เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร
“มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน
“ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก”
“ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก”
“ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง”
“ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย”
“อะไรล่ะ”
“ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท
“เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง”
“เป็นอะไรล่ะ”
“ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน”
“ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง”
“จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านายคิดอย่างนั้นเราก็โอเค”
“เดี๋ยวก่อนนะเราได้กันตอนไหน ทำไมเราไม่รู้เรื่องเลย”เกรทมีสีหน้าที่มึนงง เพราะเขากับมิคกี้ไม่เคยมีอะไรกันแบบนั้น
“อายเหรอ ไม่เป็นไรหรอกความสัมพันธ์นี้เราจะรู้กันเพียงสองคนเท่านั้น เป็นความลับสุดยอดดีไหม”
“บ้า ใครอยากมีอะไรกับนายล่ะ”
“ไม่อยากจริงเหรอ แต่เราอยากนะ”มิคกี้ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเกรท
“นายจะเข้ามาทำไม”
“เราจะพิสูจน์ไงว่านายรักเราหรือเปล่า”
“พิสูจน์อย่างไง”
“นายยืนอยู่เฉยๆนะ เดี๋ยวเราจะหอมแก้มนาย แล้วนายลองสังเกตความรู้สึกของตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร”
“ไม่เอาน่าจะหอมแก้มอะไร”
“ผู้ชายเหมือนกันหอมแก้มกันก็ไม่น่าเกลียดหรอก ไม่มีอะไรเสียหายด้วย นายยืนนิ่งๆนะเราจะพิสูจน์”
“เหรอ ก็ได้”
เกรทยืนนิ่งๆหลับตา ส่วนมิคกี้ค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เกรท และค่อยๆใช้ริมฝีปากสัมผัสที่แก้มของเกรทอย่างแผ่วเบา
ความรู้สึกทางกายของเกรทขนลุกไปทั้งตัว ส่วนทางใจเขารู้สึกดีอยากให้มิคกี้สัมผัสนานๆ ส่วนความรู้สึกของมิคกี้จากแต่ก่อนแค่แกล้ง และคิดเรื่องเซ็กส์แค่นนั้น แต่กับวันนี้ความรู้สึกของเขาเปลื่ยนไป มิคกี้อยากสัมผัสเกรทให้นานขึ้นและอยากทำต่อไปอีก
มิคกี้เห็นเกรทยืนนิ่งเขาจึงเลื่อนริมฝีปากมาประกบปากของเกรท ส่วนเกรทก็อยากสนองตอบ แต่เขาก็หักห้ามใจได้และผลักร่างของมิคกี้ให้ออกห่าง
“พอแล้ว ทำอะไรกันน่าเกลียดมากเลย”เกรทเช็ดริมฝีปาก
“เราขอโทษ”มิคกี้เดินกลับไปนั่งบนเตียง เพราะความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้เปลื่ยนไปมาก และเขาค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า ได้รักเกรทจริงๆ แต่ที่เขาไม่ทำต่อ เพราะมิคกี้คิดว่าในช่วงเวลานี้เป็นอดีต ถ้าวันใดวันหนึ่งเขาได้กลับไปในอนาคต ทั้งเขากับเกรทจะทำเช่นไร เขาจึงไม่อยากสานสัมพันธ์นี้ต่อไปอีก
ในส่วนของเกรทด้วยความรู้สึกแปลกที่มีต่อมิคกี้ เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองและพยายามปฏิเสธจิตใจตัวเอง ว่ามันไม่ใช่ความจริงเป็นเพียงความรู้สึกระหว่างเพื่อน
“เรากลับก่อนนะ เดี๋ยวถึงบ้านจะมืดค่ำซะก่อน”
“เดี๋ยวเราลงไปส่ง”
มิคกี้เดินลงไปส่งเกรทที่หน้าหอพักของเขา ซึ่งทั้งสองนั้นไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว เพราะด้วยความรู้สึกที่แปลกหลังจากได้สัมผัสร่างกายกัน
“กลับแล้วนะพรุ่งนี้เจอกัน”
“ฮือ”มิคกี้พยักหน้า และมองเกรทเดินขึ้นรถเมล์ไป หลังจากนั้นเขาจึงหันหลังกลับเดินเข้าห้องพักก ซึ่งมิคกี้อดคิดถึงสัมผัสนั้นไมได้ เขาอยากจะได้เลือนร่างของเกรท ความรู้สึกนี้เขาเคยมีกับบอมบอมคนที่เขาเคยรักมาก่อน
มิคกี้ได้นอนคิดทั้งคืนระหว่างเรื่องของเขากับเกรท ซึ่งมิคกี้ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์นี้ เพราะครั้งที่เขากลับไปในอนาคต ก็ได้เจอเกรทในวัยผู้ใหญ่ที่มาหาแม่ของเขาที่บ้าน ถ้าวันใดเขาได้กลับไปในอนาคตอีก วันนั้นเขาก็ยังมีเกรทในวัยผู้ใหญ่ที่รักอยู่ มิคกี้จึงตัดสินใจเดินหน้าท้าความรักในครั้งนี้ แต่ก็มีอีกอย่างที่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงเขาไม่ใช่ต่อแต่เป็นมิคกี้ ซี่งตรงนี้แหละที่มิคกี้กลัว เนื่องด้วยเกรทนั้นรักกับต่อในความคิดของมิคกี้ แต่ในความจริงทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปกว่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาจึงเกิดความไม่สบายใจถ้าได้กลับไปในอนาคต แต่ในเมื่อมิคกี้ได้รักเกรทเข้าแล้ว เขาจึงยอมทำทุกอย่างให้ได้มา ส่วนเรื่องอื่นเขาสนใจอยู่ แต่ให้เลือกมิคกี้ยอมเลือกความสุขให้ตัวเองดีกว่า
………………………………………………………………………………………………….
ในระหว่างที่มิคกี้เดินออกจากหอพักเขาก็ได้เจอ ชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินออกมาพร้อมกับเขา และทั้งสองเป็นฝ่ายทักทายมิคกี้ก่อน
“เอ๊ะ เราเห็นเธอเรียนอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ใช่ไหม”สาวสวยคณะนิเทศศาสตร์ทักมิคกี้
“ใช่ครับ จำผมได้ด้วย”มิคกี้ยิ้มให้
“พอดีเราไปหาเพื่อนที่คณะรัฐศาตร์ เห็นเธอกับแฝดหรือพี่กับน้องหรือเปล่าหน้าเหมือนกันเลย”
“อ๋อ เพื่อนกัน บังเอิญเราหน้าคล้ายกัน เราชื่อมิคกี้น่ะ ส่วนเพื่อนเราชื่อพายัพ”มิคกี้ถือโอกาสแนะนำตัวทันที
“ส่วนเราสุจิตราเรียกเราสุเฉยๆก็ได้ และนี่เพื่อนเรา หน่อย”
“ยินดีที่รู้จัก” มิคกี้ก็สะดุดกับเพื่อนของสุจิตรา เพราะมีความคล้ายบอมบอมอดีตคนเคยรักของเขา ซึ่งหน้าตาแนวน่ารักใสๆ
“รู้จักกันไว้ก็ดีเหมือนกัน อยู่หอพักเดียวกันถ้ามีอะไรก็จะได้คอยช่วยเหลือกัน”สุจิตตราเอ่ยขึ้น
“เราก็เช่นนั้น”มิคกี้ยิ้มให้นิดหน่อย
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จทั้งสามก็เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย ซึ่งคณะรัฐศาสตร์จะอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อไปถึงหน้าคณะรัฐศาสตร์พายัพเห็นมิคกี้เดินมากับคนที่เขาไม่รู้จัก ด้วยนิสัยของพายัพจึงไม่มีทางที่จะพลาดเข้าไปหาและพูดคุย
“เห้ย มิคกี้”พายัพเดินเข้ามาหามิคกี้
“อ้าวมาแต่เช้าเลย”มิคกี้มองหน้าพายัพ แต่พายัพกับมองไปที่สุชาดา
“แนะนำให้รู้จักหน่อยสิ”พายัพสะกิดมิคกี้
ซึ่งมิคกี้ไม่พอใจอย่างมากที่พายัพพ่อของเขาในอดีต มีแววเจ้าชู้อย่างเห็นได้ชัด เพราะสุชาดาสวยเปรี้ยวเฉี่ยวทันสมัยมาก มิคกี้จึงเกิดความกลัวรักของพ่อกับแม่ของเขาจะไม่ลงตัว จึงแนะจำอย่างเสียมิได้
“นี่สุชาดา พึ่งรู้จักกันเมื่อกี้ อยู่ข้างห้องเรานั่นแหละส่วนอีกคนก็หน่อย”
“ยินดีที่รู้จักครับ”พายัพได้แต่มองสุชาดาหาสนใจหน่อยแม้แต่น้อย
“อ้าวสุมาได้ไง”จรัญเพื่อนของสุชาดาที่เรียนคณะรัฐศาสตร์เดินเข้ามาหา
“รู้จักกันด้วยเหรอ”พายัพหน้าเสีย เพราะเขาคิดไปว่าเป็นจรัญเพื่อนร่วมคณะเป็นแฟนของสุชาดา
“เพื่อนกันสมัยเรียนมัธยมนะ”จรัญพูด
“รู้จักกันก็ดีแล้วเพื่อนกันทั้งนั้น ถ้างั้นเราไปเรียนก่อนนะ ไปหน่อย”
ก่อนที่หน่อยจะเดินไปที่คณะนิเทศศาสตร์เขาก็หันมามองมิคกี้แวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็อมยิ้มเพราะมิคกี้ได้ยิ้มตอบกลับอย่างทันท่วงที
หลังจากหน่อยและสุชาดาได้เดินไปยังคณะนิเทศศาสตร์ พายัพจึงหันมาคุยกับจรัญเพื่อนอีกคนที่ยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร
“ถามตรงๆเลยนะ เพื่อนหรือแฟน”พายัพถาม
“เพื่อนสิ ทั้งสองคนนั่นแหละ”จรัญเสียงหนักแน่น
“แจ๋วเลย เดี๋ยวเราจีบสุชาดา ส่วนหน่อยยกให้มิคกี้มันไป เห็นส่งสายตาให้กันด้วย”
“เกี่ยวไรกัน นายจีบโสภิตา สาวอักษรอยู่ไม่ใช่เหรอ เลือกเอาสักคน ไม่ใช่จีบมั่วไปหมด”มิคกี้มีน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“นายอย่าคิดอะไรมากสิวะ จีบคนไหนติดก็รับคนนั้นเป็นแฟนซิ”
“จริงของมิคกี้มัน นายต้องเลือกเอาสักคน ถ้านายไม่เลือกเราก็จะบอกสุชาดาว่านายจีบทีละหลายคน”จรัญพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่เริ่มฉุน
“ใช่ เราก็จะบอกเกรทเพื่อนเราให้ไปบอกโสภิตาว่านายจีบสาวนิเทศศาสตร์ด้วย”
“นายสองคนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ผู้ชายมันก็มีบ้างนั่นแหละเขี้ยวเล็บ”
“แต่ไม่ใช่กับเพื่อนของเรา”จรัญพูดขึ้น
“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่กับแม่ของเรา”มิคกี้เผลอพูด
“ฮ่ะ”จรัญและพายัพหันหน้ามามองมิคกี้พร้อมกัน
“อ๋อ แม่ของลูกนายนั่นแหละ”มิคกี้พูดไม่ทันคิด
“อะไรของนายวะกูงงไปหมดแล้ว”
“เอาเหอะ มิคกี้มันจะพูดอะไรก็เรื่องของมัน แต่นายต้องเลือกว่าจะจีบใคร”จรัญหันมามองหน้าพายัพ
“ก็ได้ ก็ต้องโสภิตาน่ะสิ”พายัพพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“ดีมาก”มิคกี้ยิ้มได้ในทันที
“เอ่อก็ดีแล้ว ทำไมถึงเลือกโสภิตา แต่ทำไมไม่เลือกเพื่อนของเรา”จรัญรู้สึกสงสัย
“เมื่อวานตามไปถึงบ้านเลยนะ รู้ไหมเจอใคร”
“ใคร”มิคกี้ถาม
“พ่อกับแม่เราน่ะสิ “
“พ่อกับแม่นายไปอยู่บ้านโสภิตาได้ไง”มิคกี้งง แต่สักพักมิคกี้ก็เข้าใจได้ในทันที เพราะปู่กับย่าของเขานั้น รู้จักตากับยายของเขามาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่พอเริ่มโตขึ้นต่างแยกย้ายไปคนละทาง และกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ตอนนี้ มิคกี้จำได้ในอนาคตพ่อของเขาเคยเล่าให้ฟัง
“ก็พ่อแม่ของเรากับพ่อแม่ของโสภิตารู้จักกันน่ะสิ โลกกลมดีแท้”
“แล้วยังมีหน้าจะมาจีบเพื่อนเราอีกนายนี่เกินไปแล้วนะ”จรัญมีสีหน้าที่จริงจัง
“เห้ย กูขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
มิคกี้รู้สึกดีใจที่พายัพเลิกคิดที่จะจีบสุชาดา เพราะถ้าเกิดพายัพจีบติด เหตุการณ์ในอนาคตคงจะเปลื่ยน เขาอยากเป็นลูกของคุณหญิงโสภิตาเหมือนเดิม
“เข้าเรียนกันเถอะ”มิคกี้ชวนเพื่อนใหม่ที่พึ่งเริ่มสนิท
หลังเลิกเรียนมิคกี้ไปหาเกรทแต่ไม่เจอ เพราะวันนี้เกรทมีเรียนครึ่งวัน เขาจึงกลับบ้านตั้งแต่ช่วงกลางวัน มิคกี้จึงเดินกลับห้องพักคนเดียว ในระหว่างทางที่เขากำลังจะไปที่หอพักของเขา พลันสายตาก็เห็นหน่อยอยู่ในตู้โทรศัพท์ของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เขาแอบยืนมองดูหน่อย ส่วนหนึ่งที่เขาหยุดดูเพราะเขาชอบความเก่าของยุคสมัย ยิ่งเห็นหน่อยควักเหรียญมาหนึ่งกำมือแล้วหยอดใส่ตู้ ซึ่งหน่อยโทรไม่ได้นานก็วางหูโทรศัพท์ลง และล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งซ้ายขวาหาเหรียญ แต่มิคกี้คาดว่าเงินเหรียญของหน่อยหมด เพราะหน่อยได้เปิดประตูออกมาจากตู้โทรศัพท์และเดินไปทางหอพัก
มิคกี้จึงรีบก้าวเท้าตามอย่างไว เพื่อที่จะให้ทันหน่อย เพราะหน่อยเดินไม่มองซ้ายขวา จ้ำอ้าวเดินอย่างเดียว
“จะรีบไปไหนหอพักก็อยู่แค่นี่”มิคกี้เดินข้างๆหน่อย
“รีบกลับหอไง”หน่อยพูดเสียงราบเรียบ
“หอก็อยู่แค่นี้เองจะรีบไปไหน เราว่าแวะกินข้าวกันก่อนดีไหม จะได้ไม่ต้องลงมาหาอะไรกินอีก”
“ไม่หรอก เดี๋ยวเราทำกินเอง”
“ไม่ต้องทำสักวันก็ได้ เดี๋ยวเราเลี้ยงเองวันนี้”
“ไม่หรอก พวกเรายังเป็นนักศึกษากันอยู่เลย เราไม่อยากรบกวนนายหรอก”
“ไม่รบกวนหรอก เรามีเงินเลี้ยงนาย”
“รู้ว่ามีเงิน แต่เราพึ่งรู้จักกัน จะมาเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร”
“ก็เนื่องในโอกาสที่รู้จักกันไง”
“นายนี่แปลกหนอ มาเลี้ยงข้าวผู้ชาย”
“นายเป็นผู้ชายเหรอ”มิคกี้อมยิ้ม
“เราไม่อยากจะพูดกับนายแล้ว แยกกันตรงนี้แหละ”หน่อยรีบเดินเพราะเขารู้สึกเขินอาย
“จะรีบไปไหน”มิคกี้จับมือไว้
“ปล่อยนะ”หน่อยแกะมือของมิคกี้แล้วรีบวิ่งเข้าไปในหอพักทันที
มิคกี้ยืนอมยิ้มเพราะหน่อยภายนอกมีความคล้ายบอมบอมอดีตคนเคยรักของเขา แต่ที่แตกต่างกันที่นิสัยที่สุดขั้วคนละทางเลย บอมบอมนั้นแสนมั่นปากเจ็บนิสัยแปลกประหลาด แต่กับหน่อยเรียบร้อยน่ารักน่าทะนุถนอม ในขณะที่เขากำลังมองหน่อยที่วิ่งกระดุ๊กกระดิ๊กเข้าหอนั้น ใบหน้าของเกรทหนุ่มหน้าคมก็โผล่เข้ามาทันที
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย” “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย” “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้ “ตรงนี้ใช่ไหม” “เอ่อๆใช่” ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น “พอแล้วขอบใจมาก” “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น “อุ๊ย ล้างสบู่นาน
วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร “มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท “กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม “เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงน