มิคกี้ชวนเกรทมาที่บ้าน ส่วนเกรทก็ตามมาอย่างง่ายดาย เพราะแต่ก่อนเกรทก็มาเป็นประจำ พึ่งหายไปช่วงที่เรียนจบ เพราะเกรทต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงที่บ้านของกำนัน เกรทก็ชวนมิคกี้เป็นเล่นน้ำที่แม่น้ำ ที่ทั้งสองเคยเล่นกันเป็นประจำ
เมื่อมาถึงที่บ้านกำนันบุญมี มิคกี้ได้ให้ไก่เอาของที่ซื้อมา ไปเก็บไว้ที่ห้องของมิคกี้ หลังจากนั้นมิคกี้กลับเกรทก็เดินไปยังแม่น้ำ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านกำนันบุญมีมากนัก
“ตกลงนายจะเรียนไหม”เกรทเป็นฝ่ายถามก่อน พร้อมเดินนำทางไปยังแม่น้ำ ซึ่งเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มิคกี้บอกจำทางไปแม่น้ำไมได้
“เรียนซิ อีกสองสามวันจะไปสมัครสอบ”
“นายจะเรียนคณะอะไรล่ะ แล้วเรียนที่ไหน”
“ที่มหาลัยพิพัฒนเมธา คณะ รัฐศาสตร์ ตอนแรกจะเรียนบริหาร พ่อไม่ให้เรียนอยากให้เราเรียนรัฐศาสตร์
“แปลก ปกติพ่อกำนันให้ไปซ้ายนายจะไปขวา จะทำอะไรตรงข้ามตลอด แต่อะไรดลใจนายให้ตามใจพ่อกำนัน”
“ก็ท่านเป็นพ่อไง เราก็ตามใจท่านซักหน่อย นายล่ะเรียนคณะอะไร”
“อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับนายนั่นแหละ”
“ว้าว สุดยอดไปเลย”
“อะไรของนาย ว้าว ว้าว ว้าว เราล่ะปวดกับคำพูดของนายจังเลย”
“อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน”
“คงนานแหละ ถึงแล้วเห็นไหมแม่น้ำ”
“กว้างมากเลย แต่เล็กกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาอีก”มิคกี้ตื่นเต้นอย่างมาก เพราะความใสในแม่น้ำแห่งนี้
“ทำอย่างกับเคยไปน่ะ”
“อยู่นั่นเลยแหละผ่านทุกวันตอนกลับจากโรงเรียน”
“เหรอ ถ้าจะบ้าไปใหญ่แล้วไอ้ต่อ”
“ทีหลังอย่าเรียกต่อ ถ้ารักเราต้องเรียก มิคกี้”
“เปลื่ยนชื่อใหม่ตั้งแต่เมื่อไร”เกรทถามด้วยความมึนงง
“ไม่ได้เปลื่ยนหรอก ชื่อนี้ตั้งนานแล้ว”
“ถ้าจะบ้าของแท้”เกรทเกาศีรษะ
“เล่นน้ำอย่างไง แก้ผ้าอาบเลยเหรอ”มิคกี้พูดขึ้น
“จะแก้ได้ไง ใส่กางเกงในอาบน่ะซิ”เมื่อเกรทพูดจบก็ถอดเสื้อกางขาสั้นออก เหลือเพียงกางเกงในสีแดงตัวเดียวแล้วกระโจนลงในแม่น้ำทันที
ในส่วนมิคกี้ก็กล้าๆกลัวๆ เพราะเคยเล่นแต่ในสระน้ำ และในทะเล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ลงเล่นในแม่น้ำ มิคกี้เห็นเกรทดำผุดดำว่าย เขาเลยอยากลองเล่นบ้าง มิคกี้จึงรีบถอดเสื้อกางเกงออก จนเหลือเพียงกางเกงในสีเทา หลังจากนั้นมิคกี้ก็กระโดดลงไปในแม่น้ำที่เย็นจนสบายตัว
เมื่อมิคกี้สู่ใต้น้ำแล้วเขาจึงดำว่ายไปหาเกรท ที่กำลังลอยคอยอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก เมื่อเข้าใกล้เกรทเขาจึงดันร่างสู่เหนือน้ำและกอดเกรทไว้ในอ้อมกอด
“ไอ้ต่อมึงมากอดกูทำไมไอ้นี่เป็นอะไรของนาย”เกรทรู้สึกตกใจจากอ้อมกอดไม่พอ เพราะน้องชายของมิคกี้ได้มาโดนบั้นท้ายของเขา
“กอดแค่นี้ก็ไม่ได้นายเป็นอะไร หวงตัวกับแฟนไปได้ ยุคใหม่มันต้องแบบนี้ เดี๋ยวนี้สังคมรับได้แล้วรู้ไหม”มิคกี้ยังเชื่อสนิทใจว่าเป็นแฟนกับเกรท และเขาก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดเกรท
“นายพูดอะไรเราไม่เข้าใจ แต่ ปล่อยเราก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่ต้องอายหรอก คนเราก็ต้องแสดงความรักต่อกันบ้างซิ”
“เราบอกให้ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยนายโดนดีแน่”
“นายจะทำอะไรเรา อยากรู้จัง ถ้าอย่างงั้นไม่ปล่อยดีกว่า”
หลังจากมิคกี้พูดจบ เกรทก็จับไปที่น้องชายของมิคกี้ทันทีและบีบนิดหน่อย แต่เขาก็ต้องแปลกใจเพราะมิคกี้เฉยมาก แถมปล่อยให้จับบีบไม่ว่าสักคำ จนเกรทต้องปล่อยมือจากน้องชายของมิคกี้ เพราะเขาเริ่มรู้สึกได้ว่าน้องชายของมิคกี้เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“นายนี่มันบ้าเกินคนจริงๆโดนจับขนาดนี้ยังยืนให้จับอยู่ได้”
“ก็นายชอบจับไม่ใช่เหรอ เราก็เลยให้นายจับได้เต็มที่ ส่วนเราก็ชอบเหมือนกันโดนจับ”
“ใครชอบจับพูดไปเรื่อย”เกรทไมได้อยากจับหรอก สาเหตุที่จับเพราะจะให้มิคกี้ปล่อย แต่ดันผิดแผนมิคกี้ยอมให้จับแต่โดยดี
“ไม่ชอบแล้วจับทำไม”
“พูดกับนายประสาทจะแดก มาว่ายน้ำแข่งกันดีกว่า”เกรทหาวิธีที่จะให้มิคกี้เลิกกอดเขา และหันมาสนใจสิ่งอื่น
“ก็ได้ รู้ไหมเราเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วย เราเคยเรียนกับโค้ชระดับอดีตทีมชาติเชียวนะ”
“ไอ้ขี้โม้ นายกับเราฝึกกันเอง ใช้ลูกมะพร้าวแห้งสองลูกฝึกต่างหาก”
“นายพูดอะไรเราไม่เข้าใจ ถ้าเป็นห่วงยางก็ว่าไป ใช้มะพร้าวแห้งมาทำอะไร”มิคกี้งง
“ก็เอามาลอยคอน่ะซิ โอ๊ยไม่พูดกับนายแล้ว มาว่ายน้ำแข่งกันดีกว่า”
“ก็ได้ ถ้าแพ้ทำไง”
“แพ้ก็แพ้ซิจะให้ทำไง”
“ไม่สนุกถ้าแพ้ต้องโดนหอมแก้ม”
“นายนี่ตัณหาจัดไม่สนใจอะไรเลย วันๆคิดแต่เรื่องลามก กับเพื่อนนายยังไม่ละเว้น”
“เพื่อนที่ไหนแฟนต่างหาก”
“เอ่อ นายอยากพูดอะไรก็เรื่องนาย แต่ตอนนี้ปล่อยเราได้แล้ว จะได้ว่ายน้ำแข่งกันซักที”
“ไม่ปล่อยถ้านายไม่รับปากว่าคนแพ้ต้องโดนหอมแก้ม”
“ก็ได้”เกรทตัดความรำคาญ เพราะถ้าไม่รับปากมิคกี้ก็จะกอดอยู่อย่างนี้
“ก็แค่นี่แหละ”มิคกี้คลายกอดทันที ทันใดนั้นเกรทก็ลักไก่ว่ายน้ำไปก่อนมิคกี้
“ฝีมือมีแค่นี้ ลูกมะพร้าวจะมาสู้ห่วงยางได้ไง”มิคกี้ตะโกนแล้วว่ายน้ำตามเกรทไป
ช่วงตัวของมิคกี้ที่ยาวกว่า ไม่ว่าจะเป็นขาแขนลำตัว จึงทำให้สโตรกของมิคกี้เหนือชั้นกว่าเกรทอย่างมาก ยิ่งมิคกี้เป็นนักกีฬาหลายชนิด กับแค่ว่ายน้ำจึงไม่พ้นขีดความสามารถของเขา ซึ่งมิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ว่ายน้ำนำเกรทไปหลายช่วงตัว จนเขาต้องหยุดรอที่ริมตลิ่งที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงา พอเกรทว่ายมาถึงที่มิคกี้ยืนรออยู่ เขาจึงหยุดว่ายน้ำต่อไปในทันที
“นายไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”
“แต่ก่อนที่ต่อเป็น ไม่ว่าจะแข่งหรือทำอะไรต่อจะแพ้เกรทตลอด”
“ก็บอกแล้วไง นักกีฬาว่ายน้ำทีมโรงเรียนเชียวนะ”
“พูดไปเรื่อย ไม่พูดด้วยแล้วเว้ย พูดแต่เรื่องไร้สาระที่ไม่เป็นจริงเลย”
“ไม่อยากฟังไม่พูดก็ได้ แต่อย่าลืมถ้าแพ้ต้องโดนหอมแก้ม”มิคกี้อมยิ้ม
“นายเอาจริงเหรอ”
“จริงสิ”
เกรทแปลกใจในพฤติกรรมของมิคกี้หนักขึ้นทุกที แต่ในเมื่อรับปากไว้แล้วว่าคนแพ้ต้องโดนหอมแก้ม เขาจึงไม่มีทางปฏิเสธได้ เกรทจึงมองซ้ายมองขวาและหันหน้ามามองมิคกี้
“เร็วๆเข้า กำลังไม่มีคน”
“ได้เลย”มิคกี้รีบยื่นหน้าจนริมฝีปากจะโดนแก้มของเกรท แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังอยุ่บนตลิ่ง
“ทำอะไรกัน”ไก่ทันมาเห็นพอดี จึงตะโกนถามด้วยความสงสัย
มิคกี้จึงขยับหน้าออกห่างและหันมามองไก่ ด้วยสายตาที่รำคาญจนอยากจะขึ้นไปไล่เตะซักที
“พ่อกำนันให้มาตาม เพราะสิ่งที่ลูกพี่ขอ พ่อกำนันทำให้เกือบหมดแล้ว”
“จริงเหรอ”มิคกี้ยิ้มทันที และหันไปมองเกรท
“นายขอให้พ่อกำนันทำอะไรเหรอ”เกรทรู้สึกสงสัยอย่างมาก
“นายตามเรามาเลยเดี๋ยวนายก็จะรู้”
เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็ขึ้นจากแม่น้ำพร้อมกับเกรท และรีบใส่เสื้อกางเกง เดินไปที่บ้านของกำนันบุญมี อย่างรวดเร็วเพราะมิคกี้อยากเล่นอินเตอร์เน็ต จะได้ส่งข่าวสารให้ทางบ้านรับรู้ เพราะเขาก็กลัวว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วง
มิคกี้รีบเดินอย่างรวดเร็วเพื่อไปดูสิ่งที่ขอ จนเกรทต้องวิ่งตามเกว่าจะทัน เมื่อไปถึงตรงบันได้ มิคกี้รีบขึ้นทันทีแต่ก็ไม่ทันได้ขึ้น เพราะกำนันบุญมีที่ยืนอยู่หน้าบันได้พูดขึ้นก่อน
“ล้างตีนด้วย”
“ไม่เห็นมีตุ่มเลย”มิคกี้มองไปรอบๆ
“ก็อ่างน้ำตรงตีนมึงนะ”
มิคกี้หันไปมองด้านข้าง เขาก็เห็นอ่างน้ำที่ตรงกลาง เป็นสี่เหลื่ยมยื่นออกมา มิคกี้ไม่รู้จะทำอย่างไง เขาเลยหันไปมองเกรทที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ล้างอย่างไงเกรท”มิคกี้ใช้สายตาที่เว้าวอนอย่างมาก
“นายนี่นับวันจะยิ่งเพี้ยนหนักขึ้นทุกที”เกรททนไม่ได้เลยก้าวเท้าไปเหยียบ ตรงกลางอ่างและใช้เท้ากวักน้ำขึ้นมาล้างจนสะอาด หลังจากนั้นก้าวเท้าออกมาและเช็ดผ้าที่วางไว้ ก่อนที่จะขึ้นบันไดไปบนบ้าน มิคกี้จึงทำตามอย่างเกรททุกอย่าง หลังจากนั้นเขาจึงตามเกรทขึ้นไปบนบ้าน
“ไหนพ่อ ทำอะไรให้ผมบ้าง”
“เกือบทุกอย่างที่มึงขอนั่นแหละ กูต้องเกณฑ์คนนับสิบมาทำให้มึง”
“ขอบคุณมากครับพ่อ”มิคกี้ยกมือไหว้กำนันบุญมี
“รีบเข้าไปดูเถอะลูก ถ้าไม่ถูกใจหรือต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บอกอานกได้เลยนะ”จันทราพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปในห้องของเขา โดยมีเกรทเดินตามไม่ห่าง เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า กำนันบุญมีได้ทำอะไรให้ต่อไว้บ้าง
เมื่อมิคกี้เข้ามาภายในห้องของต่อแต่เดิม แต่ปัจจุบันเป็นของเขา สิ่งแรกที่เขามองหาคือโน๊คบุ๊คแต่ไม่มี สิ่งที่เขาเห็นกับเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมเครื่องปริ้นตัวอย่างใหญ่
“ชอบไหมต่อ”อานกของต่อพูดขึ้น เมื่อเขาเห็นมิคกี้ในร่างต่อเดินไปดูคอมพิวเตอร์
“โน๊ตบุ๊คไม่มีเหรอครับ ใช่อานกไหม”
“ไม่เจอกันอาทิตย์หนึ่งจำอาไม่ได้แล้วเหรอ”
“พูดเล่นครับอา โน๊ตบุ๊คล่ะ”
“ไม่มีขายหรอก ตั้งโต๊ะนี่ก็หรูแล้ว”
“ก็ได้ครับ แล้วได้ติดตั้งไวไฟไหมครับ”
“ไวไฟอะไร”นกมีสีหน้าที่งงพอสมควร
“ก็อินเตอร์เน็ตไร้สายไงอา”
“อ๋อ ไม่มีนะ มีแต่สายใช้สัญญาณโทรศัพท์บ้าน แต่ติดตั้งยังไม่ได้หรอก”
“ทำไมไม่ยังติดตั้งไม่ได้ครับ เพราะนี้มัน พ.ศ.2567 แล้วนะ”
“หกเจ็ดอะไรปีนี้พึ่งสามแปด”นกพูด
“ลูกพี่เป็นอะไรเมื่อเช้าก็เถียงกับผมอยู่เลย”
“ช่างมันเถอะ จะพ.ศ.อะไรก็ไม่สำคัญ ได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับ”มิคกี้เสียงอ่อยด้วยความผิดหวัง
“มีอะไรอยากให้อาทำเพิ่มให้ไหม บอกอาได้นะไม่ต้องเกรงใจ”
“ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกครับ ถ้าคิดออกแล้วผมจะบอกอานะครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรอากลับก่อนนะ นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย”
“ขอบคุณมากครับอา”มิคกี้ยกมือไหว้อานกของเขา ซึ่งนกก็แปลกใจอีกเหมือนกัน ว่าต่อนั้นเปลื่ยนไปมาก
“ไม่เป็นไรหรอกอาไปแล้วนะ ไก่เก็บของแล้วเอาไปไว้ที่รถด้วย”
“ครับอานก”ไก่เก็บของที่เหลือนิดหน่อย แล้วรีบตามนกออกไปนอกห้องทันที
“อย่าพึ่งดูอะไรเลยไปอาบน้ำกันเถอะ กางเกงเปียกแชะไปหมดแล้วเนี่ย”เกรทเอ่ยขึ้น
“เอ่อว่ะใช่ นายเลือกเสื้อกางเกงในตู้ใส่ได้เลยนะ คืนนี้นายจะนอนนี่หรือเปล่า”มิคกี้ถาม
“ก็นอนซิวะ เดี๋ยวเราโทรหาแม่ก่อนนะ”
“นายมีมือถือเหรอ”
“มือถืออะไรล่ะ เราจะใช้โทรศัพท์บ้านของนายโทรนี่แหละ”เกรทเดินไปยังที่โทรศัพท์บ้าน ที่พ่วงมาจากนอกบ้านที่อานกของมิคกี้ทำไว้ให้
มิคกี้มองดูเกรทใช้นิ้วแหย่ไปในรูหมายเลข หลังจากนั้นก็หมุนแล้วเปลื่ยนเลขใหม่ไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลานี้มิคกี้ค่อนข้างสับสนตัวเองว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เขาเห็นมันช่างโบราณย้อนยุคไปยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว มิคกี้ยืนมองตาลอยและครุ่นคิดไปสารพัดเรื่อง
“เหม่ออะไร”เกรทเดินมาจ้องหน้ามิคกี้
“เปล่า อาบน้ำกันเถอะ”
“ไป”เกรทพูด
“นายอาบก่อนเดี๋ยวเราอาบทีหลัง”มิคกี้ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา
“จะอาบก่อนอาบหลังอะไรก็อาบพร้อมกันนี่แหละ”
“ฮ่ะ”มิคกี้หันหน้ามามองเกรท
“อะไรของมึงวะหรือว่ามาอายอะไรตอนนี้”
“ไม่อายเลยไปอาบเลยตอนนี้แหละ”มิคกี้อมยิ้ม
มิคกี้ไม่รอช้าถอดเสื้อผ้าจนหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว หลังจากนั้นเขาเอาผ้าเช็ดตัวที่ซื้อมาใหม่มานุ่ง แล้วหันมาหาเกรทที่แก้ผ้าหมดเหมือนกัน ซึ่งเขาก็ไม่เห็นเกรทมีท่าที่อาย มิคกี้จึงยืนมองน้องชายน้อยๆของเกรท
“มองอะไรว่ะทำอย่างกับไม่เคยเห็นประสาท”เกรทหยิบผ้าขาวม้าของมิคกี้มานุ่ง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนมิคกี้
ส่วนมิคกี้ก็รีบตามเข้าไปในห้องน้ำทันที และสิ่งที่เขาต้องแปลกตาแปลใจ เพราะตุ่มน้ำนั้นได้หายไป มีอ่างอาบน้ำเข้ามาแทนที่ พร้อมกับฝักบัวเครื่องทำน้ำอุ่น
“พ่อกำนันเองนี่ใจถึงวะ ทำให้นายทุกอย่างที่ต้องการเลย เราอยากให้พ่อของเราเป็นแบบพ่อของนายบ้าง”
“เหรอ”มิคกี้จ้องมองไปที่ก้นของเกรทที่อวบอิ่ม
“ทะลึ่งนายมามองก้นเราทำไม”
“ไม่ได้ทะลึ่ง”
“พอเลยอาบน้ำได้แล้ว”เกรทเปิดฝักบัวหลังจากพูดจบ
มิคกี้นั้นยังไม่วางสายตาจากก้นอวบๆของเกรท เขาจึงค่อยๆเดินไปใกล้ๆเกรทเพื่ออาบน้ำด้วยกัน ในขณะเดียวกันมิคกี้ก็จับก้นของเกรท
“ไอ้ต่อ ถ้ามีงเล่นแบบนี้อีกกูจะเลิกคบมึงแล้วนะ”
“ก็ได้”มิคกี้ทำหน้าบูดใส่ หลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจเกรทอีกเลย เพราะเขาต้องรีบอาบน้ำเพื่อที่จะไปดูสิ่งต่างที่กำนันบุญมีหามาให้เขาอย่างมากมาย ตามที่มิคกี้ต้องการทุกอย่าง
เมื่อมิคกี้กับเกรทออกมาจากห้องน้ำ มิคกี้ไม่ต้องหาเสื้อผ้าให้เกรทเลย เพราะเกรทจัดแจงหาด้วยตัวเองมาใส่ ยกเว้นกางเกงในที่เกรทไม่ใส่ของมิคกี้ ส่วนมิคกี้ก็รีบใส่เสื้อกางเกง หลังจากนั้นเขาก็เปิดแอร์ ต่อด้วยเปิดทีวีสียี่สิบเอ็ดนิ้วที่เครื่องใหญ่และหนามาก มิคกี้จึงกดดูช่อง17 แต่มิคกี้ก็อดแปลกใจไม่น้อย เพราะรายการทีวีที่ออนแอร์ ทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญชื่อดังทั้งคู่ ทำไมยังดูหนุ่มและสาวกันอยู่เลย
“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะมาจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” มิคกี้เปลื่ยนช่องไปเรื่อยๆก็ยังมีรายการเก่าๆละครโบราณ เขาเลยคิดว่าช่องต่างๆรีรันละครกันทุกช่อง จนมิคกี้ย้ายมาที่ช่อง15 เป็นรายการข่าวภาคเย็น “สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2538 เป็นวันหวยออก ผลรางวัลที่1 411454 ครับ”มิคกี้เริ่มงงและสับสนเพราะปีนี้มันปีที่2567 ทำไมข่าวรายงานหวยออกเป็นวันที่1มีนาคม 2538 มิคกี้หันไปหาเกรทที่เปลื่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง“ปีนี้ปี 2567ไม่ใช่เหรอ ทำไมนักข่าวบอกว่า 2538ว่ะ แค่วันเดือนปียังรายงงานผิดเลย”มิคกี้พูดขึ้น“นายนั่นแหละประสาทแดก นักข่าวเขาก็พูดถูกแล้วนี่ปีนี้ พ.ศ.2538”“ไม่ใช่ปีนี้ 67”“ยังจะมาเถียงนายดูปฏิทินโน้นปีนี้ 38”“นายนั่นแหละประสาทปีนี้67”มิคกี้เดินไปดูปฏิทินซึ่งก็เป็นปี2538 จริงๆ“เป็นไงเชื่อหรือยัง”“ไม่ใช่หรอก ปฏิทินปีนี้67ต่างหาก”ถึงมิคกี้จะเถียงเกรทคอเป็นเอ็น แต่เขาก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันมิคกี้จึงย้ายช่องทีวีใหม่ซึ่งก็มีแค่ 13 15 17 19 14 เขาย้ายวนมาวนไปก็มีแค่ห้าช่อง จนเขาเริ่มหงุดหงิดจนเหวี่ยงรีโมททิ้งบนที่นอน“ทำไมมีแค่ห้าช่องเอง เดี๋ยวนี้เป็
เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา “มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอครับแม่” “นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้” “ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา “เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา” “หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน “หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ “ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย” “อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ” “ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ” “มิคกี้”คุณหญิงโ
มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า “ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้” “สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง” “อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว “ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว” “ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ” “เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย” “อาไหน”มิคกี้งง “ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” “ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง “โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร “ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี “รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น “ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที “ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