ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร
ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที
“เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้
“ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี
“เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน
เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม
“มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน
“เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้”
“นายว่าอย่างงั้นก็ตามนั้น”
“ก็แน่อยู่นี่”แทนหยักไหล่
“มาทดสอบฝีเท้าเพื่อเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย แต่พวกเธอทั้งสองทำตัวเยี่ยงนี้มันคู่ควรที่จะเรียกว่านักศึกษาเหรอ”โสภิตาพูดขึ้นพร้อมปราดสายตามองแทนและมิคกี้
มิคกี้คุ้นเคยกับคำพูดและกิริยาแบบนี้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาจำได้ไม่ผิดไปจากนี้
“โสภิตาเราสองคนไม่มีอะไรกันหรอก แค่ทักทายตามภาษาลูกผู้ชาย”แทนกอดคอมิคกี้เพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรกันนอกจากการทักทาย
“ใช้”มิคกี้ถอนหายใจ
“อ่อ มิคกี้เดี๋ยวเราจะไปที่ห้องนาย ไปใช้คอม”เกรทพูดขึ้นเพื่อตัดบท
“ก็ได้”มิคกี้พยักหน้า
“ถ้างั้นเรากลับกันเถอะโสภิตา เดี๋ยวเราไปส่งที่บ้าน”แทนพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอกวันนี้คุณพ่อให้คนขับรถมารับ”
“อะไร ทำไมต้องแบบนี้ทุกที”แทนรู้สึกหงุดหงิด
“จีบสาวผู้ดีต้องทำใจ”มิคกี้แอบกระซิบข้างหูของแทน
“ไปได้แล้ว”เกรทจับมือของมิคกี้และรีบพาออกไปจากสนามฟุตบอลทันที
“นายนี่ก็ไปกวนแทนอยู่ได้”เกรทปล่อยมือมิคกี้และถอนหายใจ
“ก็มันมากวนเราก่อนนี่ เราอยู่เฉยๆก็หาว่าเรายิ้มให้โสภิตา ทั้งๆที่เรายิ้มให้นายไม่ใช่มันซักหน่อย”
“เอาน่าเรื่องมันผ่านมาแล้วช่างมันเถอะ”
“ว่าแต่นายจะไปห้องเราจริงๆเหรอ”
“เปล่า เราแค่แยกนายออกมาจากแทนเท่านั้น รายนั้นขี้หึงทั้งที่โสภิตายังไม่ได้ตอบรับรักด้วยเลย แต่อีกนั่นแหละพายัพเพื่อนของนายก็ใช่ย่อยไม่เลือกสักคน จีบทีเดียวสองคนแย่มากเพื่อนนายน่ะ”
“เราเตือนมันแล้วมันไม่ฟังเราเองนี่”
“ก็ตามนั้น ดูแล้วพายัพชอบสุชาดามากกว่าโสภิตานะ”เกรทพูดขึ้น
มิคกี้ไม่พูดอะไรต่อเพราะเป็นคำพูดที่แทงกลางใจของเขาอย่างมาก ในปัจจุบันมิคกี้ยังไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าอยากได้ใครเป็นแม่ระหว่างโสภิตาและสุชาดา
“อย่าพูดเรื่องคนอื่นเลย มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”มิคกี้หันมามองเกรทแวบนึง
“เรื่องอะไร”
“นายไปห้องเราไหม ไปซื้ออะไรมาทำกินกัน เราทำไม่เป็น นายเป็นทำเราเป็นคนซื้อดีไหม”
“วันนี้คงไม่ได้ เอาไว้เป็นวันหยุดดีกว่า ชวนกันมาหลายๆคนดีไหม”
“ดีเหมือนกัน”
“เราอยากให้นายเป็นแบบนี้ตลอดไป ถึงนายจะไม่ได้รักเราแล้ว แต่นายก็ยังทำตัวเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิมทุกอย่างเลย”เกรทสัมผัสความรู้สึกนี้ได้อย่างไม่รู้ตัว
“ฮือ เราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ถ้าวันใดเราเปลื่ยนไปเป็นคนที่เรียกตัวเองว่าต่อ นายก็ห่างๆเขาก็ได้นี่ รอวันที่เรากลับมา”
