ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่
ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก
“มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ครับพ่อกำนัน”
“เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี
“ครับแม่”
“พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอยากให้มิคกี้อยู่หอใน ก็เพราะว่าเป็นห่วงและกลัวลูกชายทะเหล่ทะไหลอย่างเช่นต่อคนเดิมในความคิดกำนัน
“ไม่เอาหรอกพ่อ คนเยอะ เรื่องแยะ คนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น โน้นนั่นนี่ รำคาญ ผมอยากอยู่คนเดียวดีกว่าสบายใจดี”
“ก็ได้แล้วแต่เอง เอ่อ ไอ้เกรทมันก็สอบติดนี่มันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ทำไมมึงไม่ชวนมันมาอยู่ด้วยกัน อยู่กันสองคนพ่อจะได้หมดห่วง ไอ้เกรทนิสัยมันดี ตั้งใจเรียน ไปอยู่ที่กรุงเทพก็อย่าลืมติดต่อมันด้วยนะ”พ่อกำนันพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้วพ่อ เกรทแฟนผมนี่ก็อยากให้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เกรทไปอยู่กับน้าที่กรุงเทพ”
“แฟนเหรอ”จันทราเอามือทาบอก
“ไอ้ต่อมึงพูดอะไรเดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด ไอ้นี่เดี๋ยวฟ้าผ่าเอาหรอก ชอบพูดเล่นไปเรื่อย” “ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมพูดจริง”
ในช่วงเวลาที่มิคกี้พูดอยู่นั้น ไก่ลูกน้องของต่อแอบอมยิ้ม เพราะตัวเขาเองที่โกหกว่าเกรทเป็นแฟน มิคกี้เลยสวมรอยทำตัวเนียนเป็นแฟน
“พี่กำนันไม่มีอะไรหรอก ไอ้ต่อมันแกล้งกำนันอย่าคิดมาก ไปกันได้แล้วเดี๋ยวถึงหอพักมืดค่ำกันพอดี”นกผู้เป็นอารีบตัดบททันที
“ยังไปไม่ได้พ่อกำนันยังไม่ให้เงินผมเลย บัตรเครดิตสักใบหนึ่งก็ยังดี”มิคกี้แบบมือของเงิน
“บัตรเครดิตอะไร”กำนันมีสีหน้างง
“อ๋อ บัตรเอทีเอ็มก็ได้ เวลาผมใช้เงินจะกดได้เลย”
“อ๋อ พ่อไม่มี ไอ้นกมึงมีไหมบัตรเอทีเอ็ม”
“ผมก็ไม่มี เวลาไปเบิกก็เอาสมุดบัญชีไปเบิกเอา”
“เชยไม่ทันสมัยเลย เดี๋ยวไปกรุงเทพผมเปิดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม แล้วพ่อก็โอนเงินใส่บัญชีผมทุกเดือน เดือนละห้าหมื่นบาท”
“ไอ้ต่อมึงจะเอาเงินไปใช้อะไรตั้งห้าหมื่นบาท”กำนันมีสีหน้าตกใจ
“ค่าห้อง ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหาร เยอะมากพ่อ ห้าหมื่นจะพอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย อุตส่าห์ลดให้เหลือหมื่นห้าก็ดีแล้วนะพ่อกำนัน”
“ถ้างั้นกูต้องขายบ้านขายที่ส่งมึงเรียนใช่ไหมเนี่ย”พ่อกำนันเสียงดังขึ้น
“ก็ใช่สิ ถ้าไม่มีเงินก็ต้องขาย จะให้ผมอยู่แบบอดยากได้ไง ลูกพ่อกำนันบุญมีจะน้อยหน้าใครไม่ได้”
“จันทราแม่มีไหมห้าหมื่น”กำนันหันมามองจันทราด้วยสายตาละห้อย
“มีอยู่แสนหนึ่งต้องเอาไว้ซื้อปุ๋ย”
“ให้ไอ้ต่อมันไปก่อน แล้วเงินในบัญชีมีเท่าไรล่ะ”
“ก็มีหลายแสนอยู่ แต่ต้องเอาไว้หมุนน่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะขายที่สักสามสิบไร่ น่าจะได้หลายล้านอยู่ส่งไอ้ต่อมันเรียน”
“พ่อคิดดีแล้วเหรอ”
“คิดดีแล้ว มันการลงทุนที่คุ้มค่ามาก”
“พ่อกำนันคิดถูกแล้ว สมบัตินอนกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ ถ้าผมเรียนจบก็ทำงานจะซื้อคืนใช้หนี้พ่อสองเท่าเลย”
“ไม่ต้องซื้อใช้กูหรอกแค่มึงเรียนให้จบก็พอแล้ว เพราะอย่างไงที่ดินที่กูจะขายก็ต้องตกเป็นของมึงอยู่ดี”
“ใช่ครับ ขอบคุณพ่อกับแม่มาก”
“แม่จันทราไปเอาเงินออกมาไป”
“ผมจะตั้งใจเรียนให้พ่อกับแม่ภาคภูมิใจ รับรองผมจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง”
หลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้ใคร่ครวญทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็แน่ใจทันทีว่าหลงมายุคเก้าศูนย์ ในเมื่อยังกลับไม่ได้มิคกี้เลยมีความคิดว่าต้องทำตัวเป็นลูกกำนัน เพื่อใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากนี้
“เอ้าเงินห้าหมื่นเก็บไว้ดีดีนะเดี๋ยวหาย”แม่จันทรายื่นเงินให้มิคกี้
“เดี๋ยวผมเอาไปฝากธนาคาร เวลาใช้บัตรเอทีเอ็มกดเอา เห็นไหมสะดวกกว่าธนาณัติอีกหลายวันกว่าจะถึง”
“ฮือ”กำนันพยักหน้า
“ถ้างั้นผมไปแล้วนะพ่อแม่”มิคกี้ยกมือไหว้ทั้งสองคน
“โชคดีนะลูก”ทั้งกำนันบุญมีและจันทรายิ้มให้มิคกี้ แต่สายตามีความเศร้าอยู่พอสมควร
นกขับรถจากพิษณุโลกเข้ากรุงเทพก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ในช่วงเวลานั้นมิคกี้ได้มองตลอดสองข้างทางไม่ยอมหลับ เพราะสองข้างทางมีความโบราณสมควร ถึงจะไม่มากมายเป็นร้อยปี แต่ก็เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก เพราะในอนาคตที่เขามานั้นมีแต่ความเจริญ ซึ่งแตกต่างกับตอนนี้ที่เขาอยู่
เมื่อมิคกี้กับนกมาถึงหอพักที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ในส่วนของนกรีบกลับทันทีเพราะวันพรุ่งนี้เขามีประชุมผู้ใหญ่บ้าน ส่วนมิคกี้ก็จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ จัดห้องให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งห้องของมิคกี้เป็นห้องแอร์ ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตูเย็น คอมพิวเตอร์ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นอีก ซึ่งนกผู้เป็นอาของเขาจัดเต็ม ตามความต้องการของมิคกี้ เพราะกำนันบุญมีสั่งไว้ ถ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยากได้อะไร จัดให้ทุกอย่างอย่าให้ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว
หลังจากมิคกี้จัดห้องเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงช่วงเวลาเย็นพอดีเขาจึงหาข้าวกินและอาบน้ำนอนในเวลาต่อมา จนกระทั้งเช้าเขาจึงเดินออกจากหอพักเพื่อที่จะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา
เพียงมิคกี้เห็นประตูมหาวิทยาลัยเท่านั้น เขารู้สึกใจหายทันที เพราะสถานที่แห่งนี้ในอนาคตที่เขามา คือที่เรียนของเขา แต่ในวันเวลานี้กลับเป็นอดีต ซึ่งสิ่งๆต่าง ตึก รั้ว แตกต่างจากอนาคตอย่างสิ้นเชิง
มิคกี้เดินไปที่คณะรัฐศาสตร์ยี่สิบปีที่แล้วซึ่งมีเพียงตึกสองชั้น แต่ในอนาคตที่เข้ามามีถึงสามชั้น มิคกี้เดินเข้าไปก็เห็นรุ่นพี่ออกมาต้อนรับรุ่นน้องจนเต็มหน้าคณะ ในระหว่างที่มิคกี้กำลังจะเดินเข้าไปข้างในคณะนั้น ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากได้ด้านหลัง
“นาย เรียนที่นี่เหมือนกันใช้ไหม”
มิคกี้หันไปมองทันที และเขาก็ต้องตกใจขีดสุด เพราะใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งละหม้ายคล้ายพ่อของเขาตอนหนุ่ม และมีหลายมุมที่เหมือนตัวของเขามาก
“พ่อ”มิคกี้พูดเสียงแผ่วเบา
“ใครพ่อนาย”ชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มมีสีหน้าที่โกรธ
“อ๋อ ขอโทษ พอดีเราคิดถึงพ่อเรานะ เรามาจากต่างจังหวัด”มิคกี้ยิ้ม
“ฮือ ถ้างั้นเราขอโทษด้วยนะ เราเข้าใจคนที่มาจากต่างจังหวัดก็ต้องคิดถึงบ้านคิดถึงพ่อแม่เป็นธรรมดา”
“ไม่เป็นไร นายชื่ออะไร”มิคกี้ถาม
“พายัพ สุริยะมงคลอนัตคุณากร”
“อ่ะ”มิคกี้ถึงกับทำตาถลึง เพราะเป็นนามสกุลของเขานั่นเอง ซึ่งแน่นอนพายัพเป็นพ่อของเขาในอดีต มิคกี้แท่บคุมสติไม่อยู่ซะทีเดียว
“ตกใจอะไรขนาดนั้น หรือว่าตกใจนามสกุลที่ยาวมากใช่ไหม”
“ใช่ยาวมาก”
“นายล่ะชื่ออะไร”พายัพถามกลับ
“เรียกมิคกี้ก็ได้”มิคกี้เผลอตัวใช้ชื่อในอนาคต เพราะด้วยเคยชิน
“มิคกี้ แหม ใครตั้งชื่อให้นายเนี่ย หน้าออกไทยผสมจีนแต่ชื่อเป็นฝรั่ง”
“พ่อ”มิคกี้คิดในใจก็พ่อนั่นแหละตั้งให้
“พ่อนายนี่สุดยอดเลยหนอ อยากเห็นหน้าพ่อนายเหลือเกิน นายคงได้พ่อมาเยอะแน่เลย พ่อนายคงหล่อมากๆ”
“ใช่ พ่อเราหล่อมาก”มิคกี้เสียดายนิดนึง เพราะพ่อให้แต่ความหล่อมา ส่วนไอ้นั่นให้มาหน่อยเดียว จนอดีตคนเคยรักล้อประจำถือว่าเป็นปมด้วยของเขาเสียทีเดียว
“ไปเหอะ รุ่นพี่เรียก”พายัพพยักหน้าชวนมิคกี้เข้าไปในคณะ
มิคกี้เดินเข้าไปในคณะพร้อมกันพายัพซึ่งเป็นพ่อในอดีต เขาแอบมองพ่อของเขาตลอด ซึ่งเขาก็แอบภูมิใจที่ได้ความหล่อมาจากพ่อ เพราะพ่อของเขาตอนหนุ่มนี่หล่อมาก
หลังจากมีการต้อนรับน้องใหม่เสร็จเรียบร้อย มิคกี้จึงรีบที่จะไปหาเกรทที่คณะอักษรศาสตร์ ในระหว่างที่เขากำลังออกจากคณะ พายัพก็รีบเดินเข้ามาหา
“นายจะไปไหนรีบจังเลย”
“อ๋อ ไปหาแฟนคณะอักษรศาสตร์”มิคกี้เผลอไผลพูดออกไปตรงๆ
“แฟนเหรอ”พายัพมีท่าทีตกใจ
“ไม่ใช่ เพื่อน พูดผิด” มิคกี้เริ่มสัมผัสได้แล้วว่า เรื่องแบบนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้มากนัก เขาจึงไม่อยากที่จะบอกความจริงออกไป
“เพื่อนนายผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าผู้หญิงแนะนำให้รู้จักด้วยนะ”พายัพยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ผู้ชาย”มิคกี้ตอบห้วนๆ
“หว้า เสียดาย ก็ไม่เป็นไรหรอก เพี่อนของเพื่อนนายก็ได้ เผื่อมีผู้หญิง”
มิคกี้ไม่พูดอะไรต่อเขารีบเดินไปยังคณะอักษรศาสตร์ทันที เมื่อไปถึงหน้าคณะเขาก็ยืนมองหน้าเกรท ซึ่งเกรทกำลังเดินออกมาพอดีกับเพื่อนสาวคนใหม่
“เกรท”มิคกี้โบกมือให้
เมื่อเกรทเห็นเป็นมิคกี้เขาจึงรีบเดินมาหามิคกี้ เพราะตั้งแต่วันที่เขาถีบมิคกี้ตกเตียง เกรทก็ยังไม่เคยได้ไปหามิคกี้เลย
“เรากำลังคิดว่าจะไปหานายอยู่พอดีเหมือนกัน”เกรทยิ้มให้
“แนะนำหน่อยซิ”พายัพสะกิดมิคกี้และกระซิบเบาๆ เพราะเขาถูกใจเพื่อนสาวของเกรท
“อ๋อ นี่เพื่อนที่คณะชื่อพายัพ”
“ยินดีที่รู้จักชื่อเกรทใช่ไหม”พายัพยิ้ม
“ใช่ ยินดีที่รู้จัก”
“แล้วคนข้างๆล่ะ”พายัพหันไปมองและยิ้ม
“อ๋อ โสภิตา เพื่อนร่วมคณะเรา”
“แม่”มิคกี้มองตาค้าง เพราะผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเขา คุณหญิงโสภิตา
“เฮ้ย จะมองอะไรขนาดนั้น นั่นโสภิตาไม่ใช่แม่นาย”พายัพเริ่มไม่พอใจ เพราะเขารู้สึกถูกใจโสภิตา เขาพลางคิดไปว่ามิคกี้ถูกใจโสภิตาด้วย
“อ๋อ ยินดีที่รู้จัก เธอ นามสกุล วิไรรัตนาศิรินภาวัฒนากุลชัย ใช่ไหม”มิคกี้ยังมองหน้าโสภิตาตลอดเวลา
“ใช่ รู้จักนามสกุลเราได้ไง”
“อ๋อ พายัพบอก”มิคกี้ผลักพายัพเข้าไปใกล้โสภิตา
“อ๋อ ในฝันครับ”พายัพยิ้มอย่างละมุน
“เพื่อนเธอสองคนนี่แปลกหนอเกรท พูดจาไร้สาระ เพื่อนเธอสองคนเป็นแฝดหรือพี่น้องกันหรือเปล่า ทำไมหน้าตาคล้ายกัน”โสภิตา ปราดสายตามองโดยเฉพาะพายัพ
“ไม่ใช่ ต่อเรียนกับเรามาตั้งแต่เตรียมอนุบาลแล้ว ส่วนคนนี้เราไม่รู้จัก แต่ก็อย่างเธอว่าจริงๆแหละหน้าตาทำไมเหมือนกัน ส่วนความแปลกน่ะ ต่อเขาแปลกมาตั้งนานแล้ว ออกจะเพี้ยนๆด้วยซ้ำ”เกรทอมยิ้ม
“เหรอ”โสภิตาเชิดหน้าขึ้น
“เฮ้ย นายชื่อมิคกี้หรือต่อว่ะ หรือว่าอยู่ต่างจังหวัดเรียกต่อ เข้ามาในกรุงเทพเปลื่ยนเป็นมิคกี้”พายัพหัวเราะ
“อ๋อ ชื่อมิคกี้นั่นแหละ ต่อนี่เราเรียกคนเดียว”เกรทมองหน้ามิคกี้
“อ๋อ เข้าใจ แล้วจะไปไหนกันเหรอ”มิคกี้ถาม
“กลับบ้านสิ”เกรทพูดขึ้น
“บ้านอยู่ไหนกันครับ”พายัพพูดขึ้นพร้อมยิ้มอย่างทั่วถึงทุกคน
“จะรู้ไปทำไม”โสภิตาพูดโดยไม่มองหน้าพายัพ
“จะได้ไปส่ง เราเอารถมา อยากไปไหนบอกได้นะ จะเป็นสารถีให้ทุกที่เลย”
“ขอโทษ รถเราก็มี ไม่มีความจำเป็น ที่ต้องขึ้นรถกับคนที่เราพึ่งรู้จักชื่อแค่ไม่กี่นาที”
“มีรถแล้วก็ไม่เป็นไร”พายัพหน้าซีด
“มันก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว เกรทเธอจะกลับหรือยังเดี๋ยวฉันไปส่ง”โสภิตาหันมามองเกรท
“ยังไม่กลับหรอก เรากะว่าจะไปหอพักมิคกี้สักหน่อย”
“ฮือ ไม่เป็นไรถ้างั้นเรากลับก่อนนะ สถานที่ตรงนี้มีมลภาวะเป็นพิษ อยู่นานไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ เธอก็รีบไปกับเพื่อนเธอซะ ส่วนฉันก็จะกลับแล้วนะ พรุ่งนี้เจอกัน”โสภิตาชำเลืองมองพายัพแวบหนึ่งแล้วเชิดหน้าขึ้นเดินจากไป
“หยิ่งจัง”พายัพเผลอพูด
“ไม่เห็นหยิ่งเลย แม่เราก็เป็นแบบนี้แหละ”มิคกี้เผลอตัวพูดอีกครั้ง
“อะไรของนาย เดี๋ยวหาว่าเราเป็นพ่อ นี่มาหาว่าน้องโสภิตาของเราเป็นแม่”
“อ๋อ คิดถึงแม่”มิคกี้ฝืนยิ้ม
“ไอ้ลูกแหง”พายัพล้อมิคกี้เป็นการใหญ่
“มิคกี้เขาอยู่ที่บ้านก็แบบนี้แหละ ชอบพูดไปเรื่อย”เกรทมองมิคกี้แล้วยิ้ม
“เอ๋อ พวกนายสองคนจะไปที่หอพักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่รีบไปล่ะ”
“ยังไม่ไป มีอะไรทำไม”มิคกี้มีท่าทีสงสัยกับคำพูดของพายัพ
“ไม่ทำไมหรอก เราจะรีบตามโสภิตาไป อยากรู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน ไปแล้วนะพรุ่งนี้เจอกันเพื่อน”เมื่อพายัพพูดจบก็วิ่งตามโสภิตาไปในทันที
ในส่วนมิคกี้แอบขำและอมยิ้มพ่อของเขา ซึ่งมิคกี้คิดว่าพ่อของเขาตอนหนุ่มๆนี่ใช่ย่อย แต่พอเป็นผู้ใหญ่กับเงียบขรึมดุอีกต่างหาก ส่วนโสภิตาแม่ของเขาเหมือนเดิมทุกอย่าง หยิ่งทระนงมีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่มิคกี้ก็อดภูมิใจไม่ได้ เพราะแม่ของเขาสวยมาก ซึ่งส่งผลถึงมิคกี้ด้วย ที่มีทั้งความหล่อของพายัพและความสวยของโสภิตา จึงทำให้หน้าตาของมิคกี้มีส่วนผสมที่ลงตัว และอีกอย่างที่เขารู้มาคือ คุณแม่โสภิตาเป็นดาวมหาวิทยาลัย ที่สำคัญมีหนุ่มๆมารุมจีบเยอะมาก แต่แม่ของมิคกี้ก็เลือกพายัพพ่อของเขา และในตอนนี้เป็นเพื่อนร่วมคณะอีก
“ยิ้มอะไร”เกรทมองอยู่นานแล้ว
“อ๋อ สองคนนี้เขาเหมาะสมกันดีหนอ”
“เหรอ เราว่าไม่นะ โสภิตาออกจะเรียบร้อย เพื่อนของนายดูกะล่อนอย่างไงไม่รู้”
“ตอนหนุ่มก็แบบนี้แหละ พอแก่เดี๋ยวก็เปลื่ยนไปเอง เราคิดว่าโสภิตาเอาพายัพอยู่”
“ตามนั้น แล้วแต่เขาสองคนก็แล้วกัน ถ้าจีบติดก็ดีไป”
“ติดอยู่แล้วเชื่อเราสิ”
“ทำไมต้องเชื่อนาย เป็นหมอดูเหรอ ทำนายอนาคตได้ด้วย จะเก่งเกินไปแล้วมั้งนายเนี่ย”
“แน่นอนแฟนเกรทต้องเก่งอยู่แล้ว”
“มิคกี้นายหยุดพูดเลยนะเว้ย เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี เล่นให้มันรู้จักเวล่ำเวลาบ้าง”เกรทมีน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ก็ได้ เอาไว้พูดที่ห้อง แล้วเรามาคุยเรื่องของเรากัน”
“นายนี่ยังไม่จบอีกหนอ สงสัยต้องเลิกเป็นเพื่อนนายแล้วมั้ง”
“ใช่นายเลิกเป็นเพื่อนแล้วมาเป็นแฟนเรา”มิคกี้ยิ้ม
“ไอ้บ้า พูดกับนายปวดหัวว่ะ จะพาเราไปห้องนายได้หรือยัง”
“ได้เลยไปดูห้องหอกัน”
“ฮือ”เกรทถอนหายใจ เพราะเขาไม่อยากที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย” “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย” “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้ “ตรงนี้ใช่ไหม” “เอ่อๆใช่” ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น “พอแล้วขอบใจมาก” “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น “อุ๊ย ล้างสบู่นาน