บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที
“โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา
“นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง
“ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง
“นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง
“เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี”
“ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย
“ก็พ่อของลูกพี่ไง”
“ไม่ใช่ พ่อเราเป็นรัฐมนตรี นายอย่ามามั่วพูดไปเรื่อย มาลดตำแหน่งพ่อของเรา”
“ลูกพี่นี่เป็นอะไรเนี่ย ตื่นมาก็สติสตังไม่เต็มซะนี่”
“นายนั่นแหละไม่เต็ม”
“อย่าพูดมากเลยลูกพี่ รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกไปกินข้าวได้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเรา ถ้าเราหิวเดี๋ยวจะไปกินเอง แต่ที่นี่มันที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“โอ๊ย ผมไม่คุยกับลูกพี่แล้ว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำดีกว่า”ไก่ลุกขึ้นยืนและกำลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน นายเป็นใคร”
“ก็ลูกพี่ผมไง จำไม่ได้อีกเหรอ”
“ชื่อไร”
“ชื่อไก่”
“เหรอ เราไม่เคยมีลูกน้อง ที่มีที่บ้านก็แก่ๆทั้งนั้น”
“อ้าว อยากได้แก่ๆเหรอ เดี๋ยวผมจะให้พ่อมาเป็นลูกน้องเอาไหม”
“ไม่เอา นายนั่นแหละอยู่ก่อน”
“อะไรอีกล่ะลูกพี่ มีอะไรก็พูดมา”
“ที่นี่บ้านกำนันบุญมี แล้วเรามาอยู่นี่ได้อย่างไรกัน”
“อ้าว ก็ลูกพี่เป็นลูกชายกำนันบุญมี จะไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
“จริงเหรอ”มิคกี้รู้สึกมึนงง และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เห็นในช่วงเวลานี้ที่แปลกออกไป
“ป่ะโธ่ ลูกพี่เป็นอะไรไปเนี่ย บอกแล้วว่าอย่าหนีกำนันไปเที่ยวงานวัด โดนตัวอะไรเข้าสิงล่ะเนี่ย”
“งานวัดอะไรไม่เคยไป เราไปเล่นฟุตบอลมา”
“ฟุตบงฟุตบอลอะไรไม่เคยเห็นเล่น มีแต่เมื่อคืนช่วงหัวค่ำ ขึ้นไปต่อยมวยแล้วโดนน็อค สลบล้มฟุบคาเวที”ไก่แอบหัวเราะนิดๆ
“นายนั่นแหละบ้า เราไม่เคยชกมวยเลย”
“ไม่เคยก็ไม่เคย ผมไปก่อนนะเดี๋ยวมาหา ไปอาบซะหน่อย เมื่อคืนกว่าจะพาลูกพี่มาได้เล่นเอาผมเหนื่อยเลยนะ”ไก่รีบเดินออกจากห้องนอนในทันที
“เดี๋ยวก่อน”มิคกี้เรียกไก่ไม่ทัน เพราะไก่รีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มิคกี้นั่งลงบนเตียงแล้วครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างหน้าประหลาดใจยิ่งนัก มิคกี้จำได้ลางๆว่ากำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ และในช่วงเวลานั้นที่เขาไล่เลี้ยงฟุตบอลมาถึงหน้าประตู พอได้จังหวะเหมาะเขาเตะลูกฟุตบอลเพื่อหวังทำประตู แต่ดันพลาดโดนคานประตู ลูกฟุตบอลกระเด็นมาโดนที่ศีรษะของเขา จนล้มลงฟุบกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ ณ ที่แห่งนี้
มิคกี้ก้มหน้าก้มตาด้วยความสับสน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน มิคกี้นั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง เขาก็คิดถึงคำพูดของไก่ที่บอกให้อาบน้ำและไปกินข้าว มิคกี้จึงทำตามสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน สิ่งแรกที่เขาต้องหาคือผ้าเช็ดตัวเพื่อมาผลัดเสื้อผ้า แต่ก็หาไม่เจอเขาวนหาจนรอบห้อง เจอแต่ผ้าขาวม้าลายแดงขาว มิคกี้หยิบขึ้นมาดูซึ่งมันบางมาก แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงนุ่งผ้าขาวม้าเพื่อถอดกางเกงออก หลังจากนั้นเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้อง
