ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ
“ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที
“เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที
“มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้
“มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน
“หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก
“เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท
“เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท
“ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร
เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซีดเซียวเหมือนคนไร้เลือด หายใจโรยรินอย่างช้าๆจนมิคกี้ใจหาย
“ไมได้การเราต้องพาไปหาหมอ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“จะเอาเงินที่ไหนไปหาหมอ”
“สามสิบบาทรักษาทุกโรคไง”
“สามสิบบาทอะไร มีซะที่ไหนมีแต่เสียเงิน”
“เอ่อใช่ มิคกี้คิดออกทันทีเพราะในเวลานี้คือในอดีต
“เดี๋ยวเราจ่ายเอง”มิคกี้อุ้มร่างของสุกี้ไว้ใต้วงแขนและพาออกจากห้อง ส่วนสุชาดาหลังจากล็อคห้องสุกี้ เธอก็รีบวิ่งตามไปให้ทันมิคกี้
เมื่อมิคกี้และสุชาดาพาสุกี้มาหาหมอแล้ว ทั้งสองก็นั่งรอสุกี้ที่หน้าห้อง อย่างหายใจไม่ทั่วท้อง ต่างวิตกกังวลใจกลัวหน่อยจะเป็นอะไรไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกสุชาดา ถึงมือหมอแล้ว”มิคกี้ปลอยสุชาดา แต่ใจเขายิ่งเป็นหนักกว่าสุชาดาหลายเท่านัก
“หวังเช่นนั้น เราก็ผิดพักหลังไม่ค่อยได้ดูแลหน่อยเท่าไรเลย”สุชาดาเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก น่าจะเป็นความผิดเรามากกว่า”
“เมื่อไม่กี่วันที่เราเจอหน่อยยังมีอาการปกติดีนี่”
“ใช่เมื่อวานก่อนเราก็ไปหานะก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น”มิคกี้คิดถึงความสัมพันธ์ทางกายครั้งล่าสุด เขาก็ไม่เห็นว่าสุกี้จะเป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ใช่ หรือว่าหน่อยเป็นอะไรแล้วไม่บอกพวกเรา”
“น่าเป็นไปได้ เป็นความผิดเราที่ไม่ได้สนใจหน่อยเท่าที่ควร”มิคกี้พยักหน้า
“อย่าโทษกันเลย”สุชาดาพูดขึ้น
“ใครญาติคนไข้ครับ คุณหมอจะคุยด้วย”พยาบาลสาวยิ้มให้ทั้งสอง แต่สายตาแฝงไว้ด้วยความเศร้า
“ผมครับ”มิคกี้ยืนขี้น
“เป็นอะไรกับคนไข้ค่ะ”
“แฟนครับ”
“อ๋อ”พยาบายสาวยิ้มอย่างเข้าใจ และไม่เผยความรู้สึกใดๆออกมา มีเพียงแต่สุชาดาที่นั่งอึ้งกับคำพูดของมิคกี้ ที่กล้าหาญพูดออกมาต่อหน้าต่อตาหลายคน
“ตามพยาบาลเข้ามาในห้อง เพื่อพบคุณหมอนะคะ”
“ครับ”
มิคกี้เดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องที่มิดชิดพอสมควร โดยที่พยาบาลไม่เข้าไปในห้องด้วยแต่อย่างใด
“หวัดดีครับคุณหมอ หน่อยเป็นไงบ้างครับ”
“ก็อาการหนักพอสมควร”
“เป็นโรคอะไรครับ”มิคกี้ลุ้นให้หมอตอบโรคที่ไม่ร้ายแรง
“คุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอครับ”
“แฟนครับ”มิคกี้ยิ้มนิดๆ
“คือ คุณหน่อยเป็นโรคเนื้องอกในสมองระยะสุดท้ายครับ”
“อ่ะ”มิคกี้มีสีหน้าที่ตกใจอย่างมาก
“ในเลือดของสุกี้มีสารเสพติดด้วย และเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆอีก”
“โรคอะไรครับ”มิคกี้เสียงสั่น
“วางใจได้เป็นโรคที่รักษาหายขาด คุณไม่ต้องกังวล หมอขอโทษนะ ถ้าเกิดมีเพศสัมพันธ์กันหมอแนะนำให้ไปตรวจโดยด่วน และทำการรักษาก่อนที่จะลุกลามมันจะรักษาอยาก”
“ครับหมอ”
“แต่ว่าญาติต้องทำใจไว้บ้างนะครับ”
“ครับหมอ”มิคกี้พยักหน้าพร้อมใจที่ร้าวร้านอย่างบอกไม่ถูก
คุณหมอได้อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างให้มิคกี้เข้าใจ ซึ่งหน่อยตัวจริงเป็นโรคนี้มานานแล้ว โดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย พอสุกี้เข้ามาอยู่ในร่างของหน่อย เขาใช้ชีวิตโดยมีความเสี่ยงและไม่ดูแลรักษาตัวเอง จึงส่งผลให้อาการกำเริบเข้าขั้นระยะสุดท้าย
ซึ่งในตอนนี้สมองของมิคกี้ตื้อไปหมด ไหนจะต้องดูแลสุกี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาอีก มิคกี้เดินคอตกมานั่งข้างๆสุชาดา ด้วยใจที่ปวดร้าวทุกข์ระทม
“มิคกี้หน่อยเป็นไงบ้าง”สุชาดาเขย่าที่แขนกของมิคกี้
“หน่อยเป็นเนื้องอกในสมองระยะสุดท้าย”มิคกี้พูดเสียงอ่อย
“หน่อย”สุชาดาน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ และรู้สึกผิดที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอได้ทิ้งหน่อยไว้คนเดียว แต่เธอไม่รู้เลยว่านั่นหาใช่หน่อยไม่ แต่เป็นสุกี้ที่มาจากอนาคต
“แล้วเราจะทำไงกันดีล่ะ”
“เราก็ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไงดี”มิคกี้ถึงกับส่ายหัว
“ค่าใช้จ่าย ค่ายา ค่าหมอ เราจะไปเอาเงินมาจากไหน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี่ยวเราหาให้”
“มิคกี้นายช่วยหน่อยมามากแล้ว และอีกอย่างหนึ่งนายยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย”
“จะให้เราทำไงล่ะ ปล่อยหน่อยให้ตายไปเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ปล่อยให้ตาย แต่มันไม่มีทางรักษาแล้วไม่ใช่เหรอ บางครั้งเราต้องทำใจนะ”
มิคกี้ก้มหน้าลงใช้ศอกยันขาสองมือกุมหน้าผากด้วยความกลัดกลุ้ม เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้
“แต่เราทำใจไม่ได้ เราต้องสูญเสียทั้งสุกี้ทั้งหน่อย ในเวลาใกล้ๆกัน”
“สุกี้ไหน”
“เอ่อ ญาติเราห่างๆ”
“นายต้องทำใจ ถ้ารักษาหายเราจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันระยะสุดท้าย สิ่งที่ดีที่สุดคือปล่อยหน่อยไป อย่าทรมารหน่อยเลย รวมทั้งทรมานนายด้วยนั่นแหละ”
มิคกี้อยู่ในห้วงความรู้สึกในอนาคตอีกครั้ง เป็นความรู้สึกเดียวกันไม่ผิดแผกแตกต่างกันสักเท่าใดนัก มิคกี้จึงก้มหน้าน้ำตาไหลพรากอีกครั้ง
“แต่เราทำใจไม่ได้จริงๆสุชาดา ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วยเราไม่เข้าใจริงๆ”มิคกี้สะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง
“มิคกี้นายต้องทำใจให้ได้ เพราะไม่มีทางที่จะรักษาได้แล้ว เรายื้อไว้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร และอีกอย่างหนึ่งถึงนายจะบอกหมอว่าเป็นหน่อย แต่นายไม่ใช่ญาติหน่อย คนที่จะตัดสินใจเรื่องหน่อยได้ก็มีแต่พ่อแม่และญาติๆของหน่อยเท่านั้นแหละ”
“ใช่ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า”มิคกี้ถอนหายเฮือกใหญ่
มิคกี้กับสุชาดานั่งซึมเศร้าหน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดหวัง เพราะหนทางที่จะรักษาสุกี้ได้ปิดประตูไปแล้ว
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที “โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา “นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง “ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง “นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง “เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี” “ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อ
เมื่อมิคกี้กินข้าวไข่เจียวที่จันทราหญิงสาวที่อ้างเป็นแม่ทอดให้กินแล้ว เขาก็ได้ออกมานั่งนอกชานกับกำนันบุญมีและจันทรา หลังจากนั้นกำนันบุญมีจึงถามไถ่เรื่องเรียนให้คลายสงสัย “แล้วมึงจะไปสมัครเรียนเมื่อไร”กำนันบุญมีมองหน้ามิคกี้ด้วยความอิ่มเอม “อีกสองสามวันเดี๋ยวไปสมัครครับ” “มึงอยากได้อะไรบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจัดหาให้ทุกอย่าง พ่อดีใจมากที่มึงคิดได้ซะที” “พ่อ”จันทราหยิกที่แขนเพื่อเตือนสติสามี เพราะจันทรากลัวว่าลูกชายจะขออะไรที่เกินไป “แม่จันทรานี่มาหยิกพ่อทำไม” “พ่อครับ ทุกอย่างที่จะหาให้ผมเลยใช่ไหม”มิคกี้ยิ้มในใจทันที “ใช่ซิว่ะพ่อจะโกหกมึงทำไม” “ถ้างั้นผมขอเลยนะ”มิคกี้ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ที่เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าสองคนนี้รักเขาเหมือนลูกแท้ๆแน่นอน มิคกี้จึงเริ่มสนิทใจที่จะขอสิ่งต่างๆ “ไอ้ไก่มึงไปเตรียมปากกากับสมุดมาจดเดี๋ยวนี้”เมื่อไก่ได้ยินคำสั่งของกำนัน เขาจึงรีบไปนำสมุดปากกามาเตรียมจดทันที “อย่างแรกในห้องนอนของผม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ผมขอ ทีวีจอแบน จอตู้หนาๆโบราณๆ แบบที่ตั้งอยู่กลางบ้านนั่นไม่เอานะ แล้วก็แอร์ด้วยมันร้อนมาก ผมเป็นคนขี้ร้อน นอนไม่ค่อยหลับถ้
มิคกี้ชวนเกรทมาที่บ้าน ส่วนเกรทก็ตามมาอย่างง่ายดาย เพราะแต่ก่อนเกรทก็มาเป็นประจำ พึ่งหายไปช่วงที่เรียนจบ เพราะเกรทต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงที่บ้านของกำนัน เกรทก็ชวนมิคกี้เป็นเล่นน้ำที่แม่น้ำ ที่ทั้งสองเคยเล่นกันเป็นประจำ เมื่อมาถึงที่บ้านกำนันบุญมี มิคกี้ได้ให้ไก่เอาของที่ซื้อมา ไปเก็บไว้ที่ห้องของมิคกี้ หลังจากนั้นมิคกี้กลับเกรทก็เดินไปยังแม่น้ำ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านกำนันบุญมีมากนัก “ตกลงนายจะเรียนไหม”เกรทเป็นฝ่ายถามก่อน พร้อมเดินนำทางไปยังแม่น้ำ ซึ่งเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มิคกี้บอกจำทางไปแม่น้ำไมได้“เรียนซิ อีกสองสามวันจะไปสมัครสอบ”“นายจะเรียนคณะอะไรล่ะ แล้วเรียนที่ไหน”“ที่มหาลัยพิพัฒนเมธา คณะ รัฐศาสตร์ ตอนแรกจะเรียนบริหาร พ่อไม่ให้เรียนอยากให้เราเรียนรัฐศาสตร์ “แปลก ปกติพ่อกำนันให้ไปซ้ายนายจะไปขวา จะทำอะไรตรงข้ามตลอด แต่อะไรดลใจนายให้ตามใจพ่อกำนัน”“ก็ท่านเป็นพ่อไง เราก็ตามใจท่านซักหน่อย นายล่ะเรียนคณะอะไร”“อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับนายนั่นแหละ”“ว้าว สุดยอดไปเลย”“อะไรของนาย ว้าว ว้าว ว้าว เราล่ะปวดกับคำพูดของนายจังเลย”“อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน”“คงน
“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะมาจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” มิคกี้เปลื่ยนช่องไปเรื่อยๆก็ยังมีรายการเก่าๆละครโบราณ เขาเลยคิดว่าช่องต่างๆรีรันละครกันทุกช่อง จนมิคกี้ย้ายมาที่ช่อง15 เป็นรายการข่าวภาคเย็น “สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2538 เป็นวันหวยออก ผลรางวัลที่1 411454 ครับ”มิคกี้เริ่มงงและสับสนเพราะปีนี้มันปีที่2567 ทำไมข่าวรายงานหวยออกเป็นวันที่1มีนาคม 2538 มิคกี้หันไปหาเกรทที่เปลื่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง“ปีนี้ปี 2567ไม่ใช่เหรอ ทำไมนักข่าวบอกว่า 2538ว่ะ แค่วันเดือนปียังรายงงานผิดเลย”มิคกี้พูดขึ้น“นายนั่นแหละประสาทแดก นักข่าวเขาก็พูดถูกแล้วนี่ปีนี้ พ.ศ.2538”“ไม่ใช่ปีนี้ 67”“ยังจะมาเถียงนายดูปฏิทินโน้นปีนี้ 38”“นายนั่นแหละประสาทปีนี้67”มิคกี้เดินไปดูปฏิทินซึ่งก็เป็นปี2538 จริงๆ“เป็นไงเชื่อหรือยัง”“ไม่ใช่หรอก ปฏิทินปีนี้67ต่างหาก”ถึงมิคกี้จะเถียงเกรทคอเป็นเอ็น แต่เขาก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันมิคกี้จึงย้ายช่องทีวีใหม่ซึ่งก็มีแค่ 13 15 17 19 14 เขาย้ายวนมาวนไปก็มีแค่ห้าช่อง จนเขาเริ่มหงุดหงิดจนเหวี่ยงรีโมททิ้งบนที่นอน“ทำไมมีแค่ห้าช่องเอง เดี๋ยวนี้เป็
เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา “มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอครับแม่” “นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้” “ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา “เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา” “หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน “หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ “ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย” “อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ” “ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ” “มิคกี้”คุณหญิงโ