แชร์

ไม่อาจตัดใจ

  ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร

  ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที

  “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้

  “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี

  “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน

  เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม

  “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน

  “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้”

  “นายว่าอย่างงั้นก็ตามนั้น”

  “ก็แน่อยู่นี่”แทนหยักไหล่

  “มาทดสอบฝีเท้าเพื่อเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย แต่พวกเธอทั้งสองทำตัวเยี่ยงนี้มันคู่ควรที่จะเรียกว่านักศึกษาเหรอ”โสภิตาพูดขึ้นพร้อมปราดสายตามองแทนและมิคกี้

  มิคกี้คุ้นเคยกับคำพูดและกิริยาแบบนี้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาจำได้ไม่ผิดไปจากนี้

  “โสภิตาเราสองคนไม่มีอะไรกันหรอก แค่ทักทายตามภาษาลูกผู้ชาย”แทนกอดคอมิคกี้เพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรกันนอกจากการทักทาย

  “ใช้”มิคกี้ถอนหายใจ

  “อ่อ มิคกี้เดี๋ยวเราจะไปที่ห้องนาย ไปใช้คอม”เกรทพูดขึ้นเพื่อตัดบท

  “ก็ได้”มิคกี้พยักหน้า

  “ถ้างั้นเรากลับกันเถอะโสภิตา เดี๋ยวเราไปส่งที่บ้าน”แทนพูดขึ้น

  “ไม่ได้หรอกวันนี้คุณพ่อให้คนขับรถมารับ”

  “อะไร ทำไมต้องแบบนี้ทุกที”แทนรู้สึกหงุดหงิด

  “จีบสาวผู้ดีต้องทำใจ”มิคกี้แอบกระซิบข้างหูของแทน

  “ไปได้แล้ว”เกรทจับมือของมิคกี้และรีบพาออกไปจากสนามฟุตบอลทันที

  “นายนี่ก็ไปกวนแทนอยู่ได้”เกรทปล่อยมือมิคกี้และถอนหายใจ

  “ก็มันมากวนเราก่อนนี่ เราอยู่เฉยๆก็หาว่าเรายิ้มให้โสภิตา ทั้งๆที่เรายิ้มให้นายไม่ใช่มันซักหน่อย”

  “เอาน่าเรื่องมันผ่านมาแล้วช่างมันเถอะ”

  “ว่าแต่นายจะไปห้องเราจริงๆเหรอ”

  “เปล่า เราแค่แยกนายออกมาจากแทนเท่านั้น รายนั้นขี้หึงทั้งที่โสภิตายังไม่ได้ตอบรับรักด้วยเลย แต่อีกนั่นแหละพายัพเพื่อนของนายก็ใช่ย่อยไม่เลือกสักคน จีบทีเดียวสองคนแย่มากเพื่อนนายน่ะ”

  “เราเตือนมันแล้วมันไม่ฟังเราเองนี่”

  “ก็ตามนั้น ดูแล้วพายัพชอบสุชาดามากกว่าโสภิตานะ”เกรทพูดขึ้น

  มิคกี้ไม่พูดอะไรต่อเพราะเป็นคำพูดที่แทงกลางใจของเขาอย่างมาก ในปัจจุบันมิคกี้ยังไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าอยากได้ใครเป็นแม่ระหว่างโสภิตาและสุชาดา

  “อย่าพูดเรื่องคนอื่นเลย มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”มิคกี้หันมามองเกรทแวบนึง

  “เรื่องอะไร”

  “นายไปห้องเราไหม ไปซื้ออะไรมาทำกินกัน เราทำไม่เป็น นายเป็นทำเราเป็นคนซื้อดีไหม”

  “วันนี้คงไม่ได้ เอาไว้เป็นวันหยุดดีกว่า ชวนกันมาหลายๆคนดีไหม”

  “ดีเหมือนกัน”

  “เราอยากให้นายเป็นแบบนี้ตลอดไป ถึงนายจะไม่ได้รักเราแล้ว แต่นายก็ยังทำตัวเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิมทุกอย่างเลย”เกรทสัมผัสความรู้สึกนี้ได้อย่างไม่รู้ตัว

  “ฮือ เราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ถ้าวันใดเราเปลื่ยนไปเป็นคนที่เรียกตัวเองว่าต่อ นายก็ห่างๆเขาก็ได้นี่ รอวันที่เรากลับมา”

  “เราจะรู้ได้ไงนายจะกลับมาตอนไหน อะไรนี่มันเรื่องบ้าแล้วมั้ง นี่มันชีวิตจริง นายมีสองคนในร่างเดียวกันเหรอ”เกรทนึกขึ้นได้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

  “นายสงสัยอะไร”

  “เปล่า”เกรทยังไม่อยากเชื่อความคิดของเขาซักเท่าไร จึงปฏิเสธไปเพราะเกรทคิดไม่น่าเป็นไปได้

  “เอาอย่างนี้ถ้าเรากลับมา เราจะเป็นแบบนี้ไปหานายถึงที่คณะเลยดีไหม ประมาณเรากลับมาแล้วนะ มาหาเราหน่อยอะไรทำนองนี้”

  “ก็ได้ เดี๋ยวเราจะคอยสังเกตดู แต่ทางที่ดีนายอย่าไปไหนได้ไหม อยู่อย่างนี้แหละ แต่ก็บ้าแล้ว เราคิดอะไรไปเรื่อยมันเป็นไปไม่ได้ ที่นายเปลื่ยนมาเปลื่ยนไปอาจจะมีปัญหาด้านจิตหรือเปล่า เราว่านายต้องไปหาจิตแพทย์”

  “เกรท”มิคกี้เสียงสูง เขาก็อยากจะพูดความจริงกับเกรท แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป

  “มิคกี้นายต้องยอมรับความจริงนะ เราสนิทกับนายมากที่สุด ทำไมเราจะไม่รู้จักตัวตนของนาย แต่ที่นายเป็นแบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่เรายังหาคำตอบไมได้ซักที หรือว่านายเป็นผีที่สิงร่างของต่อ  พูดแล้วขนลุกดูซิ”เกรทยื่นแขนให้มิคกี้ดู เพราะขนแขนของเกรทตั้งอย่างเห็นได้ชัด

  “เราไม่ใช่ผีเรามาจากอนาคต”มิคกี้หลุดปากพูดออกไป

  “เจาะเวลาหาอดีตเหรอ นายนี่ช่างจินตนาการได้ลึกซึ้งดีแท้”

  “นั่นไงบอกไปนายก็ไม่เชื่อ”

  “ไร้สาระ เลิกพูดดีกว่าเราจะกลับบ้าน พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”เกรทอมยิ้มและเดินส่ายหัวเพราะอดขำมิคกี้ไม้ได้

  มิคกี้รู้สึกเซ็งอย่างหนักที่เกรทว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับจิตเวช ที่หนักยิ่งกว่าหาว่าเขาเป็นผี มิคกี้เดินเข้ามาที่ห้องพักของเขาอย่างหงุดหงิด แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้มิคกี้อารมณ์ไม่ค่อยสู้ดี  เพราะเขาได้เห็นสุกี้เดินลงมาจากห้องพัก และยืนคุยอยู่กับคนดูแดห้องพัก มีการโต้เถียงกันอย่างหนัก

  “ป้าขอเวลาสักสองสามวันไม่ได้เหรอพ่อยังไม่ได้ส่งเงินมาเลย”

  “นี่มันเข้าเดือนที่สองแล้วนะ ที่หนูไม่ได้จ่ายค่าห้อง ป้าให้โอกาสแค่เย็นนี้ ถ้ายังไม่มีเงินมาจ่ายค่าห้อง ป้าก็ต้องทำตามกฎเชิญหนูออกไปที่อื่น ถ้าหนูไม่ไปป้าจะให้ยามมาช่วยขนของออกมาไว้ข้างถนนหน้าห้องพัก”

  “บอกว่าไม่มีก็ไม่มีซิ พูดไม่เข้าใจเลย ถ้ามีแล้วเดี๋ยวจะหาให้”

  “ไม่เชื่อว่าไม่มี ก็เห็นออกไปเที่ยวทุกคืน แต่ละคืนก็พาเพื่อนผู้ชายมาไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน”

  “ป้าไม่เคยมีเพื่อนเหรอ ปากอย่างนี้จะมีใครคบ”

  “ปากดีออกไปเลยวันนี้”

  มิคกี้ยืนฟังอยู่นานจนเขาไม่สามารถที่จะทนฟังต่อไปได้  เพราะนั่นมันเป็นร่างของหน่อย เขาไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์นี้ได้ มิคกี้จึงต้องหาทางช่วยเหลือให้สุกี้ในร่างหน่อยอยู่ที่นี่ต่อไป มิคกี้จึงเดินเข้าไปที่หน้าเค้าท์เตอร์ทันที

  “คุณป้าเพื่อนผมค้างจ่ายค่าห้องเท่าไรครับ”

  “จะจ่ายให้เหรอพ่อหนุ่ม”ป้าดูแลห้องพักเริ่มเสียงอ่อยลง

  “ครับป้า”

  “ค่าห้องสองเดือน น้ำไฟ ก็ห้าพันบาท ความจริงเกินกว่านี่นะ ป้าลดนิดหน่อย”

  “พรุ่งนี้ได้ไหมป้า”

  “เงินผมมีไม่ถึง ให้สามพันก่อนได้ไหมครับ”

  “ไม่ได้ ให้ได้แค่เย็นนี้”

  มิคกี้คุร่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เพราะเงินในบัญชีของเขาเหลือไม่ถึงพัน มีเงินในกระเป๋าแค่สามพันกว่าบาท ซึ่งมันก็ไม่พอสำหรับค่าห้อง  สาเหตุที่เงินของมิคกี้เหลือน้อย เป็นเพราะต่อลดเงินลงขอแค่ไม่กี่พัน เพราะต่อคิดว่าเงินที่พ่อกำนันขายที่ดินมาให้ ควรใช้อย่างประหยัด แต่มิคกี้คิดกลับกันถ้าเสร็จธุระตรงนี้จะโทรไปหาพ่อกำนันโอนเงินมาให้อีก

  “ไม่ต้องก็ได้มิคกี้”ปากกับใจสุกี้นั้นไม่ได้ตรงกันแม้แต่น้อย ความจริงสุกี้อยากที่จะให้มิคกี้จ่ายเงินให้เขาใจจะขาด

  “ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน”มิคกี้แกะสร้อยคอหนักหนึ่งบาทที่คอออก ซึ่งสร้อยเส้นนี้พ่อกำนันเป็นคนซื้อให้เขาตอนสอบติด และแหวนอีกหนึ่งวงหนักสองสลึงที่แม่จันทราซื้อให้ 

  “สร้อยหนักหนึ่งบาทราคาสี่พันกว่าบาท แหวนหนักสองสลึงก็ตกสองพันกว่าบาท รวมแล้วเกือบเจ็ดพัน ผมเอาค้ำไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปกดเงินมาให้”

  “ไหนดูซิ”คุณป้าที่ดูแลห้องพักรับสร้อยทองและแหวนมาดู ซึ่งเธอก็มั่นใจว่าเป็นของจริง ยิ่งดูกิริยามารยาท และการแต่งตัวของมิคกี้ เธอเลยมั่นใจแน่นอนว่าของแท้

  “ก็ได้ ถ้าไม่มีเงินนี่ก็พอได้ พ่อหนุ่มนี่เป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน”

  “ขอบคุณครับป้า”มิคกี้ยกมือไหว้

  “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม แต่พ่อหนุ่มน่าจะเลือกคบเพื่อนน่ะป้าขอเตือน”

  “ยุ่งอะไรด้วย”สุกี้พูดขึ้นทันที

  “ป้าครับผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย”มิคกี้รีบดึงแขนของสุกี้ออกมาจากเค้าท์เตอร์ทันที

  “ยายป้านี่ปากดีเหลือเกิน”

  มิคกี้อดสงสัยไม่ได้ว่าสุกี้เป็นถึงลูกคุณหญิงโสภิตา ทำไมกิริยามารยาทถึงไมได้แม่มาเลย ดูเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนซักเท่าไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโสภิตาสอนจนไม่รู้จะสอนอย่างไง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะสุกี้นั้นดื้อและรั้นพอสมควร

  “ถามจริงทำไมถึงช่วยเรา ทองตั้งหกสลึงเชียวนะ ถ้าในที่เรามาร่วมห้าหมื่นกว่าบาทโน้น”

  “เราช่วยหน่อยไม่ได้ช่วยนาย”

  “จะหน่อยจะเราก็คนเดียวกันนั่นแหละ”

  “ใช่เหรอ”

  “ทำไมจะไม่ใช่นายเป็นบ้าอะไร ที่เราใช้ชื่อสุกี้ เพราะชื่อหน่อยเชยมาก”

  “เราก็นึกว่าชื่อจริงนายเสียอีก”

  “ประสาท เสียดายความหล่อ พูดจาเลอะเลือนขึ้นทุกวัน”

  “แล้วจะเอาไงต่อกับชีวิต จะหายใจทิ้งไปวันๆอย่างนี้เหรอ”

  “นายนี่พูดเหมือน”สุกี้อดคิดไม่ได้แวบหนึง เพราะคำนี้มันเป็นคำที่มาจากในอนาคต แต่ด้วยนิสัยของสุกี้ที่ไม่ได้ใส่เรื่องคนอื่นมากนัก เขาจึงปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

  “จะเอาไงล่ะ เราก็เป็นหนึ้นายน่ะซิ แต่เรายังไม่มีเงินใช้หนี้นายเร็วๆนี้หรอกนะ”

  “เราช่วยนายก็ไม่ได้หวังที่จะให้นายใช้หนี้หรอก ก็แค่หวังให้นายใช้ชีวิตตามปกติ”

  “ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตปกติดีอยู่แล้ว”

  “ปกติเหรอ”

  “ก็ใช่น่ะสิ”

  “ถ้าใช่ทำไมวันนี้ไม่ไปซ้อมลีดเดอร์ เมื่อกี้เราไปคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยไม่เห็นเลยนี่”

  “โดนไล่ออกแล้ว เพราะขาดซ้อมบ่อย”

  “ทำไมไม่ไปซ้อม เดี๋ยวก็ไม่ผ่านกิจกรรมหรอก”

  “โอ๊ย นายเป็นเพื่อนหรือเป็นแม่เนี่ยบ่นอยู่ได้”

  “เราหวังดีกับนายนะมันเป็นอนาคตของนาย”

  “รู้แล้ว ว่าแต่ไปซ้อมบอลเห็นแทนไหม”

  “เห็นไปคัดเลือกเหมือนกัน ถามทำไม”มิคกี้รู้อยู่แล้วว่าแทนคือพ่อในอนาคตของสุกี้

  “แล้วโสภิตา”

  “ซ้อมลีดเสร็จก็ไปยืนเชียร์แทนคัดเลือกนักฟุตบอล”

  “คู่กันจริงๆ”

  “อะไรนะ”มิคกี้แกล้งได้ยินไม่ถนัด

  “ไม่มีอะไรหรอกว่าแต่นายกินข้าวหรือยัง”

  “ยังทำไม”มิคกี้มองหน้าสุกี้

  “เรายังไม่ได้กินเลย เลี้ยงข้าวเราหน่อยซิ หิวจะแย่อยู่แล้ว”

  “ถามจริงนายเอาเงินไปทำอะไรหมด”

  “บ้านเราจน พ่อแม่ให้มานิดหน่อยจะพอกินอะไรล่ะ”

  “ก็ได้”

  “ขอบใจมาก เอาอย่างนี้เราไม่มีเงินใช้หนี้นายหรอกพูดตรงๆเลย”

  “เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ มีเมื่อไรก็ใช้เมื่อนั้น”

  “เราไม่อยากเป็นหนี้นายถึงชาติหน้า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันจากที่เราสังเกตนายชอบเราอยู่ เอาแบบนี้เราจะนอนกับนายเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกันเนาะ”

  “สุกี้ ทำไมทำตัวแบบนี้ ที่ช่วยเรานายไมได้ต้องการตัวนาย”

  “ไม่ได้ต้องการตัวเราแล้วช่วยทำไม”

  “เราช่วยหน่อย”

  “นายเป็นใคร”สุกี้เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที

  “ก็เป็นมิคกี้ไง หน่อยเป็นเพื่อนเรา แล้วเราช่วยมันแปลกตรงไหน”

  “ไม่แปลกหรอก แต่ทำไมนายต้องย้ำหน่อย ทั้งที่สุกี้กับหน่อยก็คนเดียวกัน”

  “ก็นั่นแหละช่วยหน่อยก็เหมือนช่วยสุกี้ เลิกพูดได้แล้วไปกินข้าวเหอะ”

  มิคกี้รีบตัดบททันที เพราะขืนพูดอะไรเยอะสุกี้อาจจะสงสัยมากไปกว่านี้ ซึ่งในตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status