หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ
“วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น
“ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย”
“ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง
“คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้
“ตรงนี้ใช่ไหม”
“เอ่อๆใช่”
ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“พอแล้วขอบใจมาก”
“ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น
“พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น
“อุ๊ย ล้างสบู่นานไปหน่อย”ยูโรรีบนำผ้าเช็ดตัวมาพันกายแต่ก็ยังตุงอยู่
“นายก็ เล่นบอลเหนื่อยๆยังมีอารมณ์อยู่อีก เราอิจฉานายวะทำไมใหญ่จัง ของเราพ่อให้มาน้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกของอย่างนี้มันอยู่ที่ลีลา”
“เคยเหรอ”
“ไม่เคยหรอก”
“ไม่เคยแล้วทำเป็นรู้ดี เอ๊ะเมื่อกี้นายไปเกาหลังให้เรานี่ อย่าบอกนะว่านายคิดไม่ดีกับก้นเรา”
“เปล่า”
“เปล่าก็ดีแล้ว แต่นายเป็นแบบไหนเนี่ย”
“แบบไหนอะไรกันไม่รู้”ยูโรหน้าแดง เพราะอายท่อนเอ็นของเขาจึงอ่อนตัวลง
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร นายคงรู้ใช่ไหมว่าเราเป็นแบบไหน เพราะเราก็เปิดเผยตัวกับบอมบอมแฟนเก่าเราก่อนหน้านี้”
“รู้”ยูโรเสียงสูง
“รู้ก็ดีแล้ว พูดตรงๆเราเป็นรุก”
“เอ่อ มาพูดอะไรตรงนี้อายเขา”ยูโรหันไปมองรอบๆซึ่งก็ไม่มีใครอยู่ตรงที่เขาสองคนอาบน้ำ
“ไม่เห็นมีใครเป็นผู้ชายเหมือนกันอายทำไม”
“ไม่ได้อาย นายนั่นแหละพูดไปเรื่อย”
“ไม่อายก็ไม่อาย พอแล้วเดี๋ยวตัวเปื่อยหมดต้องรีบไปหาพ่อด้วย”
“ฮือ”ยูโรพยักหน้า
ยูโรรู้สึกใจหายที่มิคกี้พูดความจริงออกมา นั่นหมายความว่าเขาหมดสิทธิ์ในตัวมิคกี้ เพราะมิคกี้เป็นแบบเดียวกับเขา แต่ยูโรก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะของอย่างนี้ยูโรคิดว่าเปลื่ยนใจกันได้ และเขาจะยอมเป็นฝ่ายรับเองก็ได้
เมื่อทั้งสองแต่งตัวเสร็จจึงออกไปยังที่จอดรถ มิคกี้ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งเพราะเขาไม่รุ้ว่าพ่อพายัพของเขาให้รีบกลับบ้านไปทำไม
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”มิคกี้ชูมือให้ยูโรที่ยืนหน้าเศร้าด้วยความเสียดาย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมแพ้เพราะมิคกี้นี่แหละคือคนที่เขาต้องการ
มิคกี้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะมาถึงที่บ้าน เพราะเขาขับรถช้าเพื่อแกล้งพ่อของเขา ถึงแม้มิคกี้จะยังมีความผูกพันกับสุชาดผู้เป็นแม่ไม่มาก แต่เขาก็ยังพอมีความรู้สึกที่รักอยู่พอสมควร เมื่อมิคกี้มาถึงที่บ้านเขาก็ค่อยๆเดินเข้ามา
“เดินเร็วๆหน่อยซิมิคกิ้”
มิคกี้ยังเดินช้าๆเหมือนเดิม มิคกี้เห็นเพียงพ่อของเขาที่หันหน้ามาทางเขา ส่วนอีกสองคนนั่งหันหลังให้ พอมิคกี้เดินไปถึงเขาตะลึงงึงงันทันที เพราะคนที่อยูตรงหน้าของเขาคือ โสภิตาวัยผู้ใหญ่
“สวัสดีป้าซิ”
“หวัดดีครับแม่”มิคกี้อมยิ้ม
“อุ๊ย พูดอะไรอย่างนั้น”โสภิตาอมยิ้มใช้มือปิดปาก ส่วนพายัพยิ้มไม่หุบชอบใจในคำพูดของมิคกี้อย่างมาก
“นั่งลงได้แล้วมิคกี้ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้”
“ครับพ่อ”
“จะให้พ่อพูดอย่างไรดีล่ะ คือพ่อกับแม่ของลูกก็แยกห้องกันอยู่นานแล้ว ลูกเข้าใจข้อนี้ดีใช่ไหม”
“ครับ”
“ก็นั่นแหละ คืออย่างไงล่ะ คุณหญิงโสภิตาเนี่ยเป็นเพื่อนพ่อตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ พอเรียนจบเราก็ห่างๆกันตามนั้นแหละ”
“ครับ แล้วพ่อจะแต่งงานใหม่เหรอครับ”
“ใช่ อีกสักพัก ลูกว่าไง”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ”
“ให้มันได้อย่างนี้ซิลูกพ่อ”พายัพถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ป้าก็ดีใจนะที่มิคกี้เข้าใจเราสองคน”
“เข้าใจครับแม่”
“เอาอีกแล้ว เรียกป้าก่อนก็ได้”โสภิตารู้สึกอาย
“มิคกี้คงฝึกไว้นั่นแหละ”พายัพหัวเราะลั่น
“คุณ มัวแต่หัวเราะ ฉันยังไม่ได้แนะลูกของฉันเลย นี่สุกี้ลูกของป้า ”
สองสายตาประสานกันมิคกี้ตะลึงตาค้าง เพราะนั่นคือหน่อยที่อยู่ในอดีตเป็นเพื่อนข้างห้องของเขา ส่วนหน่อยที่มาอยู่ในร่างของสุกี้ยิ่งอึ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะหน่อยยังมึนงงว่ามาอยู่ในโลกอนาคตได้อย่างไงแล้วดันมาเจอมิคกี้ที่นี่อีก
“หน่อย”มิคกี้พูดชื่อออกมา
“ไม่ใช่หน่อยน้องชื่อสุกี้”
“เอ่อครับ ผมอยากมีน้องอยู่พอดี”มิคกี้ยิ้ม
“ปากนี่หวานเหมือนใครก็ไม่รู้”โสภิตามองพายัพ ทีในอดีตเคยจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แต่ทั้งสองในตอนนั้นไม่ได้รักกัน และที่สำคัญพายัพทำสุชาดาท้อง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับสุชาดาแทน ส่วนโสภิตาในขณะนั้นก็รักอยู่กับหนุ่มวิศวะ
พายัพและโสภิตามาเจอกันอีกครั้ง ก็ตอนที่พายัพเป็นรัฐมนตรีและมาทำงานที่กระทราวง ซึ่งในขณะนั้นโสภิตาก็ทำงานที่นั่น แต่ก็ได้แยกกันอยู่กับแทนหนุ่มวิศวแล้ว ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้โสภิตาเท่าไร เพราะต้องออกไปกลางทะเลทีละหกเดือน จึงทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันพอสมควร และอีกสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่เข้ากันไม่ได้ คือโสภิตาชอบเข้างานสังคมเจ้าระเบียบเรียบร้อย ส่วนแทนจะเป็นลักษณะลุยๆดิบๆ ช่วงหนุ่มสาวก็เข้ากันได้ดี พอได้แต่งงานกันถึงรู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ยิ่งครอบครัวโสภิตาเป็นผู้ดีเก่า แทนจึงมีความอึดอัดพอสมควร จึงทำให้ทั้งคู่ตั้งตัดสินใจแยกทางกัน
“พ่อดีใจนะที่มิคกี้เข้าใจอะไรได้ง่ายขี้น ลูกของพ่อโตขึ้นมากแล้ว”
“ป้าฝากน้องด้วยนะ เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย”
“ครับ ไปสุกี้เดี๋ยวพี่จะพาไปดูห้องของพี่”มิคกี้ลุกขึ้นแล้วดึงแขนของหน่อยในร่างสุกี้ทันที
“ตามพี่เขาไปเถอะสุกี้”
“ครับ”
มิคกี้รีบพาหน่อยวิ่งขึ้นบันไดไปในทันที โดยมีพายัพและโสภิตามองอย่างมีความสุข เพราะที่แรกทั้งสองคิดว่าน่าจะเข้ากันได้ยาก
เมื่อมิคกี้พาหน่อยมาถึงที่ห้องนอนของเขา มิคกี้จึงจับบ่าของหน่อยแล้วมองหน้าอยู่หลายรอบ
“หน่อยใช่ไหม”
“ใช่ มิคกี้ใช่ไหม”
“ใช่ เรามิคกี้ไงที่อยู่ข้างห้องหน่อยนั่นแหละ”
“แล้วมีคกี้มาอยู่นี่ได้อย่างไง”หน่อยมีท่าทีที่สงสัยอย่างหนัก
“เราน่ะอยู่ในอนาคต แต่หลงไปในอดีตที่หน่อยอยู่นั่นแหละ”
“แล้วหน่อยมาที่นี่ได้ไง”
“ก็เราเดินผ่านห้องของมิคกี้ เราเห็นมิคกี้กำลังไล่เตะเกรทต่อยเกรทจนหน้าบวมน่ะ พอเราเข้าไปทักมิคกี้ มิคกี้ก็ทำเป็นไม่รู้จักเราเลยผลักเราล้มลง หลังจากนั้นเราก็จำอะไรไม่ได้ มารู้ตัวอีกที่ก็มาอยู่ที่บ้านคุณหญิงโสภิตานี่แหละ อ๋อ แต่ที่เราจำได้มิคกี้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนด่าเกรทอยู่ ”
เมื่อมิคกี้ได้ฟังเรื่องราวจากหน่อย เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนนั้นน่าจะเป็นต่อ คนที่มิคกี้ไปอาศัยในร่างตอนอยู่ในอดีต
“อย่าพูดเรื่องของเราเลย พูดเรื่องของหน่อยดีกว่า”
“นั่นนะสิเราจะกลับอย่างไง”
“ยังกลับไม่ได้ก็ยังไม่ต้องกลับหรอก มีเราอยู่ที่นี่ทั้งคนไปกลัวอะไร แต่ก่อนอื่นเปลื่ยนชื่อเป็นสุกี้ดีแล้ว หน่อยในยุคนี้เฉยมาก”
“ใช่ เพราะเราก็ชินชื่อนี้ไปแล้ว”
“เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเป็นไงบ้างตอนอยู่บ้านคุณหญิงโสภิตา”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พอเราตื่นมาก็เห็นหน้าคุณหญิงอยู่ในห้อง มาปลุกเราให้ทำโน้นทำนี่ มิคกี้ก็รู้ว่าเราเป็นคนง่ายๆให้ทำอะไรเราก็ทำ ตอนนั้นเรานึกว่าโดนจับตัวหรือฝันไปนั่นแหละ พออยู่ไปนานๆถึงรู้ว่าไม่ใช่แต่หลงเข้ามาในอนาคต แตที่แย่พ่อของสุกี้นจะพาเราไปเตะบอล ชกมวย พอเราทำไม่ได้ก็บังคับอยู่นั่นแหละ เห็นว่ามะรืนจะมารับไปเตะบอลอีก”
“ทำไมไม่บอกคุณหญิงโสภิตาล่ะ”
“ไม่กล้าบอก”
“เดี๋ยวเราบอกให้ถ้าลงไปข้างล่าง”
“ก็ได้นะ”
“แล้วอยู่ที่นี่เรียนคณะอะไรล่ะ”มิคกี้ถาม
“วิทยาการจัดการ”
“ทีเดียวกันนี่ เราเรียนคณะบริหารปีสามแล้ว”
“โชคดีมากเลยนะที่เจอนายเนี้ยไม่งั้นเราแย่แน่เลย”
“บุพเพมากกว่า”มิคกี้อมยิ้ม
“บุพเพอะไรเราไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย”
“แต่ก็ทำให้เป็นได้นี่”
“จะเป็นได้อย่างไง ตอนนี้เราเหมือนพี่น้องกันแล้วนะ ถึงแม้จะไม่เกิดมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน”
“ใช่ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราก็กลับไปในอดีต ตอนนี้ลงไปหาพ่อกับแม่ของพวกเราดีกว่าไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน”
มิคกี้ได้พาหน่อยในร่างสุกี้ลงมาข้างล่าง ซึ่งเมื่อลงมาแล้วก็เห็นทั้งคุณหญิงโสภิตาและพายัพนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะทั้งคู่เริ่มสนิทกันตั้งแต่ทำงานที่กระทรวง ซึ่งทั้งคู่เริ่มมีอะไรที่เหมือนกันจึงไปด้วยกันได้ดี
“คุยอะไรกันสนุกเลย”มิคกี้พูดขึ้นหลังจากพาสุกี้ลงมาที่ข้างล่าง
“คุยเรื่องเก่านั่นแหละ เมื่อก่อนตอนเรียนพ่อกับแม่ไม่ค่อยถูกกัน ดันมาถูกกันตอนแก่คิดแล้วเสียดาย”
“อ๋อ ครับ”มิคกี้อดหมั่นไส้พ่อของตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ในอดีตนั้นจีบทีเดียวสองคน
“เป็นไงบ้างห้องมิคกี้”พายัพถามสุกี้
“ห้องสวยดีครับ”
“มิคกี้เขาจัดเอง ถ้าสุกี้ย้ายมาอยู่ที่นี่เดี๋ยวให้พี่เขาจัดห้องให้ดีไหม”
“ดีครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวเราสองแม่ลูกจัดเอง”
“เดี๋ยวผมจัดให้สุกี้เองครับ”มิคกี้หันมามองหน่อย
“พ่อเห็นแบบนี้ก็ดีใจที่เข้ากันได้ พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องห่วง เราสองคนจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่”
“ครับ”มิคกี้รับคำ
“คุณป้าครับ เห็นสุกี้บอกว่าต้องไปเตะบอลทุกวันเลยเหรอ”
“ก็มีบ้าง ไปเตะกับพ่อของเขา นี่กลุ้มใจมากเลย สุกี้เขาไม่ชอบ เดี๋ยวให้ไปเตะบอล ชกมวย อะไรก็ไม่รู้ จนป้าไม่อยากจะให้มารับไปแล้ว แต่ทำไงได้ล่ะเขาเป็นพ่อลูกกัน อย่างไงก็ต้องให้เขาเจอกันทำกิจกรรมด้วยกันบ้างนั่นแหละ”โสภิตาถอนหายใจ
“คุณแทนไม่น่าเป็นคนหัวโบราณเลย ผมยังไม่บังคับลูกเลย อยากทำอะไรอยากเป็นแบบไหน ตามใจชอบ แต่ดูมันซิไปเตะบอลทุกวัน จนผมแท่บจะไม่เห็นหน้ามันแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจะลองคุยกับพ่อของสุกี้อีกที”
“ครับผมก็เห็นด้วย”มิคกี้ยิ้ม
ทั้งสี่คุยกันอยู่พักใหญ่จนดึกดื่น หลังจากนั้นคุณหญิงโสภิตาและหน่อยในร่างขอสุกี้ก็กลับบ้านไปอย่างมีความสุข ที่ทุกคนต่างเข้าใจกันดีทุกอย่าง ซึ่งในตอนแรกคิดกันว่ามิคกี้จะอาลวาดแต่ผิดคาด
วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร “มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท “กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม “เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงน
หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา “ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม “อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก” “จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต” “บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก” “เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน
สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่ มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา “อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสี
ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที “เกรท จะกลับบ้านเหรอ” “ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ “ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย” “ไม่ไปไม่ว่าง” “นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย” “นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง “เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง “ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน” มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น “ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย” “เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ” “นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย” “นายเป็
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส