Share

บทที่ ๒ สนธยาช้ำใจ (๑๐๐%)

ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้ว

ในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจ

รวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”

“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”

พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้

“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”

“นอกเรื่อง”

“กำลังจะเข้าเรื่อง”

พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมของคุณพ่อลูกหนึ่งคนนี้จริง ๆ หวังว่ากันต์ธีร์หลานน้าจะโตมาไม่เจ้ามาดเจ้าภาพลักษณ์แบบบิดา

ไกรวิชญ์เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารประวัติคดีที่ทำเตรียมไว้เมื่อวานสำหรับเริ่มประสานกับกลุ่มเพื่อวางแผนการ

คดีในการดูแลของพวกเขาในตอนนี้มีอยู่ ๓ คดี ไม่นับเรื่องฉกชิงวิ่งราวประปราย ซึ่งล้วนเป็นการจับหัวหน้ากลุ่มโจรมาสำเร็จโทษทางอาญาทั้งสิ้น

แม้พวกเขาจะเป็นตำรวจนครบาลไม่มีเอี่ยวกับส่วนภูมิภาค แต่เมื่อสองปีที่แล้วพวกเขาสามารถเข้าจับกุมเสือสุพรรณนาม ‘เสือหิน’ มาเข้าตะรางได้ ซึ่งนับเป็นโจรผู้ร้ายนอกจากปล้นชิงทรัพย์ซ้ำร้ายยังฆ่าคนแม้แต่คนบริสุทธิ์ก็ไม่เว้น ด้วยชื่อกระฉ่อนแบบนั้นเมื่อผู้คนได้ยินข่าวจึงให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ นั่นจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยให้พวกเขาต้องมามีส่วนร่วมในคดีต่างจังหวัดแบบนี้

พันโทพรั่งพรูลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ก่อนจะเดินผ่านวงกบประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเดิม เขาเป็นหัวหน้าคนจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้

ผู้กำกับสูงสุดฝากเพื่อนคนสนิทแจกจ่ายรายงานให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมาย

“อย่างที่ทุกคนทราบ เป้าหมายของเราในรอบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้ ถึงใครเขาจะบอกว่าพวกเรามันเป็นขี้ข้าเศรษฐี แต่ให้เรารู้ตัวเราเองก็พอว่าทำอะไร หากสำเร็จคนพวกนั้นจะเห็นเป็นที่ประจักษ์เอง”

“ครับ!”

เพราะหลายเดือนมานี้มีข่าวบุกปล้นบ้านผู้มากลาภยศมากขึ้นจากกลุ่มขโมยขโจรเล็กใหญ่ กระนั้นพวกเขาทำได้แค่จับตัวเล็ก ๆ มาเข้ากรงขัง แต่พวกมันน้อยนักที่จะสารภาพความผิดเพราะอุดมการณ์ชาติโจรมันค้ำคอ

ทว่าเรื่องพรรค์นั้นมีหรือเขาจะสนใจ โจรก็คือโจรอยู่วันยังค่ำ ที่ที่เหมาะสมกับพวกมันไม่ใช่เรือนไม้บนภูเขาหรือบ้านชานเมืองแต่เป็นห้องขัง

ส่วนไอ้เศรษฐีคดโกงพวกนั้นที่ได้ทรัพย์สมบัติคืนไปเขาในตอนนี้ขอปล่อยมันเสวยสุขไปก่อน ไว้จัดการเรื่องปีนี้เสร็จจะเร่งถอนรากถอนโคนพวกมันให้สิ้น

“เราจะเรียงคดีตามความถี่ในการออกปล้นเพื่อลดทอนผู้เสียหาย”

เริ่มจากชุมเสือขาม ๑ เดือน ๕ คดี, ชุมเสือแหงน ๑ ปี ๑๒ คดี และสุดท้ายซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ชุมเสือหิน ๑๕๐ คดี ๒๐ ปี ยังไม่รวมคดีที่พึ่งเกิดสดร้อน ๆ เมื่อไม่นานมานี้อย่างการปล้นรถไฟ ทั้ง ๆ ที่เขาเข้าไปยืนยันว่าเสือหินมันยังมีชีวิตอยู่ในแดนประหาร แล้วทำไมมันยังมีชื่อปรากฏอยู่ ณ ภายนอก

“สองชุมแรกมีความเชื่อมโยงกัน หากรู้ข้อมูลของชุมใดชุมหนึ่งได้ก็เท่ากับเราจะปราบมันทั้งสองได้แน่นอน”

“พูดแบบนี้คิดจะส่งคนแฝงตัวเข้าไปใช่ไหมครับ?”

“ใช่”

“ว่าแต่จะเอาใครไปดีล่ะ คนที่นี่พวกมันคงจำหน้ากันได้หมดแล้ว”

“พูน เอ็งนั่นแหละ”

“ห๊ะ! ฉันเหรอ!?”

ด้วยว่าหลังจากสน.ขึ้นชื่อเรื่องการกำราบโจรจึงมีงานเข้ามาให้ทำไม่ขาด ออกไปนอกสถานที่พบปะประชาราษฎร์ก็บ่อยจนผู้คนจดจำหน้าได้ก็พากันซื้อของมาฝากยกใหญ่แม้จะดูว่าดีแต่ความโด่งดังคล้ายจะเป็นดาบสองคม หากหนึ่งในโจรมันรู้ถึงการเคลื่อนไหวคนใดคนหนึ่งของพวกเขาล่ะก็ แผนคงล่มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

“เดี๋ยว ทุกท่าน เอาจริงดิ!”

พูนเป็นอดีตตำรวจภูธรจากจังหวัดพิษณุโลกที่เข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ทั้งมนุษยสัมพันธ์พอใช้ได้ ไหลตามน้ำได้ตลอด คนแบบนี้เมื่อเทียบกับตัวเขาที่คนรู้จักทั้งอำเภอคงใช้การได้ประสิทธิผลมากกว่า

พูนผู้พึ่งได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่กระดืบ ๆ หลบเลี่ยงสายตาอันคาดหวังจากเพื่อนร่วมงาน มากระซิบข้างหูเพื่อนซี้

‘ไกร ฉันไม่ทำได้ไหม’

‘ไม่ได้’

‘โถ่ ฉันยังจีบน้องแผนไม่ติดเลยนะ’

‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดี’

‘ก็มัน-’

‘ทำ’

‘แต่-’

‘ถ้าเอ็งทำสำเร็จแล้วเอาไปเล่าให้น้องเขาฟัง เขาจะไม่ภูมิใจในตัวเอ็งเหรอวะ’

‘ฉันทำเอง ใครบอกไม่ทำกัน โว้ะ!’

เพราะติดนิสัยขี้กลัวขี้เกียจเป็นทุนเดิม ไกรวิชญ์จึงต้องสร้างแรงกระเพื่อมให้เพื่อนมันเสียหน่อย

ที่เข้ากันได้ขนาดนี้คงเพราะรู้ความลับกันและกันด้วยกระมัง ใครจะไปรู้ว่าทั้งผู้กำกับและรองผู้กำกับมีรสนิยมชอบสรีระเพศเดียวกัน

จบการประชุมในช่วงเช้าเขาทำงานไปก็คิดถึงหน้าน้องชายไป เจอกันอีกทีก็เวลาเที่ยงเพราะสน.เขาอยู่ใกล้บ้านไม่ต่างจากที่ทำงานของด้วง จึงมักกลับมากินข้าวที่บ้าน จริง ๆ เขาติดนิสัยนี้มาจากด้วงเพราะอีกฝ่ายแรกเริ่มเดิมทีไม่ได้โตมาพร้อมสินทรัพย์มากมายเหมือนเขา ติดดินติดทราย เป็นคนประหยัด (มากจนเกินไป) ที่แม้แต่เงินค่าอาหารกลางวันไม่กี่สตางค์ก็ไม่ยอมเสียถ่อสังขารกลับมากินข้าวที่บ้าน ส่วนเขาที่อยากเจอหน้าน้องชายก็พลอยทำตามไปด้วย

ในเวลาเที่ยงเศษป่านนี้ด้วงคงถึงบ้านก่อนแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงเขากลับเจอแต่ความว่างเปล่า กับพ่อบ้านเพียงคนเดียว

“ลุงแดง ด้วงยังไม่กลับมาเหรอ?”

“คุณด้วงกลับมาเปลี่ยนชุดครู่เดียวแล้วก็ออกไปครับคุณผู้ชาย”

“เปลี่ยนชุด?”

“เห็นบอกว่าวันนี้ลางานกะทันหัน จะไปเดินดูย่านการค้า”

เมื่อได้ยินเขาที่ยืนกอดอกครุ่นคิดอยู่ถึงกับชะงัก

นี่มันผิดปกติ

เจ้าตัวไม่เคยลางานสักครั้งหากไม่ป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ หรือกระทั่งออกไปเดินเตร็ดเตร่ในย่านการค้าเจ้าตัวก็ดูจะไม่ค่อยชื่นชอบเพราะมันต้องใช้เงินเยอะ แต่เพียงวันเดียวกลับทำลายความเชื่อของเขาไปจนหมด

วันนี้ที่สถานี มันเกิดอะไรขึ้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status