ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที
“เกรท จะกลับบ้านเหรอ”
“ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ
“ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย”
“ไม่ไปไม่ว่าง”
“นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย”
“นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง
“เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง
“ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน”
มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น
“ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย”
“เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย”
“นายเป็นบ้าอะไรจะต่อจะมิคกี้มันก็คนเดียวกันนั่นแหละ”
“ไม่ใช่ มานี่มาเคลียร์กับเราเลย”มิคกี้จับมือของเกรทและดึงให้ตามเขาไปยังที่ห้องพัก
“ปล่อยนะ เราเดินเองได้”
“ปล่อยก็ได้แต่นายก็ต้องไปที่ห้องกับเราเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้จะได้จบซักทีว่าจะเอาอย่างไง”
เมื่อมิคกี้และเกรทมาถึงที่ห้องพัก มิคกี้มองหน้าเกรทด้วยความสงสัย ส่วนเกรทก็มองหน้ามิคกี้ด้วยความอยากรู้ว่ามิคกี้จะพูดอะไรต่อจากนี้
“จะเคลียร์เรื่องอะไร เราจะได้กลับบ้าน เดี๋ยวมันจะมืดค่ำ”
“มืดก็นอนนี่จะไปกลัวอะไร แต่เราสองคนต้องเคลียร์ใจกันก่อน”
“ก็ได้ พูดมาเลย”เกรทยืนนิ่งพร้อมฟัง
“นายโกรธเราเรื่องอะไร”มิคกี้ถามทันที เพราะเขาสงสัยมาตลอดทาง
“เราไม่ได้โกรธนายแต่นายโกรธเราต่างหาก”
“เราโกรธนายเรื่องอะไรบอกมา”มิคกี้อยากรู้ใจจะขาดว่าต่อโกรธเรื่องอะไร และอยากรู้อีกว่าตอนนี้ต่อไปอยู่ไหน สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือเขากลัวต่อไปอยู่ในอนาคตแบบหน่อย
“นายจำไม่ได้หรือว่าแกล้งเราให้พูดเรื่องแบบอย่างว่า”
“มันเรื่องอะไรแบบอย่างว่า”มิคกี้ครุ่นคิดได้แค่คืนนั้นไม่ได้ทำอะไรกัน แค่ต่างฝ่ายต่างใช้มือช่วยตัวเอง
“ก็นายโกรธเราที่เราทำไอ้นั่นนาย แล้วนายก็ต่อยเราจนหน้าปูดบวมไปหมด”เกรทหน้าเริ่มแดง
“ทำอะไร”มิคกี้ยังสงสัย
“ก็ตอนเช้าเราอมของนายและก็ขึ้นคร่อมนาย พอนายตื่นมานายก็หาว่าเราลักหลับนาย หลังจากนั้นนายก็ทำร้ายเรา และตัดขาดจากความเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมลืมง่ายกัน”
“นั่นมันไม่ใช่เรา”มิคกี้มีสีหน้าที่ตกใจพอสมควร
“ไม่ใช่นายแล้วใคร ตอนค่ำบอกให้เราทำให้ พอใกล้แจ้งเราทำให้ ก็หาว่าเราลักหลับ ด่าเราเสียๆหายๆ นายทำกับเราเจ็บแสบมาก ตอนนี้ยังมาตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องอีก”
มิคกี้พูดไม่ออกและไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เพราะถึงอธิบายไปเกรทก็คงไม่เชื่อ และเรื่องนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้มิคกี้เกิดความเครียดและกลัดกลุ้ม เพื่มเข้ามาในหัวสมองของเขา
“เราขอโทษก็แล้วกันนะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้ไหม”
“แฟนน่ะเหรอ คงไม่ได้แล้วแหละ เรากลัวนายจะมาทำร้ายเราอีก นายยิ่งสามวันดีสี่วันไข้ ผีเข้าผีออกอยู่ตลอดเวลา”
“ไม่ใช่ แค่เพื่อนก็พอ ส่วนเรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เราจะไม่แตะต้องตัวนาย เลยนายก็ไม่ต้องมาทำอะไรให้เรา แค่เพื่อนไง”ในตอนนี้ความรู้สึกของมิคกี้ที่มีให้เกรทนั้นได้
เปลื่ยนไปแล้ว จากเมื่อก่อนที่เริ่มจะชอบในเชิงคนรัก แต่ในช่วงเวลานี้เขาเห็นเกรทเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง เพราะทั้งใจเขามอบให้หน่อยไม่เหลือให้ใคร
