แชร์

พบกันอีกครั้ง

  หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ

  “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น

  “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย”

  “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย”

  “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง

  “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้

  “ตรงนี้ใช่ไหม”

  “เอ่อๆใช่”

  ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น

  “พอแล้วขอบใจมาก”

  “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น

  “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น

  “อุ๊ย ล้างสบู่นานไปหน่อย”ยูโรรีบนำผ้าเช็ดตัวมาพันกายแต่ก็ยังตุงอยู่

  “นายก็ เล่นบอลเหนื่อยๆยังมีอารมณ์อยู่อีก เราอิจฉานายวะทำไมใหญ่จัง ของเราพ่อให้มาน้อย”

  “ไม่เป็นไรหรอกของอย่างนี้มันอยู่ที่ลีลา”

  “เคยเหรอ”

  “ไม่เคยหรอก”

  “ไม่เคยแล้วทำเป็นรู้ดี เอ๊ะเมื่อกี้นายไปเกาหลังให้เรานี่  อย่าบอกนะว่านายคิดไม่ดีกับก้นเรา”

  “เปล่า”

  “เปล่าก็ดีแล้ว แต่นายเป็นแบบไหนเนี่ย”

  “แบบไหนอะไรกันไม่รู้”ยูโรหน้าแดง เพราะอายท่อนเอ็นของเขาจึงอ่อนตัวลง

  “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร นายคงรู้ใช่ไหมว่าเราเป็นแบบไหน เพราะเราก็เปิดเผยตัวกับบอมบอมแฟนเก่าเราก่อนหน้านี้”

  “รู้”ยูโรเสียงสูง

  “รู้ก็ดีแล้ว พูดตรงๆเราเป็นรุก”

  “เอ่อ มาพูดอะไรตรงนี้อายเขา”ยูโรหันไปมองรอบๆซึ่งก็ไม่มีใครอยู่ตรงที่เขาสองคนอาบน้ำ

  “ไม่เห็นมีใครเป็นผู้ชายเหมือนกันอายทำไม”

  “ไม่ได้อาย นายนั่นแหละพูดไปเรื่อย”

  “ไม่อายก็ไม่อาย พอแล้วเดี๋ยวตัวเปื่อยหมดต้องรีบไปหาพ่อด้วย”

  “ฮือ”ยูโรพยักหน้า

  ยูโรรู้สึกใจหายที่มิคกี้พูดความจริงออกมา นั่นหมายความว่าเขาหมดสิทธิ์ในตัวมิคกี้ เพราะมิคกี้เป็นแบบเดียวกับเขา แต่ยูโรก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะของอย่างนี้ยูโรคิดว่าเปลื่ยนใจกันได้ และเขาจะยอมเป็นฝ่ายรับเองก็ได้

  เมื่อทั้งสองแต่งตัวเสร็จจึงออกไปยังที่จอดรถ มิคกี้ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งเพราะเขาไม่รุ้ว่าพ่อพายัพของเขาให้รีบกลับบ้านไปทำไม

  “พรุ่งนี้เจอกันนะ”มิคกี้ชูมือให้ยูโรที่ยืนหน้าเศร้าด้วยความเสียดาย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมแพ้เพราะมิคกี้นี่แหละคือคนที่เขาต้องการ

  มิคกี้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะมาถึงที่บ้าน เพราะเขาขับรถช้าเพื่อแกล้งพ่อของเขา ถึงแม้มิคกี้จะยังมีความผูกพันกับสุชาดผู้เป็นแม่ไม่มาก แต่เขาก็ยังพอมีความรู้สึกที่รักอยู่พอสมควร เมื่อมิคกี้มาถึงที่บ้านเขาก็ค่อยๆเดินเข้ามา

  “เดินเร็วๆหน่อยซิมิคกิ้”

  มิคกี้ยังเดินช้าๆเหมือนเดิม มิคกี้เห็นเพียงพ่อของเขาที่หันหน้ามาทางเขา ส่วนอีกสองคนนั่งหันหลังให้ พอมิคกี้เดินไปถึงเขาตะลึงงึงงันทันที เพราะคนที่อยูตรงหน้าของเขาคือ โสภิตาวัยผู้ใหญ่

  “สวัสดีป้าซิ”

  “หวัดดีครับแม่”มิคกี้อมยิ้ม

  “อุ๊ย พูดอะไรอย่างนั้น”โสภิตาอมยิ้มใช้มือปิดปาก ส่วนพายัพยิ้มไม่หุบชอบใจในคำพูดของมิคกี้อย่างมาก

  “นั่งลงได้แล้วมิคกี้ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้”

  “ครับพ่อ”

  “จะให้พ่อพูดอย่างไรดีล่ะ คือพ่อกับแม่ของลูกก็แยกห้องกันอยู่นานแล้ว ลูกเข้าใจข้อนี้ดีใช่ไหม”

  “ครับ”

  “ก็นั่นแหละ คืออย่างไงล่ะ คุณหญิงโสภิตาเนี่ยเป็นเพื่อนพ่อตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ พอเรียนจบเราก็ห่างๆกันตามนั้นแหละ”

  “ครับ แล้วพ่อจะแต่งงานใหม่เหรอครับ”

  “ใช่ อีกสักพัก ลูกว่าไง”

  “ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ”

  “ให้มันได้อย่างนี้ซิลูกพ่อ”พายัพถอนหายใจเฮือกใหญ่

  “ป้าก็ดีใจนะที่มิคกี้เข้าใจเราสองคน”

  “เข้าใจครับแม่”

  “เอาอีกแล้ว เรียกป้าก่อนก็ได้”โสภิตารู้สึกอาย

  “มิคกี้คงฝึกไว้นั่นแหละ”พายัพหัวเราะลั่น

  “คุณ มัวแต่หัวเราะ ฉันยังไม่ได้แนะลูกของฉันเลย นี่สุกี้ลูกของป้า ”

  สองสายตาประสานกันมิคกี้ตะลึงตาค้าง เพราะนั่นคือหน่อยที่อยู่ในอดีตเป็นเพื่อนข้างห้องของเขา ส่วนหน่อยที่มาอยู่ในร่างของสุกี้ยิ่งอึ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะหน่อยยังมึนงงว่ามาอยู่ในโลกอนาคตได้อย่างไงแล้วดันมาเจอมิคกี้ที่นี่อีก

  “หน่อย”มิคกี้พูดชื่อออกมา

  “ไม่ใช่หน่อยน้องชื่อสุกี้”

  “เอ่อครับ ผมอยากมีน้องอยู่พอดี”มิคกี้ยิ้ม

  “ปากนี่หวานเหมือนใครก็ไม่รู้”โสภิตามองพายัพ ทีในอดีตเคยจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แต่ทั้งสองในตอนนั้นไม่ได้รักกัน และที่สำคัญพายัพทำสุชาดาท้อง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับสุชาดาแทน ส่วนโสภิตาในขณะนั้นก็รักอยู่กับหนุ่มวิศวะ

  พายัพและโสภิตามาเจอกันอีกครั้ง ก็ตอนที่พายัพเป็นรัฐมนตรีและมาทำงานที่กระทราวง ซึ่งในขณะนั้นโสภิตาก็ทำงานที่นั่น แต่ก็ได้แยกกันอยู่กับแทนหนุ่มวิศวแล้ว ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้โสภิตาเท่าไร เพราะต้องออกไปกลางทะเลทีละหกเดือน จึงทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันพอสมควร และอีกสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่เข้ากันไม่ได้ คือโสภิตาชอบเข้างานสังคมเจ้าระเบียบเรียบร้อย ส่วนแทนจะเป็นลักษณะลุยๆดิบๆ ช่วงหนุ่มสาวก็เข้ากันได้ดี พอได้แต่งงานกันถึงรู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ยิ่งครอบครัวโสภิตาเป็นผู้ดีเก่า แทนจึงมีความอึดอัดพอสมควร จึงทำให้ทั้งคู่ตั้งตัดสินใจแยกทางกัน

  “พ่อดีใจนะที่มิคกี้เข้าใจอะไรได้ง่ายขี้น ลูกของพ่อโตขึ้นมากแล้ว”

  “ป้าฝากน้องด้วยนะ เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย”

  “ครับ ไปสุกี้เดี๋ยวพี่จะพาไปดูห้องของพี่”มิคกี้ลุกขึ้นแล้วดึงแขนของหน่อยในร่างสุกี้ทันที

  “ตามพี่เขาไปเถอะสุกี้”

  “ครับ”

  มิคกี้รีบพาหน่อยวิ่งขึ้นบันไดไปในทันที โดยมีพายัพและโสภิตามองอย่างมีความสุข เพราะที่แรกทั้งสองคิดว่าน่าจะเข้ากันได้ยาก

  เมื่อมิคกี้พาหน่อยมาถึงที่ห้องนอนของเขา  มิคกี้จึงจับบ่าของหน่อยแล้วมองหน้าอยู่หลายรอบ

  “หน่อยใช่ไหม”

  “ใช่ มิคกี้ใช่ไหม”

  “ใช่ เรามิคกี้ไงที่อยู่ข้างห้องหน่อยนั่นแหละ”

  “แล้วมีคกี้มาอยู่นี่ได้อย่างไง”หน่อยมีท่าทีที่สงสัยอย่างหนัก

  “เราน่ะอยู่ในอนาคต แต่หลงไปในอดีตที่หน่อยอยู่นั่นแหละ”

  “แล้วหน่อยมาที่นี่ได้ไง”

  “ก็เราเดินผ่านห้องของมิคกี้ เราเห็นมิคกี้กำลังไล่เตะเกรทต่อยเกรทจนหน้าบวมน่ะ พอเราเข้าไปทักมิคกี้ มิคกี้ก็ทำเป็นไม่รู้จักเราเลยผลักเราล้มลง หลังจากนั้นเราก็จำอะไรไม่ได้ มารู้ตัวอีกที่ก็มาอยู่ที่บ้านคุณหญิงโสภิตานี่แหละ อ๋อ แต่ที่เราจำได้มิคกี้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนด่าเกรทอยู่ ”

  เมื่อมิคกี้ได้ฟังเรื่องราวจากหน่อย เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนนั้นน่าจะเป็นต่อ คนที่มิคกี้ไปอาศัยในร่างตอนอยู่ในอดีต

  “อย่าพูดเรื่องของเราเลย พูดเรื่องของหน่อยดีกว่า”

  “นั่นนะสิเราจะกลับอย่างไง”

  “ยังกลับไม่ได้ก็ยังไม่ต้องกลับหรอก มีเราอยู่ที่นี่ทั้งคนไปกลัวอะไร แต่ก่อนอื่นเปลื่ยนชื่อเป็นสุกี้ดีแล้ว หน่อยในยุคนี้เฉยมาก”

  “ใช่ เพราะเราก็ชินชื่อนี้ไปแล้ว”

  “เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเป็นไงบ้างตอนอยู่บ้านคุณหญิงโสภิตา”

  “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พอเราตื่นมาก็เห็นหน้าคุณหญิงอยู่ในห้อง มาปลุกเราให้ทำโน้นทำนี่ มิคกี้ก็รู้ว่าเราเป็นคนง่ายๆให้ทำอะไรเราก็ทำ ตอนนั้นเรานึกว่าโดนจับตัวหรือฝันไปนั่นแหละ พออยู่ไปนานๆถึงรู้ว่าไม่ใช่แต่หลงเข้ามาในอนาคต แตที่แย่พ่อของสุกี้นจะพาเราไปเตะบอล ชกมวย พอเราทำไม่ได้ก็บังคับอยู่นั่นแหละ เห็นว่ามะรืนจะมารับไปเตะบอลอีก”

  “ทำไมไม่บอกคุณหญิงโสภิตาล่ะ”

  “ไม่กล้าบอก”

  “เดี๋ยวเราบอกให้ถ้าลงไปข้างล่าง”

  “ก็ได้นะ”

  “แล้วอยู่ที่นี่เรียนคณะอะไรล่ะ”มิคกี้ถาม

  “วิทยาการจัดการ”

  “ทีเดียวกันนี่ เราเรียนคณะบริหารปีสามแล้ว”

  “โชคดีมากเลยนะที่เจอนายเนี้ยไม่งั้นเราแย่แน่เลย”

  “บุพเพมากกว่า”มิคกี้อมยิ้ม

  “บุพเพอะไรเราไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย”

  “แต่ก็ทำให้เป็นได้นี่”

  “จะเป็นได้อย่างไง ตอนนี้เราเหมือนพี่น้องกันแล้วนะ ถึงแม้จะไม่เกิดมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน”

  “ใช่ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราก็กลับไปในอดีต ตอนนี้ลงไปหาพ่อกับแม่ของพวกเราดีกว่าไหม”

  “ก็ดีเหมือนกัน”

  มิคกี้ได้พาหน่อยในร่างสุกี้ลงมาข้างล่าง ซึ่งเมื่อลงมาแล้วก็เห็นทั้งคุณหญิงโสภิตาและพายัพนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะทั้งคู่เริ่มสนิทกันตั้งแต่ทำงานที่กระทรวง ซึ่งทั้งคู่เริ่มมีอะไรที่เหมือนกันจึงไปด้วยกันได้ดี

  “คุยอะไรกันสนุกเลย”มิคกี้พูดขึ้นหลังจากพาสุกี้ลงมาที่ข้างล่าง

  “คุยเรื่องเก่านั่นแหละ เมื่อก่อนตอนเรียนพ่อกับแม่ไม่ค่อยถูกกัน ดันมาถูกกันตอนแก่คิดแล้วเสียดาย”

  “อ๋อ ครับ”มิคกี้อดหมั่นไส้พ่อของตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ในอดีตนั้นจีบทีเดียวสองคน

  “เป็นไงบ้างห้องมิคกี้”พายัพถามสุกี้

  “ห้องสวยดีครับ”

  “มิคกี้เขาจัดเอง ถ้าสุกี้ย้ายมาอยู่ที่นี่เดี๋ยวให้พี่เขาจัดห้องให้ดีไหม”

  “ดีครับ”

  “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวเราสองแม่ลูกจัดเอง”

  “เดี๋ยวผมจัดให้สุกี้เองครับ”มิคกี้หันมามองหน่อย

  “พ่อเห็นแบบนี้ก็ดีใจที่เข้ากันได้ พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องห่วง เราสองคนจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่”

  “ครับ”มิคกี้รับคำ

  “คุณป้าครับ เห็นสุกี้บอกว่าต้องไปเตะบอลทุกวันเลยเหรอ”

  “ก็มีบ้าง ไปเตะกับพ่อของเขา นี่กลุ้มใจมากเลย สุกี้เขาไม่ชอบ เดี๋ยวให้ไปเตะบอล ชกมวย อะไรก็ไม่รู้ จนป้าไม่อยากจะให้มารับไปแล้ว แต่ทำไงได้ล่ะเขาเป็นพ่อลูกกัน อย่างไงก็ต้องให้เขาเจอกันทำกิจกรรมด้วยกันบ้างนั่นแหละ”โสภิตาถอนหายใจ

  “คุณแทนไม่น่าเป็นคนหัวโบราณเลย ผมยังไม่บังคับลูกเลย อยากทำอะไรอยากเป็นแบบไหน ตามใจชอบ แต่ดูมันซิไปเตะบอลทุกวัน จนผมแท่บจะไม่เห็นหน้ามันแล้ว”

  “เดี๋ยวฉันจะลองคุยกับพ่อของสุกี้อีกที”

  “ครับผมก็เห็นด้วย”มิคกี้ยิ้ม

  ทั้งสี่คุยกันอยู่พักใหญ่จนดึกดื่น หลังจากนั้นคุณหญิงโสภิตาและหน่อยในร่างขอสุกี้ก็กลับบ้านไปอย่างมีความสุข ที่ทุกคนต่างเข้าใจกันดีทุกอย่าง ซึ่งในตอนแรกคิดกันว่ามิคกี้จะอาลวาดแต่ผิดคาด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status