มิคกี้สะลืมสะลืออยู่บนหัวบันได้บ้านของกำนันบุญมี ตอนนี้เขารู้สึกมึนๆงงและสับสนเสียงของผู้คนบนบ้าน พอมิคกี้ลืมตาก็เห็นกำนันบุญมียืนอยู่ตรงหน้า
“ไอ้ต่อมึงจะไปสอบไหม ถ้าไม่สอบสิ่งที่มึงขอกูจะยืดคืนให้หมด ไม่ต้องเอาสักอย่างกูอุตส่าห์ตามใจมึงทุกสิ่งที่มึงอยากได้”
“สอบอะไร”มิคกี้มึนงงและเริ่มที่จะจำได้นิดหน่อย
“สอบเข้ามหาวิทยาลัยไง มึงรับปากกูแล้วว่าจะสอบ แล้วมึงมาเปลื่ยนใจได้อย่างไง”
“อ๋อ ก็ไปสอบไงไปเลย เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อน”มิคกี้กำลังจะเดินเข้าห้อง เพราะเขาเริ่มที่จะจำความต่างๆได้แล้ว
“ไม่ต้องไปเลย กูให้ไอ้ไก่เตรียมไว้มึงหมดแล้ว”
“ถ้างั้นไปได้เลย แล้วไปอย่างไงล่ะพ่อ”
“เดี๋ยวกูจะให้อามึงไปด้วย”
“อาไหน”มิคกี้งง
“ก็อานกของมึงไง ทำเป็นจำไม่ได้ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว”
“ถ้างั้นก็ไปเลย”มิคกี้เอ่ยขึ้นแบบงง
“โชคดีนะต่อ” จันทราเดินเขามาใกล้ๆมิคกี้เพื่ออวยพร
“ครับแม่”มิคกี้ยกมือไหว้จันทราและหันไปไหว้กำนันบุญมี
“รีบไปอย่ามัวลีลากูเห็นแล้วรำคาญลูกตา”พ่อกำนันพูดขึ้น
“ครับ กำนันบุญมี”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็รีบลงบันได้ไปในทันที
“ไอ้ต่อ ถึงกูจะเป็นกำนันกูก็เป็นพ่อมึงนะ”กำนันตะโกนไล่หลัง
“เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะ อย่างไงมันก็ไปสอบแล้ว”จันทราเอ่ยขึ้น
“สงสัยเมื่อกี้มันคงจะกลัวพ่อเลยรีบไป”กำนันยืนกอดอก
“แต่แม่ว่าไม่เห็นไอ้ต่อมีท่าทีกลัวเลยนะ ท้าทายอีกต่างหาก”
“แม่จันทรา”กำนันบุญมีเสียงสูง
“ใช่ สงสัยกลัวพ่อกำนัน”จันทราถึงกับอมยิ้ม
ในระหว่างทางที่มิคกี้นั่งรถมากับอานกของเขา ซึ่งเป็นน้องกำนันบุญมีและมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน อานกของเขาเกิดความสงสัยในตัวของต่อ ที่มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างเพราะพฤติกรรมแปลกไปเยอะพอสมควร
“เมื่อกี้ยังยืนกรานว่าจะไม่ไปสอบอยู่เลย ทำไมถึงเปลื่ยนใจมาสอบล่ะ”
“ทำเพื่อพ่อกำนัน”
มิคกี้ตีเนียนเป็นต่อทันที เขาไม่เข้าใจว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาพยายามหยิกตัวเองหลายครั้ง ซึ่งมิคกี้ก็รู้สึกเจ็บเหมือนในชีวิตจริง ตอนแรกมิคกี้คิดว่าอยู่ในความฝัน แต่ตอนนี้เราเริ่มคิดว่าคงจะหลงเข้ามาในอดีต และมิคกี้ยังไม่แน่ใจว่าหลงเข้ามาได้อย่างไร
“พูดเป็นเล่นไป”
“ไม่พูดเล่นหรอกครับอา รำคาญพ่อกำนันบ่นอะไรหนักหนาทั้งวัน เจอหน้าก็บ่นทันที”
“ถ้าทำตัวดีๆพ่อเขาจะบ่นทำไม”
“ผมก็ทำตัวดีตลอดเลยนะ”
“ใช่ทำตัวดีจริง แต่ไม่ใช่ในแบบฉบับในที่พ่อเขาต้องการ”
“ไม่พูดเรื่องพ่อกำนันดีกว่า แล้วอาจะพาผมไปที่ไหน”
“ก็ไปสอบไง ถามแปลกนะ”
“สอบที่ไหน ที่กรุงเทพเหรอ”
“ถามแปลกอีกแล้วจะไปทำไมที่กรุงเทพ ก็สอบที่นี่แหละ ถ้าสอบติดแล้วค่อยไปกรุงเทพ”
“ที่นี่ที่ไหนล่ะครับ”
“ที่บ้านเราไง”
“รู้แล้วที่บ้านแต่ที่นี่อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ดูมึนๆงงๆแล้วอย่างนี้จะสอบติดเหรอ”นกมีสีหน้าสงสัยและอดเป็นหวงหลานชายไม่ได้
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกกครับ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“อายังไม่บอกผมเลยครับว่าที่นี่จังหวัดอะไร”
“พิษณุโลก”
“ผมมาอยู่นี่ได้ไง ผมงงไปหมดแล้ว เมื่อคืนผมยังนั่งกินข้าวที่กรุงเทพอยู่เลย”
“อาว่าสอบเสร็จต้องไปหาหมอแล้วนะ นับวันต่อยิ่งเพี้ยนหนักขึ้น อาว่าน่าจะเป็นผลมาจากที่แพ้น็อคคราวนั้น หัวกระแทกพื้นสมองกลับ”
“อา มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”มิคกี้อยากจะเล่าความจริง แต่เขาก็ยับยั้งชั่งใจไว้ เพราะมิคกี้คิดว่าถ้าพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา และอาจบอกว่าเขาเป็นบ้าเสียสติ มิคกี้จึงนิ่งไว้ก่อน
“ทำไมจะไม่ใช่เดี๋ยวไปสอบเดี๋ยวไม่ไป แล้วที่ให้อาหาของใช้ในห้องให้นะ มันไม่ใช่ตัวตนของต่อเลย”
“แล้วต่อไปคนอย่างไงครับ”
“ก็ตรงข้ามกับต่อคนที่นั่งกับอาตรงนี้แหละ”
“บอกมาเลยครับว่านิสัยเป็นอย่างไรครับ”
“ต่อคนเดิม เป็นคนง่ายๆแต่ก็เรื่องเยอะนะ เป็นคนรักธรรมชาติ สันโดษ ชอบใช้ชีวิตในป่าในเขา ท้องทุ่งท้องไร่ ไม่ชอบเขาสังคม มีเพื่อนอยู่คนเดียวก็เกรทนั่นแหละ และไม่ชอบอะไรอย่างที่ต่อคนนี้ที่ให้พ่อกำนันหาให้ อีกข้อสำคัญเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อกำนัน บอกให้ไปซ้ายก็ไปขวา บอกให้เดินตรงก็จะเดินอ้อม ไม่เหมือนต่อคนนี้ที่ สำอางค์ พูดเก่ง ทันสมัย ทำตามที่พ่อกำนันบอกทุกอย่าง”
“คนแบบต่อเนี่ยหายากนะในสมัยที่ผมมา”
“เหรอ”
“เอ่อ คงงั้นมั้ง”
เมื่อนกและมิคกี้เข้ามาถึงในตัวเมืองพิษณุโลก มิคกี้ถึงกับตกใจเพราะเขาเห็นสิ่งต่างๆที่ดูโบราณแต่ไม่เก่าดูใหม่ ยิ่งเขาเห็นตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ สิ่งนี้แหละที่ทำให้มิคกี้แปลกใจ เพราะในกรุงเทพที่เขาอยู่ไม่มีให้ใช้แล้ว และที่เขาสงสัยสัยหนักขึ้น ทุกคนไม่มีมือถือใช้ จากที่เขาเคยเถียงกับเกรทว่าปีนี้ พ,ศ,2567 แต่ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อเกรทแล้วว่าปีนี้น่าจะ พ.ศ.2538 จริงๆ ยิ่งในบัตรประชาชน วุฒิการศึกษา ทะเบียนบ้าน อะไรต่อมิอะไรที่มิคกี้เห็นมันไม่ใช่ยุคปัจจุบัน
“อาครับปีนี้ พ.ศ.อะไร”มิคกี้ถามอานกของเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“2538 มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าจำ พ.ศ.ไม่ได้”
“จำได้ครับ ถามเพื่อความแน่ใจ”
“ต่อเอ่ย อาไม่รู้จะช่วยเองอย่างไงดี”
“ไม่เป็นไรหรอก สักพักเดี๋ยวผมก็จำใจได้ครับ”
มิคกี้ยังมึนงงไม่หายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้ก่อนที่จะมาที่นี่คือ กิ่งไม้ตกใส่ศีรษะของเขา หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ จนมารู้สึกตัวอยู่ที่บ้านกำนันบุญมี
“เดี๋ยวคืนนี้พักที่โรงงแรมก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยไปสอบ”
“ครับ”
“พักโรงแรมนี้แหละ”นกพูดขึ้น
มิคกี้มองเขาไปในโรงแรมที่มีสองชั้นไม่ใหญ่มาก และค่อนข้างเก่าพอสมควร เมื่อมิคกี้เห็นอย่างนั้นเลยไม่อยากที่จะพัก เขาอยากที่จะพักโรงแรมที่ใหญ่และหรูกว่านี้หน่อย
“เปลื่ยนโรงแรมดีกว่า ดูไม่สะอาดเลย เอาโรงแรมห้าดาวนะครับ”
“ก็ต่อไม่ชอบอะไรที่หรูหรานี่ ชอบอะไรที่เป็นแบบธรรมชาติเก่าๆ ไม่ใช่เหรอทำไมจู่ๆถึงเปลื่ยนใจซะล่ะ ทีแรกอาก็นึกว่าจะให้พักที่วัดซะอีกนะ”
“นั่นมันต่อคนเก่า ต่อคนนี้ไอโซไปโรงแรมที่หรูที่สุด เอ่อ ว่าแต่อามีเงินพอไหม”
“พ่อกำนันให้มาเยอะอยู่พอใช้แน่นอน”
“ดีเลย สอบเสร็จเราเที่ยวต่อสักคืนไหมอา ผ่านมาผมเห็นมีผับหลายที่ เที่ยวผับย้อนยุคก็ดีเหมือนกัน”
“เอางั้นเลยเหรอ”
“เอาสิอา”
“ต่อเปลื่ยนไปเยอะเลยนะ”
“หรือว่าอาไม่อยากเที่ยว ถ้างั้นผมก็ไม่ไปก็ได้ สอบเสร็จกลับบ้านเลย”
“อายังไมทันบอกเลยว่าไม่ไป”
“ก็เห็นอาอ้ำอึ้งก็นึกว่ากลัวพ่อกำนันเลยไม่อยากไป”
“ลืมอะไรหรือเปล่า พ่อกำนันตัวดีเลยชอบเที่ยวกลางคืน เที่ยวทีหมดหลายหมื่นทิปสาวๆไม่อั้น”อานกหัวเราะ
“ว้าว อย่าบอกนะว่าพ่อกำนันมากับอานก”
“มากับอาด้วย มากับพวกกำนันตำบลอื่นด้วย ก็เพราะอย่างนี้แหละที่ต่อคนเดิมไม่พอใจ ถึงต่อต้านพ่อกำนันอย่างมาก”
“ผมเข้าใจแหละ ถ้างั้นกลับไปคราวนี้ผมจะชวนพ่อกำนันมาเที่ยวด้วย”
“ไม่สงสารแม่จันทราเหรอ”นกหันมามองมิคกี้
“ฮือ ก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้างั้นไม่เอาล่ะ ผมเที่ยวกับอาสองคนก็ได้ ว่าแต่อาไม่มีภรรยาเหรอครับ”
“ใช้คำว่าภรรยาด้วย อายังไม่มีเมียหรอก”
“อ้าว ทำไมอาไม่มีเมียอาอายุเท่าไรแล้ว”
“สามสิบห้า”
“สามสิบห้ายังมีได้อยู่ ยังถือว่าไม่แก่”
“ก็หวังว่าจะเจอเนื้อคู่สักทีนะ”
“ผมก็แปลกใจอาก็หล่ออยู่ ฐานะก็น่าจะโอเค ทำไมไม่มีใครมาชอบบ้างเหรอ”
“ก็มีนะ อายังไม่ถูกใจใครเลย”
“ธรรมดาครับในยุคที่ผมมา คนแบบอาก็เยอะอยู่เป็นโสด แต่เขาก็ไม่ได้เป็น แอลจีบีทีคิวนะ”
“แอลอะไร คืออะไรวะ”นกงง
“อ๋อ แบบชายรักชาย อะไรประมาณนี้แหละครับ”
“อ๋อ อาเข้าใจ”นกพยักหน้า และแอบงงกับคำพูดของต่อ”
เมื่อนกเข้าใจในสิ่งที่มิคกี้พูดเขาก็นิ่งไปพักใหญ่ และขับรถหาโรงแรมหรูที่สุดในพิษณุโลกพัก ตามความต้องการของหลาน
ในที่สุดมิคกี้และนกก็ได้มาพักโรงแรมสุดหรู ซึ่งทั้งสองได้พักห้องเดียวกัน ในส่วนของมิคกี้ก็ค่อนข้างพอใจความหรูพอสมควร แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เขายังไม่ค่อยพอใจ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้บ่นอะไรกับอานกของเขา เพราะมิคกี้เริ่มจะเชื่อสนิทใจแล้วว่าเขาหลงมาในยุคก่อนสองพัน และยิ่งย้ำความเชื่อมากขึ้น เมื่อเห็นอาของเขาโทรหาพ่อกำนันบุญมี จากโทรศัพท์ของโรงแรม
“อาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือเหรอครับ”มิคกี้แกล้งถาม
“มันไม่มีให้ใช้ ถ้ามีทำไมอาจะไม่ใช้ล่ะ แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ ไอ้โทรศัพท์มือถือของต่อเนี้ย”
“โทรศัพท์ก็ประมาณเท่าฝ่ามือนี่แหละ เราสามารถพกไปไหนด้วยได้ตลอด โทรเห็นหน้ากันด้วยนะ พูดแล้วอยากพาอาไปด้วยจังเลย”
“อาสักอยากเห็นซะแล้ว”นกพูดจบก็แอบขำในใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เพราะรักษาน้ำใจของต่อไว้ เพราะเขายังเชื่อว่าต่อน่าจะมีปัญหาทางสมอง
“ถ้ามีโอกาสพาอาไปได้ ผมจะพาอาไปคนแรกเลย”
“ไม่ใช่เกรทเหรอ”
“ทำไมต้องเป็นเกรท”
“ก็เพื่อนสนิทกันมากนี่ไม่ใช่เหรอ”
“เกรท ไม่ใช่เพื่อนผม”
“ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน แถมเกรทยังมานอนที่บ้านพ่อกำนันบ่อยๆ”นกมีสีหน้าสงสัย
“เกรทเป็นแฟนผม”มิคกี้เข้าใจอย่างนั้นมาตั้งแต่ไก่โกหกว่าเกรทเป็นแฟน
“อะไรนะ”นกมีน้ำเสียงที่ตกใจ
“เกรทเป็นแฟนผม อานกฟังไม่ผิดหรอก”มิคกี้ยิ้ม
“ล้ออาเล่นหรือเปล่า”
“จะไปล้ออาทำไม”
“แสดงว่าเราสองคนก็คงมีอะไรกันแล้วใช่ไหม”
“แหม คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีบ้างนั่นแหละ”
เมื่อนกฟังมิคกี้พูดจบเขานิ่งไปชั่วครู่ เพราะนกไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหลานของเขาจะกล้าพูดอย่างนี้
“อาเป็นอะไรไปเหรอ”
“อายังช็อคอยู่”
“ไม่ต้องช็อคหรอก ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าเพศไหนก็ชอบกันได้”มิคกี้ยิ้มและนั่งใกล้ๆนก ส่วนนกก็ขยับนั่งออกห่าง
“อาหนีผมทำไม ผมไม่ทำอะไรอาหรอก อาเป็นอาผม”
“อา เอ่อ “
“เดี๋ยวผมอาบน้ำก่อนนะ”มิคกี้ยิ้มให้นก ส่วนนกยิ้มแหยๆด้วยความประหลาดใจ
ด้วยความที่มิคกี้อยู่ในโลกของอนาคตมาก่อน จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งส่งผลให้มิคกี้สอบติดอันดับหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ เป็นที่แน่นอนกำนันบุญมีดีใจยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ป่าวประกาศไปสิบตำบล จนไปถึงนายอำเภอที่กำนันบุญมีสังกัดอยู่ ในวันที่มิคกี้ในร่างต่อต้องไปเรียนที่กรุงเทพ เป็นวันที่กำนันดีใจอย่างสุดซึ้ง และในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กำนันเศร้าใจอย่างยวดยิ่ง เพราะต้องจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอันเป็นที่รัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายตัวจริง พอถึงวันที่ต้องจากกันกำนันอดคิดถึงลูกชายไม่ได้ ถึงแม้มิคกี้เข้ามาอยู่ในร่างต่อจะทำตัวเหยียบดินไม่ถึงพื้น แต่มีดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำนันยกทั้งใจให้ลูกชายไม่แท้อย่างหมดหน้าตัก “มึงไปเรียนก็ตั้งใจเรียนให้จบตามกำหนด ปิดเทอมก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะ”กำนันมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ครับพ่อกำนัน” “เอ็งไม่อยู่แม่คงคิดถึงเอ็งมากเลยไอ้ต่อ แม่ตำน้ำพริกแมงดาไปให้เอ็งด้วยนะ คราวนี้แม่ตำแบบไม่เผ็ด เพราะเอ็งไม่กินเผ็ดแล้วนี่”จันทรามีสีหน้าที่เศร้าลงไม่แพ้กำนันบุญมี “ครับแม่” “พ่อว่ามึงน่าจะอยู่หอในดีกว่าไหม”สาเหตุที่กำนันอย
เกรทได้เข้ามายังห้องของมิคกี้ ที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนห้องเดิมยังบ้านของเขา ซึ่งเกรทเห็นห้องของมิคกี้เขาจึงเกิดความคิดอยากที่จะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ของเขาให้ไปอยู่กับน้า เกรทจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่กับน้าที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร “มาอยู่ด้วยกันไหม”มิคกี้พูดขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอน “ไมได้หรอก พ่อกับแม่เราไม่ให้อยู่หรอก” “ไม่ให้อยู่ แต่ถ้าเราอยากจะอยู่ พ่อกับแม่ห้ามไม่ได้หรอก” “ได้สิ แต่เราไม่ใช่นายที่ชอบขัดใจพ่อ แต่พ่อของนายก็อ่อนลงเยอะเลยนะ ตั้งแต่นายสอบติดนี่ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง” “ใช่ แต่มีอยู่อย่างเดียวเรายังไม่ได้เลย” “อะไรล่ะ” “ตัวนายไง”มิคกี้ส่งสายตาหวานให้เกรท “เมื่อไหรนายจะเลิกบ้าสักที นายเป็นจริงๆเหรอหรือว่าแกล้ง” “เป็นอะไรล่ะ” “ก็เป็นแบบไงล่ะ ที่ชอบผู้ชายนะ” “ก็ใช่น่ะสิ นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” “ใช่เหรอนายคนเดียวมั้ง” “จะคนเดียวได้ไง ก็นายเป็นแฟนเราแล้วเคยได้กันด้วย ทำไมจะเป็นแฟนกันไมได้ หรือนายคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม่ใช่ความรักแต่มีแค่เซ็กส์ ถ้านาย
วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์ “ฮัลโหล” “มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที “ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด “ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้” “ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ” “เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง “ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน” “เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้” “ขอบคุณมากครับพ่อ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย” “ครับ” “น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง” “หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่
หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย “เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่” “ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ” “นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง” “อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา” “ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส “อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน “เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไป
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระท
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