บทที่ 2
เดินทาง
ยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้ว
เห็นทีว่าคงต้องรอต่อไป
ภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย
พีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจ
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝนตก
เขาจัดแจงห่มผ้าให้คนข้างกายอย่างดี ในส่วนไหนที่คิดว่าความหนาวเย็นจะแทรกผ่านเข้าไปกระทบกับร่างกายได้ เขาก็จัดการสอดเนื้อผ้ายัดเข้าไประหว่างลำตัวและพนักของเบาะหนัง
ให้วีรกานต์รู้สึกอุ่นที่สุด
“ขอบคุณ” อัลฟ่าชากุหลาบตอบรับการกระทำของเพื่อนอัลฟ่าด้วยรอยยิ้ม พีรยุทธ์มักเป็นเช่นนี้เสมอ ดูแลประคมประหงมอย่างดีเสมือนเป็นพ่อแม่เขา
‘ทุกคนดูสิครับ น้ำใสมากกก ตัวแพก็น่าอยู่ แบบใครต้องการหนีความวุ่นวายในเมืองมาหาที่สงบ ๆ พักผ่อนนะ ผมแนะนำเลย โคตรชื่นใจ’
เสียงผู้บรรยายจากหน้าจอบนคอนโซลรถดังขึ้นทำลายความเงียบ เป็นพีรยุทธ์ที่เร่งเสียงวิดีโอเมื่อครู่เพราะเขาได้ยินคำว่า พักผ่อนในแพ
ล่องแพไม้ไผ่ไปตามสายน้ำ ชมวิวธรรมชาติที่สงบไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง ยามกลางคืนก็หลับนอนไปพร้อมเสียงของเหล่าแมลง
คงสบายใจน่าดู
“ศุกร์นี้ไปกันไหมครับกานต์” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยถามคนข้างกาย เขาค่อนข้างแน่ใจว่าวีรกานต์จะตอบตกลง เพื่อนสนิทของเขาชื่นชอบสายน้ำเป็นไหน ๆ มีหรือที่จะปฏิเสธ
“วันมะรืนอะนะพี” อัลฟ่าชากุหลาบถามกลับเสียงสูง
ที่เที่ยวมันก็อยู่ของมันที่เดิม จะรีบไปไหนกัน
“อืม ไปกันนะกานต์”
“พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาเลย ใครจะดูบ้าน”
“พ่อกับแม่พีก็อยู่ ให้ท่านช่วยดูก็ได้นี่ครับ ยังไงพวกท่านก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
วีรกานต์กรอกตาขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเริ่มใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงหลายส่วนอีกทั้งยังดูออดอ้อนขอร้องไปในตัว
“ไม่ต้องจองแพหรอไง”
“เขาบอกว่าคนไม่ค่อยไปนี่ วอร์คอินเข้าไปก็มีที่ให้นอน”
จากที่ออดอ้อนเพียงน้ำเสียงกลายเป็นการใช้ร่างกายถูไถอย่างแมวน้อย อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอนตัวมาซบที่ไหล่ภายใต้ผ้าห่มของวีรกานต์ ใช้คางเกยไว้แบบไม่ลงน้ำหนักมากเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ดวงตาสีรัตติกาลช้อนขึ้นมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทพลางกะพริบตาออดอ้อนอยู่สองสามที
วีรกานต์รู้ตัวว่าไม่เคยชนะท่าไม้ตายของเพื่อนอัลฟ่าได้ สุดท้ายแล้วยังไงผลสรุปก็คือเขาที่ยอมพีรยุทธ์เสมอมา
“ก็ได้ ๆ แต่รอบนี้พีจ่ายนะ” เขายอมไปด้วยก็จริงแต่ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเผยยิ้มกว้างเมื่อคำตอบเป็นดังใจคิด เขากดริมฝีปากลงไปบนผืนผ้าที่ใช้ห่อหุ้มตัวของเพื่อนไว้แผ่วเบา ได้รับเพียงสายตาคาดโทษกลับมาหากแต่ไร้เสียงเอ่ยห้ามหรือกล่าวเตือน
“ได้ครับ พีจ่ายให้หมดเลย”
ท้องฟ้ายามนี้ถูกระบายด้วยสีฟ้าอ่อนผสมกับสีส้มและขาวอย่างลวก ๆ จุดแต้มสีขาวส่องสว่างระยิบระยับทั้งขนาดน้อยใหญ่มีให้เห็นอยู่ประปราย ประกอบกับบรรยากาศรอบข้างที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงลมจากภายนอกดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ ยิ่งพาให้รู้สึกผ่อนคลาย
พีรยุทธ์บังคับทิศทางของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นไปตามท้องถนนฝ่ามือหนาที่ปรากฎเส้นเลือดสีอ่อนจับแน่นไว้ที่พวงมาลัยรถ อีกข้างกำลังจัดการคลุมผ้าห่มที่ร่วงหล่นลงมาให้กับเพื่อนอัลฟ่าขณะที่เจ้าตัวกำลังเอนกายอยู่ในห้วงของนิทรา ก่อนจะกลับมายกแก้วกาแฟหอมกรุ่นที่เขาแวะซื้อมันมาเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว
เขาเขย่าแก้วร้อนในมือแผ่วเบาพลางพรูลมจากริมฝีปากหนา ปรากฎเป็นไอสีขาวจาง ๆ เพื่อคลายความร้อนไปด้วย
เสียงขยับขยุกขยิกจากฝั่งที่นั่งผู้โดยสารเรียกความสนใจจากสารถีขับรถ อัลฟ่ากลิ่นองุ่นวางแก้วกาแฟที่กำลังจ่อปากลงไว้ที่เดิม แล้วมองคนกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นไปพลาง สลับกับมองถนนที่มีแสงไฟสลัวไปพลาง
วีรกานต์ปรือตามองเพื่อนอัลฟ่าที่ตอนนี้กลายเป็นคนขับรถพลางเปิดปากหาวหวอดอย่างไม่นึกอาย ลำแขนโอบกระชับกอดตัวเองไว้ใต้ผ้าห่มสีเรียบที่คลุมตัวอยู่
"ใกล้ถึงหรือยัง" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยถามเสียงพร่า น้ำสีใสกลิ้งหล่นจากดวงตาเรียกเสียงขันอย่างนึกเอ็นดูจากอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
"อีกสองร้อยกว่าโลเองครับ" เขาตอบพร้อมเอื้อมมือไปจัดผ้าห่มให้เพื่อนอัลฟ่าใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมันร่วงลงมาจากไหล่ข้างซ้าย
"กานต์นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงแล้วพีปลุกนะครับ"
อัลฟ่าชากุหลาบหลับตาลงอย่างว่าง่าย ขาสองข้างภายใต้ผ้าห่มถูกงอขึ้นมาจากเดิมเพื่อหลบหลีกความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เล็ดลอดเข้ามา พีรยุทธ์เห็นดังนั้นจึงจัดการผ่อนอุณหภูมิให้อีกคนได้หลับอย่างสบายตัว
พวกเขาตื่นมาตั้งแต่ตีสาม ซึ่งไม่ใช่เวลาที่คนปกติจะลุกจากเตียงนุ่มมาใช้ชีวิตกัน สองอัลฟ่าจัดเตรียมของใช้จำเป็นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานและบอกกล่าวกับผู้ใหญ่ทั้งสองท่านว่าจะไม่อยู่สามถึงสี่วัน
สถานที่ที่พวกเขาจะไปอยู่ภายในเขื่อนในเขตจังหวัดทางภาคเหนือซึ่งบริเวณนั้นมีอาณาเขตบางส่วนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ด้วย
พีรยุทธ์ได้ติดต่อกับเจ้าของเรือนแพตามเบอร์โทรที่ยูทูบเบอร์แจ้งไว้ให้ในคลิปนั้น เขาเหมาแพขนาดกลางสำหรับสองถึงสี่คนไว้สามวัน ราคาที่เจ้าของแพเช่าแจ้งมาทำอัลฟ่ากลิ่นองุ่นตกใจไม่น้อย มันถูกมากเมื่อเทียบกับบรรยากาศและการบริการที่ทางเจ้าของแจ้งไว้ว่ามีอาหารทะเลให้ทานครบสามมื้อตลอดสามวัน อีกทั้งยังมีบริการพาชมหิ่งห้อยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม และหากอยากล่องแพไปเที่ยวสถานที่อื่นใกล้ ๆ ทางเจ้าของแพก็ยินดีจะนำทางไปเช่นกัน
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนอัลฟ่าคนสนิทว่าสถานที่พักมีบริการอะไรน่าประทับใจบ้าง เขาตั้งใจว่าจะพาวีรกานต์ไปชมหิ่งห้อยที่กลางเขื่อนในคืนพระจันทร์เต็มดวงอันใกล้นี้
แสงสีนวลจากดวงจันทร์ผสานกับแสงสีเหลืองอร่ามคงเป็นภาพที่ชวนให้หลงใหลได้ไม่ยากนัก
แน่นอนว่าเขานัดแนะกับทางเจ้าของเรือนแพถึงเรื่องของวันและเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว
แสงสีเหลืองรำไรลอดผ่านกระจกเข้ามาปลุกคนที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น
ผิวขาวเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อจาง ๆ เมื่อต้องแสงในช่วงสายของวันริมฝีปากของอัลฟ่าขบเม้มตัวเองพลางส่งเสียงอื้ออึงผ่านลำคอ ผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวถูกพับลวก ๆ และยกออกไปวางไว้ที่ประจำของมันทางด้านหลัง เปลือกตาเจือสีแดงอ่อนเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเฮเซลนัทฉ่ำน้ำสีใสที่อยู่ภายใน
มันสวยงามเสียจนอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหายใจสะดุดไปครู่หนึ่ง
“ถึงแล้วหรอ” เสียงแหบพร่าของเพื่อนสนิทเรียกสติของสารถีขับรถให้กลับมาอยู่กับตัว
“ถึงแล้วครับ” พีรยุทธ์เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มบางอย่างทุกที
“ไหนบอกจะปลุกไง” อัลฟ่าชากุหลาบโอดครวญพลางบึนปากออกมาเล็กน้อย เขาจำได้ในช่วงเช้ามืดที่เขาตื่นขึ้นมา เพื่อนอัลฟ่าเป็นคนเอ่ยปากเองว่าหากถึงที่หมายจะปลุกเขา แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้เขานอนตื่นสายจนแดดส่องแบบนี้ แม้จะไม่ได้ร้อนมากเพราะมีร่มเงาของต้นไม้ต้นใหญ่บังให้อยู่ แต่แสงจ้าขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เจ็ดหรือแปดโมงเป็นแน่
“อยากให้กานต์พักผ่อนไงครับ”
“ตามใจจนจะเคยตัวอยู่แล้วนะ” วีรกานต์ส่งเสียงกระปอดกระแปดเบา ๆ หากแต่ระยะห่างเพียงคืบเดียวก็ทำให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินและอมยิ้มออกมา
เขาเดินลงมาจากรถพร้อมเพื่อนสนิท เปิดกระโปรงท้ายเพื่อยกเอาสัมภาระออกมาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในขั้นต่อไปโดยไม่ลืมที่จะกดล็อกอย่างแน่นหนาและเอ่ยปากฝากรถของตนไว้ให้คุณป้าดูแล
สองอัลฟ่าก้าวเดินไปพร้อมกัน จุดหมายคือเรือยนต์ที่มีคุณลุงสตาร์ทเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว ถึงจะเป็นตาแก่สายตาฝ้าฟางหากแต่จดจำรูปร่างของอัลฟ่าร่างหนาตรงหน้าได้ดี
เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อนมีรถยนต์ขับเข้ามาจอดในบริเวณโฮมสเตย์ที่คุณลุงและภรรยาเป็นเจ้าของอยู่ ตอนแรกก็นึกเอะใจเพราะว่าไม่มีการจองบ้านพักล่วงหน้า แต่พอคุณป้าภรรยาคุณลุงได้ยินเสียงที่เอ่ยบอกว่าเหมาเรือนแพกลางเขื่อนเอาไว้ก็จำได้ทันที อัลฟ่าหนุ่มคนนั้นบอกกับพวกเขาว่าอีกสักหนึ่งชั่วโมงถึงจะออกเดินทางเพราะเพื่อนสนิทยังไม่ตื่นจากนิทรา
สองสามีภรรยายิ้มให้อย่างเข้าใจ แอบสงสัยอยู่ในใจว่าใช่เพื่อนสนิทจริงหรือไม่ เด็กแถวบ้านที่เคยเห็นก็มีแต่ไล่ตีเตะกันอยู่ทุกวัน จะมารอให้เพื่อนตื่นเพื่อไปเที่ยวแบบนี้ไม่มีให้เห็นหรอก
หรือเป็นเรื่องปกติของคนในเมือง
หรือเพื่อนคนนั้นเป็นโอเมก้าจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
แต่โอเมก้ากับอัลฟ่าสามารถเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ ในเมื่อธรรมชาติสรรค์สร้างให้พวกเขาเกิดมาเป็นคู่ครองกัน
ในตอนนี้ความคับข้องใจของคุณลุงคลี่คลายลงมาบ้าง เมื่อเห็นว่าอัลฟ่าหนุ่มที่มาคุยกันในตอนเช้านั้นถือกระเป๋าใบโตถึงสองใบ ในขณะที่อีกคนข้างกายหอบกระเป๋าเป้เพียงใบเดียวไว้ในอก
แต่เอ๋...เจ้าเด็กคนนั้นก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกันนี่นา
คุณลุงสะบัดหัวไล่ความคิดที่เริ่มสนใจคนมากกว่างานที่ต้องทำเมื่อสองอัลฟ่าก้าวขึ้นมาบนเรือยนต์แล้วก็เอ่ยปากทักทายอย่างเป็นมิตร ระหว่างเดินทางไปที่เรือนแพกลางเขื่อนจึงมีเสียงพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ของอัลฟ่าสองคนและตาลุงเบต้าแก่ ๆ คนหนึ่ง
ร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงที่หมาย ภาพของเรือนแพขนาดกลางปรากฏแก่สายตาคนทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าอัลฟ่าชากุหลาบจะตื่นเต้นมากกว่าคนข้างกายเป็นเท่าตัว เนื่องด้วยตอนจองที่พักเป็นพีรยุทธ์ที่จัดการทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเอง
ก็รายนั้นบอกว่าจะจ่ายเองหมดนี่นา
ตัวบ้านเป็นไม้เปลือยเปล่า มุงหลังคาด้วยสังกะสีและทับด้วยใบจากอีกชั้นดูคลาสสิค ฐานด้านล่างที่รองรับเรือนไว้เป็นไม้ไผ่ถูกมัดรวมกันจนเป็นแพขนาดใหญ่ บนเรือนแพมีพื้นที่มากพอให้วางเก้าอี้สานและโต๊ะทรงกลมเข้าชุดกันไว้หนึ่งชุด ที่กลางเรือนมีบ่อปลาคราฟขนาดเล็ก มันถูกห้อมล้อมด้วยดอกซ่อนกลิ่นสีขาวสะอาดในกระถางดินเผาจนรอบบ่อ ห่างออกไปไกลพอสมควรจะเห็นเรือนแพอีกหลายสิบลำ หากแต่ระยะห่างที่ทิ้งช่วงไว้มากจึงให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นส่วนตัว
คุณลุงเบต้าจอดเรือยนต์ที่ปีกซ้ายของเรือน พีรยุทธ์เป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นไปบนเรือนแพก่อนจะโน้มตัวลงมาหยิบยกกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดไว้ในมือ
อัลฟ่าชากุหลาบยังคงเหม่อมองทิวทัศน์รอบกายไม่ยอมขยับตัวพาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทลอบอมยิ้มเอ็นดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ของวัน
“มาเร็วครับกานต์ เอาของไปเก็บกัน” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยเรียกวีรกานต์ด้วยรอยยิ้ม
สองอัลฟ่าเอ่ยขอบคุณคุณลุงเบต้าก่อนลาจาก พวกเขาหิ้วกระเป๋าใบโตเข้าไปเก็บในตู้ไม้ใบเล็ก ภายในเรือนมีฟูกขนาดห้าฟุตพร้อมผ้าห่มและหมอนอีกสองใบวางอยู่บนพื้นระแนง ตั่งไม้ขนาดเล็กถูกจัดไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ห้องน้ำถูกแยกเป็นอีกห้องข้าง ๆ ตัวเรือน
“ชอบไหม” พีรยุทธ์ยอบกายลงบนฟูกแล้วเอนตัวลงนอน แขนข้างขวาถูกยกขึ้นไปหนุนนอนต่างหมอน ดวงตาคู่คมปิดลงทันทีเนื่องจากเกิดอาการล้าหลังเดินทางไกล
“ชอบ สวยดี” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยตอบพลางสาวเท้ามานั่งลงที่ข้างฟูก
พีรยุทธ์ยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ อย่างไรวีรกานต์ก็ต้องชอบมันเมื่อสถานที่แห่งนี้มีแต่สายน้ำที่เจ้าตัวหลงใหลโอบล้อมกาย
“พีขอพักสายตาสักแปปนะครับ”
“นอนไปเถอะ เดี๋ยวกานต์ออกไปนั่งเล่นข้างนอก”
“กอดได้ไหมครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางขยับพลิกตัวหันตะแคงข้าง ช้อนสายตาขึ้นมองสบกับนัยน์ตาสีเฮเซลนัทของวีรกานต์
"เหนื่อยก็นอนไป กอดแล้วมันจะนอนสบายตัวไหม" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยขัดทันที ดูก็รู้ว่าเหนื่อยกับการเดินทางมากแค่ไหน ขับรถตั้งแต่เช้ามืดโดยไม่พัก ดวงตาคู่คมก็อ่อนล้าเสียขนาดนั้น
เจ้าเพื่อนอัลฟ่าบึนปากแล้วหลบสายตาฝั่งใบหน้าคมลงฟูกอย่างแง่งอน "นอนก็ได้ครับ"
วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้า เพื่อนอัลฟ่าของเขาเริ่มแสดงท่าทีเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กซุกซน
หากเป็นเวลาปกติก็จะไม่ยอมให้แตะเนื้อตัวเท่าไหร่ อย่างวันที่พีรยุทธ์แอบย่องเข้าไปนอนกับเขาในวันนั้น ถึงวีรกานต์จะแกล้งแหย่ว่าจะกอดปลอบแต่เจ้าตัวก็ยังโอดครวญว่าไม่ต้องการ
แล้วดูตอนนี้สิ
พอเหนื่อยก็มาอ้อนขอนอนกอด
ยังคงเป็นเด็กชายองุ่นเสมอ
"อย่างอน มากอดก็ได้มา เดี๋ยวกานต์เล่นโทรศัพท์รอ" สุดท้ายก็เป็นวีรกานต์ที่แพ้ให้ลูกอ้อนของเพื่อนอัลฟ่าทุกครั้งไป
อัลฟ่าชากุหลาบเอนกายลงนอนที่ว่างข้าง ๆ เขาตะแคงตัวหันเข้าหาเพื่อนตัวดี แขนข้างหนึ่งถูกยกให้พีรยุทธ์ใช้หนุน อีกข้างก็โอบรอบลำตัวหนา ออกแรงรัดวงแขนให้กระชับมากกว่าปกติอย่างหมั่นไส้ก่อนจะคลายออกให้สารถีขับรถจำเป็นเมื่อชั่วโมงก่อนได้พักผ่อนให้เต็มที่
พีรยุทธ์ก็ใช้ลำแขนพาดไว้บนเอวของอัลฟ่าชากุหลาบ เนื่องจากในตอนนี้ตนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า วีรกานต์จึงถือโอกาสวางคางเกยไว้บนหศีรษะที่เส้นผมสีดำสนิทถูกเสยขึ้นมา
ลมหายใจอุ่นที่สัมผัสได้ตรงช่วงลำคออย่างสม่ำเสมอทำให้วีรกานต์รู้ว่าขณะนี้เพื่อนอัลฟ่าของเขาได้เข้าสู่นิทราแล้วแม้เวลาจะผ่านไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น
จากตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลานี้ไล่ตอบคำถามของนักเรียนที่ส่งเข้ามาถามในเรื่องเรียน แต่ตอบไปได้เพียงแค่สองคนก็จำต้องวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างฟูก
แม้จะเป็นช่วงใกล้เที่ยงวันแต่วีรกานต์กลับไม่รู้สึกร้อนหรือสัมผัสได้ถึงความอบอ้าว กลับกันเขารับรู้ได้เพียงสายลมเย็นฉ่ำที่พัดผ่านหน้าต่างไม้เข้ามา นับว่าสถานที่แห่งนี้บรรยากาศดีมากจนทำให้อัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการง่วงงุนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาเพิ่งจะตื่นเมื่อชั่วโมงก่อน แต่กลับรู้สึกอยากนอนอีกแล้ว
วีรกานต์กระชับวงแขนอีกครั้ง นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของอัลฟ่ากลิ่นองุ่น ก่อนเปลือกตาจะปิดลงพร้อมลมหายใจที่ผ่อนออกมาอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับพีรยุทธ์
#พีขอโทษ
เจ้าลูกหมามันเอาใหญ่แล้วค่ะแม่แม๊
TW : dao_jun000
บทที่ 3ดูดาวบนเกาะดวงอาทิตย์กำลังบอกลาขอบฟ้าเหลือไว้เพียงแสงสีส้มแกมน้ำเงินเข้ม เสียงนกแขวกดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะแต่เพียงแผ่วเบา พวกมันกำลังออกล่าอาหารมื้อค่ำก่อนกลับรังบนต้นไม้ใหญ่ในระแวกเขื่อนสายลมเย็นในช่วงค่ำพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดแง้มไว้เข้ามา ปลุกให้สองอัลฟ่าบนฟูกสีสะอาดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราวีรกานต์ปรือตามองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปมากจากความทรงจำครั้งล่าสุดบ่งบอกว่าในขณะนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วเขาปิดปากหาวหวอดไปทีจนมีน้ำสีใสฉ่ำรอบดวงตา ตั้งใจว่าจะลุกออกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่อากาศภายนอกจะอุณหภูมิต่ำลงมากกว่านี้อัลฟ่าชากุหลาบกับอากาศหนาวเย็นไม่ใช่สิ่งคู่กันแต่ก่อนจะยันตัวขึ้นก็ต้องจัดการพันธนาการที่โอบรอบเอวนี้ไว้เสียก่อนจากตอนแรกที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายโอบกอดกันและกันก่อนเข้าสู่นิทรา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงอัลฟ่าผมสีคาราเมลเท่านั้นที่ถูกวงแขนของเพื่อนตัวดีโอบรัดร่างกายเอาไว้รัดแน่นเป็นงูเสียด้วย“พี เย็นแล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยกระซิบบุคคลด้านหลังหากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงการขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยและเสียงครางฮึมฮัมเป็นสัญญาณตอบกลับมา
บทที่ 4 หิ่งห้อยกลางเขื่อน_______หลังจากเสร็จสิ้นการดูดาวเมื่อคืนนี้ สองอัลฟ่าก็พากันกลับไปที่จุดนัดพบกับคุณลุงเบต้าและพบว่าชายชราตั้งท่ารอคนหนุ่มทั้งคู่อยู่ก่อนแล้วแต่อาจจะด้วยอากาศที่เย็นสบายตัวและเป็นช่วงเวลาใกล้เข้าวันใหม่เต็มทีทำให้ฝ่ายของอัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการสัปหงกอยู่หลายครั้งจนพีรยุทธ์สังเกตเห็นเลยคว้าเอาตัวคนข้างกายมาไว้ในอ้อมกอดหวังให้อีกคนได้หลับนอนอย่างสบายไม่วายถูกคุณลุงเบต้าที่นั่งบังคับหางเสืออยู่ด้านหลังเอ่ยแซวว่าเป็นคู่รักที่หวานกันเสียจริง ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหูแดงเถือกลนลานรีบปฏิเสธในทันทีว่าเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้นแต่อย่างไรเสียในสายตาของชายชราที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายสิบปีก็ดูออกว่าคนทั้งคู่มีใจให้แก่กันอัลฟ่าแล้วอย่างไรโลกนี้เขาไปถึงไหนกันแล้วพีรยุทธ์ปฏิเสธคุณลุงไปอีกรอบว่ามีเพียงตนที่แอบรักอยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาชายชราขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมรามือไป แต่ภายในใจยังคงครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากกัน คนนอกอย่างเขายังมองรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีใจแต่เอาเถอะ...คนแก่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนหนุ่มเมื่อมาถึงเรือนแพของสองอัลฟ่า พีรยุทธ์เอ่ยเรียกอัลฟ่า
บทที่ 5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์__________หลังจบทริปพักผ่อนที่เขื่อนต่างจังหวัด สองอัลฟ่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงสายของวันถัดมา วีรกานต์ถูกพ่อแม่เอ็ดเสียยกใหญ่ว่าไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว แต่ก็ได้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นมาช่วยพูดให้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ชวนอีกฝ่ายออกนอกสถานที่ไปหลายวันเมื่อการพักผ่อนจบลงก็ถึงคราวต้องกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขานั่งตรวจการบ้านของนักเรียนตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงมามากโข แม้จะรู้สึกหิวอยู่บ้างแต่เขาก็ยังไม่ยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนอนเสียทีงานค้างเป็นกอง ไม่น่าหนีเที่ยวเลยวีรกานต์วีรกานต์ถอนหายใจ หากเขาพูดประโยคนี้ให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินมีหวังโดยงอนเป็นแน่ แต่ก็คงนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวสักสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ สี่ชั่วโมงเป็นอย่างมากก็จะกลับมาพูดคุยกับเขาดังเดิมเขาหันมองด้านขวามือที่เป็นประตูกระจกใสกันไว้ระหว่างห้องนอนของเขาและพีรยุทธ์ มันมีผ้าม่านสีขาวคลุมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวและตาข่ายดักฝันสีเดียวกันห้อยไว้ประตูนั้นไม่เปิดมาสองวันแล้วตั้งแต่กลับมาเขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะงานท่วมหัวไ
บทที่ 6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ_______ไม่มีทางอัลฟ่าไม่มีทางมีเขี้ยวจริงอยู่ว่าบรรพบุรุษมีเชื้อนักล่าอย่างหมาป่าแต่พวกเขาไม่ได้ฝากสัญลักษณ์ที่น่าเกรงขามนี้ไว้ให้ลูกหลานหรือใครหน้าไหนทั้งนั้นเว้นเสียแต่...เชื้อสายบริสุทธิ์อีนิกม่า....ต้องไม่ใช่สิในขณะที่วีรกานต์กำลังจมอยู่กับความคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทิ้งน้ำหนักตัวลง แนบใบหน้าดุดันไปกับแผงอกของเขานั่นทำให้วีรกานต์รู้ว่าพีรยุทธ์ยังคงมีสติแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามอัลฟ่าชากุหลาบเม้มปากแน่น พยายามควานหาเสียงของตนให้เจอเพื่อถามไถ่อีกฝ่าย หากแต่เสียงคำรามแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามในลำคอของอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นก็ทำให้วีรกานต์หายใจติดขัดไปชั่วครู่ ไม่กล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไปอย่างนึกกลัวข้อมือหนาของอัลฟ่าชากุหลาบยังคงถูกตอกตรึงไว้แน่นบนที่นอนด้วยมือที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงที่ผ่อนลงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาวีรกานต์เม้มปากแน่นอีกครั้งอย่างประมาท ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระส่ำเพราะนึกหวั่นเกรงอีกฝ่าย เขาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและพยายามหาเสียงตัวเอ
บทที่ 7คืนเสพเพศหลังกลับจากห้องนอนของพีรยุทธ์ อัลฟ่าชากุหลาบก็คล้ายว่าจะอยู่ไม่สุข เขานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนนุ่มเพราะกลิ่นฟีโรโมนของอีกคนมันกระจายเล็ดลอดเข้ามาวีรกานต์พยายามทำเป็นไม่สนใจกลิ่นหอมนั้น ผ้าห่มนวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึงปลายเท้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอัลฟ่าของตนรับรู้ถึงกลิ่นหอมยั่วยวนของพีรยุทธ์นี่มันบ้ามากพีรยุทธ์มีอาการรัทที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็น เขาเองก็เป็นอัลฟ่าจึงรู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงอารมณ์ร้อนวูบวาบในช่องท้องเพราะสูดดมกลิ่นไวน์องุ่นของอัลฟ่าที่กำลังอยู่ในช่วงรัทเข้าปอด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ลำคอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำพาให้ร่างกายเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนี่เขามีอารมณ์กับฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันงั้นหรือบ้าไปแล้วในขณะที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงกึกกักที่บานประตูกระจกก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวีรกานต์ให้โผล่ศีรษะออกมานอกผ้าห่มแล้วชะเง้อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขารับรู้เพียงการสั่นไหวของประตูเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมีม่านสีขาวปิดบังการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งไว้ อัลฟ่าชากุหลาบจึงคิดว่า
บทที่ 7คืนเสพเพศ (ต่อ)________“จูบกานต์” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบชิดริมฝีปากหนา ค่อย ๆ ขยับกายเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้ปากงับเบา ๆ“กานต์...” พีรยุทธ์เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเลื่อนลอย เขามองสบเข้าไปในนัยน์ตาสีเฮเซลนัทก่อนจะพบว่าในแววตาคู่นั้นไม่ปรากฏแววล้อเล่นเลย“จูบสิ” วีรกานต์ท้าทายอัลฟ่ากลิ่นไวน์องุ่นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกอีกฝ่ายเชิญชวนคนที่เขาแอบรักมาแสนนานกำลังบอกให้เขาประทับจูบลงไปนี่มันเกินคาดไปมากเขาฝันอยู่หรือเปล่าวีรกานต์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนตรงหน้ายังมีท่าทีเฉยเมยแต่ดวงตากลับแสดงออกมาว่าเจ้าตัวตื่นเต้นและตกใจจนเห็นได้ชัด “ทำไมไม่...”ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยจบประโยค ริมฝีปากหนาของอัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกันด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรแม้จะตกใจอยู่บ้างที่ถูกจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเอง แต่เขาก็ตอบรับสัมผัสของพีรยุทธ์ได้ดีจนคนมอบจูบครางเครือในลำคออย่างพอใจริมฝีปากหนาขบเม้มกลีบปากทั้งบนและล่างของอัลฟ่าชากุหลาบอย่างคนกระหาย ดูดดึงจนได้ยินเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังก้องห้องสี่เหลี่ยมฟีโรโมนกลิ่นองุ่นแล
บทที่ 8 รู้สึกผิด_____เสียงโครมครามของท้องฟ้าดังสนั่นในยามสายของวัน เมฆสีดำสนิทเคลื่อนลงต่ำบดบังแสงสีเหลืองทองจากดวงอาทิตย์สายฝนสาดกระหนำเทลงมาอย่างหนัก หยดน้ำเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่างส่งเสียงดังเปาะแปะ ไม่รู้ว่าพายุเข้าหรือไม่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบติดตามข่าวสารมากนักพีรยุทธ์เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาที่ปรากฏแววความอ่อนล้ากวาดมองไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนพลันความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุกลำคออัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังคงนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงนอนสีขาวข้างกายมีวีรกานต์ที่เป็นเจ้าของห้องกอดก่ายร่างหนาของตนอยู่รอยกุหลาบสีช้ำยังมีให้เห็นเป็นจ้ำ ๆ ตามเรือนร่าง อีกทั้งรอยแดงจากการบีบเค้นก็ยังหลงเหลือให้เห็น ยิ่งพาให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่หลังเสร็จกิจเมื่อคืนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ วีรกานต์ก็หมดสติฟุบหลับไปทันที เขารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนหลับอย่างสบายตัว เสื้อยืดและกางเกงถูกสวมให้อัลฟ่าชากุหลาบคลายความหนาวแล้วห่มผ้าห่มนวมทับอกให้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะตระกองกอดร่างที่หลับใหลนั่นไว้ทั้งคืนรอยแด
บทที่ 9 อัลฟ่า...ฮีท?_______กานต์จะยังโกรธเขาอยู่ไหมเป็นเวลากว่าสองวันที่พีรยุทธ์หมกตัวอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของตนไม่ออกไปพบปะใครเว้นแต่ตอนกินข้าว ซึ่งผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดสังเกตแต่อย่างใด เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นเวลาสองวันที่เขานอนไม่ลง แม้จะรู้สึกง่วงงุนจนตาแทบปิดแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับได้ป่านนี้แล้ววีรกานต์จะเป็นเช่นไรบ้างตามร่างกายยังมีรอยแดงช้ำอยู่หรือไม่แล้วจะยังโกรธเคืองกันอยู่หรือเปล่าทุก ๆ คำถามล้วนต้องการคำตอบจากคน ๆ เดียว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่พีรยุทธ์นั่งกอดเข่าพิงขาเตียง ดวงตาสีรัตติกาลที่เคยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมองประตูกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยอาการเม้มปากแน่น เนื่องจากมีผ้าม่านสีขาวปิดทับไว้อีกชั้นจากฝั่งของวีรกานต์ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนภายในห้องนั้นแต่กลิ่นชากุหลาบของวีรกานต์ก็จางลงไปมากจนแทบไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านแล้ว...วีรกานต์ได้ล็อกประตูไว้หรือไม่ความคิดกระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาอัลฟ่ากลิ่นองุ่นชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ใจหน
Special 2 บันทึกของพีและกานต์ _______ตั้งแต่จำความได้เขาก็ตัวติดกับวีรกานต์แล้ว อาจจะเพราะเรียนชั้นเดียวกันและอายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนทำให้พวกเราสนิทกันมากแต่เพราะความเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเป็นกังวลว่าหากวันใดที่พวกเขาเกิดบาดหมางกันขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากอัลฟ่ามักหวงถิ่นและไม่ค่อยชอบใจนักที่มีอัลฟ่าอีกหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของตนแต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นพีรยุทธ์และวีรกานต์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกันสักครั้ง อย่างมากก็แค่ออกอาการแง่งอนตามประสาซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่าคนน้องหลายครั้งอาจมีการลงไม้ลงมือบ้างแต่ไม่ใช่การทำร้ายกัน เป็นพีรยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองหรือข้าวของต่าง ๆ เพราะอัลฟ่าคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และทุกครั้งคนที่ทำให้สงบลงได้ก็เห็นจะมีแค่เพียงอัลฟ่าคนพี่อย่างวีรกานต์เท่านั้นห้องนอนถูกทุบกำแพงทิ้งเพื่อติดตั้งประตูกระจกตามคำเรียกร้องของสองอัลฟ่าวัยอนุบาล ในตอนแรกความคิดนั้นถูกขัดขึ้นมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่อัลฟ่าคนน้องก็ปล่อยโฮจนคนเป็นแม่อ่อนใจ คนพี่ก็ไม่คิดเอ่ยขัดน้องมันจึงลงเอยด้วย
Special 1 กานต์อยากให้ทำ _______ ยามนี้ท้องฟ้าถูกระบายไปด้วยสีดำสนิท มีจุดสีขาวแต้มไปทั่วให้ความสว่างควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์บนท้องถนนและตามตึกราต่าง ๆ ภายในห้องนอนของคอนโดใจกลางเมืองมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา สองร่างของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ากอดก่ายมอบความอบอุ่นให้แก่กันอย่างเช่นทุกวัน ที่ด้านข้างเตียงมีที่นอนขนาดเล็กถูกล้อมไว้ด้วยแผ่นไม้หลายซี่จนกลายเป็นกรงขนาดย่อม ด้านในมีฟูกหนารองรับ หมอนข้างอันเล็กถูกวางกั้นไว้ทั้งสี่ทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยด้านในกลิ้งกระแทกจนเจ็บตัว ผ้าห่มผืนสะอาดก็คลุมอยู่บนตัวของเด็กชายโอเมก้าวัยห้าเดือนเศษ โอเมก้าน้อยอยู่ในชุดสีครีมนวล มือและเท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มไว้ด้วยถุงผ้าขนาดพอดีข้อมือข้อเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยซุกซนจิกเล็บบนเนื้อตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดพริ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หากใครได้เห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถอดแบบคนเป็นแม่มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว ประกอบกับพวงแก้มคล้ายลูกซาลาเปานั่นยิ่งทำให้โอเมก้าน้อยดูน่าเอ็นดูเป็นไหน ๆ น่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อออกอาการหวงลูกชายตั้งแต่
บทที่ 26 คุณพ่อและคุณแม่ (end)_______การสังสรรค์มื้อค่ำจบลงตอนใกล้เข้าวันใหม่ คุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนช่วยกันเก็บล้างจานชามและสถานที่ทานอาหารด้านหน้าของบ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาววัยกลางคนกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนพวกเขาจะตามไปบ้างพีรยุทธ์อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในห้องของคุณแม่โอเมก้าระหว่างรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกายดับกลิ่นควันกลิ่นอาหารก่อนเข้านอน ซึ่งเขาอาบน้ำมาแล้วก่อนหน้า เมื่อจัดการตัวเองเสร็จสรรพจึงได้ถือวิสาสะเข้าห้องวีรกานต์มานั่งรอไม่นานจมูกโด่งก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และฟีโรโมนชากุหลาบก่อนดวงตาสีรัตติกาลจะเห็นว่าวีรกานต์กำลังสาวเท้ามาทางตน รอยยิ้มบางผุดขึ้นทันทีแล้วรีบเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง ท่อนแขนหนาอ้าออกกว้างเพื่อรับเอาคุณแม่โอเมก้ามาไว้ในอ้อมกอดซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีวีรกานต์ทรุดกายลงนั่งบนที่นอนนุ่มโดยมีคุณพ่ออัลฟ่าเกาะเกี่ยวอยู่ไม่ห่าง เขาวางกองผ้าที่หอบมาไว้ริมที่นอน จัดการตำแหน่งให้พวกมันโอบล้อมตัวเองตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ทั้งหมดนั้นเป็นเสื้อผ้าของพีรยุทธ์ที่เขาขอจากอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อครู่เขานำมันเข้าห้องน้ำไปด้วยเพร
บทที่ 25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน_______เป็นอีกวันที่หนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่านอนกอดก่ายมอบความอบอุ่นให้กันจนเช้า อันที่จริงต้องบอกว่ามันสายสักหน่อยเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้วยิ่งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมากว่าจะกล่อมกันนอนได้คุณแม่โอเมก้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อปลอบประโลมพีรยุทธ์ที่ยังอยู่ในห้วงของความกังวลและความกลัว กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงสงบลงได้โดยที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแต่วีรกานต์ก็ต้องลำบากอีกครั้งเมื่อถูกกอดรัดไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย แต่หากถามว่าเขายอมหรือไม่ก็ตอบได้ทันทีเลยว่ายอมด้วยความเต็มใจดีเสียอีก...มีกลิ่นฟีโรโมนของพีรยุทธ์โอบล้อมกายทั้งหอมทั้งผ่อนคลาย"...หอมจัง" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยกระซิบข้างใบหูของวีรกานต์อาจเป็นเพราะเมื่อคืนใช้เสียงกับการร้องไห้ไปมากมันเลยส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ไม่ว่าเปล่า จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของฟีโรโมนชากุหลาบตามลำคอขาวแล้วไล่พรมจูบไปตามลาดไหล่มนที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา ท่อนแขนหนาก็กระชับกอดรัดคุณแม่โอเมก้าไว้แน่น"พอแล้วพี" แม้จะชอบใจที่ถูกกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์โอบล้อมกายแต่ตอนนี้เป็นเวลาสายมากแล้ว พวกเขาทั้งคู่ควรลุกจาก
บทที่ 24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน______คืนนี้ไม่มีพระจันทร์คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน มีเพียงแสงไฟประดิษฐ์ที่ประดับประดาอยู่บนท้องถนนและตามตึกสูงใหญ่ เป็นเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลสักวินาทีเดียวมื้อเย็นวานก่อนผ่านไปได้ไม่ดีนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยากทานอาหารต่อ บนโต๊ะอาหารจึงจบลงด้วยการแยกย้ายกันโดยที่พีรยุทธ์เดินไปส่งคุณแม่โอเมก้าเข้าห้องนอนแล้วกลับมาเคลียร์โต๊ะอาหารเมื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็เตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน แม้จะฟูมฟายเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียเสียจนอยากจะล้มตัวลงนอนมันตรงนั้นมือหนาของอัลฟ่าเอื้อมเปิดประตูแผ่วเบา พยายามอย่างมากไม่ให้มันเกิดเสียงดังรบกวนคุณแม่โอเมก้าที่น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทราแสนหวานด้านในพีรยุทธ์งับประตูลงแล้วสาวเท้าพาตัวเองมายืนข้างเตียง ดวงตาสีรัตติกาลมองผ่านความมืดไปหาคนบนเตียง บนนั้นมีร่างของคุณแม่โอเมก้านอนอยู่ ข้างกายทั้งสองฝั่งมีกองเสื้อผ้าขนาดย่อมโอบล้อมไว้ ทั้งหมดนั่นเป็นเสื้อที่คุณพ่ออัลฟ่าใส่แล้วทั้งนั้น อีกทั้งในอ้อมแขนยังมีเสื้อเชิ้ตที่เขาเพิ่งใส่เมื่อเช้าถูกกอดรัดไว้จนแน่นอีกด้วยวีรกานต์เป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปด
บทที่ 23 ไม่เอาแล้ว_______อัลฟ่ากลิ่นองุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เขาเลือกเป็นผัดผักและต้มจืดวุ้นเส้น เมนูง่าย ๆ ที่เบาท้องแต่ให้สารอาหารครบครันสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้วีรกานต์แยกตัวไปอาบน้ำ เขาจึงรีบเร่งฝีมือทำอาหารให้เสร็จทันก่อนที่อีกฝ่ายจะทำธุระเสร็จ เพราะเขายังรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเวลาคุณแม่โอเมก้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเพียงลำพัง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดแล้วเขาไม่ได้ยินหรือรับรู้เพราะอยู่ด้านนอกก็แค่ความกลัวที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำอะไรช้ากว่าวีรกานต์ไปเสียหน่อย เพราะคุณแม่โอเมก้าเดินเข้าห้องครัวมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหารแล้วอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนผ้าลื่นสีอ่อน มันยิ่งขับให้ผิวของคุณแม่โอเมก้าขาวขึ้นมากกว่าเดิม ประกอบกับเรือนร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่าเอ็นดูในสายตาของพีรยุทธ์อัลฟ่ากลิ่นองุ่นหันมาส่งยิ้มบางให้ผู้มาใหม่ก่อนจะกลับไปปิดเตาแก๊สแล้วจัดการเทอาหารลงจานพร้อมกับเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ ให้กับวีรกานต์คุณแม่โอเมก้าทำเพียงยกยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเงียบ ๆ โดยมีอัลฟ่ากลิ่นอง
บทที่ 22 เพราะเขาเองที่เห็นแก่ตัว_______มือเช้าของวันผ่านไปได้ด้วยดีแต่ก็ออกจะช้ากว่าเวลาปกติไปมากเพราะพีรยุทธ์แทบไม่ยอมให้คุณแม่โอเมก้าทำอะไรเลยแม้กระทั่งเลือกสรรเสื้อผ้ามาใส่เองวีรกานต์ใช้เวลาอาบน้ำเพียงสิบนาที เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่นนั่งรออยู่ปลายเตียง เขาตกใจจนท่อนขาหยุดขยับอัตโนมัติแล้วกระชับผ้าขนหนูที่พาดไว้บนไหล่ให้มันเคลื่อนมาปกปิดช่วงอกเพราะยังติดกลิ่นองุ่นของพีรยุทธ์อยู่ เขาจึงนำมันเข้าไปด้วยเพื่อความสบายใจของตัวเอง จึงกลายเป็นว่าเขาเอาผ้าขนหนูไปอาบน้ำด้วยถึงสองผืน ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงเรื่อก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบได้ตัวไหนก็จับมากอง ๆ รวมกันไว้แล้วตั้งท่าจะเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่ก็ถูกอัลฟ่าร่างหนายืนจังก้าขวางทางไว้ จะไปซ้ายไปขวาก็หาทางไปไม่ได้เสียทีเขาไม่ได้ใจกล้าพอที่จะเปิดเปลือยแล้วสวมชุดมันตรงนั้นหรอกนะพีรยุทธ์หยิบกองเสื้อผ้าบนท่อนแขนของวีรกานต์มาถือไว้แล้วตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า ยืนมองแล้วจับสัมผัสเนื้อผ้าแต่ละชิ้นเมื่อเลือกได้ก็เอามาพาดแขนไว้แต่พอเจอตัวที่ถูกใจกว่าก็เอาไปเก็บไว้ที่เดิม ทำแบบนั้นวน ๆ อยู่หลายนาทีจนคุณแม่โอเมก้
บทที่ 21 คุณพ่อหวั่นกลัว_______อัลฟ่าร่างหนาเปิดเปลือกตาแล้วค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นยืนไม่ให้รบกวนวีรกานต์ที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา พลางบิดกายเล็กน้อยเพื่อไล่อาการเมื่อยขบที่กัดกินตามตัวโดยเฉพาะท่อนแขนด้านซ้ายก็คุณแม่โอเมก้าเล่นนอนทับมันทั้งคืน ไม่ปวดไม่เมื่อยเลยก็คงจะเกินไปหน่อยแต่เขาไม่คิดโทษอีกฝ่ายหรอกนะใบหน้าสวยนั่นยกยิ้มบางเมื่อได้ใกล้ชิดเขาแล้วได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานที่ตัวเองชอบใจก็พาลให้สติเลือนหายไปได้ในเวลาไม่นาน ในตอนแรกนอนหันหลังให้พีรยุทธ์กกกอดแต่พอช่วงดึกอากาศก็โรยตัวเย็นลงอีกฝ่ายจึงได้หันกลับมาซุกแผ่นอกหนาแล้วหลับไปจนกระทั่งตอนนี้แปดโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ตี่นจากห้วงฝันคุณพ่ออัลฟ่ายกยิ้มบางขณะมองวีรกานต์ที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนวมผืนหนาก่อนจะสาวเท้าไปทางระเบียงห้องแล้วจัดตำแหน่งของผ้าม่านให้มันปิดสนิทเพราะเขาไม่ต้องการให้แสงแดดจากภายนอกสาดส่องเข้ามารบกวนเวลานอนของคุณแม่ลูกอ่อนโอเมก้าที่กำลังอุ้มท้องต้องการการพักผ่อนมากเป็นพิเศษ ประกอบกับคืนที่ผ่านมาเขาพาอีกฝ่ายเข้านอนดึกมากไปหน่อย เวลานี้จึงอยากให้วีรกานต์หลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายพีรยุทธ์คว้าเอาผ้าขนหนูบนราวแล้ว
บทที่ 20 ไม่ชินเลย_______หนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้ามือใหม่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนนุ่ม อันที่จริงแล้วต้องบอกว่ามีเพียงพีรยุทธ์ที่ตระกองกอดคุณแม่โอเมก้าไว้ไม่ห่างกายเพราะความรู้สึกโหยหาและหวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายมันยังไม่จางหายไปท่อนแขนหนากอดรัดเอวบางของวีรกานต์เอาไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าก้อนที่อยู่ด้านในรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของตน ในขณะที่ศีรษะถูกวางไว้บนท่อนแขนเล็กบางของคุณแม่พลางเอียงคอออดอ้อนอย่างที่เคยทำอัลฟ่ากลิ่นองุ่นซุกใบหน้าคมไว้ที่ลำคอขาวของวีรกานต์ จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของชากุหลาบที่ทำให้เขาผ่อนคลายเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่จนเจ้าของร่างรู้สึกยุบยิบบริเวณนั้นจึงใช้ฝ่ามือบางดันกลุ่มผมสีรัตติกาลออกห่างจากตัว“มันจั๊กจี้” วีรกานต์เอ็ดคุณพ่ออัลฟ่าไม่เต็มเสียงนักคล้ายกับหยอกเอินเสียมากกว่า ในขณะที่รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นโดยที่ไม่มีใครเห็นพีรยุทธ์ช้อนตาขึ้นมองคุณแม่โอเมก้าพลางคว่ำปากลงเหมือนเด็กน้อยที่กำลังจะปล่อยโฮเพราะไม่ได้เล่นของเล่นที่ต้องการ ทำวีรกานต์หลุดยิ้มขำหลังจากกลั้นมันไว้เสียนาน “ก็พีคิดถึงกานต์นี่ครับ ไม่ได้ฟัดตั้งเกือบอาทิตย์เลยนะ”“แล้วทำไมถึงไม่ได้ฟัด...หื้ม”