หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย
ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด
เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา
“ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม
“อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก”
“จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต”
“บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก”
“เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน ถ้าไม่ทำกินก็ไปหาร้านอาหารกินกุ้งอย่างเดียวเลย ไม่ต้องกลัวในอดีตพ่อกำนันของเรารวย”
“เหมือนเดิมเลยสายเปย์”
“เดี๋ยวนี้พัฒนาใช้คำพูดสมัยใหม่ด้วย”
“ไม่ได้หรอกมันก็ต้องมีบ้างซิ คนต้องพัฒนาตามยุคสมัย จะมาจมปลักอยู่แต่กับอดีตได้ไง อดีตผ่านแล้วผ่านไป อนาคตมาเรื่อยๆเราก็ต้องค่อยๆเรียนรู้ไป”
“ความผิดเกินยุคสมัยที่มาเลยนะเนี่ย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”หน่อยยิ้มอย่างสดใจ มิคกี้ก็มองด้วยใจทีจะละลายให้ได้
“หน่อยรู้ตัวไหม ว่าหน่อยน่ารักมาก”
“เหรอ ไม่รู้หรอก”
“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แค่เรารู้คนเดียวก็พอ”มิคกี้ยิ้มอย่างปานจะกลืนกินหน่อยไปทั้งตัว
“ปากหวานทั้งอดีตและในอนาคตเลยนะ”
“ไม่หวานหรอก หวานเฉพาะกับหน่อยคนเดียวต่างหาก”
“นี่เหรอไม่หวาน ถ้าหวานจะขนาดไหน พ่อน้ำตาล”
“ถ้าเราเป็นน้ำตาหน่อยเป็นมดได้ไหม”
“ได้สิ จะกัดไปทั้งตัวเลย”
“ไม่ให้กัดทั้งตัวกัดที่เดียวพอ”
“ทะลึ่ง”หน่อยมองค้อน แต่มิคกี้มองด้วยสายตาหื่นกระหาย
มิคกี้ยิ่งเห็นใบหน้าของหน่อยที่ขาวใสแก้มอูม เขาอย่างลองไปสัมผัสอยากจับและดอมดมให้ชื่นใจ มิคกี้จึงเอื่อมมือไปสัมผัสที่แก้มของหน่อย
“อย่าเดี๋ยวใครมาเห็น”
“ไม่มีหรอก ดึกป่านนี้แล้วคนรับใช้เข้าไปนอนหมดแล้ว ส่วนพ่อกับแม่ยังไม่มาเลยไม่เป็นไรแค่นิดเดียว”
“ไม่ได้ประเจิดประเจ้อเกินไป”
“ไม่หรอก อย่าคิดมากเลย สมัยนี้แล้วเรื่องแบบนี้เขาไม่สนใจกันหรอก”
“นะ”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาค่อยๆขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แก้มของหน่อย และเขาสัมผัสอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนนุ่มนวล
มิคกี้เห็นปากกระจับสีชมพูน่าสัมผัสของหน่อย มิคกี้จึงจับปลายคางของหน่อยหันมาทางใบหน้าของเขา มิคกี้ค่อยๆเลื่อนใบหน้ามาที่ปากอันอวบอิ่มของหน่อย ส่วนหน่อยใจของเขามีสองทางปฏิเสธหรือตอบรับ แต่ในช่วงเวลานี้ใจของหน่อยเอนเอียงมาทางตอบรับสัมผัสนี้ หน่อยจึงนิ่งเฉยรอริมฝีปากของมิคกี้ได้มาเชยชม เพียงเสี้ยววินาทีเดียวริมฝีปากของมิคกี้ก็มาประกบทันทีพร้อมดันปลายลิ้นเข้าไป ส่วนสองมือของมิคกี้จับใบหน้าของหน่อยไว้
“ทำอะไรกัน”เสียงพายัพดังขึ้นลั่นห้องโถง
มิคกี้ถอนริมฝีปากออกจากของหน่อยทันที และหันหน้ามามองเสียงที่คุ้นเคย มิคกี้ถึงกับตาค้างมองหน้าพายัพอย่างไม่กระพริบตา
“สุกี้ ลูกรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป”โสภิตารีบไปนั่งข้างๆหน่อยในร่างของสุกี้ ที่ตัวสั่นเป็นระยๆด้วยความความกลัว
“ไอ้ตัวดีมึงก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนเลย ครั้งก่อนก็กับบอมบอมม แต่ครั้งนั้นพอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้ สุกี้ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ๆแต่ก็เหมือนน้อง มึงรู้จักหักห้ามใจตัวเองบ้างซิโว้ย ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้น ลูกติดพ่อกับลูกติดแม่มีความสัมพันธ์กัน”
“มิคกี้ ป้าอุตส่าห์ไว้ใจฝากน้องไว้ แต่ทำไมถึงทำกับป้าและน้องแบบนี้”โสภิตาน้ำตาเริ่มรินไหล
“พ่อแม่”มิคกี้พูดขึ้น
“ไม่ต้องมาเรียกแม่ ถ้าคิดว่าฉันเป็นแม่คงไม่ทำอะไรที่น่าเกลียดแบบนี้หรอก”
“พ่อป้า เราสองคนรักกันมันผิดตรงไหน เราไม่ใช่พี่น้องที่แท้จริง”
“ไม่ผิดก็จริง แต่ป้ากับกับพ่อของมิคกี้เป็นสามีภรรยากัน ลูกติดเราทั้งสองก็เหมือนพี่น้องกันจะมาทำอะไรแบบนี้ไมได้ นี่ครั้งแรกใช่ไหม”
“ครับ เรายังไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน ถึงมีก็ไม่แปลกที่จะทำ”
“ไอ้มิคกี้กูไม่สนหรอกว่ามึงจะเป็นแบบไหนกูรับมึงได้หมด มึงจะชอบใครทีไหนอย่างไรกูให้อิสระกับมึงตลอด แต่ทำไมมึงไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองบ้าง มึงยังเป็นคนอยู่ไหม”
“ก็เป็นคนไงมันต้องมีความรัก ที่พ่อยังมีได้เลย ตั้งแต่อดีตพ่อจีบทีเดียวสองคน”
“ไอ้มิคกิ้”
“ทำไม มันเรื่องจริงพ่อรับไม่ได้เหรอ”
“เพลี้ยะ”พายัพตบหน้ามิคกี้ แต่ใจของเขากับแตกสลาย
“มิคกี้พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ตั้งใจ”พายัพมือสั่นเขาทำไปด้วยความโมโห
“พ่อไม่ได้รักผม รักแต่ตัวเอง”
“มิคกี้”พายัพพูดเสียงอ่อย
“คุณคะใจเย็นๆทุกอย่างมีทางแก้ไข เรามาคุยกันด้วยเหตุผล”โสภาจับแขนของพายัพไว้
หน่อยนั่งนิ่งเงียบตัวสั่นด้วยความกลัว โดยนิสัยของหน่อยจะเป็นคนเรียบร้อยไม่มีผิดภัยกับใคร ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้โสภิตาสังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าลูกชายของเธอเปลื่ยนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเถียงคำไม่ตกฝาก
“หน่อยไม่ต้องกลัวอะไร พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด”มิคกี้เขาไปจับมือหน่อยกุมไว้
“มิคกี้”พายัพเริ่มเสียงดังอีกครั้ง มิคกี้จึงปล่อยมือหน่อยไว้ที่เดิม
“แล้วเราจะทำไงดี ในเมื่อเด็กสองคนมันรักกันไปแล้ว”โสภิตาพูดจบถึงกับกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม
“ต้องแยกเด็กออกจากกัน”พายัพพูดขึ้นทันที
“ไมได้เรารักกัน พ่อจะมาแยกเราสองคนออกจากกันไม่ได้”มิคกี้มองพ่อด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ฉันก็เห็นด้วย เดี๋ยวฉันจะให้สุกี้ไปอยู่กับพ่อของเขา”
“ลูกไม่ไป ลูกไม่อยากไปอยู่กับพ่อ”หน่อยในร่างสุกี้ไม่ค่อยถูกชะตากับแทน ที่แสนจะดิบๆโดยนิสัย ซึ่งหน่อยเข้ากับแทนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ผมก็ไม่ให้น้องไป”มิคกี้ย้ำความคิดหน่อยอีกที
“สุกี้ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวจะให้มิคกี้ไปเรียนที่ต่างประเทศ สองคนนี้ต้องแยกกันให้ไกล ถึงหน่อยจะไปอยู่กับคุณแทน ไอ้มิคกี้ของผมมันก็ตามไปหาอยู่ดี มันจะกลายเป็นสร้างความยุ่งยากให้คุณแทน”
“ผมไม่ไปผมจะไปอยู่กับแม่ ผมไม่อยู่กับพ่อแล้ว ผมอายุเกินสิบแปดบรรลุนิตภาวะแล้ว คุณพ่อจะมาบังคับผมไม่ได้ ผมดูแลตัวเองได้”
“ไอ้มิคกี้มึงต้องไปเรียนต่างประเทศ มึงอยู่ประเทศไทย เดี๋ยวมึงสร้างความยุ่งยากให้กับครอบครัวเราอีก”
“พ่อก็คิดถึงแต่หน้าตัวเอง ไม่เคยคิดถึงจิตใจของลูกเลย”
“มิคกี้พ่อยื่นคำขาด ว่าลูกต้องไปเรียนต่างประเทศ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้ทุกอย่าง”
“ผมไม่ไปผมจะอยู่ที่ประเทศไทยกับแม่ พ่อก็อยู่ที่นี่คนเดียวไปเถอะ”
มิคกี้พูดจบลุกขึ้นยืนจับมือของหน่อยวิ่งออกจากบ้านทันที เขาพาหน่อยขี้นรถแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่หน่อยไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนมิคกี้นั้นคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยความเคยชิน แต่หน่อยมัวแต่ตกใจจึงลืม ด้วยที่มิคกี้มีอารมณ์โมโห จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ สติจึงไม่พร้อมที่จะขับรถ พอมิคกี้ขับรถออกจากปากซอยแค่นั้น เขาไมได้มองทางขวามิคกี้เลี้ยวซ้ายทันที จึงทำให้รถที่ขับมาทางตรงพุ่งชนรถของมิคกี้พลิกคว่ำ
ในห้องนอนที่แสนเย็นฉ่ำไปด้วยแอร์ ร่างของมิคกี้นอนหลับอย่างสบายในอุรา แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจตื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ มิคกี้ลืมตาขึ้นและสิ่งที่เขาเห็นคือเพดานเหนือร่างของเขา มิคกี้มองไปทางซ้ายทางขวา เขาก็จำได้ทันที ว่าที่นี่คือห้องพักของเขาในอดีต มิคกี้ครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคต เขาถึงกับตกใจ มิคกี้จึงรีบลุกขึ้นนั่งทันที เพราะเขาจำได้ครั้งสุดท้ายที่รถของเขาโดนพุ่งชน และนั่นเองที่ทำให้มิคกี้ใจหายวับ เพราะคนที่นั่งมาด้วยกับเขานั่นคือหน่อย มิคกี้รีบลงจากเตียงทันที ด้วยความอยากรู้ว่าหน่อยได้มากับเขาในอดีตไหม พร้อมด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมิคกี้ห่วงหน่อยอันเป็นที่รัก เขาจึงรีบออกจากห้องของเขาเพื่อไปหาหน่อยที่ห้องทันที
เมื่อไปถึงหน้าห้องของหน่อย มิคกี้ทำใจอยู่พักหนึ่ง และภาวนาขอให้หน่อยได้อยู่ในห้อง มิคกี้จีงเคาะประตูสองสามครั้ง และรอสักครู่ซี่งมิคกี้ก็ได้ยินเสียงประตูค่อยๆแย้มออกมา จนเห็นหน้าคนที่เปิดประตู
“หน่อยจริงๆด้วย”มิคกี้โผเข้ากอดทันที
มิคกี้หารู้ไม่ว่าคนที่เขากอดนั้นไม่ใช่หน่อย แต่เป็นสุกี้ที่มาอยู่ในร่างหน่อย เมื่อหนุ่มหล่อหุ่นดีมากอดอย่างนี้ สุกี้จึงชอบและไม่ปฏิเสธว่าไม่ใช่หน่อย
“อายคนเขาเข้ามาข้างในดีกว่า”สุกี้ดันร่างของมิคกี้ออกและจูงมือมิคกี้มานั่งที่เตียงและนั่งลง
“ผมดีใจมากเลยที่หน่อยกลับมากับผมด้วย”มิคกี้อมยิ้ม
“หน่อยก็ดีใจ”สุกี้ตีเนียนเป็นหน่อย เพราะเขาค่อนข้างพอใจมิคกี้พอสมควร ถึงแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาต่อตัวจริงที่หน้าตาเหมือนมิคกี้จะเย็นชากับสุกี้ แต่ในเมื่อค่ำคืนนี้มิคกี้ในร่างต่อมาหาถึงที่สุกี้จึงยากที่จะให้หลุดมือไป
“สุดท้ายเราก็อยู่ด้วยกัน”มิคกี้กอดร่างของสุกี้ไว้แน่น และเขาก็พรหมจูบทั่วใบหน้าของสุกี้
มิคกี้ประกบปากของสุกี้ใช้ปลายลิ้นดันเข้าไปภายใน ส่วนสุกี้ก็โอบกอดมิคกี้ทันทีและดึงชายเสื้อขึ้นมาถึงช่วงอก มิคกี้ถอนริมฝีปากออกจากสุกี้ เพื่อที่จะถอดเสื้อออก เพียงสุกี้เห็นเรือนร่างท่อนบนของมิคกี้ สุกี้แท่บจะถวายชีวิตให้ เพราะมีแต่มัดกล้ามและซิคแพ็ค ที่เขาชอบดูโลกโซเซียลในอนาคตที่ผ่านมา ส่วนมิคกี้ไม่รอช้าถอดเสื้อของสุกี้ออกจนเผยเห็นเรือนร่างที่ขาวผ่องใสนวลอมชมพู
มิคกี้ประคองร่างของสุกี้ล้มตัวลงนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก้มลงไซร้ซอกคอที่ขาวผุดผ่องอย่างอ่อนละมุน แล้วเลื่อนลงมายังเนินอกนมชมพู เขาใช้ปลายลิ้นสัมผัสอย่างแผ่วเบาและหนักขึ้นเป็นบางครั้ง หลังจากนั้นก็สลับไปมาทั้งสองข้าง ส่วนสุกี้นั้นสุขกายสบายอารมณ์เสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง จนสุกี้อดจนไม่ไหวเขาจึงพลิกตัวดันร่างของมิคกี้นอนหงาย
สุกี้ลุกขึ้นนั่งและดึงกางทีเดียวสองตัวซ้อนออกจากร่างของมิคกี้ ส่วนมิคกี้ก็แอ่นสะโพกให้ถอดได้ง่ายขึ้น สุกี้ดึงกางเกงออกถึงปลายเท้าและหันมามองท่อนเอ็นของมิคกี้ ซึ่งไม่ได้ใหญ่อย่างที่เขาคิด แต่ก็สวยงามยาวตรงหัวอมชมพูดูสะอาดสะอ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ชดเชยความใหญ่ยาวได้เป็นอย่างดี
“ผิดหวังเหรอ”มิคกี้พูดขึ้นเพราะนี่คือปมด้วยของเขา
“ไม่หรอกชอบความชมพูมากกว่าใหญ่ยาว”
เมื่อสุกี้พูดจบก็ก้มลงสัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นทันที นี่เป็นสัมผัสแรกที่มิคกี้ได้รับ เพราะตั้งแต่เป็นหนุ่มมาเขายังไม่เคยได้มีความสัมพันธ์กับใครแบบจริงจัง มีแต่เฉียดมาฉียดไปทุกครั้ง ถึงแม้ในครั้งนี้เขารู้สึกแปลกใจในตัวหน่อย เพราะโดยนิสัยของหน่อยไม่น่าจะเริ่มต้นทำอะไรอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่สนความคิดนี้อีกต่อไป เนื่องด้วยความใคร่ที่กำหนัดจึงเกินจะทานทนได้
สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่ มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา “อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสี
ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที “เกรท จะกลับบ้านเหรอ” “ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ “ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย” “ไม่ไปไม่ว่าง” “นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย” “นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง “เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง “ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน” มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น “ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย” “เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ” “นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย” “นายเป็
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส
ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ “หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้ มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง “ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที “ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย “ใช่ เรารักหน่อย” “ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง “โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง “นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้ “นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร “ยังมีหน้าม
เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก “พ่อเอง พ่อพายัพ” “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง” “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้ “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก” “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้ “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับ