ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว
“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”
เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย
“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”
“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”
จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ
“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”
“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”
“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”
“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”
“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว ทำไมเหรอครับ?”
ทันใดนั้นเมื่อจบประโยคด้วงก็ฉีกยิ้มสดใสแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เขาไม่อยากได้ยินมันมากที่สุด
“ผมเจอคนที่ผมรอมาตลอดแล้วครับ”
เสียงทุ้มใสกล่าวด้วยความผาสุก เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเป็นร่วมยินดีไปกับน้องชาย
“ผมว่าจะพาเพื่อนไปเที่ยวร้านที่พี่เคยพาผมไป พี่ช่วยเลือกเสื้อวันพรุ่งนี้ให้ผมได้ไหม?”
“ได้สิ มาที่ห้องพี่นะ กระจกห้องเราบานเล็ก”
“อื้อ!”
เสียงตอบรับคล้ายว่ามันบาดลึกลงไปในยังขั้วหัวใจ ภาพน้องชายที่กำลังมีสุขล้นเอ่อเช่นนี้หากในยามปกติเขาจะไม่อะไร ครั้นจะสานสุขร่วมกัน แต่ตอนนี้เขาเกลียดมัน เกลียดที่ความสุขนั้นมันมาจากคนอื่นไม่ใช่เขา
ผู้เป็นน้องชายขณะนั้นกำลังเพลิดเพลินไปกับการเลือกชุดไปรเวทสำหรับวันพรุ่งนี้จึงไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าแววตาของผู้ที่ยืนซ้อนหลังอยู่แม้แต่น้อย
ไกรวิชญ์กำมือขบกรามแน่นขณะหยิบเลือกเสื้อขึ้นทาบตัวน้องชายที่ยื่นซ้อนอยู่ข้างหน้า ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองภาพใบหน้ากลมกลึงพลางขบคิดวกวนเรื่องของคนน้อง
“พี่ไกร”
“ครับด้วง?”
“พี่โกรธอะไรผมรึเปล่า เห็นทำหน้าไม่พอใจ”
“ไม่ครับ พี่จะโกรธเราได้ยังไง”
หากจะโกรธ พี่เลือกโกรธตัวเองดีกว่าที่อนุญาตให้เราไปทำงานที่กรมรถไฟ
“แล้วที่บอกว่าจะพาเพื่อนเที่ยว จะพาไปที่ไหนเหรอครับ?”
“ไปร้านกาแฟริมแม่น้ำที่พี่เคยพาผมกับกันต์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว”
“ไม่คิดว่าไกลไปหน่อยเหรอ มาร้านแถวสน. พี่ดีกว่าไหม ได้วิวพระนคร”
เขาประเจิดประเจ้อเกินไป แบบนี้ด้วงปฏิเสธแน่
“ไม่ดีกว่าครับ ผมคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องชอบวิวแม่น้ำ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นถ้าจะไปจะกลับกี่โมงอย่าลืมบอกพี่กับกันต์ด้วยนะ”
เขาพูดพลางสับเปลี่ยนเสื้อขึ้นทาบแนบอกเจ้าน้อง เอาเข้าจริงเขาไม่ได้สนใจเสื้อผ้าพวกนี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่จะคิดสะระตะเรื่องวันพรุ่งนี้ของน้องชาย และเขาในตอนนี้คงไม่มีเวลาแอบตามไปดูหน้าของคนคนนั้น
“ผมว่าจะออกหกโมงครึ่งไปส่งน้องกันต์ แล้วค่อยวกกลับมาสถานี”
“กันต์โตแล้ว นั่งรถรางไปเรียนเองได้เราไม่ต้องเสียเวลาหรอก”
“น้องกันต์รบเร้าผมให้ไปส่งอยู่หลายครั้ง ถ้ามีโอกาสก็อยากทำให้”
“ตามใจกันเกินไปแล้ว”
“ตามใจบ้างจะเป็นอะไรไป”
ไกรวิชญ์ยอมใจผู้เป็นน้องชายก่อนจะเก็บเสื้อผ้าที่หยิบขึ้นมาลอง ไม่ว่าตัวไหนสีไหนก็ล้วนเหมาะกับเจ้าตัวทั้งสิ้น ดังนั้นเขาขอเลือกสีโปรดของเจ้าตัวเป็นการเอาใจสักหน่อยก็แล้วกัน
“พี่ว่าสีม่วงเทาเข้ากับเรา”
“ขอบคุณนะครับพี่”
“อือ”
“พี่ครับ แผลที่มือทายารึยัง ให้ผมไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้ไหม?”
“พี่ทาแล้ว”
“พี่นะพี่ ไปเอาแผลอะไรมาได้ทุกวี่ทุกวัน”
“ฮ่า ๆ ซ้อมต่อสู้กับเพื่อนหนักไปหน่อยน่ะ เรารีบไปอาบน้ำนอนเถอะ”
เจ้าน้องหมายถึงแผลฟกช้ำบริเวณข้อนิ้วทั้งห้า เจ้าตัวคงสังเกตเห็นมันระหว่างการลองเสื้อ แต่จะให้เจ้าตัวรู้ถึงสาเหตุของแผลเหล่านี้ไม่ได้เด็ดขาด
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เมื่อบานประตูไม้เนื้อดีปิดลงได้สักพักพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาภายในห้อง
*ปึง!!* เสียงทุบดังลั่นจากกำปั้นหนักของนายตำรวจลงกระแทกอย่างแรงกับโต๊ะตัวกว้าง และกรามที่ขบกันจนกรอบหน้าผุดเส้นเลือดหนา นัยน์ตาแดงก่ำจดจ้องมองไปยังบานกระจกที่เมื่อครู่สะท้อนภาพระหว่างเขากับผู้มีศักดิ์เป็นน้องชาย เขาทำใจเย็นมาได้เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว นับวันความเดือดดาลมันยิ่งจะเพิ่มขึ้นไม่ทบทวี ไม่ว่าจะข่มใจอย่างไรก็ไม่อาจยับยั้งเอาไว้ได้เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่คิดเพียงความสุขของเจ้าน้องเขาก็พึงใจ แต่มาตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มของผู้เป็นน้องก็ไม่อาจเยียวยา เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไม ทำไมเขาถึงไม่อาจมีความสุขร่วมไปกับคนที่เขารักได้
เมื่อครู่ ทุกครั้งที่ก้มลงไปหยิบเสื้อตัวใหม่ขึ้นทาบคล้ายจะมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงมือ ครั่นเนื้อครั่นตัวเกินจะอยากยืนอยู่ต่อ คลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนเมื่อรู้ว่าทั้งหมดนี่ด้วงกำลังทำเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เพียงแค่คิดว่าเจ้าตัวตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อคนอื่นเขาก็ไม่พอใจเสียจนอยากจะเอาถุงผ้าที่ซื้อมาทั้งหมดไปเผาทิ้งเสียให้วอด
‘พี่ทำอะไรตกเหรอครับ?’
เสียงเจ้าน้องแว่วถามมาจากข้างนอก เพราะห้องติดกันจึงได้ยินมันโดยง่าย
“พี่เผลอเดินชนเก้าอี้ล้มครับ”
ไกรปรับเสียงให้ทุ้มนุ่มไร้พิรุธ จนน้องชายไม่คิดสงสัยเดินกลับเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว
เขาต้องคงภาพลักษณ์พี่ชายแสนดีไม่ให้นิสัยที่ซุกซ่อนไว้มันผุดขึ้นมาเหนือน้ำ ไม่เช่นนั้นมันจะลามไปสู่ความรู้สึกอันน่าละอายซึ่งอยู่ภายในจิตใจสำนึก
เขารักน้องชายตัวเอง รักมาตลอดตั้งแต่เมื่อพบหน้ากันครั้งแรก
แต่เมื่อเขาทราบถึงการมีตัวตนของคนที่เจ้าตัวแอบชอบจึงพยายามข่มใจตอบรับการดูตัวของพ่อ จนได้มีภรรยา สร้างบ้านสร้างครอบครัวกันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทีแรกเมื่อรู้ เขาเป็นคนพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวล้มเลิกความฝันลม ๆ แล้ง ๆ นั่นเสียด้วยซ้ำแต่เมื่อเอาเข้าจริง คนที่รักมาขอร้องอ้อนวอนจนน้ำตาคลอเบ้าใครเขาจะไม่ยอม ไม่ว่าอย่างไรจะเจอหญิงคนนั้นหรือไม่เจอ ก็จะไม่มีใครหน้าไหนมาเอาตัวน้องชายออกไปจากบ้านเขาได้อย่างเด็ดขาด
เขาคิดวางแผนบอกสิ่งนี้กับเจ้าตัวในอนาคต แต่อนาคตที่ว่าจะไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ เขาต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะไร้ซึ่งอุปสรรค
และจนกว่าจะถึงวันนั้นหากมีอ้ายอีหน้าไหนริอ่านแทรกสะเหล่อมาเป็นขวากหนามเขาจะกำจัดมันด้วยน้ำมือคู่นี้เอง
เสียงนกร้องภายนอกแว่วเข้ามาผ่านช่องเล็กช่องน้อยภายในห้องนอนขนาดย่อม เครื่องเรือน เครื่องนอนล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเหมาะสมให้เขากับผู้อยู่อาศัย แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ จึงมีแต่ของใช้จำเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง และม่านมุ้งห้อยจากเพดานกันแมลงในตอนกลางคืนทว่าวันนี้นาฬิกาปลุกถูกตั้งให้ช้ากว่าปกติเพราะนี่นับเป็นวันแรกที่คนบนเตียงจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่รอมานานนับสิบปี จนเมื่อเสียงกริ๊งดังไม่ทันใดมันก็ถูกกดหยุดลงพร้อมนายสถานีร่างโปร่งที่ลุกขึ้นมาบิดกายยืดเส้น ดวงหน้าอิ่มเอิบประดับรอยยิ้ม แต่เช้าตรู่พลางมองเสื้อผ้าของวันนี้ที่ถูกแขวนเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วงสูดลมหายใจเข้าระหว่างนั่งเล่นให้ร่างกายตื่นเต็มตา แล้วจึงกระเด้งตัวออกจากเตียงไปผลัดผ้าผลัดผ่อนบ้านหลังนี้กว้างโอ่อ่าพอจะทำห้องส่วนตัวให้แก่ทุกคนรวมไปถึงห้องอาบน้ำในทุกห้องนอนเช่นกัน เพิ่มความสะดวกสบายให้สมาชิกในบ้านที่ต้องทำกิจในเวลาไล่เลี่ยกันกระจกบานเล็กหน้าโต๊ะสะท้อนร่างสูงโปร่งประดับลอนกล้ามเนื้อสีเข้มกระนั้นก็พอมีช่วงเอวไม่ตีบตันไร้สัดส่วนด้วงรีบเข้าไปรดน้ำทำความสะ
“วันนี้คุณดลรวีก็มาช้าเหรอครับ?”ดันกิเดินมาสนทนากับเจ้าแผนที่คุณดลรวีเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนคนสนิท เขาซึ่งมาที่นี่ทุกเช้าก็มักจะได้สนทนากับนายสถานียิ้มเก่งคนนั้นเป็นประจำ ได้ยินว่าเจ้าตัวเจอคนที่รอมาตลอดแล้วไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวมาช้ากว่าปกติหรือเปล่า“เปล่าครับ มาเช้ากว่าใครเพื่อนเลย นู่นนั่งอยู่นู่น”แผนกอดอกบุ้ยคางยังเจ้าเพื่อนที่นั่งเหงาเหม่อมองทางรถไฟมาตั้งแต่ย่ำค่ำ ทำเอาเขาสงสัยไม่ใช่น้อย ว่าเจอก็เจอแล้วทำไมยังนั่งเป็นหมาหงอยอยู่อีก“ขอบคุณครับ”แผนมองแผ่นหลังของคุณครูชาวญี่ปุ่นวิ่งต้อย ๆ ไปทางเจ้าเพื่อนรักก็นึกอิจฉา เขาสิไม่รู้ทำไมไม่ได้คนสติดี ๆ มาเดินตามบ้างดันกิสาวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะค่อย ๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้เก้าอี้ไม้ข้างเสา เขาหอบเอาลมหายใจเข้าปอดพลางสังเกตสีหน้าของคุณดลรวี แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูหม่นหมองไม่ต่างจากท้องฟ้ายามมีเมฆฝน“คุณอุ่น มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย”“ผมพึ่งมา ทำไมวันนี้คุณถึงดูเศร้า ๆ ล่ะครับ”“มันอธิบายค่อนข้างยากน่ะครับ...”
ด้วงที่ลงมาหยิบนมในตู้แช่เย็นได้ยินเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กแว่วลงมาจากด้านบนบวกกับเสียงกลอนประตูเมื่อสักครู่จึงคิดจะอุ่นชาหอมขึ้นไปให้พี่ชายที่น่าจะกลับมาแล้วด้วยในระหว่างที่ตั้งเตาอุ่นนมก็จัดแจงคีบถ่านจุดไฟวางกาน้ำร้อน ก่อนจะผละไปเปิดตู้กับข้าวมองหาถุงชาที่ได้รับเป็นของฝากเมื่อเดือนก่อน เพียงนานเครื่องดื่มอุ่นก็พร้อมใส่แก้วพอเดินขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เหมือนน้องกันต์จะดูอาการไม่ค่อยดีเมื่อได้สนทนากับผู้เป็นพ่อ เขาจึงรีบเดินอ้อมหลังไปมอบแก้วนมให้เจ้าตัวรีบดื่มจะได้หนีออกไปจากความอึดอัดได้ ส่วนเขาพาตัวเองมานั่งตรงข้ามพี่ชายพร้อมวางแก้วชาหอมไว้ตรงหน้า“ของเราไม่มีเหรอ?”“วันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”เขาพูดพลางชำเลืองมองหลานชายที่ค่อย ๆ จิบนมดูเหมือนเขาจะอุ่นร้อนจนเกินไป“วันนี้เราเป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ นะ”“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย”ตอนนี้เขาระแวงเหลือเกินว่าพี่ไกรจะทำอย่างเมื่อเช้าต่อหน้าลูกชายตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจะออกอาการไม่ได้จึงทำเพียงเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากกลางโต๊ะลงมาประสานอยู่บนต
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) , เคะกล้ามหนุบหนับ และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะผิดปกติทางจิต, Fetish(BDSM)*ที่ผิดหลัก และสิ่งเสพติด/อบายมุขโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอนหลัก 35+10 ตอนจำนวนตอนพิเศษ 11+3 ตอนรวมทั้งหมด 59 ตอน***พิสูจน์อักษร 2 ครั้ง***อัปเดตครั้งล่าสุด 10/07/2024#
“อาด้วงออกไปทำงานแต่เช้าตลอดเลยนะครับ”เสียงเด็กชายวัยมัธยมต้นกล่าวทักญาติคนสนิทที่แม้ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาจะบอกเวลาตีสี่สี่สิบห้า กระนั้นคุณอาชายที่แปะชื่อนายสถานีก็ยังขยันขันแข็งสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมคว้ากุญแจเตรียมออกจากบ้าน ทั้งเมื่อครู่พวกเขานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันสามคน วางจานอาหารพร้อมกัน แต่เจ้าตัวกลับทานหมดคนแรกทั้งที่ข้าวพูนจานกว่าใครแท้ ๆคุณอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานชายจึงใช้ฝ่ามือสีน้ำผึ้งยีเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติกระเซิงด้วยความมันเขี้ยว“แซวอาได้ทุกวันนะกันต์”“ผมพูดจริงนี่ครับ อาด้วงไปแต่เช้าทุกวัน ทิ้งผมกับคุณพ่อให้กินข้าวต่อกันสองคน บางครั้งกันต์ก็อยากเดินออกจากบ้านพร้อมกันบ้างนะครับ”กันต์ธีร์พูดไปอมข้าวไป กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เป็นที่พอใจของตัวเขาสักเท่าไรนัก เนื่องจากเขาสนิทกับคุณอามากที่สุดในบ้าน แม้ทีแรกใคร ๆ จะบอกว่าอาด้วงน่ากลัวเพราะมีรอยบากที่หางคิ้ว ลำคอ จะมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเก่า หรือแม้ยามปกติอีกฝ่ายจะชอบทำหน้านิ่งแต่ใครรู้ว่าแท้จริงเจ้าตัวจิตใจดี ทั้งยังชอบพาเขาทำก
ด้วงเดินทางมาไม่นานก็ถึงสถานีกรุงเทพ เพราะบ้านหลักอยู่ห่างจากที่ทำงานเพียงข้ามถนนสองเส้น จึงเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องนั่งรถรางให้ยุ่งยากเวลานี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทเห็นดวงจันทร์แจ่มชัด ผู้คน รถบนถนนบางตา ฝนที่ตกปรอย ๆ เมื่อคืนเมื่อสัมผัสกับผืนดินผืนหญ้าส่งกลิ่นหอมธรรมชาติโชยมาแตะจมูกชวนให้ใจสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศยามไร้ผู้คนในเวลาเช้าตรู่ขาสูงยาวก้าวอย่างมั่นคงบนทางเท้า มองเหล่าแมลงซึ่งสะท้อนแสงจากโคมไฟรายทางที่พวกมันตอม พลางคิดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่วนอยู่ในหัวเขามาร่วมสิบปีเขารักคนคนหนึ่งรักมาตลอดตั้งแต่วันที่จากลากันทีแรกเขาไม่รู้สึกถึงมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่แห่งนั้นได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเขาเองที่ต้องพาเจ้าตัวหนีขึ้นรถไฟจากไอ้พวกคนจัญไรเหล่านั้นย้อนนึกไปเท่าไรก็รู้สึกเจ็บปวด ภาพทุกภาพหวนคืนเข้ามาในห้วงความคิดอย่างไม่อาจหักห้ามได้เรือนไม้สีเข้มเก่าแก่สะท้อนแสงจันทร์ขาวนวลยามค่ำคืน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกระทบผิว เหล่าก้านไม้ใบไม้เสียดสีกันชวนให้ค่ำคืนสุดท้ายในที่แห่งนั้นน่าขนลุก และเสียงแปร่ง
ด้วงสูดลมหายใจเข้าเมื่อวิ่งมาถึงยังหน้าชานชาลาในการดูแล อีกไม่นานรถไฟขบวนแรกจากชุมพรก็จะเข้าเทียบ เขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับหน้าที่และผู้คนเพื่อมองหาใครคนนั้นให้เจอทว่าเหมือนที่เขาแกล้งหัวเราะอาจารย์แกไปเมื่อครู่จะโดนเอาคืน เพราะจู่ ๆ หมวกประจำตำแหน่งก็ถูกถอดออกทำให้เขาต้องหันไปมองจนเห็นว่าเป็นคุณอุ่นที่ยืนถือหมวกเขาอยู่ก่อนจะรีบเดินเข้ามาสวมหมวกให้เหมือนเดิมเมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจ“ผมแกล้งหนักไปเหรอครับ?”“ถามมาได้”นายสถานีเม้มปากไม่พอใจ เขาหัวเราะนิดเดียวเองดันมาแกล้งถึงเนื้อถึงตัวกันเสียได้ ไหนเจ้าตัวบอกคนญี่ปุ่นเรียบร้อยตามขนบอย่างไรเล่า“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ”สิ่งที่อาจารย์กล่าวก่อนจะขึ้นตู้สื่อถึงคนที่เขากำลังเฝ้าตามหาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ป่าวประกาศว่ากำลังตามหาคนแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับแก่คนใกล้ชิดด้วงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กระชับปีกหมวกประจำตำแหน่งให้เข้าที่เพราะอีกไม่ถึงนาทีจะถึงเวลารถไฟรอบแรกของวันเข้าเทียบ นัยน์ตาสีดำประกายม่วงไร้แวว มองหัวรถจักร สดับฟังเรียงหวูดอย่างเหม่อลอย เสียงพ
ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้วในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจรวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”“นอกเรื่อง”“กำลังจะเข้าเรื่อง”พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมข