“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะมาจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” มิคกี้เปลื่ยนช่องไปเรื่อยๆก็ยังมีรายการเก่าๆละครโบราณ เขาเลยคิดว่าช่องต่างๆรีรันละครกันทุกช่อง จนมิคกี้ย้ายมาที่ช่อง15 เป็นรายการข่าวภาคเย็น
“สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2538 เป็นวันหวยออก ผลรางวัลที่1 411454 ครับ”
มิคกี้เริ่มงงและสับสนเพราะปีนี้มันปีที่2567 ทำไมข่าวรายงานหวยออกเป็นวันที่1มีนาคม 2538 มิคกี้หันไปหาเกรทที่เปลื่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง
“ปีนี้ปี 2567ไม่ใช่เหรอ ทำไมนักข่าวบอกว่า 2538ว่ะ แค่วันเดือนปียังรายงงานผิดเลย”มิคกี้พูดขึ้น
“นายนั่นแหละประสาทแดก นักข่าวเขาก็พูดถูกแล้วนี่ปีนี้ พ.ศ.2538”
“ไม่ใช่ปีนี้ 67”
“ยังจะมาเถียงนายดูปฏิทินโน้นปีนี้ 38”
“นายนั่นแหละประสาทปีนี้67”มิคกี้เดินไปดูปฏิทินซึ่งก็เป็นปี2538 จริงๆ
“เป็นไงเชื่อหรือยัง”
“ไม่ใช่หรอก ปฏิทินปีนี้67ต่างหาก”ถึงมิคกี้จะเถียงเกรทคอเป็นเอ็น แต่เขาก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน
มิคกี้จึงย้ายช่องทีวีใหม่ซึ่งก็มีแค่ 13 15 17 19 14 เขาย้ายวนมาวนไปก็มีแค่ห้าช่อง จนเขาเริ่มหงุดหงิดจนเหวี่ยงรีโมททิ้งบนที่นอน
“ทำไมมีแค่ห้าช่องเอง เดี๋ยวนี้เป็นทีวีดิจิตอลแล้วมีเป็นร้อยช่อง”
“มันมีแค่ห้าช่องจะเอาที่ไหนมาร้อยช่อง”
“อะไรของมันว่ะเนี้ย”มิคกี้นั่งลงบนเตียงนอนด้วยความกลัดกลุ้มและมึนงง
“จะไปซีเรียสทำไมเปิดหนังดูดีกว่า”
“หนังอะไรของนาย”
“ก็หนังม้วนวีดีโอที่ใต้ทีวีนะ ดูหน่อยซิว่ามีเรื่องอะไรบ้าง”
“ที่นี่ยังใช้ม้วนวีดีโออยู่อีกเหรอ มันต้องเป็นดีวีดีซิ ดีวีดีนี่ยังถือว่าเก่ามากเลยนะ นี่อะไรม้วนวีดีโอ”
“เรื่องมากจริงพ่อคุณ บ้านเรายังไม่มีอย่างนายเลย ที่บ้านเราเป็นทีวีสีสิบสี่นิ้วอยู่เลย เครื่องเล่นวีดีโอก็ไม่มีแบบบ้านนาย”
“มีด้วยเหรอทีวีสิบสี่นิ้ว”
“ก็มีสิ”
“ที่นี่มันต่างดาวหรือไง เป็นดาวอะไรถึงยังไม่ทันสมัย”
“ดาวโลกไงถามมาได้”
มิคกี้ไม่อยากเถียงกับเกรทเข้าจึงเดินไปที่ทีวี และก้มลงดูม้วนวีดีโอ ซึ่งหนังแต่ละเรื่องที่มีเก่ามาก บางเรื่องเขาแท่บไม่รู้จักด้วยซ้ำ
“มีเรื่องอะไรบ้าง”เกรทถาม
“หนังฝรั่งก็มี ไททานิค สปีค จูลาสิคปาร์ค หนังไทยก็มีนะ เก่าๆทั้งนั้น นายมาดูเองเหอะ”
“เอาเรื่องอะไรก็ได้นายเปิดเลย”
“ไททานิคก็แล้วกัน”
“ฮือ”
“นายมาเปิดเองเราเปิดไม่เป็น”หลังจากนั้นมิคกี้เดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขา ส่วนเกรทก็ไปเปิดวีดีโอเพื่อดูหนัง มิคกี้ไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็มี 2538 และต่ำลงไปกว่านั้น ส่วน พ.ศ.ที่สูงกว่าหาไม่เจอแม้แต่อย่างเดียว
มิคกี้ค้นหลายสิ่งหลายอย่างจนมาถึงแฟ้มเอกสาร เขาจึงเปิดออกมาดู ซึ่งเป็นวุฒิการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่6 ไม่ว่าจะเป็นชื่อโรงเรียน ชื่อของเขา ยิ่งปีการศึกษา ทุกอย่างล้วนไม่ใช่เขาเลยยกเว้นแต่รูปถ่ายที่ติดวุฒิการศึกษาเป็นใบหน้าของเขา แม้แต่บัตรประจำตัวประชาชน ก็ไม่ใช่มาสเตอร์การ์ด แต่เป็นกระดาษที่เคลือบพลาสติก มิคกี้เริ่มสับสนและเริ่มคิดทุกเรื่องราว
เริ่มตั้งแต่ ที่เขาโดนลูกฟุตบอลกระเด็นใส่หน้าจนสลบ ตื่นมาอีกทีมิคกี้ก็มาอยู่ที่แห่งนี้ แต่หลักฐานเพียงแค่นี้เขายังไม่เชื่อ ว่าได้หลงยุคมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ มิคกี้ครุ่นคิดจนรู้สึกตัวอีกที เพราะเกรทได้มาสะกิดด้วยความสงสัย เนื่องด้วยเขาเห็นมิคกี้เงียบไปเป็นเวลานาน
“คิดอะไรเงียบไปเลย”เกรทมีท่าทีที่สงสัยในตัวของมิคกี้
“เราสงสัยว่าปีนี้มันปี พ.ศ.อะไรกันแน่”
“ปี 2538 หรือไม่ก็ 1990ไง”
“เราไม่อยากเชื่อเลย”
“อย่าไปคิดอะไรมากเลย นายอาจยังเบลออยู่เพราะโดนต่อยเมื่อคืนก่อน ให้เราต่อยซ้ำไหมจะได้หายเบลอ”
“พูดเป็นเล่นไปได้ เราไม่เคยไปต่อยมวย”
“ท่าจะเป็นหนัก แล้วรูปถ่ายนั่นอะไร”เกรทชี้ไปรูปถ่ายรับรางวัล ที่เขาต่อยมวยชนะ
“เฮ้ย มันอาจคนหน้าเหมือนก็ได้ พ่อกำนันนึกว่าเราเป็นต่อ เลยลักพาตัวเรามา”มิคกี้คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ ยังน่าเชื่อกว่าว่าหลงมาในอดีต
“เอ่อ นายอยากเชื่อว่าอะไรก็เรื่องของนายก็แล้วกัน เราจะดูหนังดีกว่าไม่อยากเถียงกับนายแล้ว พูดอะไรมาแต่ละอย่างเรานี่สับสน ไม่รู้ว่าตอนนี้นายกำลังคิดอะไรอยู่ เป็นอะไร ถ้าว่างไปหาหมอบ้างน่ะ”
“สงสัยต้องไปหาหมอจริงๆแล้วแหละ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ก่อนไปหาหมอดูหนังก่อนเถอะ”
“ไม่อยากดูหนังแล้ว อยากจะดูนายมากกว่า”มิคกี้ไม่อยากคิดอะไรมาก เขาจึงอยากหยอกล้อกับเกรท
“จะดูอะไร เมื่อกี้ก็เห็นกันหมดแล้วนี่ รวมทั้งของนายเราก็เห็นหมดไม่มีเหลือ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนโตจำได้หมดแล้ว ว่าเป็นอย่างไรมีอะไรที่ไหน พอเถอะเราจะดูหนังอย่ามารบกวน”
“ก็ได้ ถ้างั้นขอกอดหน่อย”มิคกี้โอบกอดเกรทและหอมแก้ม โดยที่เกรทไม่ทันตั้งตัว เกรทตกใจจึงถีบมิคกี้อย่างแรงจนตกเตียงหัวกระแทกพื้น มิคกี้รู้สึกมึนๆจนสลบหลับใหลไปในที่สุด
……………………………………………………………………………………………
“เฮ้ย มิคกี้ตื่นซิวะ”มิคกี้ค่อยๆลืมตาขี้น สิ่งที่เขาเห็นก็เป็นบรรดาเพื่อนในทีมฟุตบอล
“ตกอกตกใจเลย นายนี่เนาะฟุตบอลโดนนิดหน่อยก็เป็นลมไปได้”ยูโรเพื่อนนักฟุตบอลต่างมหาลัยพูดขึ้น
“นายลองมาโดนไหมล่ะ”มิคกี้พยายามประคองตัวลุกนั่ง
“พูดแค่นี้ทำเป็นน้อยใจ”
