เมื่อมิคกี้กินข้าวไข่เจียวที่จันทราหญิงสาวที่อ้างเป็นแม่ทอดให้กินแล้ว เขาก็ได้ออกมานั่งนอกชานกับกำนันบุญมีและจันทรา หลังจากนั้นกำนันบุญมีจึงถามไถ่เรื่องเรียนให้คลายสงสัย
“แล้วมึงจะไปสมัครเรียนเมื่อไร”กำนันบุญมีมองหน้ามิคกี้ด้วยความอิ่มเอม
“อีกสองสามวันเดี๋ยวไปสมัครครับ”
“มึงอยากได้อะไรบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจัดหาให้ทุกอย่าง พ่อดีใจมากที่มึงคิดได้ซะที”
“พ่อ”จันทราหยิกที่แขนเพื่อเตือนสติสามี เพราะจันทรากลัวว่าลูกชายจะขออะไรที่เกินไป
“แม่จันทรานี่มาหยิกพ่อทำไม”
“พ่อครับ ทุกอย่างที่จะหาให้ผมเลยใช่ไหม”มิคกี้ยิ้มในใจทันที
“ใช่ซิว่ะพ่อจะโกหกมึงทำไม”
“ถ้างั้นผมขอเลยนะ”มิคกี้ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ที่เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าสองคนนี้รักเขาเหมือนลูกแท้ๆแน่นอน มิคกี้จึงเริ่มสนิทใจที่จะขอสิ่งต่างๆ
“ไอ้ไก่มึงไปเตรียมปากกากับสมุดมาจดเดี๋ยวนี้”
เมื่อไก่ได้ยินคำสั่งของกำนัน เขาจึงรีบไปนำสมุดปากกามาเตรียมจดทันที
“อย่างแรกในห้องนอนของผม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ผมขอ ทีวีจอแบน จอตู้หนาๆโบราณๆ แบบที่ตั้งอยู่กลางบ้านนั่นไม่เอานะ แล้วก็แอร์ด้วยมันร้อนมาก ผมเป็นคนขี้ร้อน นอนไม่ค่อยหลับถ้าอากาศไม่เย็น ขอโน๊ตบุ๊คพร้อมติดไวไฟด้วย”
“แม่จันทรารู้ไหม ว่าไวไฟมันคืออะไร”
“แม่ก็ไม่รู้หรอก ให้ไอ้ไก่มันจดไว้ก่อนแล้วเราค่อยไปซื้อกัน”
“ก็ได้”
“พ่อยังไม่หมดมีอีกนะ”
“มีอะไรอีกเหรอ”กำนันบุญมีเริ่มมีสีหน้าที่วิตกกังวล
“ห้องน้ำไม่ค่อยปลอยภัยเท่าไร”
“ไม่ปลอดภัยอย่างไงลูก”จันทราถาม
“มันมีรูด้วยกลัวคนแอบมอง ถ้าใครมาแอบถ่ายแล้วเอาคลิปไปลงในโซเซียล เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่นะพ่อ อยากให้พ่อซ่อมแซมให้หน่อยทำให้มิดชิด แล้วน้ำในโอ่งมันเย็นเกินไป ผมขอเป็นฝักบัวแล้วติดเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย นะ”
“มึงจะเอาขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วใครเขาจะมาดูมึงอาบน้ำไอ้ต่อ”กำนันบุญมีเริ่มมีอารมณ์โกรธที่ครุ่กรุ่น
“ผมจะไม่พูดเยอะ ถ้าพ่อไม่ทำให้ผม ถ้าอย่างงั้นผมจะไม่ไปสอบด้วย แล้วก็ไม่เรียนที่ไหนทั้งนั้น”
“ก็ได้ พ่อยอมแล้ว อยากได้อะไรบอกมาเลย เดี๋ยวพ่อจัดให้ทุกอย่าง ไอ้ไก่จดให้หมดนะอย่าให้ขาดเชียว”กำนันบุญมีพูดจบถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอ่อ มีอีกอย่างหนึ่งพ่อ”
“อะไร”กำนันบุญมีมองมิคกี้ตาแป๋ว
“ต่อไปเรียกผมว่ามิคกี้ ห้ามเรียกว่าต่อ”
“เหรอ มิคกี้ ชื่อฝรั่ง แต่พ่อว่าชื่อต่อเป็นมงคลนะ พระอาจารย์ตั้งให้พ่อว่าชื่อนี่ก็ดีอยู่นะ”กำนันบุญมีฝืนยิ้ม
“ไม่ดีหรอก ชื่อมิคกี้ดีกว่าเยอะ แล้วแต่พ่อจะเรียกก็แล้วกัน”มิคกี้เห็นกำนันบุญมีมีท่าทีไม่พอใจ มิคกี้ก็เลยไม่อยากขัดใจกำนันบุญมี
“ดีแล้วลูก”
“หมดแล้วใช่ไหม”จันทราเอ่ยขึ้น
“ยังครับ”
“จะเอาอะไรอีกลูกแม่”จันทราใจเต้นระรัว
“ผมไม่มีเสื้อผ้าดีๆใส่ ที่มีอยู่มันก็เอ้าท์มากเลย โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี ผมอยากได้เงินสักแสนหนึ่งไปซื้อของใช้น่ะ”
“ไอ้ต่อ กูไห้มึงเป็นวานี่มึงจะเอาไร่เลยเหรอว่ะ กูจะเอาตังค์ที่ไหนให้มึงเป็นแสนไอ้ห่านี่”กำนันบุญมีโมโหขีดสุด
มิคกี้หยุดความคิดอยากได้ให้น้อยลงทันที เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของกำนันบุญมี ที่กำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“สามหมื่นก็ได้ มันแพงตรงโทรศัพท์ถือถือนี่แหละ”
“โทรศัพท์เราก็มีไอ้ต่อ”กำนันบุญมีชี้ไปที่โทรศัพท์บ้าน ที่มีรูสิบรูแล้วหมุนตัวเลขข้างใน
“โอ๊ยพ่อ เปลื่ยนได้แล้ว เดี๋ยวนี้ต้องใช้ปุ่มกด ที่ผมอยากได้ไม่ใช่โทรศัพท์บ้าน ผมอยากได้มือถือพ่อเข้าใจไหม”
“มือถืออะไรของมึง ถ้าเป็นโทรศัพท์มันต้องมีสายมึงจะถือไปไหน”
“เอ้า พ่อก็ถือไว้โทรคุยกันไง พ่อไม่เข้าใจเหรอ เดี๋ยวผมซื้อมาให้พ่ออีกเครื่องก็ได้ รับรองถ้าพ่อได้เล่นติดใจแน่นอน แล้วก็จะส่งรูปสวัสดีวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ทุกวัน”
“ถ้ามึงหามาได้กูก็จะซื้อให้มึงเลยไอ้ต่อ”
“ แล้วอย่าลืมที่พูดนะพ่อ เดี๋ยวผมจะไปที่ห้างเอามาให้พ่อดู แต่ตอนนี้ขอสามหมื่นก่อนก็ดีนะ”
“แม่ว่าไง”กำนันบุญมีมองมาที่จันทรา ที่มึนงงสับสนพูดอะไรไม่ออก
“แล้วแต่พ่อ เลย ถ้าพ่ออยากให้ไอ้ต่อเรียนก็ต้องยอมมัน”
“แหม กูละปวดหัว ไอ้ต่อคนเดิมไม่อยากเรียน มีแต่ยิงนกตกปลา ตะลอนชกมวย ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง แต่ไอ้ต่อคนนี้อยากเรียนแต่ใช้เงินเก่งชะมัด อยากได้โน้นอยากได้นี่กูจะทำไงดีวะ”
“เอาเหอะน่าพ่อ ก็พ่ออยากให้ลูกเป็น ปลัด นายอำเภอ ผู้ว่า ไม่ใช่เหรอก็ลงทุนหน่อยน่า”จันทราพูดขึ้นข้างๆหูของกำนันบุญมี
กำนันบุญมีนั่งครุ่นคิดชั่วครู่ เพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเปลื่ยนไปเยอะ จนเขาคิดไปว่าอาจเสียสติเพราะถูกชกน็อคคาเวทีมวย แต่ยังพอมีเรื่องที่ดีบ้างก็คืออยากเรียนหนังสือ กำนันบุญมีคิดอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจยอมทำตามมิคกี้ทุกอย่าง
“ก็ได้ พ่อจะทำให้ทุกอย่างที่มึงต้องการ แต่ไม่รู้ว่าทำได้หมดไหม เดี๋ยวจะให้อามึงมาจัดการให้”กำนันบุญมีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคิดผิดหรือคิดถูก ที่ทำตามใจลูกชายทุกอย่าง บางสิ่งเขาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
“ขอบคุณมากครับพ่อ”มิคกี้ยกมือไหว้กำนันบุญมีและจันทรา จนสร้างความตกใจให้กับทั้งสองอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้วลูกชายของเขา จะมาไหว้ขอบคุณแบบนี้ ไม่เคยมีให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนมิคกี้ก็ยังสงสัยไม่หาย ทำไมสองคนผัวเมียคู่นี้ถึงทำดีกับเขามาก ในตอนแรกมิคกี้คิดว่าสองคนนี้จับเขามาเพื่อเรียกค่าไถ่ พออยู่นานเข้ามิคกี้ก็แน่ใจว่าสองคนนี้ ไม่ได้จับเขามาเรียกค่าไถ่แต่จับมาเป็นลูก มิคกี้จึงใช้ความรักที่ทั้งสองมีให้เขา เพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์อันผิดแปลกแตกต่างจากที่เขามา
“พ่อ ผมจะเข้าไปในเมือง ผมจะไปได้อย่างไงครับ”
“ไอ้นี่ มึงก็เข้าไปทุกวันอยู่ แล้วยังจะมาถามกูอีกว่าไปอย่างไง”
“อ๋อ งั้นให้ไก่ไปกับผมด้วยนะครับ”
“อะไรของมึง ไอ้ไก่มันก็เป็นเงาตามตัวมึงอยู่แล้วนี่”
“เหรอ ก็ดี”
“ถ้างั้นผมขอเงินพ่อสามหมื่นเดี๋ยวนี้เลย ผมจะไปซื้อมือถือ”มิคกี้มีแผนไว้ว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่จะโทรให้ที่บ้านมารับกลับ ถ้าสำเร็จเขาจะได้ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ส่วนเรื่องไก่มิคกี้คิดว่าจัดการได้ไม่อยาก แต่ที่เขาอยากเอาไก่ไปด้วย เผื่อแผนการไม่ได้เป็นดั่งหวัง จะได้มีคนคอยช่วยเหลือพากลับมาบ้านหลังนี้
กำนันบุญมีถึงกับส่ายหัว เพราะเครียดที่ต้องเสียเงินสามหมื่น เพื่อแลกกับลูกชายให้ไปเรียนหนังสือ เขาจึงลุกขึ้นเข้าไปในห้องเพื่อนำเงินมาให้มิคกี้ ส่วนมิคกี้นั่งรอกำนันบุญมีสักพัก กำนันบุญมีก็ถือเงินสามหมี่นบาทมายื่นให้มิคกี้
“ขอบคุณครับพ่อ”มิคกี้ยกมือไหว้
“ไอ้ไก่เอาสมุดที่จดมา ส่วนมึงก็ไปกับลูกกูในเมือง”
“ครับพ่อกำนัน”ไกยื่นสมุดให้กำนันบุญมี
“ไปเลยลูกพี่”ไก่เดินนำหน้ามิคกี้
“ผมไปแล้วนะพ่อ”
“ฮือ”
“จะไปยังจะมาบอกอีก ทุกทีไปไหนมาไหนไม่เคยบอกเลยไอ้นี่ วันนี้มันเป็นอะไรแปลกไปมาก ผีเข้าไอ้ต่อหรือเปล่าแม่จันทรา”
“คงไม่หรอกพ่อ คงจะคิดได้แล้วมั้ง”
“จริงเหรอ”กำนันมีน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่จันทราพูด
“คอยดูกันไปก่อนพ่อ”จันทราพูด
“ก็ตามนั้นแหละ”กำนันบุญมีนั่งมองมิคกี้เดินตามไก่ไปที่รถพ่วง
เมื่อมิคกี้มาถึงก็ต้องอึ่งอีกครั้งกับยานพาหนะที่จะพาเขาเข้าไปในเมือง ซึ่งมิคกี้ก็เคยเห็นอยู่ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมานั่งรถพ่วงข้างเข้าไปในเมือง
“ลูกพี่ขึ้นเลย”
“ให้นั่งในพ่วงนี่นะ”มิคกี้มีท่าทีสงสัย
“ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่นั่งในพ่วงและลูกพี่จะนั่งที่ไหน”
มิคกี้ทำใจไม่ค่อยได้เพราะก่อนหน้านี้ ได้แต่นั่งรถหรูราคาแพง เพียงคืนเดียวต้องมานั่งรถพ่วงเพื่อเดินทาง
“เอ้าหนังสติ๊ก”ไก่หยิบหนังสติ๊กที่อยู่ตะกร้าหน้ารถพ่วงยื่นให้มิคกี้
“อะไร”มิคกี้งง
“ก็หนังสติ๊กไง”
“เอามาทำไม”
“ก็เอาไว้ป้องกันตัว ยิงโน้นยิงนี่อย่างที่ลูกพี่ทำไง”
“เราไม่เคยทำอย่างที่ไก่บอกเลย”
“โอ๊ย ลูกพี่เป็นอะไรมากไหมเนี่ย วันนี้เป็นอะไรที่แปลกมาก เหมือนไม่ใช่ลูกพี่ผมเลย”
“เอ่อน่า คนเรามันก็ต้องเปลื่ยนไปบ้างนั่นแหละ”มิคกี้รับหนังสติ๊กมาถือไว้ และเข้าไปนั่งในรถพ่วง
“ไปแล้วน่ะลูกพี่ จะชิ่งให้ลูกพี่ดู”ไก่สตาร์ทรถและบิดคันเร่งไปอย่างรวดเร็ว บนทางถนนลูกรังที่ผ่านไร่ข้าวโพด
“ไร่ข้าวโพดของใครทำไมมันกว้างมาก”มิคกี้มองไปรอบแล้วรู้สึกสบายตา
“ก็ของพ่อกำนันไง”
“อ๋อ เหรอ”
“แปลกจำไร่ข้าวโพดตัวเองไม่ได้”ไกพูดขึ้น
มิคกี้นอกจากงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ยังมีที่ยิ่งงงกว่าอีก ทำไมคนแถวนี้ถึงคิดว่าเขาเป็นต่อไปได้ ทั้งๆที่เขาก็คือมิคกี้ ตอนเช้ามิคกี้ก็ช่องกระจก ก็เป็นหน้าของเขาเหมือนเดิม มิคกี้ยิ่งคิดยิ่งงและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่
มิคกี้นั่งบนรถพ่วงข้างเกือบครึ่งชั่วโมง จนเขารู้สึกเจ็บก้นเพราะที่นั่งเป็นเหล็กล้วนๆ ยิ่งถนนขรุขระเวลารถวิ่งจึงกระเด็นกระดอน จนทำให้มิคกี้รู้สึกว่า ก้นของเขาระบบไปหมด
“ลูกพี่ถึงแล้วจะซื้ออะไรก็ซื้อได้เลย”
มิคกี้ลงจากรถพ่วงแล้วมองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านขายของเรียงรายเป็นห้องแถว และมีตลาดอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นแผงลอยวางสินค้านานาชนิด
“ไก่ พาเรามาผิดที่หรือเปล่าเราจะเข้าไปในเมือง เพื่อจะเดินซื้อของที่ห้าง ไม่ใช้ให้มาในตลาดสดแบบนี้”
“ลูกพี่ ถ้าจะไปห้างไกลร่วมร้อยโลโน้น ที่นี่มีแต่แบบนี้แหละ อ๋อ แต่ก็มีนะเรียกว่า ซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือเปล่ามีแอร์ด้วย ถ้าลูกพี่อยากไปผมก็จะพาไป”
“ตั้งร้อยโล แล้วที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ทำไมทุรกันดารขนาดนี้ ประเทศของเราไม่น่าจะมีอะไรที่ดูเก่าและโบราณแบบนี้นะ นี่มันปี พ.ศ.2567แล้วด้วย”
“อะไรของลูกพี่ ปีนี่พึ่ง พ.ศ.2538 เอง”
“ไม่ต้องมาโกหก ใครย้อนเวลามาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี พูดไปเรื่อยน่ะไก่ เราคิดว่าน่าจะเป็นพื้นที่ตกสำรวจ ไม่เป็นไรพ่อเราเป็นรัฐมนตรีเดี๋ยวจะบอกพ่อ ให้มาพัฒนาจังหวัดนี้ให้เจริญขึ้น”
“พ่อลูกพี่เป็นกำนัน ไม่ใช่รัฐมนตรี ลูกพี่ชอบพูดไปเรื่อยมากว่าผมอีกนะ”
“ไก่นี่อย่างไงเนี่ย ชอบเถียงอยู่นั่นแหละ”
“ผมไม่พูดกับลูกพี่แล้ว จะซื้ออะไรก็ซื้อเลยลูกพี่ ไม่ต้องมาเถียงกับผมหรอก”
“ก็ได้ แถวนี้มีร้านมือถือไหม”มิคกี้มองตามห้องแถวที่เรียงราย แต่ก็ไม่เห็นมีร้านขายโทรศัพท์มือถือซักร้าน
“ร้านอะไรมือถือไม่มีหรอก”
“ดูแล้วก็ไม่มีจริงๆด้วย คงจะไกลความเจริญน่าดู”แผนที่มิคกี้วางไว้ไม่เป็นดังคิด แต่มิคกี้มีความคิดแวบหนึ่งว่าจะหนีไปจากที่นี่ แต่ก็เปลื่ยนใจเพราะเขาคิดว่าคงกลับไม่ถูกแน่ๆ
“ร้านมือถือของลูกพี่ไม่มี แล้วลูกพี่จะซื้ออะไรต่อล่ะ”ไก่ถาม
“เดินดูไปก่อนอาจจะซื้อเสื้อซักหน่อย ที่มีอยู่มันเอ้าท์ไปแล้ว” เมื่อมิคกี้พูดจบก็เดินไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่แขวนอยู่เป็นล็อคๆในตลาด
เมื่อมิคกี้มาถึงร้านขายเสื้อผ้าราคาถูก ตัวละเก้าสิบเก้าบาทซึ่งมิคกี้ไม่เคยใส่เสื้อราคาถูกขนาดนี้ แต่เขาก็แอบคิดว่าถึงราคาถูก แต่ดีไซน์ใช้ได้ทีเดียวเขาชอบอยู่หลายตัวเหมือนกัน มิคกี้ จึงเลือกซื้อทั้งหมดที่เขาชอบ
“ลูกพี่จะซื้อไปทำไมเยอแยะ”
“ถามแปลกก็ซื้อไปใส่ซิ”
“รู้แล้วว่าซื้อไปใส่ แต่ลูกพี่จะใส่หมดเหรอ”
“หมดสิ ไม่ต้องกลัวหรอก เอ้าถือด้วย” มิคกี้ยื่นถุงเสื้อผ้าให้ไก่ถือไว้
ในระหว่างที่มิคกี้กำลังเดินเลือกซื้อสินค้าเขาก็ต้องตกใจ กับเสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านหลัง เพราะเรียกชื่อที่สองของเขา
“ต่อ”
มิคกี้หันมามองทันที และมิคกี้ก็เห็นคนที่เรียกเขาอย่างดัง ซึ่งหน้าตาออกแนวไทยๆแต่หน้าหวานกว่าเขาอีก ทั้งๆที่มิคกี้ผิวขาวแต่ก็ดูคมกว่าคนที่เรียกเขา
“เราว่าจะไปหานายอยู่พอดีเลย”ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับมิคกี้พูดขึ้น
“จะมาเราหาทำไม เรารู้จักกันเหรอ”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย
“เฮ้ย ไอ้ต่อเรานี่เพื่อนรักนายนะโว้ย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มึงพูดแบบนี้เราเสียใจแย่เลย”เกรทชายหนุ่มมีสีหน้าที่ไม่คอยพอใจ
“เหรอ”
“ก็เอ่อสิว่ะ ถ้านายไม่อยากคบกับเราอีกแล้ว เราไปก็ได้จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก”เกรทหันหลังแล้วเดินจากไป
“ไก่ เรากับไอ้นั่นสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ”มิคกี้พูดเสียงค่อยๆข้างๆหูไก่ เพราะใคร่สงสัย
“ยิ่งกว่าสนิทอีกลูกพี่ แก้ผ้าเล่นน้ำกันมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นเจ้าเกรทก็มานอนกับลูกพี่เป็นประจำ”
“มานอนทำไม”มิคกี้สงสัย
“จะไปรู้ได้ไง ก็อยู่ในห้องกันสองคน”
“เรากับเกรทเป็นแฟนกันเหรอ”มิคกี้ใจเต้นระรัว
“คงงั้นมั้ง สนิทเกินเพื่อนด้วยนี่”ไก่หัวเราะ ทั้งที่ความจริงแล้วไก่ไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่เป็นเพราะมิคกี้พูดขึ้นก่อนไก่เลยทำเนียนแกล้งมิคกี้
“เหรอ”มิคกี้ครุ่นคิดชั่วครู่
มิคกี้เชื่อคำบอกกล่าวของไก่ เขาจึงรู้สึกไม่ดีที่พูดจาไม่น่าฟังกับเกรท เพราะมิคกี้คิดว่าถึงจะไม่ใช่แฟนของเขา แต่ในเมื่อทุกคนคิดว่าเขาเป็นต่อ มิคกี้จึงต้องสวมรอยเป็นต่อให้แนบเนียน มิคกี้จึงรีบวิ่งตามเกรทใปในทันทีที่เขาคิดได้
“เกรทหยุดก่อนรอเราด้วย”มิคกี้วิ่งมาจนทันเกรทที่หยุดเดินพอดี
“มีอะไรตามมาทำไม”เกรทยืนนิ่งด้วยความเสียใจที่มิคกี้พูดจาไม่ดีกับเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักต่อฉันคู่รัก แต่ความเป็นเพื่อนของเขานั้นให้ต่อเต็มร้อย
“เมื่อกี้เราขอโทษนะ พอดีเรามึนๆ เอ่อ คือว่า เมื่อคืนโดนต่อยน็อคคาเวทีมวย”มิคกี้ตีเนียนเป็นต่ออย่างแนบเนียน
“ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ”
“เราไม่ได้ตบหัวและลูบหลังนายนะ แต่เรา เอ่อ คืออย่างไงล่ะ ก็อย่างที่เราพูดเมื่อกี้นี้แหละ”
“เหรอ”
“จริงสิ”มิคกี้จับมือเกรททันที ที่เกรทกำลังจะเดินต่อไป
“นายเป็นบ้าอะไรมาจับมือเราทำไม”เกรทดึงมือออกและหันมามองมิคกี้
“คนเป็นแฟนกันจับมือแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก”มิคกี้ยิ้มให้เกรทอย่างหวานฉ่ำ
“เฮ้ย ไอ้ต่อนายเป็นบ้าอะไร เราเป็นแฟนกับนายตั้งแต่เมื่อไร คิดแล้วขนลุกนายนี่น่าจะเพี้ยนจริงๆเพราะโดนต่อยแน่ๆ”
“ก็บ้ารักไง อย่าโกรธเราเลย ขอโทษก็แล้วกัน ถ้าวันนี้อยากกินอะไรอยากได้อะไรบอกเรามา เราจะตามใจนายทุกอย่างหนึ่งวัน เพื่อเป็นการไถ่โทษนาย”
เมื่อมิคกี้พูดจบก็จับมือของเกรทเดินเข้าไปในตลาดอีกครั้ง โดยมีไก่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆพร้อมกับประหลาดใจที่ลูกพี่ของเขาทำเช่นนั้น แต่เขาก็อดยิ้มและขำไม่ได้ ไก่จึงมีความคิดที่จะแกล้งลูกพี่ของเขาต่อไปอีก เพราะต่อนั้นก็ชอบแกล้งไก่และใส่อารมณ์กับไก่บ่อยๆ นี่จึงเป็นวิธีเอาคืนของไก่ ที่เขาพึ่งคิดได้ในช่วงเวลานี้
“ปล่อยมือเราได้แล้วไอ้ต่อ”เกรทพยายามแกะมือของมิคกี้ออก
“ถ้าจะให้ปล่อยนายต้องยกโทษให้เราก่อน”
“ก็ได้”
“ดีมาก”มิคกี้หันมายิ้มด้วยสายตาที่หวานฉ่ำ
“นายยิ้มซะเราเกือบเคลิ้มเลย นายจะยิ้มหวานอะไรขนาดนั้น”
“ก็ยิ้มให้นายไง นายจะได้จำรอยยิ้มเราไว้”
“ไม่ต้องพูดเลยเราจะอ๊วก”
“นายเป็นอะไรถึงจะอ๊วก”มิคกี้มีท่าทีตกใจ
“ไอ้ต่อ มีสติหน่อยซิวะ”
“นายนั่นแหละต้องมีสติ ต้องหัดดูแลสุขภาพตัวเองบ้างรู้ไหม เราเป็นห่วง”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“แน่นะ”
“แน่สิ”
“อย่าโกหกนะ”
“ไม่ได้โกหกหรอก พอเหอะอย่าเล่นเยอะน่ารำคาญ ไปหาอะไรกินดีกว่า นายบอกจะเลี้ยงเราไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แล้วแต่นายเลยอยากกินอะไรวันนี้เราจ่ายไม่อั้น”
“ไปรวยมาจากไหน”
“ขอพ่อมา”
“ไม่เชื่อ คนอย่างนายนี่นะจะขอเงินพ่อกำนัน เห็นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันนี่”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้เปลื่ยนไปแล้ว อย่าพูดมากเลยเสียเวลากินหมด นายเดินนำหน้าเราไปเลยว่าจะกินร้านไหน”
เกรทหันมามองมิคกี้ด้วยความฉงน และไม่เข้าใจในตัวของเพื่อนที่เปลื่ยนไป อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ แค่ช่วงเวลาไม่ได้เจอกันสองสามวัน
มิคกี้ชวนเกรทมาที่บ้าน ส่วนเกรทก็ตามมาอย่างง่ายดาย เพราะแต่ก่อนเกรทก็มาเป็นประจำ พึ่งหายไปช่วงที่เรียนจบ เพราะเกรทต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงที่บ้านของกำนัน เกรทก็ชวนมิคกี้เป็นเล่นน้ำที่แม่น้ำ ที่ทั้งสองเคยเล่นกันเป็นประจำ เมื่อมาถึงที่บ้านกำนันบุญมี มิคกี้ได้ให้ไก่เอาของที่ซื้อมา ไปเก็บไว้ที่ห้องของมิคกี้ หลังจากนั้นมิคกี้กลับเกรทก็เดินไปยังแม่น้ำ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านกำนันบุญมีมากนัก “ตกลงนายจะเรียนไหม”เกรทเป็นฝ่ายถามก่อน พร้อมเดินนำทางไปยังแม่น้ำ ซึ่งเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มิคกี้บอกจำทางไปแม่น้ำไมได้“เรียนซิ อีกสองสามวันจะไปสมัครสอบ”“นายจะเรียนคณะอะไรล่ะ แล้วเรียนที่ไหน”“ที่มหาลัยพิพัฒนเมธา คณะ รัฐศาสตร์ ตอนแรกจะเรียนบริหาร พ่อไม่ให้เรียนอยากให้เราเรียนรัฐศาสตร์ “แปลก ปกติพ่อกำนันให้ไปซ้ายนายจะไปขวา จะทำอะไรตรงข้ามตลอด แต่อะไรดลใจนายให้ตามใจพ่อกำนัน”“ก็ท่านเป็นพ่อไง เราก็ตามใจท่านซักหน่อย นายล่ะเรียนคณะอะไร”“อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับนายนั่นแหละ”“ว้าว สุดยอดไปเลย”“อะไรของนาย ว้าว ว้าว ว้าว เราล่ะปวดกับคำพูดของนายจังเลย”“อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน”“คงน
“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะมาจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” มิคกี้เปลื่ยนช่องไปเรื่อยๆก็ยังมีรายการเก่าๆละครโบราณ เขาเลยคิดว่าช่องต่างๆรีรันละครกันทุกช่อง จนมิคกี้ย้ายมาที่ช่อง15 เป็นรายการข่าวภาคเย็น “สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2538 เป็นวันหวยออก ผลรางวัลที่1 411454 ครับ”มิคกี้เริ่มงงและสับสนเพราะปีนี้มันปีที่2567 ทำไมข่าวรายงานหวยออกเป็นวันที่1มีนาคม 2538 มิคกี้หันไปหาเกรทที่เปลื่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง“ปีนี้ปี 2567ไม่ใช่เหรอ ทำไมนักข่าวบอกว่า 2538ว่ะ แค่วันเดือนปียังรายงงานผิดเลย”มิคกี้พูดขึ้น“นายนั่นแหละประสาทแดก นักข่าวเขาก็พูดถูกแล้วนี่ปีนี้ พ.ศ.2538”“ไม่ใช่ปีนี้ 67”“ยังจะมาเถียงนายดูปฏิทินโน้นปีนี้ 38”“นายนั่นแหละประสาทปีนี้67”มิคกี้เดินไปดูปฏิทินซึ่งก็เป็นปี2538 จริงๆ“เป็นไงเชื่อหรือยัง”“ไม่ใช่หรอก ปฏิทินปีนี้67ต่างหาก”ถึงมิคกี้จะเถียงเกรทคอเป็นเอ็น แต่เขาก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันมิคกี้จึงย้ายช่องทีวีใหม่ซึ่งก็มีแค่ 13 15 17 19 14 เขาย้ายวนมาวนไปก็มีแค่ห้าช่อง จนเขาเริ่มหงุดหงิดจนเหวี่ยงรีโมททิ้งบนที่นอน“ทำไมมีแค่ห้าช่องเอง เดี๋ยวนี้เป็
เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา “มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอครับแม่” “นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้” “ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา “เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา” “หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน “หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ “ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย” “อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ” “ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ” “มิคกี้”คุณหญิงโ
มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า “ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้” “สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง” “อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว “ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว” “ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ” “เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย” “อาไหน”มิคกี้งง “ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” “ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง “โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร “ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี “รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น “ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที “ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระท
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