ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้ว
ในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจ
รวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”
“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”
พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้
“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”
“นอกเรื่อง”
“กำลังจะเข้าเรื่อง”
พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมของคุณพ่อลูกหนึ่งคนนี้จริง ๆ หวังว่ากันต์ธีร์หลานน้าจะโตมาไม่เจ้ามาดเจ้าภาพลักษณ์แบบบิดา
ไกรวิชญ์เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารประวัติคดีที่ทำเตรียมไว้เมื่อวานสำหรับเริ่มประสานกับกลุ่มเพื่อวางแผนการ
คดีในการดูแลของพวกเขาในตอนนี้มีอยู่ ๓ คดี ไม่นับเรื่องฉกชิงวิ่งราวประปราย ซึ่งล้วนเป็นการจับหัวหน้ากลุ่มโจรมาสำเร็จโทษทางอาญาทั้งสิ้น
แม้พวกเขาจะเป็นตำรวจนครบาลไม่มีเอี่ยวกับส่วนภูมิภาค แต่เมื่อสองปีที่แล้วพวกเขาสามารถเข้าจับกุมเสือสุพรรณนาม ‘เสือหิน’ มาเข้าตะรางได้ ซึ่งนับเป็นโจรผู้ร้ายนอกจากปล้นชิงทรัพย์ซ้ำร้ายยังฆ่าคนแม้แต่คนบริสุทธิ์ก็ไม่เว้น ด้วยชื่อกระฉ่อนแบบนั้นเมื่อผู้คนได้ยินข่าวจึงให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ นั่นจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยให้พวกเขาต้องมามีส่วนร่วมในคดีต่างจังหวัดแบบนี้
พันโทพรั่งพรูลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ก่อนจะเดินผ่านวงกบประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเดิม เขาเป็นหัวหน้าคนจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้
ผู้กำกับสูงสุดฝากเพื่อนคนสนิทแจกจ่ายรายงานให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
“อย่างที่ทุกคนทราบ เป้าหมายของเราในรอบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้ ถึงใครเขาจะบอกว่าพวกเรามันเป็นขี้ข้าเศรษฐี แต่ให้เรารู้ตัวเราเองก็พอว่าทำอะไร หากสำเร็จคนพวกนั้นจะเห็นเป็นที่ประจักษ์เอง”
“ครับ!”
เพราะหลายเดือนมานี้มีข่าวบุกปล้นบ้านผู้มากลาภยศมากขึ้นจากกลุ่มขโมยขโจรเล็กใหญ่ กระนั้นพวกเขาทำได้แค่จับตัวเล็ก ๆ มาเข้ากรงขัง แต่พวกมันน้อยนักที่จะสารภาพความผิดเพราะอุดมการณ์ชาติโจรมันค้ำคอ
ทว่าเรื่องพรรค์นั้นมีหรือเขาจะสนใจ โจรก็คือโจรอยู่วันยังค่ำ ที่ที่เหมาะสมกับพวกมันไม่ใช่เรือนไม้บนภูเขาหรือบ้านชานเมืองแต่เป็นห้องขัง
ส่วนไอ้เศรษฐีคดโกงพวกนั้นที่ได้ทรัพย์สมบัติคืนไปเขาในตอนนี้ขอปล่อยมันเสวยสุขไปก่อน ไว้จัดการเรื่องปีนี้เสร็จจะเร่งถอนรากถอนโคนพวกมันให้สิ้น
“เราจะเรียงคดีตามความถี่ในการออกปล้นเพื่อลดทอนผู้เสียหาย”
เริ่มจากชุมเสือขาม ๑ เดือน ๕ คดี, ชุมเสือแหงน ๑ ปี ๑๒ คดี และสุดท้ายซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ชุมเสือหิน ๑๕๐ คดี ๒๐ ปี ยังไม่รวมคดีที่พึ่งเกิดสดร้อน ๆ เมื่อไม่นานมานี้อย่างการปล้นรถไฟ ทั้ง ๆ ที่เขาเข้าไปยืนยันว่าเสือหินมันยังมีชีวิตอยู่ในแดนประหาร แล้วทำไมมันยังมีชื่อปรากฏอยู่ ณ ภายนอก
“สองชุมแรกมีความเชื่อมโยงกัน หากรู้ข้อมูลของชุมใดชุมหนึ่งได้ก็เท่ากับเราจะปราบมันทั้งสองได้แน่นอน”
“พูดแบบนี้คิดจะส่งคนแฝงตัวเข้าไปใช่ไหมครับ?”
“ใช่”
“ว่าแต่จะเอาใครไปดีล่ะ คนที่นี่พวกมันคงจำหน้ากันได้หมดแล้ว”
“พูน เอ็งนั่นแหละ”
“ห๊ะ! ฉันเหรอ!?”
ด้วยว่าหลังจากสน.ขึ้นชื่อเรื่องการกำราบโจรจึงมีงานเข้ามาให้ทำไม่ขาด ออกไปนอกสถานที่พบปะประชาราษฎร์ก็บ่อยจนผู้คนจดจำหน้าได้ก็พากันซื้อของมาฝากยกใหญ่แม้จะดูว่าดีแต่ความโด่งดังคล้ายจะเป็นดาบสองคม หากหนึ่งในโจรมันรู้ถึงการเคลื่อนไหวคนใดคนหนึ่งของพวกเขาล่ะก็ แผนคงล่มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
“เดี๋ยว ทุกท่าน เอาจริงดิ!”
พูนเป็นอดีตตำรวจภูธรจากจังหวัดพิษณุโลกที่เข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ทั้งมนุษยสัมพันธ์พอใช้ได้ ไหลตามน้ำได้ตลอด คนแบบนี้เมื่อเทียบกับตัวเขาที่คนรู้จักทั้งอำเภอคงใช้การได้ประสิทธิผลมากกว่า
พูนผู้พึ่งได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่กระดืบ ๆ หลบเลี่ยงสายตาอันคาดหวังจากเพื่อนร่วมงาน มากระซิบข้างหูเพื่อนซี้
‘ไกร ฉันไม่ทำได้ไหม’
‘ไม่ได้’
‘โถ่ ฉันยังจีบน้องแผนไม่ติดเลยนะ’
‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดี’
‘ก็มัน-’
‘ทำ’
‘แต่-’
‘ถ้าเอ็งทำสำเร็จแล้วเอาไปเล่าให้น้องเขาฟัง เขาจะไม่ภูมิใจในตัวเอ็งเหรอวะ’
‘ฉันทำเอง ใครบอกไม่ทำกัน โว้ะ!’
เพราะติดนิสัยขี้กลัวขี้เกียจเป็นทุนเดิม ไกรวิชญ์จึงต้องสร้างแรงกระเพื่อมให้เพื่อนมันเสียหน่อย
ที่เข้ากันได้ขนาดนี้คงเพราะรู้ความลับกันและกันด้วยกระมัง ใครจะไปรู้ว่าทั้งผู้กำกับและรองผู้กำกับมีรสนิยมชอบสรีระเพศเดียวกัน
จบการประชุมในช่วงเช้าเขาทำงานไปก็คิดถึงหน้าน้องชายไป เจอกันอีกทีก็เวลาเที่ยงเพราะสน.เขาอยู่ใกล้บ้านไม่ต่างจากที่ทำงานของด้วง จึงมักกลับมากินข้าวที่บ้าน จริง ๆ เขาติดนิสัยนี้มาจากด้วงเพราะอีกฝ่ายแรกเริ่มเดิมทีไม่ได้โตมาพร้อมสินทรัพย์มากมายเหมือนเขา ติดดินติดทราย เป็นคนประหยัด (มากจนเกินไป) ที่แม้แต่เงินค่าอาหารกลางวันไม่กี่สตางค์ก็ไม่ยอมเสียถ่อสังขารกลับมากินข้าวที่บ้าน ส่วนเขาที่อยากเจอหน้าน้องชายก็พลอยทำตามไปด้วย
ในเวลาเที่ยงเศษป่านนี้ด้วงคงถึงบ้านก่อนแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงเขากลับเจอแต่ความว่างเปล่า กับพ่อบ้านเพียงคนเดียว
“ลุงแดง ด้วงยังไม่กลับมาเหรอ?”
“คุณด้วงกลับมาเปลี่ยนชุดครู่เดียวแล้วก็ออกไปครับคุณผู้ชาย”
“เปลี่ยนชุด?”
“เห็นบอกว่าวันนี้ลางานกะทันหัน จะไปเดินดูย่านการค้า”
เมื่อได้ยินเขาที่ยืนกอดอกครุ่นคิดอยู่ถึงกับชะงัก
นี่มันผิดปกติ
เจ้าตัวไม่เคยลางานสักครั้งหากไม่ป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ หรือกระทั่งออกไปเดินเตร็ดเตร่ในย่านการค้าเจ้าตัวก็ดูจะไม่ค่อยชื่นชอบเพราะมันต้องใช้เงินเยอะ แต่เพียงวันเดียวกลับทำลายความเชื่อของเขาไปจนหมด
วันนี้ที่สถานี มันเกิดอะไรขึ้น
ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว
เสียงนกร้องภายนอกแว่วเข้ามาผ่านช่องเล็กช่องน้อยภายในห้องนอนขนาดย่อม เครื่องเรือน เครื่องนอนล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเหมาะสมให้เขากับผู้อยู่อาศัย แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ จึงมีแต่ของใช้จำเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง และม่านมุ้งห้อยจากเพดานกันแมลงในตอนกลางคืนทว่าวันนี้นาฬิกาปลุกถูกตั้งให้ช้ากว่าปกติเพราะนี่นับเป็นวันแรกที่คนบนเตียงจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่รอมานานนับสิบปี จนเมื่อเสียงกริ๊งดังไม่ทันใดมันก็ถูกกดหยุดลงพร้อมนายสถานีร่างโปร่งที่ลุกขึ้นมาบิดกายยืดเส้น ดวงหน้าอิ่มเอิบประดับรอยยิ้ม แต่เช้าตรู่พลางมองเสื้อผ้าของวันนี้ที่ถูกแขวนเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วงสูดลมหายใจเข้าระหว่างนั่งเล่นให้ร่างกายตื่นเต็มตา แล้วจึงกระเด้งตัวออกจากเตียงไปผลัดผ้าผลัดผ่อนบ้านหลังนี้กว้างโอ่อ่าพอจะทำห้องส่วนตัวให้แก่ทุกคนรวมไปถึงห้องอาบน้ำในทุกห้องนอนเช่นกัน เพิ่มความสะดวกสบายให้สมาชิกในบ้านที่ต้องทำกิจในเวลาไล่เลี่ยกันกระจกบานเล็กหน้าโต๊ะสะท้อนร่างสูงโปร่งประดับลอนกล้ามเนื้อสีเข้มกระนั้นก็พอมีช่วงเอวไม่ตีบตันไร้สัดส่วนด้วงรีบเข้าไปรดน้ำทำความสะ
“วันนี้คุณดลรวีก็มาช้าเหรอครับ?”ดันกิเดินมาสนทนากับเจ้าแผนที่คุณดลรวีเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนคนสนิท เขาซึ่งมาที่นี่ทุกเช้าก็มักจะได้สนทนากับนายสถานียิ้มเก่งคนนั้นเป็นประจำ ได้ยินว่าเจ้าตัวเจอคนที่รอมาตลอดแล้วไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวมาช้ากว่าปกติหรือเปล่า“เปล่าครับ มาเช้ากว่าใครเพื่อนเลย นู่นนั่งอยู่นู่น”แผนกอดอกบุ้ยคางยังเจ้าเพื่อนที่นั่งเหงาเหม่อมองทางรถไฟมาตั้งแต่ย่ำค่ำ ทำเอาเขาสงสัยไม่ใช่น้อย ว่าเจอก็เจอแล้วทำไมยังนั่งเป็นหมาหงอยอยู่อีก“ขอบคุณครับ”แผนมองแผ่นหลังของคุณครูชาวญี่ปุ่นวิ่งต้อย ๆ ไปทางเจ้าเพื่อนรักก็นึกอิจฉา เขาสิไม่รู้ทำไมไม่ได้คนสติดี ๆ มาเดินตามบ้างดันกิสาวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะค่อย ๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้เก้าอี้ไม้ข้างเสา เขาหอบเอาลมหายใจเข้าปอดพลางสังเกตสีหน้าของคุณดลรวี แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูหม่นหมองไม่ต่างจากท้องฟ้ายามมีเมฆฝน“คุณอุ่น มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย”“ผมพึ่งมา ทำไมวันนี้คุณถึงดูเศร้า ๆ ล่ะครับ”“มันอธิบายค่อนข้างยากน่ะครับ...”
ด้วงที่ลงมาหยิบนมในตู้แช่เย็นได้ยินเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กแว่วลงมาจากด้านบนบวกกับเสียงกลอนประตูเมื่อสักครู่จึงคิดจะอุ่นชาหอมขึ้นไปให้พี่ชายที่น่าจะกลับมาแล้วด้วยในระหว่างที่ตั้งเตาอุ่นนมก็จัดแจงคีบถ่านจุดไฟวางกาน้ำร้อน ก่อนจะผละไปเปิดตู้กับข้าวมองหาถุงชาที่ได้รับเป็นของฝากเมื่อเดือนก่อน เพียงนานเครื่องดื่มอุ่นก็พร้อมใส่แก้วพอเดินขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เหมือนน้องกันต์จะดูอาการไม่ค่อยดีเมื่อได้สนทนากับผู้เป็นพ่อ เขาจึงรีบเดินอ้อมหลังไปมอบแก้วนมให้เจ้าตัวรีบดื่มจะได้หนีออกไปจากความอึดอัดได้ ส่วนเขาพาตัวเองมานั่งตรงข้ามพี่ชายพร้อมวางแก้วชาหอมไว้ตรงหน้า“ของเราไม่มีเหรอ?”“วันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”เขาพูดพลางชำเลืองมองหลานชายที่ค่อย ๆ จิบนมดูเหมือนเขาจะอุ่นร้อนจนเกินไป“วันนี้เราเป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ นะ”“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย”ตอนนี้เขาระแวงเหลือเกินว่าพี่ไกรจะทำอย่างเมื่อเช้าต่อหน้าลูกชายตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจะออกอาการไม่ได้จึงทำเพียงเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากกลางโต๊ะลงมาประสานอยู่บนต
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) , เคะกล้ามหนุบหนับ และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะผิดปกติทางจิต, Fetish(BDSM)*ที่ผิดหลัก และสิ่งเสพติด/อบายมุขโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอนหลัก 35+10 ตอนจำนวนตอนพิเศษ 11+3 ตอนรวมทั้งหมด 59 ตอน***พิสูจน์อักษร 2 ครั้ง***อัปเดตครั้งล่าสุด 10/07/2024#
“อาด้วงออกไปทำงานแต่เช้าตลอดเลยนะครับ”เสียงเด็กชายวัยมัธยมต้นกล่าวทักญาติคนสนิทที่แม้ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาจะบอกเวลาตีสี่สี่สิบห้า กระนั้นคุณอาชายที่แปะชื่อนายสถานีก็ยังขยันขันแข็งสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมคว้ากุญแจเตรียมออกจากบ้าน ทั้งเมื่อครู่พวกเขานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันสามคน วางจานอาหารพร้อมกัน แต่เจ้าตัวกลับทานหมดคนแรกทั้งที่ข้าวพูนจานกว่าใครแท้ ๆคุณอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานชายจึงใช้ฝ่ามือสีน้ำผึ้งยีเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติกระเซิงด้วยความมันเขี้ยว“แซวอาได้ทุกวันนะกันต์”“ผมพูดจริงนี่ครับ อาด้วงไปแต่เช้าทุกวัน ทิ้งผมกับคุณพ่อให้กินข้าวต่อกันสองคน บางครั้งกันต์ก็อยากเดินออกจากบ้านพร้อมกันบ้างนะครับ”กันต์ธีร์พูดไปอมข้าวไป กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เป็นที่พอใจของตัวเขาสักเท่าไรนัก เนื่องจากเขาสนิทกับคุณอามากที่สุดในบ้าน แม้ทีแรกใคร ๆ จะบอกว่าอาด้วงน่ากลัวเพราะมีรอยบากที่หางคิ้ว ลำคอ จะมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเก่า หรือแม้ยามปกติอีกฝ่ายจะชอบทำหน้านิ่งแต่ใครรู้ว่าแท้จริงเจ้าตัวจิตใจดี ทั้งยังชอบพาเขาทำก
ด้วงเดินทางมาไม่นานก็ถึงสถานีกรุงเทพ เพราะบ้านหลักอยู่ห่างจากที่ทำงานเพียงข้ามถนนสองเส้น จึงเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องนั่งรถรางให้ยุ่งยากเวลานี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทเห็นดวงจันทร์แจ่มชัด ผู้คน รถบนถนนบางตา ฝนที่ตกปรอย ๆ เมื่อคืนเมื่อสัมผัสกับผืนดินผืนหญ้าส่งกลิ่นหอมธรรมชาติโชยมาแตะจมูกชวนให้ใจสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศยามไร้ผู้คนในเวลาเช้าตรู่ขาสูงยาวก้าวอย่างมั่นคงบนทางเท้า มองเหล่าแมลงซึ่งสะท้อนแสงจากโคมไฟรายทางที่พวกมันตอม พลางคิดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่วนอยู่ในหัวเขามาร่วมสิบปีเขารักคนคนหนึ่งรักมาตลอดตั้งแต่วันที่จากลากันทีแรกเขาไม่รู้สึกถึงมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่แห่งนั้นได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเขาเองที่ต้องพาเจ้าตัวหนีขึ้นรถไฟจากไอ้พวกคนจัญไรเหล่านั้นย้อนนึกไปเท่าไรก็รู้สึกเจ็บปวด ภาพทุกภาพหวนคืนเข้ามาในห้วงความคิดอย่างไม่อาจหักห้ามได้เรือนไม้สีเข้มเก่าแก่สะท้อนแสงจันทร์ขาวนวลยามค่ำคืน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกระทบผิว เหล่าก้านไม้ใบไม้เสียดสีกันชวนให้ค่ำคืนสุดท้ายในที่แห่งนั้นน่าขนลุก และเสียงแปร่ง
ด้วงสูดลมหายใจเข้าเมื่อวิ่งมาถึงยังหน้าชานชาลาในการดูแล อีกไม่นานรถไฟขบวนแรกจากชุมพรก็จะเข้าเทียบ เขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับหน้าที่และผู้คนเพื่อมองหาใครคนนั้นให้เจอทว่าเหมือนที่เขาแกล้งหัวเราะอาจารย์แกไปเมื่อครู่จะโดนเอาคืน เพราะจู่ ๆ หมวกประจำตำแหน่งก็ถูกถอดออกทำให้เขาต้องหันไปมองจนเห็นว่าเป็นคุณอุ่นที่ยืนถือหมวกเขาอยู่ก่อนจะรีบเดินเข้ามาสวมหมวกให้เหมือนเดิมเมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจ“ผมแกล้งหนักไปเหรอครับ?”“ถามมาได้”นายสถานีเม้มปากไม่พอใจ เขาหัวเราะนิดเดียวเองดันมาแกล้งถึงเนื้อถึงตัวกันเสียได้ ไหนเจ้าตัวบอกคนญี่ปุ่นเรียบร้อยตามขนบอย่างไรเล่า“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ”สิ่งที่อาจารย์กล่าวก่อนจะขึ้นตู้สื่อถึงคนที่เขากำลังเฝ้าตามหาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ป่าวประกาศว่ากำลังตามหาคนแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับแก่คนใกล้ชิดด้วงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กระชับปีกหมวกประจำตำแหน่งให้เข้าที่เพราะอีกไม่ถึงนาทีจะถึงเวลารถไฟรอบแรกของวันเข้าเทียบ นัยน์ตาสีดำประกายม่วงไร้แวว มองหัวรถจักร สดับฟังเรียงหวูดอย่างเหม่อลอย เสียงพ