มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก
มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย
มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น
ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระทำช่องทางรักอย่างหนักหน่วง ยิ่งแรงยิ่งโดนต่อมพิศวาสจนทำให้สุกี้จะทานทานได้อีกต่อไป เพียงมิคกื้กระแทกสองสามครั้งน้ำในกายของสุกี้ก็หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสายบนที่นอน
มิคกี้โหมกระหน่ำครั้งสุดท้าย เขาโยกบั้นท้ายขึ้นลงอย่างสุดแรง กระแทกท่อนเอ็นให้ทะลวงเข้าช่องทางรักสุกี้ให้สุดโคน มิคกี้อึดใจเดียวก็ทนไม่ไหว เขาได้ปล่อยน้ำในกายออกมาใส่ในช่องทางรักของสุกี้ แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะกระแทกช่องทางรักสุกี้ เพียงแต่แรงกระแทกค่อยๆเบาๆลงจนปล่อยท่อนเอ็นคาช่องทางรักสักพัก หลังจากกนั้นเขาก็ถอนท่อนเอ็นออกมาและนอนหงายอย่างอ่อนแรง
“ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน”สุกี้พูดขี้นพร้อมหันหน้ามาหามิคกี้
“อาจเป็นเพราะเมาก็ได้มั้ง รอไม่เมาก่อนค่อยชมเราก็ได้”มิคกี้พลิกร่างกอดสุกี้ พร้อมยกศีรษะบรรจงจูบที่แก้มของสุกี้
“จูบหน่อยหรือสุกี้”
“จูบทั้งสองคน ตอนนี้เราแยกไม่ออกหรอกว่าใครเป็นใคร เราคิดว่าเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะสุกี้หรือหน่อย เราคิดว่าได้ชอบไปแล้ว”
“หลายใจชอบทีเดียวสองคน”
“แล้วมาอยู่ทำไมในร่างเดียวกันล่ะ”
“ใครกันที่ทำให้เรามาอยู่ในร่างเดียวกัน”
“เราขอโทษ”มิคกี้มีสีหน้าที่เศร้าลงทันที
“อย่าคิดอะไรมากเลยมิคกี้ ในเมื่อเรื่องมันเกิดมาแล้วเราไม่สามารถที่จะแก้อะไรมันได้อีก”
“ทำไมสุกี้ทำใจง่ายจัง”
“ก็เราเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่แคร์สังคมไม่สนใจอะไรมาก อยากทำอะไรก็ทำอยากได้อะไรก็ต้องได้”
“เป็นแบบสุกี้ก็ดีเหมือนกัน”
“บางครั้งก็สนุกบางครั้งก็ทุกข์ อย่าเป็นแบบสุกี้เลย”
“ก็ได้ ขอต่ออีกรอบได้ไหม”มิคกี้รู้สึกได้ว่าท่อนเอ็นของเขาเริ่มแข็งอีกครั้ง
“ได้สิ เล็กพริกขี้หนู”
“สุกี้ เดี๋ยวนี้ใช้คำเก่าๆแต่มันก็จริงนะ”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูรัวๆ
“ใครกัน”มิคกี้มีสีหน้าที่ตกใจ
“เราก็ไม่รู้ เอาแบบนี้ก็แล้วกันนายเก็บเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป แล้วไปเปลื่ยนในนั้น เดี๋ยวเราค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไง
มิคกี้หอบเสื้อผ้าของเขาเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนสุกี้ก็รีบใส่เสื้อผ้าเช่นกัน สุกี้เก็บขวดเบียร์แก้วทิ้งถังขยะพร้อมปิดฝาอย่างมิดชิด หลังจากนั้นสุกี้ก็เดินไปเปิดประตู
“หน่อยเราขอโทษเราผิดไปแล้ว เราขาดนายไม่ได้จริงๆ”จรัญโผกอดร่างของสุกี้ทันที ตอนแรกจรัญเห็นสุกี้มีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาจึงมาด่าว่าสุกี้และก็บอกเลิกทันที
“เรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว”หน่อยผลักร่างของจรัญออกจากตัว
“เราไม่จบ”จรัญดันร่างของสุกี้เข้าไปข้างใน และปิดประตูทันทีพร้อมล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว
“แต่เราจบ”สุกี้พยายามผลักร่างของจรัญออก แต่สุกี้สู้แรงจรัญไม่ไหว จรัญดันร่างของสุกี้มาถึงที่ขอบเตียง หลังจากนั้นก็ผลักร่างของสุกี้ล้มลงบนที่นอน จรัญพรหมจูบทั่วใบหน้าของสุกี้อย่างใคร่กระหาย
มิคกี้ไม่ได้ยินเสียงของสุกี้ เขาจึงแง้มประตูออกมา และสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นภาพที่บาดตาเขาอย่างมาก มิคกี้จึงออกมาจากห้องน้ำ และกระชากคอเสื้อของจรัญ หลังจากนั้นมิคกิ้ชกไปที่ใบหน้าของจรัญอย่างไม่ยั้ง
“หยุดนะ มิคกี้”สุกี้ดึงร่างของมิคกี้ แต่ด้วยแรงที่น้อยนิดจึงไม่สามารถที่จะดึงร่างมิคกี้ออกมาได้
จังหวะที่มิคกี้หยุดชะงักจรัญได้โอกาสชกไปที่ปากของมิคกี้ จนร่างมิคกี้เซไปที่ข้างเตียง
“เพลี้ย”สุกี้ตบหน้าจรัญ
“หน่อย นายตบหน้าเราเพื่อช่วยไอ้มิคกี้นี่นะ”
“เราไม่ได้ช่วยใครทั้งนั้น แต่อยากให้พวกนายได้สติซะที”
“สติอะไรล่ะ ที่นายบอกเลิกกับเราเพราะมิคกี้เหรอ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก นายทำแบบนี้กับเราไม่ได้น่ะ”
“เราบอกนายแล้วนี่ ว่าเรื่องของเราแค่สนุกไมได้จริงจังอะไรด้วยซักหน่อย”
“แล้วกลับไอ้มิคกี้นายก็คิดเช่นนั้นใช่ไหม”
“ใช่ ทั้งสองคนนั่นแหละ”
“สุกี้”มิคกี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“เห็นไหมมิคกี้ ไม่ว่านายหรือเราก็แค่ของเล่นหน่อย แต่นายเป็นบ้าอะไรเรียกสุกี้อยู่ได้”จรัญมองมิคกี้ตาขวางและหันมามองสุกี้ด้วยสายตาเหยียดสุดสุด
“เรารักคนผิดจริงๆเธอมันมั่วไม่เลือก เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนอย่างนี้นี่”
“เมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อนเดี๋ยวนี่ก็ส่วนเดี๋ยวนี้ จะเอาเปรียบเทียบกันได้อย่าไงกัน”
“ก็ได้ เราตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกันเลย ต่อแต่นี้ไม่ต้องได้มาพบเจอกันอีกต่อไป”จรัญมองหน้าสุกี้เป็นครั้งสุดท้าย และหันมามองมิคกี้อีกครั้งแล้วเดินจากไปอย่างใจที่ปวดร้าว
มิคกี้ยืนมองสุกี้ด้วยใจที่แสบถึงทรวง เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ จากปากของสุกี้ในร่างหน่อยที่เขาหลงรัก
“นายพูดจริงๆเหรอสุกี้”มิคกี้ไม่อยากเรียกหน่อย เพราะนิสัยที่เขาเห็นนั้นไม่มีความเป็นหน่อยแม้แต่น้อย
“จริง แต่นายแตกต่างจากคนอื่น นายสัญญากับเราไว้แล้วว่าจะดูแลเราตลอดไป แต่ก็ไม่แน่สักวันเราอาจจะรักนายก็ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่”
“เราไม่ลืมหรอกที่จะดูแลนายตลอดไป ถึงแม้นายจะไม่ได้ชอบเรา”
“ดีแล้วที่ไม่ลืม กลับห้องไปก่อนเถอะ เรายังอยากอยู่คนเดียว”
“ได้” มิคกี้มองหาถ้วยชามที่ใส่ต้มยำกุ้งและข้าวที่เขาเอามาจากห้อง
“เราเอาทิ้งไปหมดแล้ว”สุกี้พูดหน้าตายเมื่อมิคกี้มองหาถ้วยชาม
“ไม่เป็นไร”มิคกี้พูดเสียงราบเรียบ
มิคกี้เดินคอตกออกจากห้องสุกี้ด้วยใจที่ร้าวราน ความเจ็บปวดคราวนี้ที่เขาได้รับนั้น ช่างแสนสาหัสจนเกินจะเยียวยาได้ในเร็ววัน มิคกี้ค่อยๆเดินอย่างช้าๆจนไปถึงห้องของเขา มิคกี้เคาะประตูสองสามครั้ง เกรทก็ออกมาเปิดประตูทันที
“หน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทดึงร่างของมิคกี้เขามานั่งบนเตียงทันที
“โดนต่อย”
“ใคร”
“จรัญ”
พอเกรทได้ยินชื่อนี้เขาปล่อยร่างของมิคกี้ทันที เพราะเกรทรู้ได้เลยว่ามิคกี้ไปห้องหน่อย เพราะใครๆก็รู้ว่าจรัญกับหน่อยคบกัน เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นที่พูดกันพอสมควร
“สมน้ำหน้า”
“จะไม่ปลอบใจเราหน่อยเหรอ”
“ปลอบทำไมอยู่ดีๆ เอาหน้าไปให้เขาชกเองนี่”
“ถ้าไม่ปลอบก็ไม่ต้องมาตอกย้ำได้ไหม”
“จะตอกย้ำให้นายได้สำนึก”
“นายจะพูดอะไรก็พูดไปเลยเราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
“ดีหนอ แล้วถ้วยต้มยำกุ้งไปไหน”
“เอาไปให้สุกี้กิน”
“ใครสุกี้ หน่อยใช่ไหม”
“ก็คนเดียวกันนั่นแหละ”
“ดีหนอ เราอุตส่าห์ทำให้นายกิน แต่นายกับเอาไปให้คนอื่นกิน จะบอกเราสักคำก็ไม่ได้ นายนี่มันแย่มากเลย เราไม่สามารถอยู่กับนายได้แล้ว”เกรทโกรธมิคกี้อย่างมาก เขาไปหยิบถ้วยต้มยำกุ้งที่ตักไว้ให้มิคกี้อีกหนึ่งถ้วยเททิ้งถังขยะทันที
“นายจะเททิ้งทำไม”มิคกี้ลุกขึ้นยืนมองเกรท
“เราจะเทนายจะทำไม ไม่ต้องให้ใครได้กินอีกต่อไป”เกรทเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เขาเปิดตู้และหยิบเสื้อผ้าออกมากองๆไว้บนเตียง หลังจากนั้นหยิบกระเป๋าบนหลังตู้ลงมารูดซิป และนำเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
“นายจะไปไหน”
“เราจะกลับไปบ้านน้าของเรา”
“นายจะกลับไปทำไม เราทำอะไรผิด ทำอะไรให้นายโกรธ บอกเรามาได้ไหมเราจะไม่ทำอีก”
“ก็ได้ นายต้องเลิกยุ่งกับหน่อยหรือสุกี้อะไรของนายนั่นแหละ”
“ทำไม”
“ยังจะมาถามอีก นายมีอะไรก็ให้หน่อยหมด ไอ้ต้มยำกุ้งเราไม่ได้โกรธมากมายขนาดนั้นหรอก แต่มันตอกย้ำความรู้สึกของเรา ค่าห้องนายก็ออกให้หน่อย เลี้ยงข้าว ซื้อโน้นซื้อนี่ให้สารพัด เราไม่เข้าใจนายจริงๆ ถ้าหน่อยรักนายมีนายคนเดียวเราก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่อะไรกัน หน่อยไปกับคนโน้นทีคนนี้ที นายยังไปรักคนอย่างนี้อยู่ได้ นายเป็นบ้าหรือเปล่า”
“เราไม่ได้บ้า แต่เรามีเรื่องที่บอกนายไมได้จริงๆ นายอย่าไปนะ เราอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว นายทำให้เราเคยตัว นายต้องอยู่กับเราต่อไปนะ”
“ไม่อยู่”
“นายจะไม่อยู่กับเราจริงๆใช่ไหม”
“ใช่”
“ถ้างั้นเราจะทำให้นายอยู่กับเรา”
“นายจะทำอะไร”
มิคกี้ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขากอดร่างเกรทไว้แน่น และไซร้ซอกคอเกรทอย่างบ้าคลั่ง สองมือล้วงเข้าไปในเสื้อของเกรทบี้ขย้ำเนินอกเกรท
“ปล่อยนะ มิคกี้ ถึงนายจะได้เรา แต่เราจะไปอยู่ดี”
“ไม่ปล่อย ไม่ให้ไป”
“อย่ามาทำแบบนี้ทั้งๆที่เราไม่ได้รักกัน”
“นายไม่ได้รักเราเหรอ”มิคกี้ยังไซร้ซอกคอเกรทอย่างไม่ลดละ
“ใช่ เราไมได้รักนาย เรารักต่อ”
