“คุณชายใหญ่ ตื่นแล้วหรือขอรับ”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาไผ่ในห้อง ในมือของอีกฝ่ายมีถาดใส่อ่างล้างหน้ากับชุดน้ำชา เด็กหนุ่มคนนี้มีรูปร่างผอมสูงอายุก็น่าจะมากกว่าร่างที่ไผ่เข้ามาอาศัยอยู่ตอนนี้
หลังจากที่ไผ่ได้นั่งทบทวนความทรงจำของตนเองมาได้สักพัก เวลานี้เขาจะต้องรีบทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า และเมื่อไผ่เริ่มสงบใจของตัวเองได้แล้ว เขาจึงพยักหน้าขึ้นลงหนึ่งครั้ง แล้วดึงเอาคำพูดโบราณที่เขามักจะใช้ในการเขียนนิยายมาลองพูด เพื่อใช้ตอบคำถามของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ข้า...ข้าเพิ่งตื่น” เมื่อพูดจบไผ่ก็สังเกตปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มตรงหน้า และเมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาก็เริ่มรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองสามารถสื่อสารกับคนที่นี่ได้
“คุณชายใหญ่ขอรับ บ่าวไปสอบถามองครักษ์ด้านนอกมาแล้ว เราคงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้อีกแค่สองวันนะขอรับ หากนานกว่านี้เกรงว่าพวกนักฆ่าอาจไล่ตามเรามาทันขอรับ” หยงหม่าพูดพร้อมกับลอบมองสีหน้าของผู้เป็นนายไปด้วย
เมื่อไผ่ได้ยินเรื่องที่เด็กหนุ่มตรงหน้าพูด และได้เห็นแววตาที่อีกฝ่ายใช้มองมาที่เขา เขาก็ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เขาจึงแสร้งทำหน้ามึนๆ แล้วตอบกลับอีกฝ่ายไป “ที่นี่...ที่ไหน?”
หยงหม่ารู้สึกตกใจในคำถามของผู้เป็นนาย เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปจับแขนทั้งสองข้างของผู้เป็นนายไว้
“คุณชายใหญ่ขอรับ...นี่บ้านบ่าวไงขอรับ! คุณชายติดไข้จากเด็กคนนั้นมาหรือขอรับ หรือว่าคุณชายใหญ่จะสะเทือนใจเรื่องท่านแม่ของคุณชายจนล้มป่วยแล้วขอรับ” หยงหม่าร้องไห้อย่างลืมอาย ในใจของเขายามนี้รู้สึกสงสารผู้เป็นนายจนปวดใจ และเขากลัวก็ว่าผู้เป็นนายจะเป็นอันใดไปอีกคน ด้วยร่างกายของอีกฝ่ายนั้นอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“คุณชายใหญ่ขอรับ...ไม่เป็นไรนะขอรับ คุณชายใหญ่ยังมีนายท่านกับคุณชายรอง ‘จินเฟยหลง’ อยู่นะขอรับ”
‘จินเฟยหลง ชื่อนี้คุ้นจังแฮะ!’ ไผ่คิดในใจ
หยงหม่าเริ่มกังวลหนักขึ้น เมื่อเห็นผู้เป็นนายเอาแต่เงียบ
“คุณชายใหญ่ขอรับ! คุณชายใหญ่จินเฟยเทียน”
‘คุณชายรองจินเฟยหลง คุณชายใหญ่จินเฟยเทียน’
อย่าบอกนะว่า...นี่เขาทะลุมิติเข้ามาในนิยายที่ยังแต่งไม่จบของตัวเอง!
และอย่าบอกนะว่า...ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของ ‘คุณชายใหญ่จินเฟยเทียน’ ที่เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ถูกกล่าวถึงในบางตอนของนิยายเพียงเท่านั้น ไม่มีแม้แต่บทสนทนาในนิยายเลยด้วยซ้ำ!
‘ลิขิตรักของท่านแม่ทัพไร้ใจ’ เป็นนิยายแนวจีนโบราณที่ไผ่เป็นคนแต่งขึ้นมา เดินเรื่องโดยพระเอก ‘จินเฟยหลง’ ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น พระเอกของเรื่องมีปมเรื่องครอบครัวในวัยเด็ก จึงทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชาปิดกั้นตัวเองจากผู้อื่น จนคนขนานนามว่า ‘ท่านแม่ทัพไร้ใจ’ แต่เมื่อพระเอกได้พบกับนางเอก ‘หนิงฮุ่ยหลิง’ กำแพงที่เขาเคยสร้างไว้เพื่อป้องกันหัวใจของตัวเองนั้น ก็เริ่มพังทะลายลงพร้อมกับความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคที่โหมกระหน่ำเข้ามารอบด้าน เพื่อที่จะให้พระเอกกับนางเอกได้ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ซึ่งอุปสรรคส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากตัวร้าย ‘หยางหมิงเซียน’
“คุณชายใหญ่...คุณชายใหญ่ขอรับ! หรือท่านจะป่วยจริงๆ บ่าวจะรีบไปตามหมอมานะขอรับ”
แม้สติจะหลุดลอยไปไกล แต่ไผ่ในร่างของจินเฟยเทียนก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้าเอาไว้ “ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องไปตามหมอมาหรอก...อาหม่า”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
ใช่จริงๆ ด้วย ‘หยงหม่า’ เป็นบ่าวคนสนิทของจินเฟยเทียน เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์การช่วยชีวิตตัวร้ายของจินเฟยเทียน และเป็นคนที่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับไปเล่าให้พระเอกฟัง
“อาหม่า เจ้าเลิกร้องไห้ก่อนได้หรือไม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าเป็นถึงคุณชายใหญ่ของจวนแม่ทัพเชียวนะ หากเจ้ายังร้องไห้ไม่หยุด ข้าคงต้องร้องไห้ตามเจ้าเป็นแน่”
‘ตอนนี้ตัวข้าเองก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกอยู่แล้ว’
จินเฟยเทียนที่มีไผ่เป็นไส้ในเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้านั่งร้องไห้ เขาก็อดที่จะสงสารอีกฝ่ายไม่ได้เพราะหากลำดับตามเหตุการณ์ในนิยายแล้ว พวกเขาเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์การหนีตายจากพวกนักฆ่าที่ฮูหยินรองกับอนุสามส่งมาลอบฆ่าฮูหยินเอกกับคุณชายใหญ่...นั่นก็คือเขาในตอนนี้
“อาหม่า เรามาอยู่ที่นี่กันกี่วันแล้วนะ?”
หยงหม่าแม้จะแปลกใจกับคำถามแต่เขาก็ยอมตอบกลับผู้เป็นนายแต่โดยดี “วันนี้เป็นวันที่สองแล้วขอรับ” หยงหม่าตอบอีกฝ่ายพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองไปด้วย
หลังจากที่เขาได้คำตอบไผ่ก็ให้หยงหม่าออกไปทำงานของตัวเองต่อ คล้อยหลังหยงหม่าจินเฟยเทียนคนใหม่ก็หันกลับมาสนใจเด็กชายที่นอนหันหลังให้เขาอยู่...
เด็กชายคนนี้ไม่ต้องเดา เขาก็รู้ว่าเป็นใคร
เด็กคนนี้คือ ‘หยางหมิงเซียนวัยเยาว์’ ตัวร้ายในนิยายของไผ่...ที่องครักษ์ของจินเฟยเทียนไปพบว่ามานอนสลบอยู่ข้างเรือนของหยงหม่า จินเฟยเทียนจึงรับเข้ามาดูแลเพราะความสงสาร
ไผ่นั่งปะติดปะต่อเรื่องราวในนิยายกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
ถ้าตามลำดับเหตุการณ์ในนิยายแล้ว...
นี่เขาทะลุมิติเข้ามาในจุดเริ่มต้นของนิยายเลยนะเนี้ย!
และก็ยังเป็นจุดจบของตัวละครจินเฟยเทียนด้วยเช่นกัน...
ไผ่ที่ตั้งใจจะแต่งตัวละครตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเสียสละชีวิตให้กับตัวร้าย ทำให้ตัวร้ายรู้สึกผิดและติดค้าง และตัวละครนี้ก็ยังเป็นปมครอบครัวในชีวิตของพระเอก...ที่จะทำให้ช่วงท้ายของเรื่อง หลังจากพระเอกรู้ความจริงจึงลงมือจัดการกับตัวร้าย...โดยที่อีกฝ่ายไม่กล้าขัดขืนหรือโต้ตอบ
หากวันนี้เป็นวันที่สองที่พวกเขาหลบหนีจากพวกนักฆ่าตามที่หยงหม่าบอก งั้นก็วันพรุ่งนี้แล้วสินะ ที่จินเฟยเทียนจะต้องทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่แสนดี เสียสละชีวิตของตนเองให้กับหยางหมิงเซียน
‘หึ! เข้ามาที่นี่ได้สองวันก็ต้องตายเสียละ’
ถ้าเขาตายในร่างของจินเฟยเทียนที่นี่ เขาจะได้กลับไปโลกเดิมของตัวเองใช่ไหม?
แล้วถ้าเขาตายไปแล้วตายไปเลย โดยไม่ได้กลับไปโลกเดิมล่ะ!
หรือ...ถ้าเขาไม่ยอมสละชีวิตของตัวเองให้กับตัวร้ายล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น? เนื้อเรื่องในนิยายของเขาจะเปลี่ยนไปไหม?
คำถามมากมายวิ่งเข้ามาในหัวไผ่...
ตกลงพรุ่งนี้เขาจะทำอย่างไรดี?
เสียงครางและเสียงหอบหายใจ เดี๋ยวหนัก เดี๋ยวเบา ของเด็กชายบนเตียงเรียกให้จินเฟยเทียนคนใหม่ตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง จินเฟยเทียนหันกลับมาสนใจเด็กชายบนเตียงอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปจับเด็กชายให้นอนหงาย แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสโดนร่างกายของเด็กชาย มันก็ทำให้เขาไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป... จินเฟยเทียนรีบเอื้อมมือไปหยิบผ้าสะอาดมาชุบน้ำในอ่างล้างหน้าแล้วบิดจนหมาด จากนั้นก็นำไปเช็ดตามหน้าตาและเนื้อตัวของหยางหมิงเซียนวัยเยาว์ เมื่อเช็ดตัวเสร็จเขาจึงประคองอีกฝ่ายขึ้นมาพิงกับอกของตัวเองไว้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปรินน้ำใส่ถ้วยชา ก่อนจะนำมาป้อนให้เด็กชายอย่างช้าๆ เพื่อเป็นการระบายความร้อน แล้วเมื่อให้เด็กชายดื่มน้ำเสร็จแล้ว เขาจึงทำการเปลี่ยนชุดให้กับอีกฝ่ายด้วยเสื้อผ้าที่เขาค้นเจอในห้อง และเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาจึงประคองเด็กชายให้กลับลงไปนอนห่มผ้าเหมือนเดิม จากนั้นจินเฟยเทียนจึงเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น อาการของหยางหมิงเซียนวัยเยาว์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเห็นดังนั้นจินเฟยเทียนจึงกลับมาดูแลร่างกายที่ตัวเองอาศัยอยู่บ้าง เมื่อดูแลร่างกายขอ
จินเฟยเทียนก้มมองมือของตนเอง และยามนี้เขาได้ข้อสรุปให้กับตัวเองแล้ว คือ...เขาจะทำตามเรื่องราวที่ตัวเองแต่ง เพื่อให้นิยายได้ดำเนินต่อไปตามที่มันควรจะเป็น เขาถือว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผู้แต่ง เป็นการเคารพต่อบทบาทของตัวละคร และที่สำคัญหากเขาตายจากที่นี่ เขาอาจจะได้กลับไปยังโลกของตนเอง แต่ถ้าเขาตายแล้วตายเลย ก็ถือเสียว่า...เป็นคราวซวยของเขาแล้วกัน เสียงเคาะประตูดังขึ้นจินเฟยเทียนจึงขานรับ แล้วหยงหม่าก็เดินถือถาดใส่สำรับของเขา และข้าวต้มกับยาของคนป่วยเข้ามา พร้อมกับมาแจ้งเรื่องที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ถึงจินเฟยเทียนจะรู้ดีว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ทำได้เพียงตอบรับคำของหยงหม่าเท่านั้น ในระหว่างที่จินเฟยเทียนนั่งรอหยงหม่าจัดวางสำรับให้เขาอยู่นั้น เขาก็คิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ ในตอนที่เขาเปลี่ยนชุดของตนเอง เขาได้เจอกับถุงเงินของจินเฟยเทียนคนเก่า ด้านในถุงนั้นมีเงินอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวเขาคงไม่มีโอกาสได้ใช้แล้ว ดังนั้นเขาควรจะมอบมันให้กับหยงหม่าและหยางหมิงเซียน ถือเสียว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่เขาพอจะทำก็ได้แล้วกัน “อาหม่า เจ้าช่วยนำเงินในถุงนี้ไ
เมื่อท้องฟ้ามืดลง...หยงหม่าที่ยืนเคาะประตูเรียกผู้เป็นนายอยู่หน้าห้องมาได้สักพัก แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับกลับมา เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง... แล้วเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง หยงหม่าก็เห็นผู้เป็นนายนอนหลับอยู่บนเตียงข้างเด็กชายที่มาสลบอยู่ที่ข้างเรือนของเขา แม้ว่าเขาจะไม่พอใจที่ผู้เป็นนายต้องมาคอยดูแลเด็กที่ไหนก็ไม่รู้...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อผู้เป็นนายออกปากจะเป็นผู้ดูแลเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง หยงหม่าเมื่อเห็นผู้เป็นนายยังนอนหลับอยู่ เขาจึงถอยออกไปจากห้องเพื่อออกไปเตรียมน้ำสำหรับอาบกับสำรับไว้รอผู้เป็นนายตื่น และเขายังต้องออกไปเตรียมข้าวต้มกับยาของเด็กคนนั้นเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจทำ...แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นเดินออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนจึงลืมตาขึ้น เขารู้สึกตัว...ตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่แกล้งหลับต่อไป ตอนนี้ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงกล้าลืมตาขึ้นมามองสำรวจที่ที่เขาอยู่ และจ้องมองเด็กชายที่นอนอยู่ข้างตัวเขา ‘นี่ข้ามานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’ ‘แล้วเด็ก
ส่วนจินเฟยเทียนก็ยังคงกล่าวต่อไปโดยไม่ได้หันมาสนใจปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กชายตรงหน้าเลย “เด็กน้อยเจ้าหิวข้าวแล้วหรือไม่? หรือเจ้าจะไปอาบน้ำก่อน? แต่...เจ้าเพิ่งฟื้นตัวจากไข้ เจ้าก็คงยังอาบน้ำไม่ได้ งั้นข้าเช็ดตัวให้เจ้าก่อนดีกว่า...แล้วค่อยให้เจ้ากินข้าวกินยา” จินเฟยเทียนพูดเองตอบเอง แล้วจะลุกออกจากเตียงเพื่อไปเตรียมของ แต่ก็ถูกหยางหมิงเซียนเอื้อมมือมาดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่เด็กชายตรงหน้าพูด เขาก็พยายามจะเอ่ยโต้แย้ง แต่ด้วยเสียงที่ออกมากลับแหบแห้งไม่เป็นคำ เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้า...แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมมองมาที่เขาเลย “เด็กน้อย...ตอนนี้ร่างกายของเจ้ามีแต่เหงื่อ ยังไงเจ้าก็ต้องเช็ดตัวเปลี่ยนชุด เจ้าจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น หรือว่า...เจ้าอายข้า” จินเฟยเทียนเมื่อเห็นหยางหมิงเซียนพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เขาจะทำให้ เขาจึงพยายามอธิบายและสังเกตปฏิกิริยาของเด็กชายตรงหน้าไปด้วย แล้วเขาก็ได้เห็นแก้มของเด็กชายที่เริ่มแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วมันไม่น่าจะเกิดจากพิษไข้ หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้าลงจนแทบจะติดเตียง ‘หึๆ
ฟิ้ว! ปึก! เคร้งๆๆ เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นมาจากภายนอกห้อง ปลุกจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนให้ตื่นจากการหลับไหล ด้วยเรือนของหยงหม่าอยู่ห่างจากเรือนหลังอื่นๆ ในหมู่บ้าน และด้านหลังเรือนหลังนี้ก็ยังติดกับป่าจึงไม่ค่อยมีใครผ่านมาทางนี้บ่อยนัก จะมีบ้างก็นานๆ ครั้งที่ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าออกมาขาย ดังนั้นเสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้จึงทำให้จินเฟยเทียนอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ‘ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?’ แต่ยังไม่ทันที่จินเฟยเทียนจะได้หาคำตอบ หยงหม่าและชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องแล้วรีบเดินเข้ามาหาเขาที่เตียง ในมือของคนทั้งสองต่างก็ถือดาบกันคนละเล่ม “คุณชายใหญ่ขอรับ! แย่แล้วขอรับ พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้วขอรับ ตอนนี้พวกองครักษ์กำลังต้านพวกมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาภายในเรือนขอรับ” หยงหม่าพูดพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้ผู้เป็นนายกับเด็กชายที่อยู่บนเตียงข้างนายตน “คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วขอรับ เท่าที่บ่าวสังเกตฝีมือของพวกนักฆ่าน่าจะเป็นพวกมืออาชีพเลยขอรับ พวกองครักษ์อาจจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานขอรับ” “พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้ว
จินเฟยเทียนถึงจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขากลับรับมือกับมันไม่ได้เลย... จินเฟยเทียนที่ยามนี้ทำได้เพียงยืนมองไห่เฟิงกวัดแกว่งดาบรับมือกับนักฆ่าถึงสองคน และยืนมองหยงหม่าที่ถูกนักฆ่าซัดฝ่ามือใส่จนร่างกระเด็นไปสลบอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตอนนี้น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว จินเฟยเทียนพยายามจะเดินเข้าไปหาหยงหม่า แต่นักฆ่าที่ซัดฝ่ามือใส่หยงหม่ากลับเดินเข้ามาขวางเขาเอาไว้ แล้วนักฆ่าคนนั้นก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาจินเฟยเทียนอย่างช้าๆ ไห่เฟิงที่เห็นหยงหม่าพลาดท่าให้กับนักฆ่าไปแล้ว และตอนนี้นักฆ่าคนนั้นก็กำลังจะเข้าไปทำร้ายผู้เป็นนายของเขา เขาจึงพยายามสลัดนักฆ่าสองคนที่พยายามจู่โจมเขาเพื่อเข้าไปปกป้องผู้เป็นนาย แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการต่อสู้ตรงหน้าได้เลย จินเฟยเทียนพยายามก้าวถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากนักฆ่าโดยให้หยางหมิงเซียนหลบไปอยู่ด้านหลังของตนเองอีกที “คุณชายใหญ่! ท่านช่างตายยากตายเย็นเสียจริง ท่านน่าจะตายไปพร้อมกับมารดาของท่านที่ชายป่า ท่านไม่ควรกระเสือกกระสนมาตายไกลถึงที่
ในป่าท้ายหมู่บ้านยามนี้มีเงาดำสี่สายกำลังพุ่งตัวตามเงาดำสายหนึ่งอยู่... ไห่เฟิงหลังจากพาจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนหลบหนีออกมาจากเรือนของหยงหม่าได้ เขาก็รีบพาคนทั้งคู่เข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยใช้วิชาตัวเบาสลับกับการเดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ เพื่ออาศัยความมืดในการพรางตัวเนื่องจากไห่เฟิงได้สูญเสียลมปราณไปกับการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย จึงทำให้เขาในยามนี้ต้องใช้พลังกายและพยายามดึงเอาลมปราณส่วนที่ยังเหลือออกมาใช้ เพื่อพาผู้เป็นนายหลบหนีจากกลุ่มนักฆ่าให้เร็วที่สุด ไห่เฟิงที่รับรู้ว่ายามนี้มีกลุ่มคนกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ เขาจึงกระซิบบอกผู้เป็นนายในอ้อมแขนของตัวเองเบาๆ “คุณชายใหญ่ขอรับ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกติดตามจากพวกนักฆ่า คุณชายใหญ่สงบลงก่อนนะขอรับ” จินเฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับ แล้วพยายามสงบใจของตัวเองลง จากนั้นเขาก็พยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดลอดออกมาได้
จินเฟยเทียนจากที่จะเตรียมตัวทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ ก็ต้องหันกลับลงมามองหยางหมิงเซียนที่ยามนี้อีกฝ่ายเอื้อมมือมากอดตัวเขาเอาไว้จนแน่น “เด็กน้อยเจ้า...” “เจ้าไม่กลัวตายหรือ...คนพวกนั้นหวังเอาชีวิตข้าไม่ใช่ชีวิตเจ้า ข้าไม่ต้องการจะให้ใครต้องมาตายเพื่อข้าอีกแล้ว” จินเฟยเทียนพูดทั้งน้ำตาและพยายามแกะมือของเด็กชายที่กำลังกอดเขาอยู่ออก หยางหมิงเซียนพยายามกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาไม่คิดจะปล่อยมือจากคนผู้นี้ เขารู้ว่าหากทำแบบนี้...เขาอาจจะต้องตายไปพร้อมกับคนตรงหน้า แต่จะให้เขาทิ้งอีกฝ่ายไปเพื่อหนีเอาตัวรอดเขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้ คนผู้นี้เข้ามาปกป้องเขาจากอันตราย คอยดูแล คอยเอาใจใส่เขา แบบที่ตัวเขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และยามนี้คนตรงหน้าก็ยังพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตของเด็กที่ไม่มีใครต้องการแบบเขาอีก จินเฟยเทียนเมื่อโดนหยางหมิงเซียนกอดแน่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาต้องกา
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...