Home / วาย / ดลรวีที่รัก / บทที่ ๑ คนในความทรงจำ (๕๐%)

Share

บทที่ ๑ คนในความทรงจำ (๕๐%)

last update Last Updated: 2024-10-29 18:05:36

อาด้วงออกไปทำงานแต่เช้าตลอดเลยนะครับ”

เสียงเด็กชายวัยมัธยมต้นกล่าวทักญาติคนสนิทที่แม้ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาจะบอกเวลาตีสี่สี่สิบห้า กระนั้นคุณอาชายที่แปะชื่อนายสถานีก็ยังขยันขันแข็งสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมคว้ากุญแจเตรียมออกจากบ้าน ทั้งเมื่อครู่พวกเขานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันสามคน วางจานอาหารพร้อมกัน แต่เจ้าตัวกลับทานหมดคนแรกทั้งที่ข้าวพูนจานกว่าใครแท้ ๆ

คุณอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานชายจึงใช้ฝ่ามือสีน้ำผึ้งยีเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติกระเซิงด้วยความมันเขี้ยว

“แซวอาได้ทุกวันนะกันต์

“ผมพูดจริงนี่ครับ อาด้วงไปแต่เช้าทุกวัน ทิ้งผมกับคุณพ่อให้กินข้าวต่อกันสองคน บางครั้งกันต์ก็อยากเดินออกจากบ้านพร้อมกันบ้างนะครับ”

กันต์ธีร์พูดไปอมข้าวไป กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เป็นที่พอใจของตัวเขาสักเท่าไรนัก เนื่องจากเขาสนิทกับคุณอามากที่สุดในบ้าน แม้ทีแรกใคร ๆ จะบอกว่าอาด้วงน่ากลัวเพราะมีรอยบากที่หางคิ้ว ลำคอ จะมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเก่า หรือแม้ยามปกติอีกฝ่ายจะชอบทำหน้านิ่งแต่ใครรู้ว่าแท้จริงเจ้าตัวจิตใจดี ทั้งยังชอบพาเขาทำกิจกรรมสนุก ๆ อีกต่างหาก ใครจะว่าก็ว่าเถอะ แต่อาด้วงน่ะใจดีที่สุดในโลก!

“กันต์ อย่าพูดไปกินไป”

เสียงเข้มกล่าวขึ้นพร้อมหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ที่พับลงเผยให้เห็นใบหน้าคมเรียบนิ่งลอนผมสั้นหยักศกสีน้ำตาลธรรมชาติและร่างกายสูงใหญ่ภายใต้เครื่องแบบตำรวจสีกากีภูมิฐาน เพียงตวัดหางตามองผู้เป็นลูกชายช่างจ้อเพียงเสี้ยววินาทีเด็กน้อยก็สงบเสงี่ยมกลับมาตั้งใจกินข้าวต่อ

พี่ไกร กันต์เขากลืนข้าวลงท้องหมดแล้ว ทำไมจะพูดไม่ได้”

“จริง ๆ เลย พี่แค่เตือนไว้ เวลาออกสังคมจะได้ไม่เผลอ”

“เห็นแก่ภาพลักษณ์เกินไปแล้ว”

คุณอานายสถานีเข้าข้างหลานชายเต็มรูปแบบเข้าคล้องคอกอดปลอบเด็กน้อยที่เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ พี่ไกรวิชญ์ก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด คงเพราะถูกเลี้ยงดูมาจากบิดาซึ่งเคยเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยิ่งครอบครองนามสกุล ‘ก้องภัชรกุล’ ซึ่งสืบตำแหน่งหน้าที่ในวงการราชการมานานมากกว่าแปดสิบปี ยิ่งต้องเคร่งในกิริยาประเพณี ซ้ำยังต้องเก่งรอบด้านตำราก็ได้ วิชาต่อสู้ก็ต้องดี กระนั้นหากสบโอกาสเขาก็จะแอบพาหลานรักตะลอนขึ้นรถไฟเที่ยวหนีหน้าบูด ๆ ของพ่อเจ้าตัวอยู่ดี

นายตำรวจคล้ายว่าจะเอือมระอากับนิสัยรักอิสระของน้องชายบุญธรรมคนนี้ แม้จะอยากตำหนิติเตียนก็คงต้องกลืนคำพูดพวกนั้นลงไป เพราะถึงจะพูดเช่นไรก็คงจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ร่ำไป

พี่ไกรวิชญ์ถือเป็นตำรวจน้ำดีที่ใคร ๆ ในแถบนี้ก็ต่างรู้จัก ทั้งยังเป็นที่ถูกใจของสาวน้อยสาวใหญ่แม้เจ้าตัวจะมีลูกอายุสิบสามปีแล้วก็ตาม ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา ลอนผมสั้นหยักศกเป็นลอนสีน้ำตาลธรรมชาติหาได้ยาก และเครื่องหน้าที่จัดได้ว่าสมบูรณ์แบบ นี่ยังไม่รวมไปถึงอาชีพสายตำรวจซึ่งเป็นที่น่าเคารพนับถือ

“เฮ้อ...”