“พูดง่ายดีหนอ ทำให้เราหลงรัก แล้วก็มาตัดความสัมพันธ์ซะดื้อๆ นายเห็นเราเป็นตัวอะไรมันเปลื่ยนกันง่ายๆเหรอ กว่าที่เราจะรักนายก็นานพอสมควร พอเรารักนายแต่นายดันหมดรักเรา ขอแค่เป็นเพื่อน ขืนยังคบกันต่อไปในฐานะเพื่อนเราก็เจ็บอยู่ฝ่ายเดียว นายนี่มันช่างเห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง”
“คือเราขอโทษ ตอนนั้นเราเข้าใจผิดคิดว่านายเป็นแฟนเราไง”
“มาเข้าคงเข้าใจผิดอะไรกัน นายไม่ต้องมาพูดอะไรอีกแล้ว ความรู้สึกมันเอาคืนมาไม่ได้”
“เกรทเราของร้องให้เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมได้ไหม”
“ตอนนี้ยัง ขอคิดดูก่อน”ถึงแม้เกรทจะโกรธและเคืองมิคกี้ซักเพียงใด แต่เขาก็ยังอยากอยู่ใกล้ชิดมิคกี้ตลอดเวลา
“ไม่ต้องคิดแล้วนะ”
มิคกี้เดินเข้าไปใกล้ๆเกรทและจับสองแขนเกรทไว้ ส่วนเกรทก็อยากจะโกรธมิคกี้ แต่เขาใจแข็งไม่พอที่จะตัดความสัมพันธ์นี้ให้ขาดสะบั้น
“ถ้ากลับมาเหมือนเดิมนายจะไม่ระแวงเราอีกใช่ไหม”เกรทพูดขึ้น
“ใช่ เราไม่ระแวงนายหรอก นายเป็นเพื่อนที่ดีของเราเสมอ จำไว้นะเกรทไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราชั่วครั้งชั่วคราว พึงระลึกว่านั่นต่อไม่ใช่มิคกี้ ถ้ามิคกี้จะเป็นเช่นนี้ ถ้าเป็นต่อก็จะเป็นคนที่นายรู้จักดีที่สุด ถ้าเป็นเราจะเป็นคนที่นายไม่คุ้นเคย นายจำความรู้สึกนี้ไว้นะ”
“นายพูดอะไร เราไม่เข้าใจจะต่อจะมิคกี้ก็คนเดียวกัน แต่ก็น่าแปลกนายเหมือนมีสองคนในร่างเดียวกัน มันเกิดอะไรขึ้นกับนายเหรอ”
“เราบอกนายไปก็ไม่เชื่อหรอก รู้แค่นี้พอ นายจำไว้”
“ฮือ เราจะจำไว้”เกรทตอบแบบงงๆ เพราะเขายังไม่เข้าใจในความหมายที่มิคกี้พูด
“ดีมากเพื่อนรัก”มิคกี้โอบกอดเกรทไม่นานเท่าไรแล้วตบบ่าของเกรท และพยักหน้าให้เกรท ซึ่งเกรทก็ยังไม่เข้าใจแต่เขาก็จะพยายามเข้าใจในความนัยน์ของมิคกี้ให้ไว้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตู
“ใครมาเนี่ย”มิคกี้พูดขึ้นและเปิดประตู
เพียงมิคกี้เปิดประตูออกแค่นั้น สุกี้ในร่างหน่อยก็เข้ามาในห้องมิคกี้ทันที และมองไปรอบห้องซึ่งสร้างความพึงพอใจให้สุกี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นห้องที่หรูมาก ของใช้ครบครัน ซึ่งแตกต่างจากห้องของหน่อย ที่มีแต่ตู้เสื้อผ้าและกะทะไว้ต้มมาม่า
“ห้องสวยดีนี่”สุกี้หันมองจนรอบและมาสะดุดตาที่เกรท ที่หน้าตาหล่อคมเข้มโดนใจสุกี้อีกแล้ว
“คุ้นหน้าใช่คนที่ต่อยกันวันนั้นไม่ใช่เหรอ วันนี้คืนดีกันแล้ว อย่างว่าผู้ชายก็แบบนี้แหละ”
“เรากลับก่อนนะมิคกี้”เกรทแอบชำเลืองมองมิคกี้ ซึ่งเกรทเข้าใจผิดไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะเขาแน่ใจที่มิคกี้เปลื่ยนไป ก็เพราะสุกี้มากกว่า ไม่ใช่ที่เขาไม่ชอบผู้ชาย
“เดี๋ยวเจอกัน”มิคกี้พูดขึ้น
“เพื่อนเหรอหล่อดีนี่”
“ใช่ ถามทำไม”
“อุ๊ย หึงเหรอ บอกไว้ก่อนเราไม่ชอบผูกพันกับใคร แต่จะว่าไปหน้านายคุ้นๆนะ หน้าแบบนี้เคยเห็นที่ไหนไม่รู้ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก”สุกี้ยกไหล่ขั้น
“แปลกอะไร เรากับพายัพหน้ายังเหมือนกันเลย คนหน้าเหมือนมีเยอะแยะ แล้วมาหาเรามีธุรอะไร”มิคกี้รีบเปลื่ยนเรื่องทันที เพราะเขายังไม่อยากให้สุกี้รู้เรื่องนี้
“ดูจากห้องของนายแล้ว ครอบครัวของนายคงมีฐานะดีพอสมควร”
“พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”มิคกี้ใจร้อนอยากรู้ว่าสุกี้ต้องการอะไรกันแน่ที่มาห้องของเขา
“จะมาขอยืมเงินสักสองพันพอมีไหม”สุกี้พยายามอ่อนมิคกี้ สุกี้เข้าไปจับแขนมิคกี้ลูบขึ้นลูบลง
“มี แล้วจะเอาไปทำอะไร”
“ต้องบอกด้วยเหรอ ว่าจะเอาไปทำอะไร ก็บ้านเราจนนี่ ไม่ได้รวยเหมือนนายซักหน่อย”
“ก็ได้”มิคกี้เจอคำพูดนี้เข้าไป จนทำให้เขาไม่กล้าถาม และไม่อยากรู้อีกต่อไป เขาจึงควักเงินในกระเป๋าให้สุกี้
“เอ้า”มิคกี้ยื่นเงินให้สุกี้ ซึ่งสุกี้ก็รีบรับโดยไว
“ขอบใจมากนะที่รัก”สุกี้ยื่นริมฝีปากหอมแก้มของมิคกี้ ซึ่งมิคกี้รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มีความชอบแต่อย่างใด
“ไม่เป็นไร”
“วันหลังจะมาตอบแทนให้ถึงใจ แต่วันนี้ต้องไปทำธุรก่อนนะ”สุกี้หันหลังและเดินออกจากห้องของมิคกี้ไปในทันที ด้วยความที่เป็นคุณหนูในโลกอนาคต มีเงินใช้จ่ายอย่างไม่เดือดร้อน แต่เมื่อสุกี้มาอยู่ในร่างของหน่อยที่พ่อแม่ไมได้ร่ำรวยล้นฟ้า เงินที่ได้มาจากพ่อแม่ของหน่อยจึงไม่พอใช้
ที่สุกี้มาขอยืมเงินมิคกี้ เพราะสุกี้ไม่มีเงินเที่ยวกลางคืน และคืนนี้สุกี้นัดกับเพื่อนใหม่ไปเที่ยวผับ ซึ่งมันเป็นความเก็บกดตั้งแต่ในอนาคต เพราะคุณหญิงโสภิตาค่อนข้างเจ้าระเบียบ จึงชอบบังคับสุกี้ทำโน้นทำนี่ตลอด ส่วนแทนพ่อของสุกี้ก็มักพาไปทำกิจกรรมที่เขาไม่ค่อยชอบ ถึงแม้ทั้งโสภิตาและแทนจะรับได้ว่าสุกี้เป็นแบบนี้ แต่ทั้งสองก็ชอบที่ให้สุกี้ทำตามที่ตัวเองอยากให้เป็น สุกี้จึงอยากจะปลดปล่อยเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปอนาคตอีกเมื่อไร สุกี้จึงคิดว่าจะใช้เวลาที่อยู่ในอดีตให้คุ้ม
มิคกี้นั่งลงถอนหายใจทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาไม่เว้นแต่ละวัน แต่มีเรื่องเดียวที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องของหน่อย ซึ่งเขาอยากทราบมากว่าหน่อยเป็นอยู่เช่นไร แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าจะมีวิธีทางไหนกลับไปยังในอนาคตได้ และอีกเรื่องหนึ่งที่เขาอยากจะแก้ปัญหาให้เด็ดขาดก็เรื่องของเขากับต่อ ที่ตอนนี้มิคกี้มาอยู่ในร่างของต่อ และต่อไปอยู่ไหนเขาก็ไม่แน่ใจและมีอยู่อย่างหนึ่งที่มิคกี้กลัว เขากลัวต่อจะไปอยู่ในอนาคตและอยู่ร่างของเขา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นอาจทำให้เรื่องของเขาและหน่อยบานปลายใหญ่โต
ดึกดื่นเที่ยงคืนมิคกี้ยังไม่หลับไม่นอน เพราะเขาอดเป็นห่วงสุกี้ไม่ได้ ถึงแม้เขาไม่ได้รักสุกี้ แต่สุกี้มาอยู่ในร่างของหน่อย เขาจึงรู้สึกห่วงไม่อยากให้สุกี้ทำอะไรที่ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น เขาจึงขึ้นไปดูห้องของหน่อยที่สุกี้อาศัยอยู่ แต่เขาเห็นเพียงกุญแจที่ล็อคอยู่หน้าห้อง มิคกี้ไม่สามารถรอหน้าห้องได้ เขาจึงลงกลับมาชั้นเดิมของเขา ซึ่งในเวลานั้นนั่นเองเขาได้ยินเสียงคนคุยกันและเป็นเสียงที่คุ้นเคย มิคกี้หยุดฟังจนเสียงนั้นมาใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อเสียงและตัวตนที่เขาได้ยินมาตรงหน้าเขา มิคกี้ถึงกับตกใจและมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ
“สุกี้”มิคกี้มองหน้าสุกี้และชายหนุ่มที่สุกี้พามาด้วย ซึ่งหน้าตาหล่อหุ่นบางกว่าเขา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”สุกี้มองหน้ามิคกี้อย่างเลื่อนลอย
“ยัง ทำไมกลับดึกจัง”
“ไอ้หน้าหล่อนี่มันเป็นใครมายืนขวางทางอยู่ได้ หลบไปรกตาจริงๆเลย”หนุ่มที่สุกี้พามาด้วยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“นายเป็นใครพูดจาดีๆไม่ได้เหรอ”
“หาเรื่องเหรอไอ้ลูกหมา”
“มาซิ”มิคกี้เห็นหุ่นหนุ่มที่สุกี้พามา เขาไม่รู้สึกกลัวเลย
ชายหนุ่มที่สุกี้พามาถึงแม้จะเมา แต่เมื่อเห็นรูปร่างของมิคกี้ที่ใหญ่โตกว่า เขาจึงกล้าทำอะไรมากกว่านี้
“มันตัวเรา มันเรื่องของเรา นายไม่ต้องมายุ่ง ไปกันเถอะที่รักอย่าไปสนหนุ่มข้างห้องเลย”สุกี้ดึงแขนชายหนุ่มที่เขาพามาด้วยเดินผ่านหน้ามิคกี้ไปอย่างไม่ใยดี
ส่วนมิคกี้ยืนนิ่งตกตะลึงกับพฤติกรรมของสุกี้อยู่พักหนึ่ง เขาจึงเดินกลับไปยังห้องของสุกี้แนบหูฟังเสียงในห้อง และสิ่งที่เขาพอจะได้ยินคร่าวๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เสียงอะไรที่แปลกประหลาด แต่เป็นเสียงครางของสุกี้และชายหนุ่มคนนั้น มิคกี้หันหลังพิงประตูและค่อยๆเลื่อนตัวลงนั่งกับพื้น เขารู้สึกเสียใจเสียความรู้สึก ที่สุกี้ทำในสิ่งที่หน่อยจะไม่มีทำเป็นอันขาด
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส
ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ “หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้ มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง “ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที “ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย “ใช่ เรารักหน่อย” “ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง “โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง “นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้ “นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร “ยังมีหน้าม
เกรทสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงของผู้คนเรียกขานชื่อมิคกี้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยและแสงไฟได้แยงตาของเขา “มิคกี้ทำพ่อตกใจหมดเลย”พายัพมีท่าโล่งอก “คุณไม่ใช่พ่อผม”ต่อจ้องมองพายัพซึ่งเขาก็คุ้นๆหน้าแต่ก็นึกไม่ออก “พ่อเอง พ่อพายัพ” “พ่อพายัพ อ๋อ คุณเป็นพ่อของพายัพใช่ไหม ถึงว่าซิหน้าเหมือนกัน แล้วผมมาอยู่บ้านลุงได้ไงแล้วพายัพไปไหน”ต่อมองไปรอบๆบริเวณภายในบ้าน ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก “พายัพก็ชื่อพ่อนี่ไง”พายัพมีสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณลุงเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย”ต่อเริ่มใจคอไม่ดี “มิคกี้จำพ่อไม่ได้เหรอ พ่อเอง” “ผมชื่อมิคกี้เหรอ ไม่ใช่มั้งมั้งผมชื่อต่อ”ต่อมองหน้าพายัพอย่างใคร่รู้ “ใช่ มิคกี้ลูกพ่อ ต่อไหนพ่อไม่รู้จัก” “แล้วที่นี่มันที่ไหน”ต่อคุร่นคิดหนักขึ้น และคิดไปว่า เขาอาจจะเข้ามาอยู่ในร่างของมิคกี้ “บ้านพ่อไง จำบ้านเราไม่ได้เหรอ”พายัพงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นสีหน้าของต่อที่มึนงง “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” “ก็ลูกอยู่นี่เป็นลูกพ่อ ไม่อยู่กับพ่อแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ต่อพยายามปะติปะต่อเรื่องราว ซึ่งก็มีเค้าความเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต่อคิดเพียงว่าแค่สลับ
วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ” “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย” “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม” “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม” “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้ สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน “
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