1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน 3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) , เคะกล้ามหนุบหนับ และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด 4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง องค์กรศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะผิดปกติทางจิต, Fetish(BDSM)*ที่ผิดหลัก และสิ่งเสพติด/อบายมุขโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
จำนวนตอนหลัก 35+10 ตอน
จำนวนตอนพิเศษ 11+3 ตอน รวมทั้งหมด 59 ตอน ***พิสูจน์อักษร 2 ครั้ง*** อัปเดตครั้งล่าสุด 10/07/2024 #ดลรวีที่รัก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
พูดคุยกับนักเขียน:
เรื่องนี้พระเอกค่อนข้างหมา ตามง้อน้องสไตล์คนตึง ๆ แต่กว่าจะมีโอกาสได้ง้อก็ท้ายเรื่องเลยค่ะ เพราะกลางเรื่องน้องไม่ให้ง้อ ฮาาา ส่วน BDSM ที่กล่าวถึงในข้างต้นเพียงเป็นส่วนเล็ก ๆ ซึ่งเป็นรายละเอียดของตัวละครประกอบค่ะ เพราะคู่เอกเราสาย Vanila หวานเจี๊ยบครับผม
เรื่องนี้เศร้ากว่า องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์ แต่จะว่าเศร้าก็ไม่ได้นะคะ เพราะมันค่อนข้างไปในทาง'อึมครึม'มากกว่าเศร้า ฮาาา
เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุพอสมควร (วัยทำงาน) และยอมรับเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด ซึ่งในที่นี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการ รวมไปถึงรับในประเด็นที่ชี้แจงไปข้างต้นทั้งหมดได้ หากนักอ่านไม่ได้ชื่นชอบหรือสนใจสามารถเลื่อนไปเรื่องอื่น ๆ ได้เลยค่ะ ไรท์หวังว่าเราจะได้เจอกันในเรื่องถัด ๆ ไปนะคะ ♡
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจและแวะเข้ามาหานะคะ หวังว่าเราและคุณนักอ่านจะสนิทกันมากขึ้นนะคะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ฉบับเพิ่มเติม พ.ศ.2558
หากมีนักอ่านท่านใดรีวิวนิยายเรื่องนี้ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหน นักเขียนจะดีใจมาก ๆ และมีกำลังใจในการหาข้อมูลและพัฒนาการเขียนนิยายต่อไปค่ะ ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ช่องทางการติดต่อ
F******k: นักเขียนเจ้าตอง Twitter(X): @NakKian_JaoTong E-Mail: veejaotong@g***l.com“อาด้วงออกไปทำงานแต่เช้าตลอดเลยนะครับ”เสียงเด็กชายวัยมัธยมต้นกล่าวทักญาติคนสนิทที่แม้ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาจะบอกเวลาตีสี่สี่สิบห้า กระนั้นคุณอาชายที่แปะชื่อนายสถานีก็ยังขยันขันแข็งสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมคว้ากุญแจเตรียมออกจากบ้าน ทั้งเมื่อครู่พวกเขานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันสามคน วางจานอาหารพร้อมกัน แต่เจ้าตัวกลับทานหมดคนแรกทั้งที่ข้าวพูนจานกว่าใครแท้ ๆคุณอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานชายจึงใช้ฝ่ามือสีน้ำผึ้งยีเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติกระเซิงด้วยความมันเขี้ยว“แซวอาได้ทุกวันนะกันต์”“ผมพูดจริงนี่ครับ อาด้วงไปแต่เช้าทุกวัน ทิ้งผมกับคุณพ่อให้กินข้าวต่อกันสองคน บางครั้งกันต์ก็อยากเดินออกจากบ้านพร้อมกันบ้างนะครับ”กันต์ธีร์พูดไปอมข้าวไป กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เป็นที่พอใจของตัวเขาสักเท่าไรนัก เนื่องจากเขาสนิทกับคุณอามากที่สุดในบ้าน แม้ทีแรกใคร ๆ จะบอกว่าอาด้วงน่ากลัวเพราะมีรอยบากที่หางคิ้ว ลำคอ จะมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเก่า หรือแม้ยามปกติอีกฝ่ายจะชอบทำหน้านิ่งแต่ใครรู้ว่าแท้จริงเจ้าตัวจิตใจดี ทั้งยังชอบพาเขาทำก
ด้วงเดินทางมาไม่นานก็ถึงสถานีกรุงเทพ เพราะบ้านหลักอยู่ห่างจากที่ทำงานเพียงข้ามถนนสองเส้น จึงเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องนั่งรถรางให้ยุ่งยากเวลานี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทเห็นดวงจันทร์แจ่มชัด ผู้คน รถบนถนนบางตา ฝนที่ตกปรอย ๆ เมื่อคืนเมื่อสัมผัสกับผืนดินผืนหญ้าส่งกลิ่นหอมธรรมชาติโชยมาแตะจมูกชวนให้ใจสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศยามไร้ผู้คนในเวลาเช้าตรู่ขาสูงยาวก้าวอย่างมั่นคงบนทางเท้า มองเหล่าแมลงซึ่งสะท้อนแสงจากโคมไฟรายทางที่พวกมันตอม พลางคิดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่วนอยู่ในหัวเขามาร่วมสิบปีเขารักคนคนหนึ่งรักมาตลอดตั้งแต่วันที่จากลากันทีแรกเขาไม่รู้สึกถึงมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่แห่งนั้นได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเขาเองที่ต้องพาเจ้าตัวหนีขึ้นรถไฟจากไอ้พวกคนจัญไรเหล่านั้นย้อนนึกไปเท่าไรก็รู้สึกเจ็บปวด ภาพทุกภาพหวนคืนเข้ามาในห้วงความคิดอย่างไม่อาจหักห้ามได้เรือนไม้สีเข้มเก่าแก่สะท้อนแสงจันทร์ขาวนวลยามค่ำคืน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกระทบผิว เหล่าก้านไม้ใบไม้เสียดสีกันชวนให้ค่ำคืนสุดท้ายในที่แห่งนั้นน่าขนลุก และเสียงแปร่ง
ด้วงสูดลมหายใจเข้าเมื่อวิ่งมาถึงยังหน้าชานชาลาในการดูแล อีกไม่นานรถไฟขบวนแรกจากชุมพรก็จะเข้าเทียบ เขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับหน้าที่และผู้คนเพื่อมองหาใครคนนั้นให้เจอทว่าเหมือนที่เขาแกล้งหัวเราะอาจารย์แกไปเมื่อครู่จะโดนเอาคืน เพราะจู่ ๆ หมวกประจำตำแหน่งก็ถูกถอดออกทำให้เขาต้องหันไปมองจนเห็นว่าเป็นคุณอุ่นที่ยืนถือหมวกเขาอยู่ก่อนจะรีบเดินเข้ามาสวมหมวกให้เหมือนเดิมเมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจ“ผมแกล้งหนักไปเหรอครับ?”“ถามมาได้”นายสถานีเม้มปากไม่พอใจ เขาหัวเราะนิดเดียวเองดันมาแกล้งถึงเนื้อถึงตัวกันเสียได้ ไหนเจ้าตัวบอกคนญี่ปุ่นเรียบร้อยตามขนบอย่างไรเล่า“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ”สิ่งที่อาจารย์กล่าวก่อนจะขึ้นตู้สื่อถึงคนที่เขากำลังเฝ้าตามหาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ป่าวประกาศว่ากำลังตามหาคนแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับแก่คนใกล้ชิดด้วงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กระชับปีกหมวกประจำตำแหน่งให้เข้าที่เพราะอีกไม่ถึงนาทีจะถึงเวลารถไฟรอบแรกของวันเข้าเทียบ นัยน์ตาสีดำประกายม่วงไร้แวว มองหัวรถจักร สดับฟังเรียงหวูดอย่างเหม่อลอย เสียงพ
ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้วในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจรวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”“นอกเรื่อง”“กำลังจะเข้าเรื่อง”พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมข
ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว
เสียงนกร้องภายนอกแว่วเข้ามาผ่านช่องเล็กช่องน้อยภายในห้องนอนขนาดย่อม เครื่องเรือน เครื่องนอนล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเหมาะสมให้เขากับผู้อยู่อาศัย แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ จึงมีแต่ของใช้จำเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง และม่านมุ้งห้อยจากเพดานกันแมลงในตอนกลางคืนทว่าวันนี้นาฬิกาปลุกถูกตั้งให้ช้ากว่าปกติเพราะนี่นับเป็นวันแรกที่คนบนเตียงจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่รอมานานนับสิบปี จนเมื่อเสียงกริ๊งดังไม่ทันใดมันก็ถูกกดหยุดลงพร้อมนายสถานีร่างโปร่งที่ลุกขึ้นมาบิดกายยืดเส้น ดวงหน้าอิ่มเอิบประดับรอยยิ้ม แต่เช้าตรู่พลางมองเสื้อผ้าของวันนี้ที่ถูกแขวนเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วงสูดลมหายใจเข้าระหว่างนั่งเล่นให้ร่างกายตื่นเต็มตา แล้วจึงกระเด้งตัวออกจากเตียงไปผลัดผ้าผลัดผ่อนบ้านหลังนี้กว้างโอ่อ่าพอจะทำห้องส่วนตัวให้แก่ทุกคนรวมไปถึงห้องอาบน้ำในทุกห้องนอนเช่นกัน เพิ่มความสะดวกสบายให้สมาชิกในบ้านที่ต้องทำกิจในเวลาไล่เลี่ยกันกระจกบานเล็กหน้าโต๊ะสะท้อนร่างสูงโปร่งประดับลอนกล้ามเนื้อสีเข้มกระนั้นก็พอมีช่วงเอวไม่ตีบตันไร้สัดส่วนด้วงรีบเข้าไปรดน้ำทำความสะ
“วันนี้คุณดลรวีก็มาช้าเหรอครับ?”ดันกิเดินมาสนทนากับเจ้าแผนที่คุณดลรวีเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนคนสนิท เขาซึ่งมาที่นี่ทุกเช้าก็มักจะได้สนทนากับนายสถานียิ้มเก่งคนนั้นเป็นประจำ ได้ยินว่าเจ้าตัวเจอคนที่รอมาตลอดแล้วไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวมาช้ากว่าปกติหรือเปล่า“เปล่าครับ มาเช้ากว่าใครเพื่อนเลย นู่นนั่งอยู่นู่น”แผนกอดอกบุ้ยคางยังเจ้าเพื่อนที่นั่งเหงาเหม่อมองทางรถไฟมาตั้งแต่ย่ำค่ำ ทำเอาเขาสงสัยไม่ใช่น้อย ว่าเจอก็เจอแล้วทำไมยังนั่งเป็นหมาหงอยอยู่อีก“ขอบคุณครับ”แผนมองแผ่นหลังของคุณครูชาวญี่ปุ่นวิ่งต้อย ๆ ไปทางเจ้าเพื่อนรักก็นึกอิจฉา เขาสิไม่รู้ทำไมไม่ได้คนสติดี ๆ มาเดินตามบ้างดันกิสาวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะค่อย ๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้เก้าอี้ไม้ข้างเสา เขาหอบเอาลมหายใจเข้าปอดพลางสังเกตสีหน้าของคุณดลรวี แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูหม่นหมองไม่ต่างจากท้องฟ้ายามมีเมฆฝน“คุณอุ่น มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย”“ผมพึ่งมา ทำไมวันนี้คุณถึงดูเศร้า ๆ ล่ะครับ”“มันอธิบายค่อนข้างยากน่ะครับ...”
ด้วงที่ลงมาหยิบนมในตู้แช่เย็นได้ยินเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กแว่วลงมาจากด้านบนบวกกับเสียงกลอนประตูเมื่อสักครู่จึงคิดจะอุ่นชาหอมขึ้นไปให้พี่ชายที่น่าจะกลับมาแล้วด้วยในระหว่างที่ตั้งเตาอุ่นนมก็จัดแจงคีบถ่านจุดไฟวางกาน้ำร้อน ก่อนจะผละไปเปิดตู้กับข้าวมองหาถุงชาที่ได้รับเป็นของฝากเมื่อเดือนก่อน เพียงนานเครื่องดื่มอุ่นก็พร้อมใส่แก้วพอเดินขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เหมือนน้องกันต์จะดูอาการไม่ค่อยดีเมื่อได้สนทนากับผู้เป็นพ่อ เขาจึงรีบเดินอ้อมหลังไปมอบแก้วนมให้เจ้าตัวรีบดื่มจะได้หนีออกไปจากความอึดอัดได้ ส่วนเขาพาตัวเองมานั่งตรงข้ามพี่ชายพร้อมวางแก้วชาหอมไว้ตรงหน้า“ของเราไม่มีเหรอ?”“วันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”เขาพูดพลางชำเลืองมองหลานชายที่ค่อย ๆ จิบนมดูเหมือนเขาจะอุ่นร้อนจนเกินไป“วันนี้เราเป็นอะไร ดูเหม่อ ๆ นะ”“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย”ตอนนี้เขาระแวงเหลือเกินว่าพี่ไกรจะทำอย่างเมื่อเช้าต่อหน้าลูกชายตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจะออกอาการไม่ได้จึงทำเพียงเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากกลางโต๊ะลงมาประสานอยู่บนต