เมื่อคุณพ่อถอนหายใจและยกมุมปากขึ้นเล็ก ๆ นั่นจึงเป็นสัญญาณถึงชัยชนะของสองอาหลานที่เถียงเจ้าของบ้านได้สำเร็จ

กันต์ธีร์เนื่องจากพูดขณะเคี้ยวอาหารไม่ได้จึงยกมือโบกส่งคุณอาไปทำงาน แน่นอนว่าคนในชุดราชการต้องโบกมือกลับ ก่อนจะรีบสาวเดินลงบันไดจากระเบียงหน้าบ้านชั้นสองลงมาผ่านสวนขนาดเล็กพลางล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงกะจะหยิบกุญแจ ทว่ามันกลับไม่มี สงสัยเขาจะเผลอวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวเมื่อตอนหยอกล้อกับหลานชาย

บ้านหลังนี้เป็นเรือนเศวตสองชั้นสีขาวสะอาดตาตั้งติดริมแม่น้ำ แม้จะมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงและอยู่ใจกลางพระนครแต่เพราะมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบจึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวแก่ผู้อาศัย ชั้นแรกประกอบไปด้วยห้องโถงรับแขก ตู้เก็บของสะสมของคุณพ่อ ตู้หนังสือและครัวไฟท้ายบ้าน มีบันไดเชื่อมต่อจากหน้าเรือนขึ้นไปเป็นพื้นที่เฉพาะคนในครอบครัว

นายสถานีคิดจะวกกลับขึ้นไปเอา แต่เมื่อมองไปยังหน้าบันไดกลับเห็นพี่ชายเดินลงมาพร้อมชูพวงกุญแจจี้ห้อยหนังรูปวัวสลักสีน้ำตาล

“เพราะมัวแต่ติดเล่น เลยลืมแบบนี้ไง”

“หาเรื่องดุคนอื่นเก่งจริง ๆ”

“เราก็บ่นเก่งจริง ๆ”

ผู้เป็นน้องชายรีบคว้าพวงกุญแจมาก่อนจะมองค้อนคนแก่กว่าไปที บ่นลูกแล้วยังจะพาลมาบ่นเขาด้วย สงสัยที่สถานีตำรวจลูกน้องภายใต้การดูแลคงหูชาไปหมดแล้วกระมัง มีหัวหน้าขี้จุกจิกปานนี้

ด้วงหันมาให้ความสนใจกับการหาลูกกุญแจสำหรับไขประตูใหญ่ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยนึกว่าเจ้าพี่จะขึ้นบ้านไปทานอาหารต่อแล้ว

“ด้วง นี่ก็จะครบสิบปีแล้ว พี่ว่าเราเลิกทำแบบนี้เถอะ”

“…”

เจ้าของชื่อหยุดการกระทำทุกอย่าง หลังจากเสียงปลดแม่กุญแจ สีหน้าท่าทางเรียบนิ่งก่อนจะหันมาสบตานายตำรวจ ด้วยใบหน้าปนเศร้า เขารอมาสิบปีแล้ว รอไปอีกสักปีสองปีจะเป็นไรเล่า

“ผมมีเป้าหมายของผม พี่ก็รู้ว่าที่ผมขอคุณพ่อมาทำอาชีพนี้ก็เพราะอะไร”

“แต่สิบปี ป่านนี้คนคนนั้นเขาคง-

“พี่กำลังบั่นทอนความตั้งใจของผมอยู่นะครับ”

“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะด้วง แต่แบบนี้มันไม่ดีต่อเรา ออกเช้ากลับดึกทุกวันแบบนี้เราจะเอาเวลาไหนมาพักผ่อน”

“มันดีแล้วครับ แล้วแผลที่ได้มาเมื่อวาน ผมอุตส่าห์ตั้งใจทายาให้ วันนี้ก็อย่าพึ่งไปซ้อมนะครับ”

น้องชายต่างสายเลือดเลือกที่จะตัดบทสนทนา รีบเปิดรั้วไม้แทรกตัวออกไปโดยไม่สนว่าเจ้าของบ้านจะกล่าวสิ่งใดต่อ

เจ้าตัวมักจะชอบเปรียบมวยกับเพื่อนและกลับมาพร้อมแผลที่ข้อนิ้วอยู่เป็นประจำ จึงเป็นหน้าที่ของน้องชายเพียงคนเดียวที่ต้องคอยช่วยเหลือ เพราะเหลือมือเดียวทำแผลเองคงไม่สะดวกนัก

ไกรวิชญ์มองบานรั้วไม้สีขาวค่อย ๆ แง้มปิดลงด้วยความมัวหมอง น้องชายเขาเป็นแบบนี้นับสิบปี ตื่นแต่เช้าตลอดทุกวัน ก้าวขาออกจากบ้านเป็นคนแรกทุกวัน ไปนั่งเฝ้ามองหาคนที่รักอยู่ทุกวัน

‘ผมแอบชอบใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาคงอยู่ในที่ไกลแสนไกล’

‘ผมคาดหวังว่าเขาจะกลับมาในสักวันหนึ่ง’

‘มันอาจเป็นเหตุผลที่ไร้สาระ แต่พี่ไกรช่วยผมคุยกับคุณพ่อให้ท่านอนุญาตผมเรียนช่างกลได้ไหม’

คนคนนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้น้องชายเขาเข้ามาอ้อนวอนขอร้องให้พี่ชายช่วยคุยกับบิดาแท้ ๆ ผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญต่อใจถึงขนาดเจ้าตัวยอมแลกเวลาหลายสิบปีเพื่อปักหลักอยู่สถานีตลอดหลายสิบชั่วโมงต่อวัน โดยคิดว่าใครคนนั้นจะกลับมาให้เห็นหน้า

แน่นอนว่าหากเขาไม่เห็นด้วยแต่แรก เจ้าตัวคงไม่ได้ใส่เครื่องแบบสีกากีพร้อมหมวกหม้อน้ำตาลประดับเครื่องหมายกรมรถไฟเช่นนี้

แต่หากถามว่าเขาเต็มใจกับมันรึเปล่า คำตอบคือคำว่า ‘ไม่’

เขาไม่ได้รังเกียจอาชีพการรถไฟ แต่ไม่ชอบใจที่แรงผลักดันนั้นมาจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าถูกรักจากผู้เป็นน้องชายบุญธรรมที่เขาเฝ้าเอื้อเอ็นดูมามากกว่าสิบปีเสียด้วยซ้ำ

ไกรวิชญ์คิดแล้วก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เม้มริมฝีปากพยายามควบคุมลมหายใจให้อยู่ในสภาวะปกติ

ยิ่งใช้ชีวิตไปเหมือนมันยิ่งหนักใจ การแบกรับเครื่องหมายดาวครอบชฎาประดับรัศมีมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาในวัยสามสิบห้า แม้ใครจะว่าดี แต่ในสายตาเขามันกลับเป็นภาระอันหนักอึ้ง

“คุณพ่อ ผมไปก่อนนะครับ”

“อือ ตั้งใจเรียนล่ะ”

ฝ่ามือหยาบกร้านลงลูบกลุ่มผมเจ้าลูกชายแผ่วเบาก่อนจะเดินสวนทางขึ้นไปเอาสัมภาระของตน ปล่อยเด็กชายวัยมัธยมต้นไว้กับพี่เลี้ยง

กันต์ธีร์ตอบรับ กระชับสายกระเป๋าเป้เนื้อดีพลางมองเจ้าคุณพ่อที่เดินหน้านิ่งขึ้นบ้านทำกิจ กล่าวกันตามตรงเขาไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกับบิดาแท้ ๆ สักเท่าไรนัก วัน ๆ เขากลับมาก็ไม่เจอเพราะเจ้าตัวทำงานทั้งวัน กลับมาดึก ๆ ดื่น ๆ ซึ่งเขาต้องพาตัวเองเข้านอนคนเดียวอยู่เสมอเพราะอาด้วงที่ต้องดูแลชานชาลากลับทุ่มสองทุ่มทุกวัน เขาเหงาเหลือเกิน

“คุณหนู ไปโรงเรียนกันเถอะครับ”

“ครับลุงแดง...”

อันที่จริงนอกจากอาด้วงแล้วอีกคนที่เขาชอบก็คือคุณย่า แม่แท้ ๆ ของอาด้วง เจ้าหล่อนเป็นคนคารมดียิ้มเก่ง หัวเราะง่าย แต่คงซึมเศร้าจากการสูญเสียคุณปู่ผู้เป็นสามีและสะใภ้ในเวลาไล่เลี่ยกันจึงตรอมใจขอแยกตัวไปอยู่บ้านพักตากอากาศในจังหวัดใกล้เคียง เวลาที่จะได้ไปปะหน้าท่านก็มีเพียงปีละครั้งในวันขึ้นปีใหม่สากล เพราะในช่วงเทศกาลอื่น ๆ หรือวันหยุดยาวคุณพ่อก็ต้องส่งคนควบคุมความสงบภายในงานหรืออาด้วงต้องคอยรองรับผู้คนที่แห่แหนขึ้นลงรถไฟ การจะหาเวลาที่ตรงกันได้นั้นลำบากนัก

หากมีวันที่พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ก็คงดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๑ คนในความทรงจำ (๑๐๐%)

    ด้วงเดินทางมาไม่นานก็ถึงสถานีกรุงเทพ เพราะบ้านหลักอยู่ห่างจากที่ทำงานเพียงข้ามถนนสองเส้น จึงเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องนั่งรถรางให้ยุ่งยากเวลานี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทเห็นดวงจันทร์แจ่มชัด ผู้คน รถบนถนนบางตา ฝนที่ตกปรอย ๆ เมื่อคืนเมื่อสัมผัสกับผืนดินผืนหญ้าส่งกลิ่นหอมธรรมชาติโชยมาแตะจมูกชวนให้ใจสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศยามไร้ผู้คนในเวลาเช้าตรู่ขาสูงยาวก้าวอย่างมั่นคงบนทางเท้า มองเหล่าแมลงซึ่งสะท้อนแสงจากโคมไฟรายทางที่พวกมันตอม พลางคิดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่วนอยู่ในหัวเขามาร่วมสิบปีเขารักคนคนหนึ่งรักมาตลอดตั้งแต่วันที่จากลากันทีแรกเขาไม่รู้สึกถึงมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่แห่งนั้นได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเขาเองที่ต้องพาเจ้าตัวหนีขึ้นรถไฟจากไอ้พวกคนจัญไรเหล่านั้นย้อนนึกไปเท่าไรก็รู้สึกเจ็บปวด ภาพทุกภาพหวนคืนเข้ามาในห้วงความคิดอย่างไม่อาจหักห้ามได้เรือนไม้สีเข้มเก่าแก่สะท้อนแสงจันทร์ขาวนวลยามค่ำคืน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกระทบผิว เหล่าก้านไม้ใบไม้เสียดสีกันชวนให้ค่ำคืนสุดท้ายในที่แห่งนั้นน่าขนลุก และเสียงแปร่ง

    Last Updated : 2024-10-29
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒ สนธยาช้ำใจ (๕๐%)

    ด้วงสูดลมหายใจเข้าเมื่อวิ่งมาถึงยังหน้าชานชาลาในการดูแล อีกไม่นานรถไฟขบวนแรกจากชุมพรก็จะเข้าเทียบ เขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับหน้าที่และผู้คนเพื่อมองหาใครคนนั้นให้เจอทว่าเหมือนที่เขาแกล้งหัวเราะอาจารย์แกไปเมื่อครู่จะโดนเอาคืน เพราะจู่ ๆ หมวกประจำตำแหน่งก็ถูกถอดออกทำให้เขาต้องหันไปมองจนเห็นว่าเป็นคุณอุ่นที่ยืนถือหมวกเขาอยู่ก่อนจะรีบเดินเข้ามาสวมหมวกให้เหมือนเดิมเมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจ“ผมแกล้งหนักไปเหรอครับ?”“ถามมาได้”นายสถานีเม้มปากไม่พอใจ เขาหัวเราะนิดเดียวเองดันมาแกล้งถึงเนื้อถึงตัวกันเสียได้ ไหนเจ้าตัวบอกคนญี่ปุ่นเรียบร้อยตามขนบอย่างไรเล่า“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ”สิ่งที่อาจารย์กล่าวก่อนจะขึ้นตู้สื่อถึงคนที่เขากำลังเฝ้าตามหาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ป่าวประกาศว่ากำลังตามหาคนแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับแก่คนใกล้ชิดด้วงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กระชับปีกหมวกประจำตำแหน่งให้เข้าที่เพราะอีกไม่ถึงนาทีจะถึงเวลารถไฟรอบแรกของวันเข้าเทียบ นัยน์ตาสีดำประกายม่วงไร้แวว มองหัวรถจักร สดับฟังเรียงหวูดอย่างเหม่อลอย เสียงพ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๒ สนธยาช้ำใจ (๑๐๐%)

    ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้วในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจรวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”“นอกเรื่อง”“กำลังจะเข้าเรื่อง”พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมข

    Last Updated : 2024-10-29
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๓ สบโอกาส (๕๐%)

    ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว

    Last Updated : 2024-10-29
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๓ สบโอกาส (๑๐๐%)

    เสียงนกร้องภายนอกแว่วเข้ามาผ่านช่องเล็กช่องน้อยภายในห้องนอนขนาดย่อม เครื่องเรือน เครื่องนอนล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเหมาะสมให้เขากับผู้อยู่อาศัย แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ จึงมีแต่ของใช้จำเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง และม่านมุ้งห้อยจากเพดานกันแมลงในตอนกลางคืนทว่าวันนี้นาฬิกาปลุกถูกตั้งให้ช้ากว่าปกติเพราะนี่นับเป็นวันแรกที่คนบนเตียงจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่รอมานานนับสิบปี จนเมื่อเสียงกริ๊งดังไม่ทันใดมันก็ถูกกดหยุดลงพร้อมนายสถานีร่างโปร่งที่ลุกขึ้นมาบิดกายยืดเส้น ดวงหน้าอิ่มเอิบประดับรอยยิ้ม แต่เช้าตรู่พลางมองเสื้อผ้าของวันนี้ที่ถูกแขวนเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วงสูดลมหายใจเข้าระหว่างนั่งเล่นให้ร่างกายตื่นเต็มตา แล้วจึงกระเด้งตัวออกจากเตียงไปผลัดผ้าผลัดผ่อนบ้านหลังนี้กว้างโอ่อ่าพอจะทำห้องส่วนตัวให้แก่ทุกคนรวมไปถึงห้องอาบน้ำในทุกห้องนอนเช่นกัน เพิ่มความสะดวกสบายให้สมาชิกในบ้านที่ต้องทำกิจในเวลาไล่เลี่ยกันกระจกบานเล็กหน้าโต๊ะสะท้อนร่างสูงโปร่งประดับลอนกล้ามเนื้อสีเข้มกระนั้นก็พอมีช่วงเอวไม่ตีบตันไร้สัดส่วนด้วงรีบเข้าไปรดน้ำทำความสะ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๔ ส่อแวว (๕๐%)

    “วันนี้คุณดลรวีก็มาช้าเหรอครับ?”ดันกิเดินมาสนทนากับเจ้าแผนที่คุณดลรวีเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนคนสนิท เขาซึ่งมาที่นี่ทุกเช้าก็มักจะได้สนทนากับนายสถานียิ้มเก่งคนนั้นเป็นประจำ ได้ยินว่าเจ้าตัวเจอคนที่รอมาตลอดแล้วไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวมาช้ากว่าปกติหรือเปล่า“เปล่าครับ มาเช้ากว่าใครเพื่อนเลย นู่นนั่งอยู่นู่น”แผนกอดอกบุ้ยคางยังเจ้าเพื่อนที่นั่งเหงาเหม่อมองทางรถไฟมาตั้งแต่ย่ำค่ำ ทำเอาเขาสงสัยไม่ใช่น้อย ว่าเจอก็เจอแล้วทำไมยังนั่งเป็นหมาหงอยอยู่อีก“ขอบคุณครับ”แผนมองแผ่นหลังของคุณครูชาวญี่ปุ่นวิ่งต้อย ๆ ไปทางเจ้าเพื่อนรักก็นึกอิจฉา เขาสิไม่รู้ทำไมไม่ได้คนสติดี ๆ มาเดินตามบ้างดันกิสาวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะค่อย ๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้เก้าอี้ไม้ข้างเสา เขาหอบเอาลมหายใจเข้าปอดพลางสังเกตสีหน้าของคุณดลรวี แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูหม่นหมองไม่ต่างจากท้องฟ้ายามมีเมฆฝน“คุณอุ่น มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย”“ผมพึ่งมา ทำไมวันนี้คุณถึงดูเศร้า ๆ ล่ะครับ”“มันอธิบายค่อนข้างยากน่ะครับ...”

    Last Updated : 2024-10-30
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๔ ส่อแวว (๑๐๐%)

    ด้วงที่ลงมาหยิบนมในตู้แช่เย็นได้ยินเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กแว่วลงมาจากด้านบนบวกกับเสียงกลอนประตูเมื่อสักครู่จึงคิดจะอุ่นชาหอมขึ้นไปให้พี่ชายที่น่าจะกลับมาแล้วด้วยในระหว่างที่ตั้งเตาอุ่นนมก็จัดแจงคีบถ่านจุดไฟวางกาน้ำร้อน ก่อนจะผละไปเปิดตู้กับข้าวมองหาถุงชาที่ได้รับเป็นของฝากเมื่อเดือนก่อน เพียงนานเครื่องดื่มอุ่นก็พร้อมใส่แก้วพอเดินขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เหมือนน้องกันต์จะดูอาการไม่ค่อยดีเมื่อได้สนทนากับผู้เป็นพ่อ เขาจึงรีบเดินอ้อมหลังไปมอบแก้วนมให้เจ้าตัวรีบดื่มจะได้หนีออกไปจากความอึดอัดได้ ส่วนเขาพาตัวเองมานั่งตรงข้ามพี่ชายพร้อมวางแก้วชาหอมไว้ตรงหน้า“ของเราไม่มีเหรอ?”“วันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”เขาพูดพลางชำเลืองมองหลานชายที่ค่อย ๆ จิบนมดูเหมือนเขาจะอุ่นร้อนจนเกินไป“วันนี้เราเป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ นะ”“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย”ตอนนี้เขาระแวงเหลือเกินว่าพี่ไกรจะทำอย่างเมื่อเช้าต่อหน้าลูกชายตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจะออกอาการไม่ได้จึงทำเพียงเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากกลางโต๊ะลงมาประสานอยู่บนต

    Last Updated : 2024-10-31
  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๕ กล่องข้าวน้อยเป็นเหตุ (๕๐%)

    ตอนนี้เขากำลังเข้าตาจน ร่างกายไม่อาจประมวลความคิดได้ทันท่วงทีอย่างเคย คนในชุดนายสถานีพร้อมข้าวกล่องใบน้อยในมือยืนสั่นกลัวอยู่หน้าประตูกรงขัง แววตาผวาหวั่นมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายยืนข้างนักโทษซึ่งมีสภาพสะบักสะบอมประหนึ่งถูกซ้อมอย่างรุนแรง“พี่...ทำอะไรน่ะ”คล้ายว่าเวลาได้หยุดลงเขามองน้องชายด้วยความตกตะลึง หยดเลือดสดใหม่บริเวณข้อนิ้วหลั่งไหลผ่านฝ่ามือก่อนจะหยดลงพื้นกองรวมกับคราบเลือดก่อนหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่จะซ่อนมือไพล่หลังทันหรือเปล่าเอาแล้วไง. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“คุณดลรวีเดินกลับไปทานมื้อเที่ยงที่บ้านทุกวันเลยเหรอครับ ผมอิจฉามากเลย”อาจารย์วิทยาลัยคนสนิทกล่าวเมื่อได้ทราบว่านายสถานีมีเรือนพักอาศัยห่างจากที่ทำงานไปเพียถนนสองเส้น“แล้วปกติคุณอุ่นทานข้าวเที่ยงที่ไหนเหรอครับ?”“โรงอาหารวิทยาลัย ไม่ก็ร้านแถว ๆ นั้นครับ”“แล้วแถวนั้นอาหารไม่อร่อยเหรอครับ?”“อร่อยครับ แต่กินแถวนี้...อร

    Last Updated : 2024-11-01

Latest chapter

  • ดลรวีที่รัก   เรื่องในจวน ๓ ขจัดภัย

    “ตื่นมาก็ทำงานเลยหรือ?”องค์กษัตริย์ไถ่ถามมเหสี ที่เคยนอนด้วยกันปกติจะเป็นเขาที่ออกมาทันทีหลังแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเนื่องจากมีราชกิจกับเหล่าเสนาบดี แต่วันนี้เนื่องจากเป็นวันดีที่จะได้ไปส่งมเหสีขึ้นเกี้ยวกลับไปเยี่ยมมารดาพวกเขาจึงตื่นสายหน่อยและให้เวลาส่วนตัวแก่มเหสีคนใหม่ จึงมาอาบน้ำด้วยตัวเอง“ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำได้จึงมีงานวังหลังเหลืออยู่”“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกสนมรองขึ้นมาช่วยงานสิ งานบัญชีเยอะเช่นนี้เจ้าทำคนเดียวไม่ไหวหรอก”“หากข้าเลือกขึ้นมาแล้วท่านสัญญาได้ไหมว่าจะปันเวลาให้พวกนาง”เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำสอง อย่างไรพระสนมส่วนใหญ่ถึงบางรายอาจไม่แสดงออกแต่ลึก ๆ ทุกคนล้วนต้องการความรักจากองค์จักรพรรดิทั้งสิ้น“ข้าทำไม่ได้มเหสี”“เช่นนั้นก็สมควรแล้วที่ข้าจำต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานแต่เพียงผู้เดียว”ว่าแล้วอดีตพระสนมจึงวางพู่กันลงลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งเดินตรงไปยังส่วนอาบน้ำโดยไม่แม้แต่จะสบตาพระสวามีผู้ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองได้ปิ่นปักผมหงส์กนกมาครองแม้วันนี้พวกเขาจะมีนัดไปเยี่ยมมารดาแต่ก็ยังคงตื่

  • ดลรวีที่รัก   เรื่องในจวน ๒ ลำบากใจ

    “ท่านพี่ ท่านพี่เพคะ ท่านพี่ว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้เข้ากับน้องไหมเพคะ?”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงในชุดผ้าแพรยาวสีสันสดใสพร้อมด้วยสองมวยผมที่จับมักเป็นมวยกลมตกแต่งด้วยดอกไม้หยกห้อยระย้าประดับกรอบหน้างามอย่างคุณหนูลูกสาวขุนนางใหญ่ เธอหยิบปิ่นปักผมดอกกล้วยไม้ขึ้นมาทาบศีรษะกล่าวถามเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่ปลอมตัวเป็นคนรวยเข้ามาเดินเล่นในชุมชนในกลางเมืองเด็กหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลผินใบหน้าแววตาเหยียดมองคู่หมั้นที่ติดสอยห้อยตามเขามาด้วย ทำเอาเสียอารมณ์ไม่ใช่น้อย แทนที่จะได้เดินดูทุกข์ราษฎรแล้วเอาไปเขียนรายงานส่งท่านอาจารย์กลายเป็นต้องมาดูแลประคบประหงมลูกคุณหนูเสียอย่างนั้น“กระจกก็มีเจ้าไม่ส่องดูเอาเองล่ะ”ไร้ซึ่งความเห็นใจ เด็กหนุ่มตอบเสียงแข็งเดินสะบัดก้นหนีจนองครักษ์ซึ่งติดตามมาด้วยถึงกับทำตัวไม่ถูกเฉกเช่นเดียวกับพระคู่หมั้นที่ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วองค์รัชทายาทในวัยสิบสองขวบปีเดินกระชับปีกหมวกคล้องลูกปัดหลบเลี่ยงมายังตรอกซอกซอยหนึ่งโดยมีองครักษ์ในชุดชาวบ้านเดินติดสอยห้อยตามมาคุ้มครองด้วย‘เดินถัดจากตลาดมานิดเดียวก็เจอศพคนตายแล้ว’

  • ดลรวีที่รัก   เรื่องในจวน ๑ สถานะ

    ชนชั้นในสถานที่อันปวงประชาภายนอกรั้วมองเข้ามาล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันถึงสิ่งปลูกสร้างอันประณีตงดงาม สวนดอกไม้อันเขียวชอุ่มและอาหารเลิศรสที่สามัญชนแม้เฝ้าเก็บเงินมาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถลิ้มลองจานของโอรสสวรรค์ได้ท่ามกลางความอู้ฟู่โอฬารเหล่านั้น ภาพสวยหรูที่ใครต่อใครซึ่งพรายกระซิบกันมาผ่านกำแพงสูงกลับถูกสกัดด้วยมุมมืดของวังหลวงแห่งนี้พระราชโอรสได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์เมื่อพระราชบิดาสิ้นอายุขัย พระคู่หมั้นเข้าพิธีอภิเษกสมรสและได้ครอบครองปิ่นปักผมหงส์กนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระมารดาแห่งแผ่นดิน ทั้งสองปกครองเคียงคู่กันมาจนให้กำเนิดองค์รัชทายาท เป็นที่รักใคร่เอ็นดูต่อเหล่านางกำนัลน้อยใหญ่พระราชโอรสชาญฉลาดนัก ใฝ่เรียนใฝ่รู้ทุกสิ่งรอบตัวเป็นอาจิณ กระนั้นยังคงไว้ซึ่งประกายสดใสในแววตาเปล่งปลั่ง ประหนึ่งดวงตะวันน้อยที่ค่อย ๆ เจริญเติบโตและกลายมาเป็นที่พึ่งพิงของผืนฟ้าจนมาวันหนึ่ง ท่ามกลางโต๊ะไม้สักลายมังกรวางเรียงรายด้วยจานอาหาร เมื่อพระมเหสีได้ตักเนื้อข้าวเสวยเข้าไปเพียงคำเดียว เสียงช้อนเงินซึ่งค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีดำร่วงหล่น

  • ดลรวีที่รัก   บทพิเศษ ๑๑ หนึ่งวันธรรมดา (NC)

    "กันต์มาทำงานใกล้บ้านไม่ได้เหรอ อาไม่อยากให้เราไปอยู่ที่ไหนนาน ๆ เลย”“ผมไปอยู่นั่นแค่ปีเดียว เดี๋ยวก็ได้ย้ายมาศูนย์พระนครแล้วครับ”จนแล้วจนรอดคุณอาที่เลี้ยงดูหลานชายมาตั้งแต่ยังแบเบาะจนยามนี้มีงานมีการทำก็ยังเป็นห่วงแล้วเป็นห่วงอีก กลับมาบ้านครั้งหนึ่งก็จัดอาหารชุดใหญ่เอาไว้ให้เสียอลังการ พอจะกลับไปวิทยาลัยอาเจ้าก็เอาของกินใส่ปิ่นโตมาให้ทั้งยังหาอาหารที่เก็บได้นาน ๆ จัดใส่กระเป๋าเอาไว้ กลัวว่าหลานชายจะไม่มีอะไรกินเมื่ออยู่ที่นั่นตอนนี้กันต์ธีร์โตเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้พ่อ กำลังเรียนต่อชั้นป.โทจากทุนที่ได้มาทันทีหลังจบป.ตรี ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในนักวิจัยพรรณพืชของวิทยาลัยแม้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนในครอบครัว ทว่าคุณอาไม่ชอบใจเท่าไรที่ที่เรียนที่ทำงานไกลจากบ้านเหลือเกิน เขาอดใจรอหลานเรียนจบ หวังจะได้กลับมาเห็นหน้าค่าตาทุกวันเหมือนวันวานกลายเป็นต้องเหินห่างกันเหมือนเดิมไปอีกหนึ่งปีเสียได้“เดี๋ยวผมจะพยายามกลับมาให้ได้ทุกสัปดาห์นะครับ”“มันจะไม่รบกวนเราไปใช่ไหมกันต์?”เดินทางครั้งหนึ่งนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายแล้วยั

  • ดลรวีที่รัก   บทพิเศษ ๑๐ ปัญหาของคนหน้าตาดี

    กันต์ธีร์ × อาจารย์น้ำหวานคุณอานายสถานีในวัยสามสิบสี่ย่างสามสิบห้านั่งปักผ้าเตรียมทำถุงหอมให้พี่ชายคนรักและกันต์ธีร์ที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านในสัปดาห์นี้ โดยมีพี่ชายนั่งกกกอดอยู่ด้านหลังซุกไซ้ใบหน้าไปมาตามกิจวัตรอยู่บนเตียงนุ่ม แทนที่จะเรียกว่าเอือมระอาให้เรียกว่าชินชาเสียมากกว่า ทว่าอย่างไร ณ จุดจุดนี้อ้อมกอดของพี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาปักผ้าลำบากขึ้นมากนักหรอกเห็นว่ามหาวิทยาลัยกันต์ธีร์อยู่ไกลจึงจำต้องไปอาศัยพักหอในที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเอาไว้ให้ ดีที่เจ้าตัวเก่งพอจะได้ทุนการศึกษา ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จึงไม่ได้หนักหนาอะไรมาก เผลอ ๆ อาจราคาพอกันกับสมัยมัธยมเลยกระมังทว่าแม้จะผ่านมาครบหนึ่งปีที่หลานชายที่รักต้องออกไปใช้ชีวิตคนเดียวก็ยังมีเรื่องที่คุณอาคนนี้กังวลใจอยู่ไม่หาย“เฮ้อ...”“ถ้าเหนื่อยก็พักก่อนก็ได้ครับ ค่อยเย็บใหม่วันพรุ่งนี้”“น้องไม่ได้เหนื่อยเรื่องนั้น น้องแค่เป็นห่วงน้องกันต์”“กันต์โตเป็นหนุ่มแล้ว ปล่อยให้เขามีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างก็ได้ ไว้มีปัญหาพี่เชื่อว่ากันต์จะมาบอก

  • ดลรวีที่รัก   บทพิเศษ ๙ เรื่องหนวด ๆ

    “ด้วง เรามาโกนหนวดให้พี่ได้ไหมครับ?”ไกรวิชญ์ในทุกอาทิตย์มักจะเข้ามาอ้อนขอน้องชายถึงสิ่งนี้เป็นประจำ บางครั้งด้วงก็งงงวยว่าทำไมเจ้าพี่เมื่อก่อนก็จัดการเคราบนหน้าได้เองตามปกติแต่ทำไมหลังจากที่เขาโกนให้ครั้งแรกถึงได้ติดอกติดใจนัก“พี่เตรียมของไว้นะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป”ด้วงซึ่งอาสาเช็ดโต๊ะทานอาหารหลังมื้อเช้าเสร็จบอกดังนั้นก่อนจะเห็นพี่ไกรเดินเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี หากเทียบตัวตนของพี่ไกรวิชญ์เมื่อปีที่เรื่องราวเกิดขึ้นล้านแปดแล้วเหมือนเป็นคนละคนตอนนั้นเขามองหน้าพี่แทบไม่ติดคล้ายจะมีรังสีความน่ากลัวแผ่ออกมาตลอด คุยกันครั้งหนึ่งต้องมีทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอย แต่มาเดี๋ยวนี้พี่เจ้าแค่มองหน้าเขาก็ยิ้มร่า มักจะชอบวิ่งเข้าหามาช่วยเขาไม่ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็กแค่ไหน จนบางครั้งก็เหมือนได้เห็นภาพซ้อนของกันต์ธีร์ในวัยเยาว์อย่างไรอย่างนั้น คิดแล้วก็ขำกับตัวเอง นี่เขาเห็นพี่มีนิสัยเหมือนเด็กเล็กอย่างนั้นหรือด้วงคิดสะระตะก่อนเดินไปพาดตากผ้าขี้ริ้วกับระเบียงด้านนอก จัดแจงเก้าอี้ให้เข้าที่แล้วจึงพาตัวเองเดินเข้าห้องนอนไปทำตามที่พี่เจ้าร้องขอไว้

  • ดลรวีที่รัก   บทพิเศษ ๘ ประชุมแบบใด

    “ไอ้ไกร ยังหมัดหนักเหมือนเดิมเลยนะ”“ขอบคุณครับ”ไกรวิชญ์รู้สึกว่าตัวเองห่างหายจากการซ้อมมวยมานานจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มาเห็นจะเป็นเมื่อต้นปีที่แล้วก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นจนเขาไม่มีเวลามากพอจะมาให้เวลากับการฝึกซ้อมที่นี่เป็นลานอเนกประสงค์ซึ่งตำรวจในพื้นที่หากมีเวลาก็จะมานั่งสังสรรค์พักผ่อนจากการทำงานในกรณีวันไหนไม่อยากกลับไปเจอหน้าเมีย (ไอ้พูนที่ก๊งเหล้าประจำนั้นเป็นคนบอกมา) ทว่าสำหรับเขาแล้วที่นี่เหมือนเป็นที่ออกกำลังเสียมากกว่า แถมทำไมเขาจะไม่อยากกลับเจอหน้าคนรักเล่าไกรวิชญ์ซึ่งปลดเสื้อเครื่องแบบออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวเปื้อนเหงื่อเดินกลับมานั่งพักบนแคร่ไม้ไผ่พลางถอดผ้าพันข้อมือ เขาค่อนข้างภาคภูมิใจมากที่วันนี้ข้อนิ้วเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนถลอกจากการต่อยถุงทราย ทั้งยังสภาพการณ์ดีขึ้นเยอะ แบบนี้ด้วงก็ไม่ต้องมาสละเวลานั่งทายาให้แล้ว“โอ๊ย ๆ ปวดไหล่จังเว้ย ไอ้ไกรเอ็งเมื่อก่อนมาซ้อมทุกวันเลยดิ”พูนเดินกลับมาจากลานหลังลองวัดฝีมือกับชาวบ้านในวงท่านหนึ่ง เพราะอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน แต่เอาเข้าจริงเขาที่ถนัดลอบเร้นม

  • ดลรวีที่รัก   บทที่ ๗ รถคันเก่า (NC)

    ย้อนกลับไปวันที่ทุกคนจะไม่อยู่บ้านเนื่องจากคุณแม่ที่กลับมาอยู่บ้านหลักสักพักก็คิดจะย้ายกลับมาอย่างเต็มตัว ยิ่งไปกว่านั้นก็อยากพาเจ้าหมึกมาพระนครด้วย ทั้งกันต์ธีร์นัดกับเพื่อนว่าจะไปนอนค้างคืนเล่นอะไรตามประสาในช่วงวันศุกร์-เสาร์ ทำให้เขาและพี่ไกรเหลือกันอยู่สองคนในบ้าน เพราะลุงแดงก็อาสาตามไปช่วยขนสัมภาระกับพี่ชมพู่เมื่อรู้ดังนั้นพวกเขาเลยตกลงกันว่าจะออกไปเที่ยวกันสองคน พี่ไกรจึงเสนอว่าจะพาไปขับรถเล่นหลังจากปล่อยรถนอนในอู่มานานหลายปีจนต้องมีล้างทำความสะอาดไล่ฝุ่นกันนิดหน่อย เมื่อลองเปิดปิดใช้งานเครื่องยนต์ก็ยังสามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิมพี่ไกรบอกว่าจะกลับมาขับรถให้มากขึ้น เวลาพาครอบครัวไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องรอระบบขนส่งสาธารณะไกรวิชญ์ในชุดพร้อมเที่ยวเปิดประตูหน้าคนขับเข้ามาในรถ เมื่อเห็นว่าเครื่องปรับอากาศทำงานได้ดีไม่ร้อนอบอ้าวเขาจึงเดินขึ้นไปตามด้วงให้ลงมา“ไปวันเดียวเอง เราขนอะไรไปเยอะจัง”“ผมไม่ชินเลย ไปกันแค่สองคน”ปกติหากไปเที่ยวจะไปกันทั้งครอบครัว หรืออย่างน้อยก็จะมีกันต์ธีร์มาด้วยอีกคนเสมอ แต่ครั้งนี้เพราะเป็นครั้งแรกมัน

  • ดลรวีที่รัก   บทพิเศษ ๖ คุณตำรวจสายตาสั้น

    ด้วงเข้าใจดีว่าพี่ชายเป็นตำรวจก็มีล้มลุกคลุกคลานบ้างเวลาไล่ตามโจรผู้ร้ายน้องชายในชุดเครื่องแบบนายสถานีพึ่งเลิกงานมาหมาด ๆ นั่งมองพี่ชายบนเตียงคนไข้ตาเขม็งโดยที่ไกรวิชญ์ไม่สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาได้เป็นพี่พูนที่เอาความมาเล่าสู่กันฟังกับเจ้าแผนและเขาที่สถานีรถไฟ เห็นว่าคราวนี้งานไม่ยากเย็นอะไรเพราะได้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ ตัวพี่เองไม่ต้องลงไปอยู่ในสนามรบเองก็ได้ ทั้งพี่พูนเห็นว่าช่วงนี้พี่ไกรมีปัญหาด้านสายตา เริ่มมองระยะไกลๆ ไม่ค่อยชัด จะเอื้อมหยิบเอกสารที่อยู่ห่างออกไปสักหน่อยก็หยิบผิด ๆ ถูก ๆ เพ่งสายตามองนานเป็นนาทีก็ยังอ่านตัวอักษรบนกระดานไม่ออกซึ่งพี่พูนก็ปรามแล้วแต่พี่ไกรก็ยังดื้อแพ่งจับปืนไปลงพื้นที่โดยเมินคำเตือนเหล่านั้นจนได้กระสุนฝังหน้าขามาจนได้ แบบนี้เขาขอหยิกให้เนื้อเขียวหน่อยเถอะ“หายแล้วพี่ไปตัดแว่นใส่เลยนะ”“ไว้ค่อยรอช่างมาตัดให้แม่รอบหน้า-“ไม่ต้องเลย แล้วก็พากันต์ไปด้วย เผื่อมันส่งต่อทางพันธุกรรม”“ครับ...”ไกรวิชญ์เย็นวันนั้นกลับมาบ้านขากะเผลกจนต้องให้น้องชายช่วยประคอง ทั้งที่เมื่อก่อนสมัยยี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status