“ผลเป็นไงบ้างไง”ถึงแม้สลบเขายังอยากรู้ผลการแข่งขัน
“สามศูนย์”เราแพ้
“แพ้ได้ไง”มิคกี้รู้สึกไม่พอใจ
“ก็ต้องโทษนายที่เป็นลมไง เพราะขาดคนทำประตู”
“เหรอ”มิคกี้ครุ่นคิดและส่ายหัว
“ฮือ เอาเหอะกีฬาก็แบบนี้แหละ มีทั้งแพ้ชนะคละเคล้ากันไป อย่าไปซีเรียสเลย”
“ฮือ”
“เดี๋ยวเราไปส่งนายที่บ้านเอง ดูนายมึนๆอยู่นะ”ยูโรพูดขึ้นมา เพราะเห็นมิคกี้นั้นมึนๆงงๆนิ่งๆไป
สาเหตุที่มิคกี้นิ่งไปเพราะว่าเขากำลังคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนจริงมาก แต่ในเมื่อเขาตื่นมาอยู่ในที่เดิม มิคกี้พลางคิดไปว่าน่าจะเป็นความฝันมากกว่า
“ก็ได้นายไปส่งเรา”มิคกี้ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเดินกลับบ้าน
ในระหว่างทางที่กลับบ้านนั้น มิคกี้ก็อดคิดถึงเหตุการณ์ในช่วงที่เขาสลบไม่ได้ เขาคิดวนไปวนมาจนยูโรผิดสังเกต เขาจึงหันมาถามมิคกี้ด้วยความสงสัย
“นายเป็นอะไรไป ตั้งแต่ตื่นมารู้สึกจะยังไม่หายมึนๆงงๆนะ เอาแบบนี้แวะหาหมอก่อนกันดีไหม เผื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือน”
“ไม่หรอก เราไม่ได้เป็นอะไร แต่เรางงอยู่ว่าตอนสลบไป ฝันเหมือนจริงมากเลย ฝันว่าไปอยู่ในยุค 90 โน้น”
“ไม่แปลกก็นายชอบฟังเพลงยุคเก้าศูนย์นี่”
“อาจจะใช่”มิคกี้ถอนหายใจ มิคกี้หันไปมองยูโร เพื่อนที่ไม่ได้สนิทมากนัก เพราะอยู่ต่างมหาวิทยาลัย ที่รู้จักกันเพราะเล่นฟุตบอลทีมเดียวกัน และยูโรเป็นคนเดียวที่ไม่เคยล้อหรือแซวเขา ที่มีภาพหลุดถ่ายคู่กับเพื่อนร่วมห้อง ลงในโซเซียลที่ดังกระหึ่มมาพักหนึ่ง เพราะมิคกี้เป็นลูกชายคนเดียว ของรัฐมนตรีพายัพกับคุณหญิงโสภิตา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมักจะเป็นข่าวดังเสมอ
“นายขับรถพาเรามาส่งบ้านไม่กลัวเป็นข่าวเหรอ”มิคกี้ถามขึ้น
“ข่าวอะไร”ยูโรหันมามอง
“แบบว่าเป็นคู่จิ้นอย่างเมื่อก่อน ที่เราเคยมีข่าวกับบอมบอมลูกนักธุรกิจชื่อดังน่ะ”
“ไร้สาระ ยุคสมัยเปลื่ยนไปหมดแล้ว จะชอบใครรักใครแบบไหน มันก็ไม่ต่างกับคู่รักชายหญิงหรอก”
“นายคิดแบบนั้นจริงเหรอ”
“ก็จริงซิ”
“ถ้าสมมุตินายเป็นข่าวกับเราล่ะ”
“ไม่สน ก็แค่ข่าวเดี๋ยวก็จางหายไป ก็เหมือนข่าวของนายที่ตอนนี้คนไม่ได้สนใจอะไรเลย”
“ดีเนาะนายไม่แคร์สังคมและใครเลย”
“จะแคร์ทำไม ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็ดีน่ะ”
“อะไรนะ” ได้ยินไม่ถนัด
“อ๋อ เราหมายถึงถ้าเรามีข่าวกับนาย เราก็จะลองคบนายดูก็แค่นั้น เผื่อเจอรักแท้ เพราะตอนนี้เรายังไม่มีแฟนไง ก็เลยเหงาๆอยากมีแฟนบ้างสักคน”
“นายจะจีบเราเหรอ”
“จีบได้ไหม นายก็เลิกกับลูกนักธุรกิจคนนั้นแล้วนี่”
“นายพูดจริงเหรอ”
“จะให้พูดจริงหรือพูดเล่นล่ะ”
“นายพูดไปเรื่อย”มิคกี้แอบชำเลืองยูโร ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับยูโร
“ใช่ เราพูดไปเรื่อยนั่นแหละ นายอย่าคิดอะไรมากเลย”ยูโรหัวเราะแห้งๆ
“ว่าแล้ว สุดท้ายนายก็แซวเราแบบคนอื่น”
“เปล่าอย่าคิดกับเราในแง่ร้ายสิ”
“เอาน่ามันเป็นเรื่องจริงนี่ ใกล้ถึงบ้านเราแล้วเลี้ยวซอยหน้าเลยนะ”
“ฮือ”
“บ้านนายน่าจะหลังใหญ่มากเลยนะ”
“ก็นิดหน่อย เดี๋ยวนายก็เห็น”
ยูโรขับรถเลี้ยวเขาซอยได้ไม่นานก็ถึงบ้านของมิคกี้ ยูโรมองเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นบ้านที่หลังใหญ่โต อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดเพื้อน
“หลังใหญ่จริงๆด้วย”
“เข้าไปข้างในไหม ไปหาอะไรกินกัน”
“ไม่หรอก เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน อย่าลืมชวนเราล่ะ”ยูโรยิ้ม
“มาสิ”
“ถ้างั้นเจอกันวันหลัง คงอีกหลายวันกว่าเราจะไปซ้อมบอลน่ะ”
“เราคงคิดถึงนายเนาะ ถ้างั้นเราจะโทรหาก็แล้วกัน ให้เราโทรหาได้ไหม”
“ฮือ”มิคกี้ลงจากรถพร้อมกับความแปลกใจในตัวยูโร ซึ่งมิคกี้รู้สึกได้ว่ายูโรรุกหนักมาก
เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา “มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอครับแม่” “นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้” “ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา “เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา” “หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน “หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ “ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย” “อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ” “ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ” “มิคกี้”คุณหญิงโ
มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า “ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้” “สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง” “อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว “ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว” “ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ” “เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย” “อาไหน”มิคกี้งง “ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” “ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง “โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร “ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี “รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น “ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที “ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข