Share

บทที่ ๓ สบโอกาส (๕๐%)

ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว

“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”

เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย

“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”

“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”

จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ

“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”

“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”

“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”

“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”

“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว ทำไมเหรอครับ?

ทันใดนั้นเมื่อจบประโยคด้วงก็ฉีกยิ้มสดใสแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เขาไม่อยากได้ยินมันมากที่สุด

“ผมเจอคนที่ผมรอมาตลอดแล้วครับ”

เสียงทุ้มใสกล่าวด้วยความผาสุก เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเป็นร่วมยินดีไปกับน้องชาย

“ผมว่าจะพาเพื่อนไปเที่ยวร้านที่พี่เคยพาผมไป พี่ช่วยเลือกเสื้อวันพรุ่งนี้ให้ผมได้ไหม?”

“ได้สิ มาที่ห้องพี่นะ กระจกห้องเราบานเล็ก”

“อื้อ!”

เสียงตอบรับคล้ายว่ามันบาดลึกลงไปในยังขั้วหัวใจ ภาพน้องชายที่กำลังมีสุขล้นเอ่อเช่นนี้หากในยามปกติเขาจะไม่อะไร ครั้นจะสานสุขร่วมกัน แต่ตอนนี้เขาเกลียดมัน เกลียดที่ความสุขนั้นมันมาจากคนอื่นไม่ใช่เขา

ผู้เป็นน้องชายขณะนั้นกำลังเพลิดเพลินไปกับการเลือกชุดไปรเวทสำหรับวันพรุ่งนี้จึงไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าแววตาของผู้ที่ยืนซ้อนหลังอยู่แม้แต่น้อย

ไกรวิชญ์กำมือขบกรามแน่นขณะหยิบเลือกเสื้อขึ้นทาบตัวน้องชายที่ยื่นซ้อนอยู่ข้างหน้า ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองภาพใบหน้ากลมกลึงพลางขบคิดวกวนเรื่องของคนน้อง

“พี่ไกร”

“ครับด้วง?”

“พี่โกรธอะไรผมรึเปล่า เห็นทำหน้าไม่พอใจ”

“ไม่ครับ พี่จะโกรธเราได้ยังไง”

หากจะโกรธ พี่เลือกโกรธตัวเองดีกว่าที่อนุญาตให้เราไปทำงานที่กรมรถไฟ

“แล้วที่บอกว่าจะพาเพื่อนเที่ยว จะพาไปที่ไหนเหรอครับ?”

“ไปร้านกาแฟริมแม่น้ำที่พี่เคยพาผมกับกันต์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว”

“ไม่คิดว่าไกลไปหน่อยเหรอ มาร้านแถวสน. พี่ดีกว่าไหม ได้วิวพระนคร”

เขาประเจิดประเจ้อเกินไป แบบนี้ด้วงปฏิเสธแน่

“ไม่ดีกว่าครับ ผมคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องชอบวิวแม่น้ำ”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นถ้าจะไปจะกลับกี่โมงอย่าลืมบอกพี่กับกันต์ด้วยนะ”

เขาพูดพลางสับเปลี่ยนเสื้อขึ้นทาบแนบอกเจ้าน้อง เอาเข้าจริงเขาไม่ได้สนใจเสื้อผ้าพวกนี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่จะคิดสะระตะเรื่องวันพรุ่งนี้ของน้องชาย และเขาในตอนนี้คงไม่มีเวลาแอบตามไปดูหน้าของคนคนนั้น

“ผมว่าจะออกหกโมงครึ่งไปส่งน้องกันต์ แล้วค่อยวกกลับมาสถานี”

“กันต์โตแล้ว นั่งรถรางไปเรียนเองได้เราไม่ต้องเสียเวลาหรอก”

“น้องกันต์รบเร้าผมให้ไปส่งอยู่หลายครั้ง ถ้ามีโอกาสก็อยากทำให้”

“ตามใจกันเกินไปแล้ว”

“ตามใจบ้างจะเป็นอะไรไป”

ไกรวิชญ์ยอมใจผู้เป็นน้องชายก่อนจะเก็บเสื้อผ้าที่หยิบขึ้นมาลอง ไม่ว่าตัวไหนสีไหนก็ล้วนเหมาะกับเจ้าตัวทั้งสิ้น ดังนั้นเขาขอเลือกสีโปรดของเจ้าตัวเป็นการเอาใจสักหน่อยก็แล้วกัน

“พี่ว่าสีม่วงเทาเข้ากับเรา”

“ขอบคุณนะครับพี่”

“อือ”

“พี่ครับ แผลที่มือทายารึยัง ให้ผมไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้ไหม?”

“พี่ทาแล้ว”

“พี่นะพี่ ไปเอาแผลอะไรมาได้ทุกวี่ทุกวัน”

“ฮ่า ๆ ซ้อมต่อสู้กับเพื่อนหนักไปหน่อยน่ะ เรารีบไปอาบน้ำนอนเถอะ”

เจ้าน้องหมายถึงแผลฟกช้ำบริเวณข้อนิ้วทั้งห้า เจ้าตัวคงสังเกตเห็นมันระหว่างการลองเสื้อ แต่จะให้เจ้าตัวรู้ถึงสาเหตุของแผลเหล่านี้ไม่ได้เด็ดขาด

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

เมื่อบานประตูไม้เนื้อดีปิดลงได้สักพักพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาภายในห้อง

*ปึง!!* เสียงทุบดังลั่นจากกำปั้นหนักของนายตำรวจลงกระแทกอย่างแรงกับโต๊ะตัวกว้าง และกรามที่ขบกันจนกรอบหน้าผุดเส้นเลือดหนา นัยน์ตาแดงก่ำจดจ้องมองไปยังบานกระจกที่เมื่อครู่สะท้อนภาพระหว่างเขากับผู้มีศักดิ์เป็นน้องชาย เขาทำใจเย็นมาได้เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว นับวันความเดือดดาลมันยิ่งจะเพิ่มขึ้นไม่ทบทวี ไม่ว่าจะข่มใจอย่างไรก็ไม่อาจยับยั้งเอาไว้ได้เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่คิดเพียงความสุขของเจ้าน้องเขาก็พึงใจ แต่มาตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มของผู้เป็นน้องก็ไม่อาจเยียวยา เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไม ทำไมเขาถึงไม่อาจมีความสุขร่วมไปกับคนที่เขารักได้

เมื่อครู่ ทุกครั้งที่ก้มลงไปหยิบเสื้อตัวใหม่ขึ้นทาบคล้ายจะมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงมือ ครั่นเนื้อครั่นตัวเกินจะอยากยืนอยู่ต่อ คลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนเมื่อรู้ว่าทั้งหมดนี่ด้วงกำลังทำเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เพียงแค่คิดว่าเจ้าตัวตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อคนอื่นเขาก็ไม่พอใจเสียจนอยากจะเอาถุงผ้าที่ซื้อมาทั้งหมดไปเผาทิ้งเสียให้วอด

‘พี่ทำอะไรตกเหรอครับ?’

เสียงเจ้าน้องแว่วถามมาจากข้างนอก เพราะห้องติดกันจึงได้ยินมันโดยง่าย

“พี่เผลอเดินชนเก้าอี้ล้มครับ”

ไกรปรับเสียงให้ทุ้มนุ่มไร้พิรุธ จนน้องชายไม่คิดสงสัยเดินกลับเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว

เขาต้องคงภาพลักษณ์พี่ชายแสนดีไม่ให้นิสัยที่ซุกซ่อนไว้มันผุดขึ้นมาเหนือน้ำ ไม่เช่นนั้นมันจะลามไปสู่ความรู้สึกอันน่าละอายซึ่งอยู่ภายในจิตใจสำนึก

เขารักน้องชายตัวเอง รักมาตลอดตั้งแต่เมื่อพบหน้ากันครั้งแรก

แต่เมื่อเขาทราบถึงการมีตัวตนของคนที่เจ้าตัวแอบชอบจึงพยายามข่มใจตอบรับการดูตัวของพ่อ จนได้มีภรรยา สร้างบ้านสร้างครอบครัวกันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ทีแรกเมื่อรู้ เขาเป็นคนพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวล้มเลิกความฝันลม ๆ แล้ง ๆ นั่นเสียด้วยซ้ำแต่เมื่อเอาเข้าจริง คนที่รักมาขอร้องอ้อนวอนจนน้ำตาคลอเบ้าใครเขาจะไม่ยอม ไม่ว่าอย่างไรจะเจอหญิงคนนั้นหรือไม่เจอ ก็จะไม่มีใครหน้าไหนมาเอาตัวน้องชายออกไปจากบ้านเขาได้อย่างเด็ดขาด

เขาคิดวางแผนบอกสิ่งนี้กับเจ้าตัวในอนาคต แต่อนาคตที่ว่าจะไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ เขาต้องแน่ใจว่าทุกอย่างจะไร้ซึ่งอุปสรรค

และจนกว่าจะถึงวันนั้นหากมีอ้ายอีหน้าไหนริอ่านแทรกสะเหล่อมาเป็นขวากหนามเขาจะกำจัดมันด้วยน้ำมือคู่นี้เอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status