พอมิคกี้เข้ามาภายในห้องน้ำเขามองหาฝักบัว แต่ก็ไม่พบได้แต่เห็นโอ่งน้ำลายมังกรที่มีขันสีเขียววางอยู่บนฝาอลูมินเนียม มิคกี้จึงเปิดหยิบขันออกเปิดฝาโอ่งวางไว้ หลังจากนั้นมองซ้ายมองขวามองบน เพราะเขากลัวคนมาแอบดูเมื่อคิดว่าปลอดภัย มิคกี้จึงถอดผ้าขาวม้าพาดไว้ หลังจากนั้นตักน้ำในโอ่งราดตัวร่วมสิบขัน
เมื่อตัวเปียกซุ่มมิคกี้หาครีบอาบน้ำแต่ไม่เจอ เห็นมีสบู่ตรานกแก้วมิคกี้จึงจำเป็นต้องหยิบมาใช้ถูตัว มิคกี้อดคิดไม่ได้ว่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน ข้าวของเครื่องใช้ทำไมไม่คุ้นเคย เหมือนอย่างที่เขาเคยดูในหนังละครไม่ผิดเพี้ยน มิคกี้ทนอาบน้ำที่แสนจะเย็นจนขนลุก เขาจึงรีบอาบรีบออกมาจากห้องน้ำ และเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีแต่ชุดที่ไม่ใช่แนวของเขาเลย มิคกี้ถึงกับกุมขมับด้วยความมึนงง เพราะในชีวิตของมิคกี้มีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม
มิคกี้ไม่รู้จะใส่ชุดอะไรเขาจึงเลือกกางยีนส์ตัดขาสั้น และมีรอยขาดตรงต้นขากับเสื้อยืดสีดำสกรีนลายรูปปิศาจ เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จก็ยืนนิ่งอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี เขาสับสนอลหม่านจิตใจเพราะคิดอะไรไม่ออก ถ้าจะถูกจับตัวมาทำไมถึงอยู่ในห้องแบบสบายๆ มิคกี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเปิดประตูออกไป
สิ่งที่มิคกี้เห็นไปลานกว้างๆที่พื้นเป็นไม้ขนาดใหญ่ เขามองไปรอบๆซึ่งกว้างมาก และผนังบ้านก็เป็นไม้เช่นกัน มีรูปผู้หญิงผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆติดไว้ และอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของเขาเอง มิคกี้ยืนมองดูรูปตัวเองอยู่นาน จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“ไอ้ต่อมึงยืนทำซากอะไร มากินข้าวซิวะ”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
มิคกี้หันหน้าไปมองทันที ซึ่งชายที่เรียกก็เป็นคนเดียวกับคนในรูป มิคกี้หันมองรูปถ่ายอีกรอบ และเขาได้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าเหมือนคนในรูปถ่าย
“ต่อเอ่ย มากินข้าวเร็วลูก”หญิงสาววัยกลางคนเรียก
มิคกี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากทำตัวเนียนและหาจังหวะหลบหนีจากที่แห่งนี้ให้จงได้ เขาเดินไปเรื่อยๆและนั่งลงกับพื้นไม้ใกล้ๆชายหญิงคู่นั้นที่เรียกขานเขา
“ของโปรดของเองเลย น้ำพริกแมงดา”จันทราหญิงสาวพูดขึ้น
“ครับ”มิคกี้สะอึกกับคำว่าแมงดา แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก
“ตักข้าวซิไอ้ต่อมึงจะให้แม่มึงตักให้เหรอ”กำนันบุญมีอดรำคาญลูกชายที่นั่งนิ่งๆไม่ได้
“ที่นี่ที่ไหนครับ”มิคกี้กลั้นใจพูด
“ก็บ้านกูซิวะ”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ลุงเป็นใครเอาผมมาอยู่ด้วยทำไม”
“มึงก็ลูกกูซิไอ้ต่อ มึงเป็นบ้าอะไรของมึง”
“ผมไม่ใช่ลูกลุง พ่อผมเป็นรัฐมนตรี”
“ต่อ ทำไมพูดกับพ่ออย่างนั้น แม่ไม่ชอบเลยที่ลูกพูดจาฟังไม่ได้”จันทราพูดแทรกทันที
“คุณไม่ใช่แม่ผม แม่ผมเป็นคุณหญิง”
“ต่อเป็นอะไรมากไหมนี่ลูก เมื่อคืนลูกไปไหนมาโดนอะไรมาหรือเปล่า”จันทรารู้สึกสงสัย เพราะเธอพึ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าว่าลูกชายไปเที่ยวงานวัด และได้ขึ้นชกมวยแต่แพ้น็อคสลบกลางเวทีมวย
“มันคงยังมึนๆอยู่ เมื่อคืนพี่งแพ้น็อคคาเวที เสียชื่อลูกกำนันหมด ทีหลังถ้าอ่อนซ้อมก็ไม่ต้องไปชกมวยอายเขา”
“ผมไม่ได้ไปชกมวย ผมเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วลูกฟุตบอลมันกระเด็นมาโดนศีรษะผมเลยสลบ ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่”
“มึงประสาทกลับแล้วมั้งไอ้ต่อ พูดจาเลอะเลือนฟังไม่ได้เลยนะ”
“ผมไม่ได้ประสาทกลับ ผมไม่ได้ชื่อต่อ ผมชื่อมิคกี้อยู่กรุงเทพ ไม่ใช่ที่ต่างจังหวัดอย่างนี้”
“พ่อลูกเราอาการหนักน่าจะพาไปหาหมอไหม”จันทราหันมามองกำนันบุญมี
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมว่าพวกคุณมากว่าที่ต้องไปหาหมอ จูจู่ก็พาผมมาที่นี่แล้วหาว่าเป็นลูก”
“แม่ ดูมันพูด นั่นปากมันเหรอนะ แบบนี้มันต้องโดนหวาย”กำนันบุญมีรีบเรียกลูกน้องทันที
“ไอ้ไก่ เอาหวายมาที”
“ครับ” ไก่วิ่งมาพร้อมถือหวายมาด้วย
“กำนันจะเอามาทำอะไรเหรอครับ”ไก่ถาม
“เอามาตีไอ้ลูกทรพีนะซิ กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มันยังหาว่ากูไม่ใช่พ่อมันอีก ให้เรียนหนังสือก็ไม่เรียน จบมอหกแล้วให้สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ไป เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วก็จะหมดเขต”
มิคกี้ฉุกคิดได้ทันทีเมื่อได้ยินว่าต้องไปสอบเอ็นทรานซ์ เขาจึงหยุดพูดตอบโต้กำนันบุญมี เพราะมิคกี้คิดว่าขืนเขายังไม่หยุดอาจโดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่
“ถ้าคุณตีผม ผมก็จะไม่ไปสอบเอ็นทรานซ์”
“มึงพูดอะไรนะ พูดอีกที”กำนันบุญพูดขึ้น
“ผมจะเรียนต่อ แล้วก็จะไปสอบเอ็นทรานซ์”
“ไอ้ไก่ เอาหวายทิ้งไปไกลๆเลย เผาไฟยิ่งดี”
“อะไรของกำนันเนี่ย”ไก่พูดขึ้น
“ไอ้ไก่มึงอย่าพูดมาก กูบอกให้เอาไปทิ้ง กูจะไม่ใช้มันแล้ว”
“ครับพ่อกำนัน”
“ต่อ พูดจริงใช่ไหม”จันทราหันหน้ามามองมิคกี้
“จริงครับ แม่”มิคกี้พยายามทำตัวเนียน เพราะเขาดูแล้วว่าชายหญิงคู่นี้ไม่ได้หวังร้ายกับเขา
“แหม ลูกพี่พอเจอหวายนี่สมองกลับทันทีเลยนะ”
“ไอ้ไก่ถ้าไม่หุบปากเดี๋ยวกูจะตีมึงแทน”
“ไม่พูดแล้วกำนัน”
“แล้วมึงจะเรียนคณะอะไร”กำนันบุญมีถามด้วยความอยากรู้
“บริหารธุรกิจครับ”มิคกี้พูดอย่างหนักแน่น
“เรียนรัฐศาสตร์ดีกว่าไหมลูก”กำนันบุญมีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ได้ครับ”มิคกี้รับคำไปอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าพอไปสอบแล้วก็จะหาทางกลับบ้านไปด้วย
“มึงนี่เวลาไม่ดื้อก็น่ารักดีไอ้ลูกพ่อ”กำนันบุญมียิ้มไม่หุบ
“ดีแล้วลูก”จันทราปลื้มใจอย่างที่สุด ที่ลูกชายเปลื่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ไอ้เรื่องสอบอย่าไปเครียดเลย ถ้าสอบไม่ได้เอกชนก็มีพ่อมีปัญญาส่งมึงเรียน ขอแค่ให้มึงเรียนแค่นั้นแหละ”
“ครับพ่อ”มิคกี้เผลอพูดคำว่าพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วมึงจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”
“มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”
“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ ที่นี่เขาว่าเข้าอยากมากนะ”
“ผมเคยเรียนที่นี่แล้ว ไม่น่าอยากสำหรับผม”
“มึงเข้าไปเรียนตอนไหนวะ”กำนันบุญมีเกาหัวด้วยความมึนงง
“เอ่อ ในฝัน ผมฝันว่าอยากเข้าเรียนที่นี่ครับ”
“เอ่อดี ที่ไหนก็ได้พ่อสนับสนุน”
“ครับพ่อ”
“แม่ตักข้าวให้ไอ้ต่อมันซิ ปานนี้หิวแย่แล้ว มัวแต่คุยกันตั้งนาน”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ไหนพ่อไม่ให้ตักไง ให้ลูกตักข้าวกินเอง”
“แม่จันทราก็ อันนั้นมันเมื่อกี้แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“จ๊ะ”จันทราอดยิ้มไม่ได้
เมื่อจันทราตักข้าวมาให้มิคกี้ เขาก็นั่งมองข้าวที่เต็มจาน พร้อมอาหารตรงหน้าที่มีน้ำพริกแมงดา ผักบุ้งต้ม ข้างๆก็เป็นแกงส้มมะละกอ มิคกี้มองไปมองมา แล้ววางช้อนไว้ในจานข้าวอย่างเดิม
“ทำไมไม่กินล่ะลูก”จันทราพูดขึ้น
“ผมกินเผ็ดไม่ได้ครับ”
“ใช่ๆ มันพึ่งโดนต่อยปากนะ ดูซิเจ่อเลย”กำนันบุญมองไปที่ริมฝีปากของลูกชาย
“เดี๋ยวแม่ไปทอดไข่เจียวให้กินนะ”
“ครับแม่”
มิคกี้นั่งมองจันทราที่รีบลุกขึ้นไปทอดไข่เจียวในห้องครัว ส่วนเขาก็นั่งนิ่งๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนกำนันบุญมีก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้แปลกไปมาก แต่เขาก็ไม่สนถ้าแปลกในแง่ที่ดีขึ้น
เมื่อมิคกี้กินข้าวไข่เจียวที่จันทราหญิงสาวที่อ้างเป็นแม่ทอดให้กินแล้ว เขาก็ได้ออกมานั่งนอกชานกับกำนันบุญมีและจันทรา หลังจากนั้นกำนันบุญมีจึงถามไถ่เรื่องเรียนให้คลายสงสัย “แล้วมึงจะไปสมัครเรียนเมื่อไร”กำนันบุญมีมองหน้ามิคกี้ด้วยความอิ่มเอม “อีกสองสามวันเดี๋ยวไปสมัครครับ” “มึงอยากได้อะไรบอกพ่อมา เดี๋ยวพ่อจัดหาให้ทุกอย่าง พ่อดีใจมากที่มึงคิดได้ซะที” “พ่อ”จันทราหยิกที่แขนเพื่อเตือนสติสามี เพราะจันทรากลัวว่าลูกชายจะขออะไรที่เกินไป “แม่จันทรานี่มาหยิกพ่อทำไม” “พ่อครับ ทุกอย่างที่จะหาให้ผมเลยใช่ไหม”มิคกี้ยิ้มในใจทันที “ใช่ซิว่ะพ่อจะโกหกมึงทำไม” “ถ้างั้นผมขอเลยนะ”มิคกี้ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ที่เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าสองคนนี้รักเขาเหมือนลูกแท้ๆแน่นอน มิคกี้จึงเริ่มสนิทใจที่จะขอสิ่งต่างๆ “ไอ้ไก่มึงไปเตรียมปากกากับสมุดมาจดเดี๋ยวนี้”เมื่อไก่ได้ยินคำสั่งของกำนัน เขาจึงรีบไปนำสมุดปากกามาเตรียมจดทันที “อย่างแรกในห้องนอนของผม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ผมขอ ทีวีจอแบน จอตู้หนาๆโบราณๆ แบบที่ตั้งอยู่กลางบ้านนั่นไม่เอานะ แล้วก็แอร์ด้วยมันร้อนมาก ผมเป็นคนขี้ร้อน นอนไม่ค่อยหลับถ้
มิคกี้ชวนเกรทมาที่บ้าน ส่วนเกรทก็ตามมาอย่างง่ายดาย เพราะแต่ก่อนเกรทก็มาเป็นประจำ พึ่งหายไปช่วงที่เรียนจบ เพราะเกรทต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงที่บ้านของกำนัน เกรทก็ชวนมิคกี้เป็นเล่นน้ำที่แม่น้ำ ที่ทั้งสองเคยเล่นกันเป็นประจำ เมื่อมาถึงที่บ้านกำนันบุญมี มิคกี้ได้ให้ไก่เอาของที่ซื้อมา ไปเก็บไว้ที่ห้องของมิคกี้ หลังจากนั้นมิคกี้กลับเกรทก็เดินไปยังแม่น้ำ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านกำนันบุญมีมากนัก “ตกลงนายจะเรียนไหม”เกรทเป็นฝ่ายถามก่อน พร้อมเดินนำทางไปยังแม่น้ำ ซึ่งเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มิคกี้บอกจำทางไปแม่น้ำไมได้“เรียนซิ อีกสองสามวันจะไปสมัครสอบ”“นายจะเรียนคณะอะไรล่ะ แล้วเรียนที่ไหน”“ที่มหาลัยพิพัฒนเมธา คณะ รัฐศาสตร์ ตอนแรกจะเรียนบริหาร พ่อไม่ให้เรียนอยากให้เราเรียนรัฐศาสตร์ “แปลก ปกติพ่อกำนันให้ไปซ้ายนายจะไปขวา จะทำอะไรตรงข้ามตลอด แต่อะไรดลใจนายให้ตามใจพ่อกำนัน”“ก็ท่านเป็นพ่อไง เราก็ตามใจท่านซักหน่อย นายล่ะเรียนคณะอะไร”“อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับนายนั่นแหละ”“ว้าว สุดยอดไปเลย”“อะไรของนาย ว้าว ว้าว ว้าว เราล่ะปวดกับคำพูดของนายจังเลย”“อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน”“คงน
“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่นายจะมาจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” มิคกี้เปลื่ยนช่องไปเรื่อยๆก็ยังมีรายการเก่าๆละครโบราณ เขาเลยคิดว่าช่องต่างๆรีรันละครกันทุกช่อง จนมิคกี้ย้ายมาที่ช่อง15 เป็นรายการข่าวภาคเย็น “สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2538 เป็นวันหวยออก ผลรางวัลที่1 411454 ครับ”มิคกี้เริ่มงงและสับสนเพราะปีนี้มันปีที่2567 ทำไมข่าวรายงานหวยออกเป็นวันที่1มีนาคม 2538 มิคกี้หันไปหาเกรทที่เปลื่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง“ปีนี้ปี 2567ไม่ใช่เหรอ ทำไมนักข่าวบอกว่า 2538ว่ะ แค่วันเดือนปียังรายงงานผิดเลย”มิคกี้พูดขึ้น“นายนั่นแหละประสาทแดก นักข่าวเขาก็พูดถูกแล้วนี่ปีนี้ พ.ศ.2538”“ไม่ใช่ปีนี้ 67”“ยังจะมาเถียงนายดูปฏิทินโน้นปีนี้ 38”“นายนั่นแหละประสาทปีนี้67”มิคกี้เดินไปดูปฏิทินซึ่งก็เป็นปี2538 จริงๆ“เป็นไงเชื่อหรือยัง”“ไม่ใช่หรอก ปฏิทินปีนี้67ต่างหาก”ถึงมิคกี้จะเถียงเกรทคอเป็นเอ็น แต่เขาก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันมิคกี้จึงย้ายช่องทีวีใหม่ซึ่งก็มีแค่ 13 15 17 19 14 เขาย้ายวนมาวนไปก็มีแค่ห้าช่อง จนเขาเริ่มหงุดหงิดจนเหวี่ยงรีโมททิ้งบนที่นอน“ทำไมมีแค่ห้าช่องเอง เดี๋ยวนี้เป็
เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา “มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา “มีอะไรเหรอครับแม่” “นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้” “ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา “เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา” “หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน “หน้าตาเหมือน โสภิตา มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่ๆ”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ “ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย” “อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อยๆ” “ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ” “มิคกี้”คุณหญิงโ
มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า “ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้” “สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย “สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง” “อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว “ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว” “ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ” “เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย” “อาไหน”มิคกี้งง “ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” “ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง “โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร “ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี “รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น “ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที “ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่