“เราจะรู้ได้ไงนายจะกลับมาตอนไหน อะไรนี่มันเรื่องบ้าแล้วมั้ง นี่มันชีวิตจริง นายมีสองคนในร่างเดียวกันเหรอ”เกรทนึกขึ้นได้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
“นายสงสัยอะไร”
“เปล่า”เกรทยังไม่อยากเชื่อความคิดของเขาซักเท่าไร จึงปฏิเสธไปเพราะเกรทคิดไม่น่าเป็นไปได้
“เอาอย่างนี้ถ้าเรากลับมา เราจะเป็นแบบนี้ไปหานายถึงที่คณะเลยดีไหม ประมาณเรากลับมาแล้วนะ มาหาเราหน่อยอะไรทำนองนี้”
“ก็ได้ เดี๋ยวเราจะคอยสังเกตดู แต่ทางที่ดีนายอย่าไปไหนได้ไหม อยู่อย่างนี้แหละ แต่ก็บ้าแล้ว เราคิดอะไรไปเรื่อยมันเป็นไปไม่ได้ ที่นายเปลื่ยนมาเปลื่ยนไปอาจจะมีปัญหาด้านจิตหรือเปล่า เราว่านายต้องไปหาจิตแพทย์”
“เกรท”มิคกี้เสียงสูง เขาก็อยากจะพูดความจริงกับเกรท แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
“มิคกี้นายต้องยอมรับความจริงนะ เราสนิทกับนายมากที่สุด ทำไมเราจะไม่รู้จักตัวตนของนาย แต่ที่นายเป็นแบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่เรายังหาคำตอบไมได้ซักที หรือว่านายเป็นผีที่สิงร่างของต่อ พูดแล้วขนลุกดูซิ”เกรทยื่นแขนให้มิคกี้ดู เพราะขนแขนของเกรทตั้งอย่างเห็นได้ชัด
“เราไม่ใช่ผีเรามาจากอนาคต”มิคกี้หลุดปากพูดออกไป
“เจาะเวลาหาอดีตเหรอ นายนี่ช่างจินตนาการได้ลึกซึ้งดีแท้”
“นั่นไงบอกไปนายก็ไม่เชื่อ”
“ไร้สาระ เลิกพูดดีกว่าเราจะกลับบ้าน พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”เกรทอมยิ้มและเดินส่ายหัวเพราะอดขำมิคกี้ไม้ได้
มิคกี้รู้สึกเซ็งอย่างหนักที่เกรทว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับจิตเวช ที่หนักยิ่งกว่าหาว่าเขาเป็นผี มิคกี้เดินเข้ามาที่ห้องพักของเขาอย่างหงุดหงิด แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้มิคกี้อารมณ์ไม่ค่อยสู้ดี เพราะเขาได้เห็นสุกี้เดินลงมาจากห้องพัก และยืนคุยอยู่กับคนดูแดห้องพัก มีการโต้เถียงกันอย่างหนัก
“ป้าขอเวลาสักสองสามวันไม่ได้เหรอพ่อยังไม่ได้ส่งเงินมาเลย”
“นี่มันเข้าเดือนที่สองแล้วนะ ที่หนูไม่ได้จ่ายค่าห้อง ป้าให้โอกาสแค่เย็นนี้ ถ้ายังไม่มีเงินมาจ่ายค่าห้อง ป้าก็ต้องทำตามกฎเชิญหนูออกไปที่อื่น ถ้าหนูไม่ไปป้าจะให้ยามมาช่วยขนของออกมาไว้ข้างถนนหน้าห้องพัก”
“บอกว่าไม่มีก็ไม่มีซิ พูดไม่เข้าใจเลย ถ้ามีแล้วเดี๋ยวจะหาให้”
“ไม่เชื่อว่าไม่มี ก็เห็นออกไปเที่ยวทุกคืน แต่ละคืนก็พาเพื่อนผู้ชายมาไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน”
“ป้าไม่เคยมีเพื่อนเหรอ ปากอย่างนี้จะมีใครคบ”
“ปากดีออกไปเลยวันนี้”
มิคกี้ยืนฟังอยู่นานจนเขาไม่สามารถที่จะทนฟังต่อไปได้ เพราะนั่นมันเป็นร่างของหน่อย เขาไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์นี้ได้ มิคกี้จึงต้องหาทางช่วยเหลือให้สุกี้ในร่างหน่อยอยู่ที่นี่ต่อไป มิคกี้จึงเดินเข้าไปที่หน้าเค้าท์เตอร์ทันที
“คุณป้าเพื่อนผมค้างจ่ายค่าห้องเท่าไรครับ”
“จะจ่ายให้เหรอพ่อหนุ่ม”ป้าดูแลห้องพักเริ่มเสียงอ่อยลง
“ครับป้า”
“ค่าห้องสองเดือน น้ำไฟ ก็ห้าพันบาท ความจริงเกินกว่านี่นะ ป้าลดนิดหน่อย”
“พรุ่งนี้ได้ไหมป้า”
“เงินผมมีไม่ถึง ให้สามพันก่อนได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ ให้ได้แค่เย็นนี้”
มิคกี้คุร่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เพราะเงินในบัญชีของเขาเหลือไม่ถึงพัน มีเงินในกระเป๋าแค่สามพันกว่าบาท ซึ่งมันก็ไม่พอสำหรับค่าห้อง สาเหตุที่เงินของมิคกี้เหลือน้อย เป็นเพราะต่อลดเงินลงขอแค่ไม่กี่พัน เพราะต่อคิดว่าเงินที่พ่อกำนันขายที่ดินมาให้ ควรใช้อย่างประหยัด แต่มิคกี้คิดกลับกันถ้าเสร็จธุระตรงนี้จะโทรไปหาพ่อกำนันโอนเงินมาให้อีก
“ไม่ต้องก็ได้มิคกี้”ปากกับใจสุกี้นั้นไม่ได้ตรงกันแม้แต่น้อย ความจริงสุกี้อยากที่จะให้มิคกี้จ่ายเงินให้เขาใจจะขาด
“ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน”มิคกี้แกะสร้อยคอหนักหนึ่งบาทที่คอออก ซึ่งสร้อยเส้นนี้พ่อกำนันเป็นคนซื้อให้เขาตอนสอบติด และแหวนอีกหนึ่งวงหนักสองสลึงที่แม่จันทราซื้อให้
“สร้อยหนักหนึ่งบาทราคาสี่พันกว่าบาท แหวนหนักสองสลึงก็ตกสองพันกว่าบาท รวมแล้วเกือบเจ็ดพัน ผมเอาค้ำไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปกดเงินมาให้”
“ไหนดูซิ”คุณป้าที่ดูแลห้องพักรับสร้อยทองและแหวนมาดู ซึ่งเธอก็มั่นใจว่าเป็นของจริง ยิ่งดูกิริยามารยาท และการแต่งตัวของมิคกี้ เธอเลยมั่นใจแน่นอนว่าของแท้
“ก็ได้ ถ้าไม่มีเงินนี่ก็พอได้ พ่อหนุ่มนี่เป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน”
“ขอบคุณครับป้า”มิคกี้ยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม แต่พ่อหนุ่มน่าจะเลือกคบเพื่อนน่ะป้าขอเตือน”
“ยุ่งอะไรด้วย”สุกี้พูดขึ้นทันที
“ป้าครับผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย”มิคกี้รีบดึงแขนของสุกี้ออกมาจากเค้าท์เตอร์ทันที
“ยายป้านี่ปากดีเหลือเกิน”
มิคกี้อดสงสัยไม่ได้ว่าสุกี้เป็นถึงลูกคุณหญิงโสภิตา ทำไมกิริยามารยาทถึงไมได้แม่มาเลย ดูเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนซักเท่าไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโสภิตาสอนจนไม่รู้จะสอนอย่างไง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะสุกี้นั้นดื้อและรั้นพอสมควร
“ถามจริงทำไมถึงช่วยเรา ทองตั้งหกสลึงเชียวนะ ถ้าในที่เรามาร่วมห้าหมื่นกว่าบาทโน้น”
“เราช่วยหน่อยไม่ได้ช่วยนาย”
“จะหน่อยจะเราก็คนเดียวกันนั่นแหละ”
“ใช่เหรอ”
“ทำไมจะไม่ใช่นายเป็นบ้าอะไร ที่เราใช้ชื่อสุกี้ เพราะชื่อหน่อยเชยมาก”
“เราก็นึกว่าชื่อจริงนายเสียอีก”
“ประสาท เสียดายความหล่อ พูดจาเลอะเลือนขึ้นทุกวัน”
“แล้วจะเอาไงต่อกับชีวิต จะหายใจทิ้งไปวันๆอย่างนี้เหรอ”
“นายนี่พูดเหมือน”สุกี้อดคิดไม่ได้แวบหนึง เพราะคำนี้มันเป็นคำที่มาจากในอนาคต แต่ด้วยนิสัยของสุกี้ที่ไม่ได้ใส่เรื่องคนอื่นมากนัก เขาจึงปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จะเอาไงล่ะ เราก็เป็นหนึ้นายน่ะซิ แต่เรายังไม่มีเงินใช้หนี้นายเร็วๆนี้หรอกนะ”
“เราช่วยนายก็ไม่ได้หวังที่จะให้นายใช้หนี้หรอก ก็แค่หวังให้นายใช้ชีวิตตามปกติ”
“ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตปกติดีอยู่แล้ว”
“ปกติเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ถ้าใช่ทำไมวันนี้ไม่ไปซ้อมลีดเดอร์ เมื่อกี้เราไปคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยไม่เห็นเลยนี่”
“โดนไล่ออกแล้ว เพราะขาดซ้อมบ่อย”
“ทำไมไม่ไปซ้อม เดี๋ยวก็ไม่ผ่านกิจกรรมหรอก”
“โอ๊ย นายเป็นเพื่อนหรือเป็นแม่เนี่ยบ่นอยู่ได้”
“เราหวังดีกับนายนะมันเป็นอนาคตของนาย”
“รู้แล้ว ว่าแต่ไปซ้อมบอลเห็นแทนไหม”
“เห็นไปคัดเลือกเหมือนกัน ถามทำไม”มิคกี้รู้อยู่แล้วว่าแทนคือพ่อในอนาคตของสุกี้
“แล้วโสภิตา”
“ซ้อมลีดเสร็จก็ไปยืนเชียร์แทนคัดเลือกนักฟุตบอล”
“คู่กันจริงๆ”
“อะไรนะ”มิคกี้แกล้งได้ยินไม่ถนัด
“ไม่มีอะไรหรอกว่าแต่นายกินข้าวหรือยัง”
“ยังทำไม”มิคกี้มองหน้าสุกี้
“เรายังไม่ได้กินเลย เลี้ยงข้าวเราหน่อยซิ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
“ถามจริงนายเอาเงินไปทำอะไรหมด”
“บ้านเราจน พ่อแม่ให้มานิดหน่อยจะพอกินอะไรล่ะ”
“ก็ได้”
“ขอบใจมาก เอาอย่างนี้เราไม่มีเงินใช้หนี้นายหรอกพูดตรงๆเลย”
“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ มีเมื่อไรก็ใช้เมื่อนั้น”
“เราไม่อยากเป็นหนี้นายถึงชาติหน้า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันจากที่เราสังเกตนายชอบเราอยู่ เอาแบบนี้เราจะนอนกับนายเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกันเนาะ”
“สุกี้ ทำไมทำตัวแบบนี้ ที่ช่วยเรานายไมได้ต้องการตัวนาย”
“ไม่ได้ต้องการตัวเราแล้วช่วยทำไม”
“เราช่วยหน่อย”
“นายเป็นใคร”สุกี้เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที
“ก็เป็นมิคกี้ไง หน่อยเป็นเพื่อนเรา แล้วเราช่วยมันแปลกตรงไหน”
“ไม่แปลกหรอก แต่ทำไมนายต้องย้ำหน่อย ทั้งที่สุกี้กับหน่อยก็คนเดียวกัน”
“ก็นั่นแหละช่วยหน่อยก็เหมือนช่วยสุกี้ เลิกพูดได้แล้วไปกินข้าวเหอะ”
มิคกี้รีบตัดบททันที เพราะขืนพูดอะไรเยอะสุกี้อาจจะสงสัยมากไปกว่านี้ ซึ่งในตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส
ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ “หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้ มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง “ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที “ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย “ใช่ เรารักหน่อย” “ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง “โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง “นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้ “นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร “ยังมีหน้าม
เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก “พ่อเอง พ่อพายัพ” “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง” “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้ “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก” “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้ “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับ
วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ” “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย” “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม” “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม” “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้ สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน “
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