Share

ด้วยรักและห่วงใย

  เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย

  “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง

  “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่”

  “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง”

  “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง”

  “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก”

  “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด

  สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้

  เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่

  “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ”

  “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ”

  “เรื่องอะไร”

  “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ”

  “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ”

  “ซักหมื่นพ่อพอมีไหมครับ”

  “ตั้งหมื่นเลยเหรอ”

  “ครับ ต้องซื้ออุปกรณ์การเรียนครับ”

  “ไม่ใช่ไปติดสาวนะ เลี้ยงสาวจนเงินหมดหรือเปล่า”

  “ไม่มีหรอกครับพ่อสาวน่ะ”

  “ให้มันแน่เถอะ ไม่ได้การแล้วเดี๋ยวจะไปคุยกับพ่อไอ้เกรทมัน ให้มันมาอยู่กับมึง นอกจากประหยัดค่าห้องแล้ว ยังคอยควบคุมนิสัยมึงอีก”

  “พ่อ”มิคกี้เสียงสูง

  “มีอะไร เรียกซะดังเลย”

  “ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่อโอนให้พรุ่งนี้ได้ไหมครับ”

  “เอ่อ เดี๋ยวพ่อโอนให้ นึกว่าจะขอสามสี่พันนี่เล่นเป็นหมื่นเลย ไม่ไหวนะมึง กูขายที่ส่งมึงเรียน ไม่ใช่ส่งไปเลี้ยงสาวรู้ไหม”

  “รู้ครับพ่อ ผมไม่เคยเลี้ยงสาวที่ไหนเลยครับ”

  “จะพยายามเชื่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะให้น้านกโอนให้ตอนเช้า”

  “ขอบคุณพ่อมากครับ”

  “มึงจะกลับมาบ้านเมื่อไร แม่มึงบ่นทุกวัน”

  “เดือนหน้าครับ หลังจากปิดเทอมครับ ผมก็คิดถึงแม่ส่วนพ่อก็คิดถึงตอนเงินหมดครับ”

  “ไอ้ต่อปากมึงเหรอนะ”

  “ผมพูดเล่นพ่อ ใครจะลืมพ่อได้ลง ก็พ่อเป็นบัญชีเงินฝากประจำของผม”

  “อะไรของมึง กูไม่คุยกับมึงแล้ว แค่นี้แหละโทรมาทีไรมีแต่เรื่องเงิน อุตส่าห์ดีใจ ครั้งที่แล้วโทรมาว่าไม่ต้องส่งเงินมาให้ยังมีใช้อยู่”

  “เอาน่าพ่อ ทำงานแล้วจะใช้คืนครับ”

  “ไม่ต้องมาคืนกูหรอก แค่มึงเรียนจบกูก็ดีใจแล้ว แค่นี้แหละ”

  มิคกี้วางโทรศัพท์แล้วก็อมยิ้ม เพราะพรุ่งนี้จะได้เอาเงินไปไถ่ทอง ถ้าเดือนหน้ากลับบ้านไม่มีทองนี่ น่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตบ้านแตกแน่

  “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

  เสียงเคาะประตูดังขึ้นมิคกี้อดสงสัยไม่ได้ว่าใครกัน เพราะว่าสองทุ่มแล้ว ไม่น่าจะมีใครมาหา ส่วนสุกี้ก็พูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว มิคกี้จึงรีบไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครมา

  “อ้าว สุชาดา มีอะไรเหรอ”

  “ขอไปคุยข้างในได้ไหม”

  “ได้ เข้ามาซิ”

  สุชาดาพึ่งได้เข้ามาในห้องของมิคกี้เป็นครั้งแรก ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าห้องของมิคกี้นั้นสวยมาก มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง

  “ห้องสวยดี”

  “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

  “มาหาเรามีอะไรเหรอ”

  “เห็นหน่อยบอกว่าเธอจ่ายค่าห้องให้ เอาทองไปไว้ก่อนใช่ไหม”

  “ใช่ เพราะมันเย็นแล้วร้านทองน่าจะปิดหมด ป้าเขาก็จะไล่สุกี้ออกด้วย เราเลยเอาทองให้ป้าเข้าไว้ก่อน”

  “เธอเรียกสุกี้เลยเหรอ   ถามจริงเธอรักหน่อยใช่ไหม”

  “รักหน่อยใช่ แต่สุกี้ไม่ใช่”

  “หมายความว่าไงเรางงไปหมดแล้ว”

  “ก็รักหน่อยที่เป็นคนเดิมไง ส่วนสุกี้คนใหม่เราไม่ได้รัก แต่ที่เราช่วยเพราะเพื่อหวังว่าหน่อยคนเก่าจะกลับมา”

  “หน่อยคนเก่าคงไม่กลับมาแล้ว ตอนนี้เขาเป็นสุกี้เต็มตัว ไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ได้แต่เที่ยวและกินกับเพื่อนใหม่ ที่นิสัยไม่น่าคบซักคน นายก็เห็นก็รู้นี่”

  “อาจจะกลับมาก็ได้”มิคกี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหน่อยไม่น่าจะได้รับอันตรายใดๆในอนาคต ถ้าเขากลับไปได้อีก มิคกี้จะพาหน่อยมาด้วย

  “เราเข้าใจนะเรื่องความรัก แต่เธอก็ต้องเลือกคนดีๆหน่อย”

  “เธอพูดหมายความว่าอย่างไง หน่อยนั่นเพื่อนเก่าเธอสมัยเรียนมัธยมเลยนะ”

  “ใช่เพื่อนเก่า แต่นิสัยเปลื่ยนไปมาก จนไม่เหลือความเป็นหน่อยที่ดูใสๆไร้เดียงสา”

  “แต่หน่อยก็เพื่อนเธอนี่”

  “ใช่เพื่อน แต่ตอนนี้หน่อยเขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนแล้ว เราเตือนเรื่องเรียน และหลายๆเรื่อง นอกจากไม่ฟังแล้วยังทำตัวห่างเหินเราไปอีก”

  “ก็จริงของเธอ”มิคกี้มีสีหน้าที่วิตกกังวล

  “เรารู้ว่าเธอรักหน่อยมาก แต่ถ้ามันไม่ไหวก็อย่าฝืน เราแค่เตือนถ้าเขาไม่ฟังเรา ก็ไม่มีใครช่วยหน่อยได้หรอก”

  “เราเข้าใจนะ”

  “เธอคงแปลกใจใช่ไหมเราเป็นเพื่อนหน่อย แต่ทำไมไม่เข้าข้างหน่อย”

  “ใช่ เพราะอะไร”

  “ไม่รู้นะ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก”

  “ใช่ เราก็เหมือนกัน”มิคกี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกับสุชาดา

  “ใช่ เหมือนแม่กับลูกอย่างไงอย่างงั้น”

  “แม่”มิคกี้พูดขึ้น

  “บ้า มิคกี้เรายังไม่แก่ขนาดนั้น พูดเรื่องหน่อยอยู่ดีๆมาพูดเรื่องพ่อเรื่องแม่ซะแล้ว”

  “ไม่เป็นไรหรอก แล้วเธอกับพายัพเป็นไงบ้างล่ะ”

  “ก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลงหรอก ก็อย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ เรื่องของเราไม่น่าเป็นห่วงหรอก ระวังเรื่องของตัวเองไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน หน่อยคนใหม่นี่ไม่ธรรมดานะ เรายังกลัวไม่ว่าจะเป็นคำพูดนิสัย ไม่หลงเหลือความเป็นหน่อยเลย มีแต่หน้าตาที่เหมือนเท่านั้นแหละ”

  “ขอบใจมากนะที่เป็นห่วง”

  “เราก็มาบอกเธอแค่นี้แหละ เรากลับแล้วนะ วันหลังเจอกัน”

  มิคกี้เดินนำหน้าหน่อยไปเปิดประตูเพื่อให้สุชาดาออกจากห้อง และเป็นจังหวะเดียวกัน ที่พายัพกำลังเดินขึ้นบันได้มา ทันได้เห็นสุชาดาเดินออกมาจากห้องของมิคกี้ ด้วยพายัพเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาจึงวิ่งขึ้นบันไดขั้นที่เหลือมาอย่างรวดเร็ว และตะบันหมัดใส่หน้ามิคกี้รัวสามสี่หมัดจนมิคกี้ล้มสลบไปในทันที

  “หยุดพายัพ”สุชาดาดึงแขนพายัพไว้ แต่เท้าของพายัพยังว่างอยู่เขาจึงเตะไปที่ขาสองสามที

  “เพลี้ยะ”สุชาดาตบพายัพเพื่อให้ได้สติ

  “เห็นไอ้เพื่อนเลวดีกว่าเราเหรอ ถึงกับตบหน้าเรา”

  “ที่เราตบเพื่อเรียกสติเธอให้กลับมา มิคกี้นั่นเพื่อนเธอนะ”

  “เพื่อนเฮงซวยอย่างนี้ ไม่นับว่าเป็นเพื่อน รวมทั้งเธอด้วยเพื่อนแฟนก็ไม่เว้น ถึงว่าเป็นเพื่อนกับหน่อยได้ นิสัยเหมือนกัน”

  “เพลี้ยะ”

  “พูดแทงใจดำน่ะซิ”

  “เธอจะดูถูกเพื่อนกับแฟนมากเกินไปแล้วนะ ถามก่อนซิว่าเราเข้ามาในห้องมิคก้ำทำไม อย่าใช้แต่อารมณ์”

  “ก็เห็นอยู่ชัดๆจะให้ถามพระแสงอะไร”

  “เธอมันบ้า คิดอกุศล นายก็รู้ว่ามิคกี้เป็นแบบไหน ชอบแบบไหน มิคกี้ชอบหน่อยเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

  “เอ่อ คือ เรา”

  “มิคกี้”สุชาดานั่งลงเขย่าร่างของมิคกี้

  ด้วยแรงเขย่าจึงทำให้ต่อร่างเดิมกลับมา แล้วมิคกี้ได้หายไปอีกครั้ง ต่อตื่นมาด้วยความมึนงงและเจ็บที่ใบหน้า ต่อส่ายหน้าสองสามครั้งเพื่อให้หายมึนงง

  “เกิดอะไรขึ้น”ต่อพยายามพยุงร่างลุกขึ้นยืน โดยมีสุชาดาประคอง

  “ก็ไอ้หมาบ้านะซิหึงไม่เข้าเรื่อง”สุชาดามองไปที่พายัพ

  “มึงต่อยกูเรื่องหึงนี่นะ”

  “คือ เรา เป็นใครก็คิด”พายัพเริ่มรู้สึกตัวหน้าจึงซีดลง

  “กูไม่ยอมเจ็บตัวฟรีหรอก”ต่อไม่รอช้าเสยหมัดไปที่ปลายคางของพายัพ หลังจากนั้นก็ล็อคคอพายัพไว้ ต่อด้วยตีเข่าใส่ที่ท้องของพายัพ

  “พอแล้วมิคกี้อย่าทำ อย่าทะเลาะกันเลย”สุชาดาพยายามสุดกำลังที่จะห้ามต่อ แต่ก็ไม่เป็นผล

  พายัพจุกที่ท้องเขาจึงนั่งตัวงอลงที่พื้น แล้วต่อกำลังจะยกขาเตะที่ใบหน้าของพายัพ แต่สุชาดาใช้แรงที่มีดึงแขนของมิคกี้ไว้

  “มิคกี้พอเถอะอย่าทะเลาะกันเลย”

  “ก็ได้ นี่แค่สั่งสอน ไอ้ลูกหมา มึงมาหึงอะไรกู”

  เมื่อต่อพูดจบก็เข้าไปในห้องทันที เพราะเขารู้สึกเจ็บที่ใบหน้าและอยากดูว่ามีรอยฟกซ้ำมากแค่ไหน

  “เป็นไงล่ะ เพราะความวู่วามของเธอน่ะ”

  “แล้วเธอเข้าไปในห้องมันทำไม ถึงมันจะชอบหน่อยแต่มันก็ยังเป็นผู้ชาย ถ้ามันเหมือนหน่อยเราจะไม่ว่าเลย ไอ้มิคกี้มันก็ผู้ชายดีๆนี่แหละ”

  “เจ็บขนาดนี้ยังปากดีอีก จะไปที่ห้องไหมจะได้ทำแผลให้”

  “ไม่ไป”พายัพพยุงร่างลุกขึ้นและเดินลงบันไดไปอย่างทุลักทุเล

  สุชาดายืนถอนหายใจด้วยความปวดร้าวจิตใจ ในช่วงเวลานี้เธอคิดว่าถึงเวลาที่ต้องทบทวนความสัมพันธ์ของเธอกับพายัพ เพราะยิ่งนานวันพายัพตามหึงหวงเธอหนักขึ้น และอีกข้อสำคัญเธอไม่สามารถที่จะเข้ากับครอบครัวของพายัพได้

  มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและเขารู้สึกเจ็บไปทั่วร่าง ความเจ็บนั้นไม่ได้เกิดมาจากการถูกพายัพต่อย แต่เป็นการเจ็บที่รถพลิกคว่ำ แต่ด้วยที่เขารัดเข็มขัดนิรภัยจึงไม่บาดเจ็บมากแค่หัวแตกนิดหน่อย กับรอยฟกซ้ำและถลอกเป็นที่ๆแค่นั้น

  “คนไข้ตื่นแล้วเป็นไงบ้างค่ะ”พยาบาลในห้องฉุกเฉินพูดขึ้น

  “ไม่เป็นอะไรครับ”มิคกี้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงฉุกเฉินและกำลังจะลงจากเตียง

  “คนไข้คะอันตราย อย่าพึ่งลุกไปไหนซิคะนอนพักก่อนค่ะ”

  “ผมจะไปหาหน่อย คนที่ขึ้นรถมากับผมเป็นไงบ้างครับ”เมื่อมิคกี้รู้ตัวว่ากลับมายังอนาคตแล้ว เขาก็ลืมเรื่องอดีตชั่วคราว เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงแต่หน่อยและกลัวหน่อยได้รับบาดเจ็บจากรถพลิกคว่ำ

  “อ๋อ ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่ค่ะ ทางพยาบาลก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ เพราะว่าอยู่กันคนละแผนก เดี๋ยวทางพยาบาลจะติดต่อสอบถามให้นะคะ คนไข้ใจเย็นๆนอนพักก่อนก็ได้ค่ะ”

  “ไมได้หรอกครับ ผมอยากไปดูอาการของหน่อย เขาอยู่ตรงไหนพาผมไปทีครับ ผมเดินไว้ผมไมได้เป็นอะไรมาก”

  “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะให้เวรเปลพาไปนะคะ”

  “ครับ”

  ไม่นานนักเวรเปลาก็เดินมาพร้อมรถเข็น มิคกี้ขึ้นไปนั่งด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ด้วยที่อยากจะรู้ความคืบหน้าอาการของหน่อย เมื่อเวรเปลเข็นรถของมิคกี้มาถึงหน้าห้องฉุกเฉินอีกห้อง มิคกี้ก็ได้ยินหมอได้พูดคุยกับโสภิตาและพายัพ

  “อาการลูกของดินฉันเป็นอย่างไงบ้างคะ”โสภิตาลุ้นกับคำพูดของหมอ

  “ทางเรารักษาเต็มที่แล้วนะครับ แต่ด้วยสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เป็นเจ้าชายนิทราครับ”

  “สุกี้ลูกแม่”โสภิตาน้ำตาไหลพรากฟูมฟายอย่างหนัก

  “คุณใจเย็นๆนะครับ”พายัพปลอมโสภิตาด้วยการลูบหลังเบาๆ

  “สุกี้ไม่ใช่ลูกคุณนี่ ลองเปลื่ยนเป็นมิคกี้ คุณจะพูดอย่างนี้ได้ไหม”

  “หน่อย”มิคกี้ลุกขึ้นยืนทันทีและเดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน

  “หมอ มีทางรักษาไหมครับ”มิคกี้เดินเข้าไปใกล้ๆหมอ

  “หมอเข้าใจทุกคนนะ แต่อยากให้ทุกคนทำใจไว้ด้วย”หมอพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด

  “มิคกี้”โสภิตาเรียกมิคกี้

  “เพลี้ยะ”โสภิตาตบหน้ามิคกี้

  “เป็นเพราะแกนั่นแหละมิคกี้ที่ทำให้สุกี้เป็นแบบนี้ ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีก”

  “ผมขอโทษครับแม่”มิคกี้ทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าพร้อมยกมือไหว้

  “ฉันไม่ใช่แม่แก และไม่ต้องไหว้ฉันกองไว้ตรงนั้นแหละ”

  “มันจะมากไปแล้วนะคุณ  ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุหรอก มันเป็นเหตุสุดวิสัย”สุชาดาแม่ของมิคกี้เมื่อได้ข่าวจากพายัพ เธอก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที

  “มาก็ดีแล้วพามันไปที่อื่นฉันไม่อยากเห็นมัน”

  “ไปเถอะลูก”สุชาดาพยุงร่างของมิคกี้ลุกขึ้นยืน

  “ไอ้มิคกี้”แทนพ่อของสุกี้มาถึงก็ตะบันหน้าของมิคกี้ทันที

  “คุณแทนหยุด จับคุณแทนไว้”บอดี้การ์ดสองคนรีบล็อคแทนไว้ทันที ตามคำสั่งของพายัพ

  มิคกี้แท่บจะขาดใจในเรื่องของหน่อยที่จะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา แล้วยิ่งพ่อแม่ของเขามาทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เขาก่อไว้  ยิ่งทำให้มิคกี้สุดจะทานทนในความคับแค้นใจที่สุมอกอย่างแน่นจนจุก

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status