคนทั้งคู่เข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยใช้วิชาตัวเบาสลับกับการเดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ เพื่ออาศัยความมืดในการพรางตัวเนื่องจากไห่เฟิงได้สูญเสียลมปราณไปกับการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย จึงทำให้เขาในยามนี้ต้องใช้พลังกายและพยายามดึงเอาลมปราณส่วนที่ยังเหลือออกมาใช้ เพื่อพาผู้เป็นนายหลบหนีจากกลุ่มนักฆ่าให้เร็วที่สุด ไห่เฟิงที่รับรู้ว่ายามนี้มีกลุ่มคนกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ เขาจึงกระซิบบอกผู้เป็นนายในอ้อมแขนของตัวเองเบาๆ “คุณชายใหญ่ขอรับ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกติดตามจากพวกนักฆ่า คุณชายใหญ่สงบลงก่อนนะขอรับ” จินเฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับ แล้วพยายามสงบใจของตัวเองลง จากนั้นเขาก็พยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดลอดออกมาได้
จินเฟยเทียนจากที่จะเตรียมตัวทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ก็ต้องหันกลับลงมามองหยางหมิงเซียนที่ยามนี้อีกฝ่ายเอื้อมมือมากอดตัวเขาเอาไว้จนแน่น “เด็กน้อยเจ้า...” “เจ้าไม่กลัวตายหรือ...คนพวกนั้นหวังเอาชีวิตข้าไม่ใช่ชีวิตเจ้า ข้าไม่ต้องการจะให้ใครต้องมาตายเพื่อข้าอีกแล้ว” จินเฟยเทียนพูดทั้งน้ำตาและพยายามแกะมือของเด็กชายที่กำลังกอดเขาอยู่ออก หยางหมิงเซียนพยายามกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาไม่คิดจะปล่อยมือจากคนผู้นี้ เขารู้ว่าหากทำแบบนี้...เขาอาจจะต้องตายไปพร้อมกับคนตรงหน้า แต่จะให้เขาทิ้งอีกฝ่ายไปเพื่อหนีเอาตัวรอดเขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ คนผู้นี้เข้ามาปกป้องเขาจากอันตราย คอยดูแล คอยเอาใจใส่เขา แบบที่ตัวเขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และยามนี้คนตรงหน้าก็ยังพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตของเด็กที่ไม่มีใครต้องการแบบเขาอีก จินเฟยเทียนเมื่อโดนหยางหมิงเซียนกอดแน่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาต้องกา
แสงของดวงอาทิตย์ส่องเข้ามากระทบร่างของเด็กชายสองคนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้หลังพุ่มไม้ใหญ่ จินเฟยเทียนรู้สึกได้ถึงแสงที่ส่องเข้ามากระทบใบหน้าของตนเอง เขาจึงพยายามลืมตาที่หนักอึ้งและปูดบวมของเขาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นสภาพของตัวเองที่กำลังนอนซบอยู่กับบ่าน้อยๆ ของหยางหมิงเซียนและไหนจะแขนขาของเขาที่กำลังกอดก่ายอีกฝ่ายอยู่ แล้วยังมีแขนของเด็กชายที่พาดอยู่ที่เอวของเขาอีก... จินเฟยเทียนค่อยๆ ยกแขนของหยางหมิงเซียนออกจากเอวของเขา จากนั้นเขาก็ยกแขนยกขาแล้วเอาตัวเองลุกขึ้นจากตัวของอีกฝ่ายให้เบาที่สุด ถึงแม้ทั้งเขาและหยางหมิงเซียนจะเป็นเด็กผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่มานอนกอดกันแบบนี้มันก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล ‘แต่มาลองคิดดูอีกที...ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยนอนกอดกับผู้ชายเสียเมื่อไหร่! กับน้องชายของเขาก็เคยนอนกอดแล้วหลับไปพร้อมกันออกบ่อยไป’ เมื่อคิดได้ดังนั้นจินเฟยเทียนก็ลุกขึ้นไปจัดท่านอนให้หยางหม
หยางหมิงเซียนที่แกล้งหลับแต่คอยแอบมองเด็กชายอยู่ตลอดเวลา...เขาได้เห็นว่าอีกฝ่ายเดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ฮึดสู้ จากนั้นอีกฝ่ายก็กลับไปนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แล้วเขาก็เห็นอีกฝ่ายเดี๋ยวก็นั่งขมวดคิ้วคิดหนักบ้าง ทำหน้าตึงเครียดบ้าง ถอนหายใจอยู่คนเดียวบ้าง นี่ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม...แต่อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าออกมาหลากหลาย จนคนแอบมองอย่างเขาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายสามารถเปลี่ยนอารมณ์ไปมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายไม่นั่งจมอยู่กับความเศร้า จินเฟยเทียนหลังจากนั่งใช้ความคิดอยู่นาน เขาก็คิดได้ว่า...สิ่งแรกที่เขาควรทำก็คือการพาหยางหมิงเซียนไปตามทางที่ไห่เฟิงได้บอกเอาไว้เสียก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้หาทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นเขาค่อยกลับมาคิดเรื่องหลังจากนั้นอีกที... หยางหมิงเซียนที่เห็นว่าเด็กชายเริ่มหันมามองทางเขาบ่อยครั้งขึ้น เขาจึงลืมตาของตัวเองขึ้น ขยับตัว แล้วลุกขึ้นมานั่ง จินเฟยเทียนที่หัน
จินเฟยเทียนพาหยางหมิงเซียนเดินลัดเลาะต้นไม้ในป่า ไปทางทิศตะวันออกตามที่ไห่เฟิงบอกไว้ โดยอาศัยดวงอาทิตย์ในการนำทาง ซึ่งในระหว่างที่ทั้งสองคนเดินทางด้วยกันนั้น หยางหมิงเซียนก็ยังคงจับมืออีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้จินเฟยเทียนที่เข้าใจว่าหยางหมิงเซียนยังคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ จึงหันไปเอ่ยปลอบเด็กชายตัวน้อยข้างกาย “หมิงเซียน เจ้าไม่ต้องกลัวนะ...จากนี้ไปเจ้าจะมีเฟยเกออยู่เคียงข้าง คอยดูแลและคอยปกป้องเจ้าเอง” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่จินเฟยเทียนพูด เขาก็หันหน้ากลับไปมองที่อีกฝ่ายทันที ยามนี้เขารู้สึกว่านัยน์ตาของเขาเริ่มร้อนผ่าว เขาจึงรีบก้มหน้าลง... “เฟยเกอ ท่านพูด...” หยางหมิงเซียนที่คิดจะเอ่ยถามว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นจริงหรือไม่? แต่เขาเองก็เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาโดยวัดได้จากสิ่งที่จินเฟยเทียนทำให้เขาเห็นเมื่อคืน เขาจึงไม่คิดจะเอ่ยคำถามต่อจนจบ ยามนี้หยางหมิงเซียนรู
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...