วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์
“ฮัลโหล”
“มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที
“ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด
“ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้”
“ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ”
“เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง
“ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน”
“เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้”
“ขอบคุณมากครับพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย”
“ครับ”
“น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง”
“หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่ได้กินแม้แต่น้อย เพราะมิคกี้ไม่ชอบกินเท่าไร ถึงจันทราจะตำไม่เผ็ดแล้วก็ตามที
“ต่อเอ็งอยากได้อะไรบอกแม่ได้นะ เดี๋ยวแม่ทำเอาไปให้”
“ไม่หรอกครับ ที่นี่อาหารการกินมีเยอะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เดี๋ยวถ้าผมกลับไปบ้านจะกินกับข้าวฝีมือแม่ เพราะแม่ทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก”
“ไม่ต้องพูดให้แม่ดีใจหรอก เอ่อ แล้วเกรทได้มาหาบ้างไหม”
“มาครับ เดี๋ยววันนี้เกรทก็จะมาหาผมครับ”
“ดีคบเกรทไว้ดีแล้ว เด็กคนนี้นิสัยดีมาก วันหลังถ้าเกิดเอ็งมีปัญหาอะไร เกรทนี่แหละจะช่วยเอ็งได้”
“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะเกรทเป็นแฟนผมแล้ว”
“อะไรของเอ็งวะ มึงมีแฟนแล้วเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้เกรท”
“เอ่อ เปล่าครับ เกรทยังไม่มีแฟนครับ เราสองคนจึงมีเวลาอยู่ด้วยกัน”มิคกี้เริ่มปรับตัวตามยุคได้ เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่ควรพูด
“อีกอย่างเอ็งอย่าพึ่งมีแฟนล่ะตั้งใจเรียนให้จบก่อน”
“ครับแม่”
“ดีมาก แค่นี้แหละเปลืองเงิน ค่าโทรแพงมากเลย แม่ต้องเก็บเงินไว้ให้เอ็งเรียนจนจบ”
“โอเค วันหลังผมจะโทรไปหานะครับ”
มิคกี้วางหูโทรศัพท์และกำลังจะไปนอนต่อ พอได้ยินเสียงเคาะประตู เขาจึงรีบไปเปิดทันที
“ไอ้ต่อทำไมมึงไม่ใส่กางเกงมีอยู่นิดเดียวยังอยากโชว์อีก”เกรทพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นมิคกี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
เพียงเกรทพูดจบมิคกี้รีบปิดประตูทันที และอุ้มร่างของเกรทไว้ในวงแขน แล้วรีบเดินไปที่เตียงนอนหลังจากนั้นโยนลงบนที่นอน
“ไอ้ต่อ ไอ้มิคกี้จะทำอะไร”เกรทพยายามพยุงร่างลุกขึ้น
มิคกี้เห็นเกรทกำลังจะลุกขึ้น เขาจึงรีบกระโจนลงไปที่เตียงนอนทันที และใช้มือคว้าร่างของเกรทไว้ หลังจากนั้นเขาพรหมจูบเกรททั่วใบหน้า
“ไอ้ต่อนายปล่อยเราเดี๋ยวนี้ นายจะทำอะไร เดี๋ยวฟ้าผ่าหอรก”
“คนรักกันมันจะผ่าไง”มิคกี้ไม่ยอมหยุดประกบปากของเกรททันที เกรทเม้มปากแน่นแต่มิคกี้ไม่ยอมใช้ลิ้นดันเข้าไป แต่ไม่เป็นผลสำเร็จสักเท่าไร มิคกี้จึงเลื่อนริมฝีปากมาที่ซอกคอของเกรท
“อย่านะต่อ มิคกี้”เกรทเสียงเริ่มแผ่ว เพราะความเสียวสะท้าน แรงที่ต่อต้านก็ลดลง จนเกรทเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจตามธรรมชาติ
แต่ทว่าความสุขความสนุกของทั้งสองก็สิ้นสุดลง เมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง มิคกี้พยายามไม่สนใจ แต่เกรทนั้นยังคาใจว่าใครเคาะประตูห้อง
“พอก่อน ไปเปิดประตูได้แล้ว”เกรทดันร่างของมิคกี้ให้ออกห่างจากตัวของเขา
“มารจริงๆ”มิคกี้หยุดสัมผัสเรือนร่างของเกรท
มิคกี้ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงของเกรทดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ต่อนายใส่กางเกงก่อนดีกว่าไหม”