มิคกี้หยุดไซร้ซอกคอเกรทและปล่อยร่างของเกรทให้เป็นอิสระ ทั้งสองต่างจ้องมองหน้ากัน ในช่วงเวลานี้เกรทยังไม่รู้ใจตัวเองว่ารักมิคกี้หรือต่อ แต่ที่พูดไปว่ารักต่อก็เพื่อให้มิคกี้หยุดทำในสิ่งที่เขายังไม่ต้องการ
“เราขอโทษ เราใช้อารมณ์ไปหน่อยและเห็นแก่ตัว ถ้านายจะไปก็ไปเถอะ”มิคกี้นั่งลงที่ขอบเตียง และเริ่มสำนึกได้ที่ยินเกรทบอกว่ารักต่อ
เกรทมองหน้ามิคกี้แล้วอดสงสารไม่ได้ แต่เขาก็ยังแค้นเคืองจิตใจในสิ่งที่มิคกี้ทำ แต่ถึงอย่างนั้น เกรทก็อยากรู้เรื่องราวที่มิคกี้บอกไม่ได้คืออะไร
“ถ้านายบอกเรื่องราวที่เกิดขี้น ที่นายอ้างว่าบอกไม่ได้ เราก็จะไม่ไปและจะอยู่เป็นเพื่อนนาย ถึงแม้เรื่องที่นายบอก เราอาจจะไม่เชื่อ แต่เราสัญญาว่าจะอยู่กับนาย”
สาเหตุที่เกรทยอมเพราะไม่ว่าเรื่องที่มิคกี้บอกจะเป็นเรื่องอะไร ถ้าไม่จริงก็แล้วไป ถ้าจริงเขาจะเป็นแก้ไขสถานการณ์ต่างๆให้มิคกี้เอง
“ก็ได้เราจะเล่าให้นายฟัง ส่วนนายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนาย”
มิคกี้ทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะเรื่องของสุกี้และหน่อย ที่สลับร่างสลับยุคจนชุลมุนปั่นป่วนทั้งสองยุค
มิคกี้ได้เล่าความจริงให้เกรทฟัง ว่าสุกี้กับหน่อยสลับร่างกัน เหมือนตัวเขาเองกับต่อเพียงแต่ช่วงแรกต่อไม่ได้ไปในอนาคต แต่ครั้งนี้เขาไม่แน่ใจว่าต่อได้ไปหรือเปล่า ส่วนสุกี้กับหน่อย มิคกี้กว่าจะเล่าจบเขาถึงกับซึม จนเกรทอดสงสารไม่ได้ ทั้งที่เกรทก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่มิคกี้เล่ามานั้นเป็นความจริงหรือเปล่า
“ในตอนนี้หน่อยอยู่ในร่างสุกี้ซินะ”
“ใช่”
“ส่วนหน่อยก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจะตายอย่างไร แต่ให้เราคิดน่ะหน่อยคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วแหละ”
“เราก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะตอนที่เรากลับมากำลังปั้มหัวใจกันอยู่ ซึ่งแม่ของสุกี้เคยพูดกับพ่อเราไว้ว่า ถ้าถึงที่สุดก็จะไม่ยื้อสุกี้ไว้นั่นก็คือหน่อย”
“ถ้าเป็นจริงอย่างนายว่าชีวิตหน่อยช่างอาภัพ ส่วนสุกี้ก็น่าสงสารนะไม่สามารถกลับไปที่บ้านได้อีก”
“ใช่ เราจำเป็นต้องดูแลสุกี้”
“บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของเวรของกรรม นายอย่าเอาชีวิตไปยึดติดกับสุกี้มากนัก ถ้าเป็นหน่อยเราจะไม่ว่าสักคำ เพราะหน่อยเรียบร้อยนิสัยดี แต่สุกี้นั้นนิสัยดีไม่ได้ครึ่งของหน่อยเลย”
“ไม่ได้หรอก เรารับปากหน่อยไว้ว่าจะดูแลร่างของหน่อยอย่างดี และอีกอย่างเราเป็นคนทำให้ร่างของสุกี้ดับสูญ เราก็ต้องรับผิดชอบสุกี้ด้วย”
“นายจะไหวเหรอ สมมุติถ้าต่อกลับมาได้ เขาไม่สนหรอกนะไม่ว่าจะหน่อยหรือสุกี้”
“นายไง นายช่วยเราได้”
“ไม่เกี่ยวกับเรา ทำไมเราต้องไปดูแลสุกี้ด้วย ถ้านิสัยดีเราจะไม่ว่าเลย”
“นะ นะ นะ”
“ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อน”
“นายอย่าใจร้ายกับเราสิ เราเป็นเพื่อนกันนะ”มิคกกี้ยิ้มหวานฉ่ำให้เกรท
“เป็นแค่เพื่อนเหรอ”เกรทเย้า
“เป็นอย่างอื่นก็ได้ ถ้านายต้องการ”มิคกี้เขยิบเข้ามาใกล้เกรท เพื่อเอาใจ เพราะตอนนี้เขายังสองจิตสองใจ ยังไม่รู้ความต้องการของตัวเอง ระหว่างสุกี้ในร่างหน่อยกับเกรท
“คอยังแดงอยู่เลย หน้ายังปูดบวมไม่หาย”
“นายเป่าให้หน่อยจะได้หาย”
“มาจากอนาคตจริงหรือเปล่า การเป่าน่าจะไม่มีแล้วนะ อย่าว่าแต่ในอนาคตในปัจจุบันยังหายาก”
“ทำไมนายชอบคิดอะไรจริงจัง เราพูดเล่นก็ไม่ได้เลยเหรอ”พอมิคกี้ได้เข้าใกล้เกรทเขาเริ่มหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“นายน่ะพูดซะจะไม่อยู่ที่นี้แล้วเหรอ หรือว่าอยากกลับไปอนาคตหาหน่อย หรือว่ามีใครอยู่ที่นั่นอีก”
“ไม่มีจริงๆ เรายังไม่อยากกลับไปอนาคตหรอก อยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี แต่ความรู้สึกของเราเหมือนจะไม่ได้อยู่ที่นี่”
“พูดไปเรื่อย เราไม่อยากจะพูดกับนายแล้ว”
“แต่เราอยากพูดกับนาย เรายังจำวันที่เจอนายครั้งแรกได้เลยนะ ไอ้ไก่น่ะสิมันบอกเราว่านายเป็นแฟนเรา เราก็เลยหลงเชื่อตั้งแต่ตอนนั้นมาเลย”
“ถึงว่าจู่จู่ต่อก็เปลื่ยนไปเป็นคนละคน นายน่ะชอบแตะอั้งเราตลอด จนเราชอบนาย อุ๊ย”
“นั่นแน่ชอบเราแน่เลย”มิคกี้ยิ้ม
“เลิกพูดเหอะเรื่องนี้”เกรทหันมามองมิคกี้และเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยมีความอายนิดหน่อย
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที “โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา “นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง “ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง “นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง “เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี” “ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อ
เมื่อมิคกี้กินข้าวไข่เจียวที่จันทราหญิงสาวที่อ้างเป็นแม่ทอดให้กินแล้ว เขาก็ได้ออกมานั่งนอกชานกับกำนันบุญมีและจันทรา หลังจากนั้นกำนันบุญมีจึงถามไถ่เรื่องเรียนให้คลายสงสัย “แล้วมึงจะไปสมัครเรียนเมื่อไร”กำนันบุญมีมองหน้ามิคกี้ด้วยความอิ่มเอม “อีกสองสามวันเดี๋ยวไปสมัครครับ” “มึงอยากได้อะไรบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจัดหาให้ทุกอย่าง พ่อดีใจมากที่มึงคิดได้ซะที” “พ่อ”จันทราหยิกที่แขนเพื่อเตือนสติสามี เพราะจันทรากลัวว่าลูกชายจะขออะไรที่เกินไป “แม่จันทรานี่มาหยิกพ่อทำไม” “พ่อครับ ทุกอย่างที่จะหาให้ผมเลยใช่ไหม”มิคกี้ยิ้มในใจทันที “ใช่ซิว่ะพ่อจะโกหกมึงทำไม” “ถ้างั้นผมขอเลยนะ”มิคกี้ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ที่เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าสองคนนี้รักเขาเหมือนลูกแท้ๆแน่นอน มิคกี้จึงเริ่มสนิทใจที่จะขอสิ่งต่างๆ “ไอ้ไก่มึงไปเตรียมปากกากับสมุดมาจดเดี๋ยวนี้”เมื่อไก่ได้ยินคำสั่งของกำนัน เขาจึงรีบไปนำสมุดปากกามาเตรียมจดทันที “อย่างแรกในห้องนอนของผม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ผมขอ ทีวีจอแบน จอตู้หนาๆโบราณๆ แบบที่ตั้งอยู่กลางบ้านนั่นไม่เอานะ แล้วก็แอร์ด้วยมันร้อนมาก ผมเป็นคนขี้ร้อน นอนไม่ค่อยหลับถ้