Share

อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้

ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด

       “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ

       “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ”

       “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้”

       มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว

       มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้

       “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิคกี้จำได้ทันทีว่านั่นคือเกรท

       มิคกี้เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้งแล้วลุกขึ้นยืนทำใจอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาหาเกรท

       “นายเป็นอะไรหรือเปล่า”

       “เปล่า”

       “ไม่ว่าต่อหรือมิคกี้นายคือเพื่อนเรา จะชื่ออะไรก็ตาม”พายัพเพื่อนสนิทและพ่อในอนาคตเข้ามาตบบ่า

       “ขอบใจมากนะ”มิคกี้พยักหน้า

       “ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

       ทั้งสามหนุ่มเดินออกจากห้องน้ำไปยังเตียงของสุกี้ที่นอนนิ่ง ไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆอีกต่อไป

       “ต่อ หน่อยเป็นไงบ้าง”สุชาดาเดินเข้ามายืนข้างๆมิคกี้     เธอไม่สนใจพายัพที่ยืนข้างๆแม้แต่น้อย เพราะทั้งคู่นั้นได้เลิกกันตั้งแต่วันที่มีเรื่องชกต่อยกัน

       มิคกี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะขืนพูดอีกน้ำตาของเขาก็จะไหลออกมา เขาจึงได้แต่ก้มหน้า สุชาดานั้นก็เข้าใจความรู้สึกนี้ดี เธอจึงหันไปตามผู้เป็นพ่อของหน่อยทื่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันนั้นจรัญเพื่อนร่วมชั้นมัธยมอีกคน ก็มาถึงด้วยใบหน้าที่เสียใจอย่างสุดซึ่ง

       “สุชาดา มันเกิดอะไรขึ้น”จรัญมองสุกี้ด้วยใจที่สั่นระรัว

       “หมอบอกว่าหน่อยน่าจะอยู่ได้ไม่เกินวันนี้หรอก”พ่อของหน่อยน้ำตาไหลพราก ยิ่งแม่ของหน่อยแท่บจะเป็นลมด้วยความร้าวรานใจ พี่สาวของหน่อยถึงกับก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ จรัญนิ่งอึ่งน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว สุชาดาก็ไม่ต่างกันร้องฟูฟายอยู่ข้างเตียง

       มิคกี้ยืนมองความดันของสุกี้ในร่างหน่อยที่ตกลงทีละน้อยละน้อย ยิ่งความดันลดลงเท่าไรใจมิคกี้แท่บขาดดิ้นในทันที มิคกี้มองคนความดันของหน่อยที่ต่ำกว่าสิบลงมาจนถึงหนึ่งและศูนย์

       เสียงฟูมฟายดังลั่นอยู่เตียงเดียว มิคกี้เขย่าร่างของหน่อยด้วยใจจะขาด เขาไม่สามารถที่จะรักษาร่างของหน่อยไว้ได้ ถึงแม้เขาจะมีความหวังอันริบหรี่ที่หน่อยในอนาคตจะกลับมา แต่ตอนนี้เขาสูญสิ้นความหวัง

       “ต่อ หน่อยไปสบายแล้วนายทำใจดีๆไว้นะ”

       “เกรท นายก็รู้ว่าเราสัญญาอะไรไว้”

       “นายทำดีที่สุดแล้ว”เกรทปลอบมิคกี้ด้วยใจที่ทุกข์เช่นกัน

       ครอบครัวและเพื่อนฝูงหน่อยต่างร้องไห้อย่างเสียใจ จนไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อจากนี้ได้ พยาบาลจึงต้องมาเรียกสติบรรดาญาติๆและเพื่อนของหน่อย ให้ทำใจกับเหตุการณ์ที่สูญเสียในครั้งนี้

       “ต่อเรากลับกันเถอะ เพราะอยู่ไปก็เกะกะพยาบาล และอีกอย่างต่อนี้ไปเป็นหน้าที่ของครอบครัวหน่อยจะจัดการแล้ว เราเป็นคนนอกทำแค่นี้แหละ ตอนเย็นเราค่อยไปฟังสวดอภิธรรมกัน”เกรทพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ซึมเศร้า

       “ใช่ เรากลับกันเถอะ”สุชาดาเอ่ยขึ้น

       มิคกี้หันมองหน้าของหน่อยเป็นครั้งสุดท้าย เขาหลับตาสักพักแล้วตัดใจ เดินห่างจากเตียง แต่ก็ไม่วายหันหลังมามองสุกี้เป็นระยะ จนเกรทต้องจับหลังไว้ให้หันกลับ

       “ถ้านายเสียใจอย่างนี้ จนไม่เป็นทำอะไร ทั้งหน่อยและสุกี้จะเป็นห่วงนายนะ”

       “เราไม่อยากให้สุกี้กับหน่อยเป็นห่วง เราอยากไปอยู่กับหน่อยและสุกี้”

       “มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”เกรทพูดขึ้น

       มิคกี้ เกรท สุชาดา จรัญ พายัพ เดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อข้ามถนน ไปยังอีกฝั่งเพื่อรอขึ้นรถประจำทาง ทั้งห้าค่อยๆเดินข้ามทางมาลายจนถึงครึ่งกลางถนน  เกรท สุชาดา จรัญ พายัพ หยุดอยู่ดูรถ เพราะเขาเห็นรถกระบะแล่นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสี่ลืมดึงร่างของมิคกี้ไว้ เพราะใจจดจ่ออยู่ที่รถถำลังแล่นมา

       ด้วยความเสียใจและสติไม่อยู่กับตัวเท่าไร มิคกี้เผลอก้าวเท้าไปเพียงสองก้าวรถกระบะได้พุ่งชนกลางลำตัวของมิคกี้ กระเด็นไปไกลหลายเมตร

       “ต่อ”สี่เสียงประสานกันดังสนั่น

       ทั้งสี่ต้องกลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะพูดตอบโต้กลับมิคกี้ได้อีกแล้ว เพราะมิคกี้สิ้นลมหายใจคาที่ทันที ร่างของมิคกี้ได้อยู่ในห้องฉุกเฉิน หมอและพยาบาลได้แต่ปลอบใจทั้งสี่หนุ่มสาว

       “ต่อ ทำไมนายทิ้งเราไป”เกรทนั่งร้องไห้อยู่ข้างร่างต่อแต่จิตวิญญาณมิคกี้ได้ดับสูญไปแล้ว

       “ไม่ว่านายจะเป็นต่อหรือมิคกี้นายก็ยังเป็นเพื่อนเราเสมอ”พายัพพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

       ทั้งสี่หนุ่มสาวได้แต่นั่งนิ่งๆด้วยความเสียใจ ที่เพื่อนสุดที่รักของพวกเขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

       ร่างหน่อย ตัวตนสุกี้ และร่างต่อตัวตนมิคกี้ได้เสียชีวิตในวันเดียวกัน บรรดาเพื่อนๆจึงต้องแยกกันไปตามงาน สุชาดากับจรัญไปงานศพของหน่อย ส่วนพายัพและเกรท รวมทั้งเพื่อนในคณะต่างมาร่วมงาน วันเผาศพของมิคกี้

       “พ่อผิดเอง ถ้าพ่อไม่ให้เองไปเรียนที่กรุงเทพคงไม่เกิดเหตุการณ์นี้หรอก”กำนันบุญมีร้องฟูมฟายก่อนที่จะปิดโลงและเผาร่างของมิคกี้

       “แม่ด้วย”จันทราพูดจบเป็นลมพับกับพื้น บรรดาญาติพี่น้องต้องประคองร่างไว้

       “อามัวแต่ทำงานไม่ได้สนใจเองเลย”นกผู้เป็นอาพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไห้ไหลออกมา

       “ลูกพี่ ถ้าให้ไก่ไปอยู่ด้วย ลูกพี่จะไม่ตายหรอก”

       “ทุกคนถึงเวลาแล้วที่จะทำพิธีเผา”สัปเหร่อพูดขึ้น

       บรรดาครอบครัวและญาติพี่น้องของต่อได้ลงมาจากเมรุ ทุกคนต่างเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ่ง โดยเฉพาะกำนันบุญมีต้องเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับมา บรรดาเพื่อนต่างน้ำตาซึมกันทุกคน โดยเฉพาะเกรทกับพายัพที่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายผู้คนแต่อย่างใด

       เมื่อพิธีกรรมทางศาสนาจบสิ้น เกรทได้ชวนพายัพมาลาพ่อกำนันกับจันทรา เพียงกำนันบุญมี และจันทราเห็นหน้าพายัพ ถึงกับนิ่งงันและอุทานออกมา

       “ต่อ ลูกยังไม่ตายใช่ไหม”กำนันบุญมีโผเข้าไปกอดพายัพทันที เพราะพายัพนั้นหน้าตาเหมือนต่อและมิคกี้

       “พ่อกำนันไม่ใช่ครับ นี่เพื่อนของต่อเรียนที่เดียวกัน”

       “ไอ้เกรทมึงโกหกกูใช่ไหม นี่มันไอ้ต่อชัดๆ”

       “ไม่ใช่หรอกครับพี่ เมื่อตอนที่เพื่อนต่อมาผมยังตกใจเลย นึกว่าต่อพอสังเกตดีๆแล้วไม่ใช่หรอกครับ แค่หน้าเหมือนเฉยๆ”นกอาของต่อพูดขึ้น

       กำนันบุญมีและจันทรามองพายัพอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซึ่งก็เป็นจริงดั่งที่น้องของของแกพูดไว้

       “ต่อลูกพ่อ”กำนันบุญมีนั่งลงฟูมฟายร้องไห้อีกครั้ง

       พายัพเห็นสายสัมพันธ์ครอบครัวของต่อ เขาถึงกับเศร้าใจเป็นทวีคูณ พายัพจึงคิดว่าเขาจำเป็นต้องไปจากที่นี้ทันที เพราะด้วยใบหน้าที่มีความคล้ายต่อ อาจจส่งผลกระทบจิตใจกำนันบุญมีและจันทรา

       “คุณอาผมไปแล้วนะครับ”พายัพยกมือไหว้ทั้งสองและรีบไปทันที

       “เองมาเป็นลูกข้าได้ไหม”กำนันบุญมีพูดขึ้น

       พายัพอยากที่จะทำเช่นนั้น แต่เขาคิดอีกถ้าไปมาหาสู่กับครอบครัวต่อ มันก็จะเป็นแค่ความสุขชั่วคราว เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริง พายัพจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไปไม่เหลียวหลังมามอง

       ในส่วนของเกรทเมื่อพายัพได้กลับไปแล้ว เขาก็นั่งมองควันไฟจากเมรุด้วยใจที่ร้าวรานระทมทุกข์ ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามิคกี้ไม่ใช่ต่อ แต่ในเมื่อร่างของต่อดับสูญไปแล้ว เขาก็จะไม่ได้มีวันได้พบต่ออีกอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ในอดีตและไม่รู้วิธีที่จะไปในอนาคต

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status