“เหรอ”มิคกี้ก้มมองท่อนล่างตัวเองแล้วอมยิ้ม หลังจากนั้นเขาจึงรีบไปใส่กางเกงตัวเดียว แต่เป้ากางเกงก็ยังตุงอยู่
มิคกี้เริ่มรำคาญคนเคาะประตูที่เคาะไม่หยุด เล่นเคาะรัวถี่ๆจนมิคกี้หงุดหงิดและอยากจะไปด่า เขาจึงรีบไปเปิดประตูทันที และนั่นก็คือพายัพที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“เปิดช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่”พายัพรีบเดินเข้าไปในห้องทันที
“อ้าว เกรท”พายัพตกใจ เพราะเกรทอยู่ในสภาพหัวยุ่ง เสื้อผ้ายับเยินและคอแดงนิดหน่อย
“นายมีอะไรหรือเปล่ามาหาเราถึงที่นี่”มิคกี้เดินมาข้างๆพายัพ
“อะไรของมึงตุงเชียว ทำอะไรกัน”พายัพมองมิคกี้และเกรทสลับกันไปมา
“เปล่า กูก็เล่นกันปกติ อยู่ที่บ้านก็เล่นแบบนี้แหละ”มิคกี้อมยิ้ม
“เอ่อ ระวังเล่นไปเล่นมาแล้วได้กันล่ะ เราคิดแล้วขนลุก”พายัพนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ยังไม่เลิกมองทั้งสองคน
“นายยังไม่ได้บอกเลยว่ามีอะไรหรือเปล่า”มิคกี้ถาม ส่วนเกรทไปที่กระจกจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง
“ใช่ลืมไปเลย จะชวนไปดูหนังที่เมอรี่คิงส์”
“ห้างเมอรี่คิงส์ปิดกิจการไปแล้วนี่”
“ปิดอะไรของนายยังเปิดอยู่ นับวันนายยิ่งเพี้ยนหนักขึ้นแล้วรู้ไหมมิคกี้”
“เอ่อ อ๋อ”มิคกี้เกาหัวด้วยความลืมตัว
“ไม่ต้องมาทำหน้างง ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ไปเที่ยวกัน ไปด้วยกันนะเกรท”
“ฮือ”เกรทพยักหน้า
หลังจากที่มิคกี้เข้าไปอาบน้ำ พายัพจึงชวนเกรทคุย เพราะเขาเห็นเกรทเงียบนิ่งไปชั่วขณะ และแอบสงสัยว่ามิคกี้กับเกรทต้องมีความรักลับๆ
“นายกับมิคกี้นี่สนิทกันจนเหมือนเป็นแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่หรอก บ้านอยู่ใกล้กันเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล “
“เหรอ เราถึงว่าสนิทเกินเพื่อน”
“เกินเพื่อนอะไร เพื่อนกันนี่แหละ”
“ฮือ พูดเรื่องโสภิตาดีกว่า มีใครมาจีบบ้างไหม”
“จะเหลือเหรอ ดาวคณะขนาดนั้น”
“ใคร”พายัพเสียงดังขึ้นทันที
“หนุ่มวิศวะ”
“ไม่ได้การแล้ว นายต้องขัดขวางนะรู้ไหม”
“จะไปขัดขวางได้ไงต้องแล้วแต่โสภิตาซิ”
“ได้สิ นายเป็นเพื่อนมิคกี้ ส่วนมิคกี้เป็นเพื่อนเรา นายก็เหมือนเพื่อนของเรานั่นแหละ และข้อสำคัญโสภิตาเป็นเพื่อนนาย เมื่อนายเป็นเพื่อนกับเราและโสภิตา เช่นนั้นนายเป็นเพื่อนในกลุ่มพวกเรา นายต้องอยู่ข้างเราและโสภิตา นายจะปล่อยให้ใครมาจีบโสภิตาไม่ได้รู้ไหม เพื่อนรัก”
“เหรอ”ต่องงกับคำพูดของพายัพ
“ใช่”
“ก็ได้”เกรทพยักหน้ารับโดยไม่ตั้งใจ
“คุยอะไรกันอยู่”มิคกี้ออกมาจากห้องน้ำถามทันที
“ไม่มีอะไรมาก แค่บอกเกรทเพื่อนรัก ให้คอยกันท่าหนุ่มวิศวะ เพราะมันมาจีบโสภิตาของเรา”
“ใช่ เกรท นายต้องขัดขวางไว้นะ กรอกหูโสภิตาทุกชั่วโมง ว่าต้องรักพายัพเท่านั้น อย่าให้ใครเข้าใกล้โสภิตา ยกเว้นนายคนเดียว จำไว้นะเพื่อนรัก”
“เหรอ”เกรทงงหนักเข้าไปใหญ่
“ดีมากไอ้เพื่อนรัก นายช่างรู้ใจเราดีเหลือเกินมิคกี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อมิคกี้เผลอพายัพจึงดึงผ้าเช็ดตัวของมิคกี้หลุดออกติดมือมา ส่วนมิคกี้นั้นก็รีบดึงกลับมารีบมาพันกายท่อนบนเหมือนเดิม
“หนอนน้อย”พายัพหัวเราะ
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ”มิคกี้อมยิ้ม
พายัพหยุดเถียงและไม่พูดต่อ แล้วเปลื่ยนเรื่องที่จะพูด เพราะสิ่งที่มิคกี้พูดนั้นคือความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“รีบๆใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังหรอก”
“เรื่องอะไร”มิคกี้ถาม
“สติแตกสุดขั้วโลก”
“เอ่อ อยากดูเหมือนกัน”
มิคกี้กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็ร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะเขาต้องทาครีมกันแดด ทั้งผิวหน้าและลำตัว ที่เสียเวลาไปมากก็ตรงทรงผมของเขา เพราะทรงผมปกติแสกกลาง มิคกี้ดูแล้วไม่เข้ากับใบหน้าของเขา มิคกี้จึงควักเจลในกระปุกขยี้ผมที่ศีรษะให้ยุ่งๆ หลังจากนั้นใช้หวีผมให้เปิดหน้าผากราบไปข้างหลัง แล้วดึงขึ้นนิดหน่อยไม่ให้ราบเรียบจนเกินไป
“ไป”มิคกี้หันมามองทั้งสองคน
“จะไปดูหนังหรือไปประกวดโดม่อนแมน”พายัพรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ
“เดี๋ยวนี้มันต้องมิสเตอร์โกลบอล”
“โกลบอลอะไร ไร้สาระไปได้แล้ว”พายัพพูดเสียงห้วนๆ เพราะมิคกี้ชอบแอคเก็กหล่อ
มิคกี้ เกรท และพายัพ กำลังจะเดินไปที่รถคันหรูของพายัพ พลันเห็นสุชาดาและหน่อยเดินคู่กันมา พายัพจึงตะโกนเรียกอย่างดัง
“สุ”
พายัพเดินนำหน้ามิคกี้และเกรทไปหาทั้งสองทันที เมื่อสุชาดาและหน่อยได้ยินเสียงของพายัพทั้งสองจึงหยุดเดินหันหลังมามอง
“ไปไหนกันครับ”พายัพทำเสียงหล่อทันที เพราะวันนี้สุชาดาสวยมาก ใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอย กระโปรงยีนส์สั้น
“จะไปดูหนังค่ะ”สุชาดายิ้มจนเห็นฟันเรียงสวยเป็นระเบียบ
“ผมก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมดูหลายคนสนุกดี เรามีเจ้ามือนี่ไงมิคกี้”พายัพหันหน้ามามองมิคกี้
“ใช่ ผมเลี้ยงเอง ดูหนังเสร็จกินข้าวต่อ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ดีจังมีเจ้ามือ”สุชาดาพูดขึ้น
“จะดีเหรอ”หน่อยสะกิดแขนของสุชาดา
“ดีครับ”มิคกี้ยิ้มให้หน่อย
“มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังกันพอดี”
หลังจากตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พายัพจึงพาทั้งหมดไปที่รถของเขา โดยที่เขาเป็นคนขับส่วนสุชาดานั่งข้างๆพายัพ ส่วนมิคกี้นั่งท้ายตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นเกรท ฝั่งซ้ายเป็นหน่อย ซึ่งในความรู้สึกตอนนี้ของมิคกี้ หัวใจของเขาได้หวั่นไหวทั้งสองห้องฝากฝั่งหัวใจ อีกคนหนึ่งก็เพื่อนสนิท ที่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟน จากหยอกล้อแกล้งเล่นกลายเป็นชอบเล็กๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้ เพราะมีความคล้ายคลึงคนเคยรัก ที่หน้าตาน่ารักใสๆ แต่เขาก็หวั่นไหวได้ไม่นาน เพราะเริ่มเห็นความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มกะล่อนของพายัพ ซึ่งมิคกี้เริ่มกังวลใจและไม่พอใจ กลัวพายัพเผลอไผลชอบสุชาดา และถ้าเป็นเช่นนั้นอาจส่งผลให้ความสัมพันธ์พายัพกับโสภิตามีปัญหา
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย” “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย” “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้ “ตรงนี้ใช่ไหม” “เอ่อๆใช่” ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น “พอแล้วขอบใจมาก” “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น “อุ๊ย ล้างสบู่นาน
วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร “มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท “กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม “เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงน
หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา “ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม “อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก” “จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต” “บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก” “เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน