หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย
“เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่”
“ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ”
“นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง”
“อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา”
“ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส
“อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน
“เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไปหน่อย”มิคกี้ฝืนยิ้ม
ช่วงเวลานี้มิคกี้ก็เงียบไป เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แต่เขาก็ยังคิดไม่ออก และสิ่งที่มิคกี้หนักใจเข้าไปอีก นั่นก็คือความรู้สึกกับสองหนุ่มที่เดินขนาบข้าง
“หน่อยเป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทชะโงกหน้ามามองหน่อย
“เราไม่รู้จะพูดอะไร และ อีกอย่างเราพึ่งรู้จักกับนายไม่กี่วันเอง”
“พวกเราไม่มีอะไรหรอก มีอะไรคุยได้เลย พวกเราเป็นกันเอง”
“ฮือ”
“อย่า ฮือสิ มีเรื่องตลกก็พูดมาเลย”มิคกี้มองหน้าหน่อยด้วยสายตาเอ็นดู
“เราไม่มีเรื่องตลกหรอก ชีวิตเราเรียบๆแบบนี้แหละ”
“หน่อยไม่เรียบนะ หน้าตาก็น่ารัก ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใสเข้าไว้”
“มันยากนะที่จะเปลื่ยนนิสัยตัวเอง เราว่าการเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด”หน่อยพูดขึ้น
“นั่นก็ใช่ แต่ชีวิตเราต้องหาความสุขใส่ตัวด้วยรู้ไหม”
“อย่างไงล่ะ”
“อย่างแรกก็ลองเปิดใจคบใครสักคนก็ได้”มิคกี้จ้องมองหน่อยไม่กระพริบตา
“ไม่มีใครมาชอบเราหรอกเชยออกอย่างนี้”
“ไม่แน่นะอาจจะมีก็ได้ แต่หน่อยยังไม่รู้มากกว่า”
ในช่วงเวลาที่มิคกี้คุยกับหน่อย เกรทได้ฟังตลอดและเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนเจ็บจี๊ดที่หัวใจ จนเขาต้องพูดอะไรออกมาบ้าง
“ใครเหรอ”เกรทถามห้วนๆ
“อ๋อ ไม่รู้สิ เราก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“เราก็นึกว่าเป็นมิคกี้ซะอีก”เกรทพูดประชด
“อ๋อ เอ่อ อ่า”มิคกี้ไม่รู้จะพูดอะไร
เหมือนโชคช่วยมิคกี้ เพราะทั้งห้าคนเดินมาถึงที่โรงหนังพอดี ซึ่งในจังหวะนั้นที่พายัพเดินนำหน้ากับสุชาดาได้หันมาหาทั้งสามคน
“ถึงแล้ว ใครกันนะที่บอกว่าจะเลี้ยง”พายัพมองไปทางมิคกี้
“ไม่ลืมหรอก”มิคกี้รีบเดินไปซื้อตั๋วหนังทันทีห้าใบ
หลังจากมิคกี้ซื้อตั๋วหนังเสร็จเรียบร้อยก็มาแจกทุกคน และรีบเดินเข้าไปภายในโรงหนังทันที และไม่ได้ซื้ออะไรติดมือเข้าไปด้วย เพราะตั๋วที่มิคกี้ได้มานั้นเป็นตั๋วเสริม
เมื่อเข้าไปในโรงหนังซึ่งเก้าอี้ที่โยกได้นั่งสบายเต็ม เหลือเพียงเก้าอี้เสริมเคลื่อนที่สีดำพับได้ ซึ่งตั้งเรียงรายต่อจากเก้าอี้ดูนั่ง ซึ่งอยู่ตรงทางเดินขั้นบันได้ พายัพกับสุชดานั่งหน้าต่อจากอีกคน ส่วนเกรทนั่งในสุดมิคกี้นั่งตรงกลางหน่อยนั่งริมสุด
“คนเยอะหนังน่าจะสนุกนะ”เกรทพูดขึ้น
“ดูในข่าวทำรายได้หลายล้านแล้วนะ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ถึงว่าคนเยอะมาก”เกรทมองดูผู้คนโดยรอบ
“หน่อยนั่งเงียบเลย”มิคกี้หันไปมอง
หน่อยไม่พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้ม เพราะเขาไม่สามารถที่จะคิดคำพูดอะไรออกมาได้ในขณะนี้ เพราะเมื่อหน่อยอยู่ใกล้มิคกี้แล้วใจเขาสั่นหวั่นไหว
“หนังจะฉายแล้วอย่าพูดเยอะ”เกรทแอบชำเลืองมองมิคกี้
“หนังฉายแล้ว”มิคกี้หันไปยิ้มให้หน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้า
มิคกี้หันซ้ายทีขวาทีและยิ้มให้ทั้งสองคน หน่อยนั้นยิ้มสนองตอบอย่างยินดี แต่เกรทมีท่าทีเปลื่ยนไป จนมิคกี้สังเกตได้แต่เขาก็เก็บไว้ในใจ เพราะในช่วงเวลานี้เขาไม่สามรถที่จะทำอะไรได้ นอกจากนั่งดูหนังเฉยๆอย่างเงียบๆ และแอบมองพายัพกับสุชาดาที่กระหนุงกระหนิงจนหน้าหมั่นไส้
“หึ หึ หึ”หน่อยหัวเราะเสียงค่อยๆ
“ฮะ ฮะ ฮะ”เกรทหัวเราเสียงดัน
“ตลกเหรอครับ”มิคกี้หันมามองหน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้าเล็กน้อย
“ตลกดีหนอ”เกรทหันมามองมิคกี้ แต่มิคกี้หันไปมองหน่อยอยู่ จึงไม่ได้คุยกัน เมื่อเกรทเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกน้อยใจ เกรทจึงแกล้งเขี่ยขาเก้าอี้
“มีอะไรหรือ”มิคกี้ถาม
“เปล่า”พูดจบเกรทหันหน้าไปมองทางอื่น
มิคกี้รู้สึกได้ว่าเกรทอาจหึงเขาก็ได้ เพราะมิคกี้ยังเข้าใจว่าตัวเขาเองกับเกรทยังเป็นแฟนกันอยู่ มิคกี้จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรหนัก เขาจึงเอื่อมมือไปกำมือของเกรท ตอนแรกเกรทอยากดึงมือออก แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้เปลื่ยนไปพอสมควร เกรทจึงปล่อยให้มิคกี้ได้จับไว้อยู่อย่างนั้น
ในส่วนของหน่อยเห็นมิคกี้จับมือกับเกรท เขาก็เริ่มแปลกใจและพลันคิดไปว่า ความสำพันธ์สองคนนี้ดูแปลกๆ ซึ่งเขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ที่ทั้งสองเป็นแฟนกัน หน่อยจึงพยายามทำตัวและความรู้สึกให้ห่างมิคกี้ ถึงแม้มิคกี้จะหันมามองและยิ้มให้เป็นบางครั้ง แต่หน่อยก็แสร้งไม่สนใจมิคกี้ จนมิคกี้เหนื่อยใจหยุดสนใจหน่อยชั่วขณะ
ร่วมสองชั่วโมงหนังก็จบ ทั้งห้าคนก็ออกมาจากโรงหนัง โดยมีพายัพกับสุชาดาเดินนำหน้าคุยกันอย่างถูกคอ ส่วนสามคนอยู่ด้านหลัง ช่วงแรกก็เดินคู่กันมาสามคน แต่หน่อยเริ่มเดินช้าลงเพื่อให้เกรทกับมิคกี้เดินคู่กัน มิคกี้ก็พยายามเดินข้าๆให้หน่อยเดินมาใกล้
“เร็วๆหน่อยเดินข้าจัง ดูโน้นสุชาดกับพายัพเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ฮือ เดินเร็วๆหน่อย”มิคกี้ยังไม่วายหันไปมองหน่อย และเรียกให้หน่อยเดินเร็วขึ้น
เกรทเริ่มไม่พอใจอีกครั้งรีบเดินน้ำหน้ามิคกี้ไป จนเกือบจะถึงพายัพกับสุชาดาที่เดินเคียงคู่กัน
“จะรีบเดินไปไหน”มิคกี้ก้าวเท้ายาวๆเดินมาให้ทันเกรท
หน่อยนั้นยังเดินช้าๆเหมือนเดิมๆ เพราะเขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งย่ามกับสองหนุ่ม เพราะตอนนี้หน่อยเรี่มเชื่อมั่นแล้วว่าทั้งสองน่าจะเป็นแฟนกัน ถึงแม้หน่อยจะแอบพอใจมิคกี้อยู่บ้าง แต่เขาก็จำเป็นต้องถอยห่างให้ไกล เพราะไม่อยากที่จะทำให้ทั้งสองนั้นผิดใจกัน และข้อสำคัญหน่อยคิดว่าเขามาทีหลัง ก็ควรที่จะถอยให้ห่างจะได้ไม่เจ็บซ้ำคนเดียว
พายัพกับสุชาดาชะลอเดินให้ช้าลง และหันหน้ามามองมิคกี้เพราะว่าเขาจะทวงสัญญา ที่วันนี้มิคกี้จะเป็นคนเลี้ยง
“หิวข้าวแล้วทำไงดี”พายัพหันมามองมิคกี้
“ก็ทานข้าวซิ ร้านไหนก็ได้”มิคกี้ยิ้ม และไม่ได้รู้สึกอะไรกับการจ่ายเงินในครั้งนี้ เพราะเขายังติดนิสัยในอนาคตอยู่
“ใครเลี้ยง”
“ไม่ต้องย้ำ บอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยง คนอย่างมิคกี้พูดคำไหนคำนั้น”
“นายมีเงินเหรอ อาหารในห้างมันแพงนะ เราไปหาอาหารกินข้างทางไหม”เกรทพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงมิคกี้ และกลัวว่ามิคกี้จะไม่มีเงินใช้ถึงสิ้นเดือน
“เราเห็นด้วยนะ”หน่อยพูดขึ้น
“แม่พระ ในเมื่อเจ้าของเงินเขาจะเลี้ยงอยู่แล้ว เธอจะไปซีเรียสทำไม”สุชาดามองค้อนหน่อย
“เราอย่างไงก็ได้ ตามใจพวกเธอทุกคน”หน่อยก้มหน้าพูด
“นานๆกินทีไม่ได้กินทุกวันไม่เป็นไร ไปหาอะไรอร่อยกินกัน”มิคกี้เดินไปร้านตรงข้ามที่ที่พวกเขายืนอยู่
พายัพกับสุชาดาและมิคกี้สั่งอาหารมาคนละหลายอย่าง ส่วนเกรทสั่งสองอย่างและหน่อยสั่งอย่างเดียง เมื่ออาหารมาถึงพ้วงเพื่อนก็เริ่มกินกันในทันที เมื่อเพียงหน่อยที่กินนิดหน่อยและค่อยๆกิน มิคกี้สังเกตเห็นเขาจึงตักกับข้าวที่เขาสั่งมาใส่ในจานให้หน่อย
“กินซะจะได้อ้วนๆ”
พายัพและเกรทมองหน้ามิคกี้ด้วยความแปลกใจ และอดสงสัยในพฤติกรรมของมิคกี้ๆไม่ได้ แม้แต่หน่อยก็ยังไม่เข้าใจว่ามิคกี้ทำเช่นนี้ทำไม มีเพียงสุชาดาที่อมยิ้มและแอบดีใจ ที่มิคกี้นั้นสนใจหน่อยเพื่อนของเธอ
“เป็นอะไรกัน”มิคกี้ส่งเสียงขึ้น เมื่อเห็นสายตาทุกคู่จ้องมองเขา
“เปล่า”พายัพพูดจบก็ตักกับข้าวใสจานสุชาดา
เกรทหลังจากแปลกใจ ก็รู้สึกแปลกๆในความคิดของเขา เกรทมีความรู้สึกแอบหวงและหึงมิคกี้ และไม่อยากให้มิคกี้ไปสนใจในตัวของหน่อย แต่เขาก็พยายามเก็บอาการแต่ก็เก็บไม่มิด เพราะออกทางสีหน้าชัดเจนจนมิคกี้แอบเห็น
“กับข้าวช้อนนี้เรามอบให้นาย”มิคกิ้ยิ้มให้เกรท
“ไม่ต้องเรามีมือตักกินเองได้ ไปตักให้คนที่ตักกินเองไม่เป็นดีกว่า”เกรทแอบชำเลืองไปที่หน่อย
เมื่อหน่อยได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ และไม่อยากจะกินข้าวต่อ แต่ก็ต้องจำใจกินให้หมดตามมารยาท
“มิคกี้ คนอยากกินกับข้าวที่มิคกี้ตักมีอยู่”สุชาดามองมิคกี้แวบหนึ่งและชำเลืองมาที่หน่อย และหันมายิ้มให้มิคกี้
“ฮือ ก็ตักให้หน่อยนั่นแหละ”พายัพอยากเอาใจสุชาดาจึงพูดเช่นนี้
ในช่วงเวลานี้พายัพเริ่มให้สนใจสุชาดามากกว่าโสภิตา เพราะโสภิตาค่อนข้างจืดชืด เรียบร้อยเกินไปเจ้าระเบียบ ส่วนสุชาดาง่ายๆไม่เรื่องมาก และพายัพรู้สึกได้ว่าสุชาดานั้นเข้าใจตัวเขามากกว่าโสภิตาอย่างมาก
มิคกี้เริ่มเห็นความสัมพันธ์ที่คืบหน้าของพายัพและสุชาดา เขาก็เรี่มกังวลกลัวว่าจะผิดตัวผิดฝาไปกันใหญ่ แต่มิคกี้ก็ไม่สามารถสนใจพายัพกับสุชาดาได้ไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เขาต้องดูแลคนที่เขารู้สึกดีๆตั้งสองคน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้
ในทีแรกกับเกรทเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่เข้าใจผิดว่าเกรทเป็นแฟนเขาก็เลยตามเลย จนเริ่มรู้สึกชอบพอเกรท ส่วนหน่อยนั้นเขาชอบเพราะมีความคล้ายอดีตคนเคยรัก และเขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้ทีเดียวถึงสองคน
หลังจากทั้งห้าได้ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พายัพก็มาส่งสุชาดา หน่อย มิคกี้ ส่วนเกรทไปกับพายัพ เพราะอยู่คนละที่กับทั้งสามคน “เดี๋ยวเราเข้าไปซื้อของก่อนนะ”สุชาดาพูดขึ้น เพื่อเปิดทางให้หน่อยกับมิคกี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ซื้ออะไร”หน่อยถาม “ไม่ต้องถามหรอกเป็นของใช้ผู้หญิง” “ตามใจ” “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”มิคกี้พูดขึ้นและหันมายิ้มให้หน่อย เมื่อทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในส่วนของหน่อยก็รู้สึกเกร็งๆ แต่มิคกี้กับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “วันนี้หน่อยสนุกไหม”มิคกี้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “ก็สนุกดีนะ แต่ก็เกรงใจมิคกี้ ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” “ดีจังเลย ต่อไปเรียกมิคกี้นะ อย่าเรียกว่านาย เรียกมิคกี้ดูสนิทกันมากกว่า” “ฮือ”หน่อยพยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามีเงินเลี้ยงเพื่อนๆได้” “แต่ก็เกรงใจอยู่ดี วันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงมิคกี้บ้างนะ แต่เราคงไม่มีเงินมากพอไปเลี้ยงทีห้างหรอก อาจจะทำอะไรกินกันในห้องสามคน” “ใครอีกคน”มิคกี้มีท่าทีสงสัย “อ้าว สุชาดาไง” “สองคนไม่ได้เหรอ" “ทำไมล่ะ” “ไม่รู้เราอยากกินกับหน่อยสองคนแค่นั้น”มิคกี้รู้สึกไม่ค่อยชอบสุชาดาที่เริ่มสนิทกับพายัพพ่อ
มิคกี้นอนกอดเกรทจนหลับไปในที่สุด ส่วนเกรทกว่าจะหลับก็ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะหลับลงนั้น เขาดันศีรษะของมิคคกี้ออกจากซอกคอของเขา แต่เขาผลักแรงไปหน่อยจนไปกระแทกที่หัวเตียง เกรทไม่ได้ทันสังเกตและสนใจเพราะเขาง่วงนอนพอสมควร สักพักเขาก็หลับตามมิคกี้ไปในที่สุด ช่วงใกล้แจ้งเกรทรู้สึกปวดฉี่เขาจึงลุกเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงรีบออกมาเพื่อที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะห้องของมิคกี้นั้นอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยเท่าไร เพียงเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เขาจึงอยากจะใช้เวลานอนพักให้นานเท่าที่สุดจะนานได้ เมื่อเกรทเดินมาถึงที่เตียงและขึ้นไปบนเตียงนอน เขาก็เห็นมิคกี้ที่นอนเปลือยกายท่อนบนไม่ได้ห่มผ้า เขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของมิคกี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ เพราะตุงนูนเป็นคลื่น และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เกรทจึงจ้องมองอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะเห็นจนหมดแล้ว แต่เกรทไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน ซึ่งในช่วงเวลานี้มิคกี้ได้นอนหลับ เขาจึงถือโอกาสอยากทำในสิ่งที่มิคกี้ให้เขาทำ เกรทค่อยๆสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่ตุง เขาถึงกับสะดุ้งเพราะทั้งแข็งและใหญ่พอสมควร เกรทจึงเลื่อนมือไปที่ข
มิคกี้นอนสลบอยู่ที่ร้านอาหาร หลังจากกิ่งล่วงหล่นใส่ศีรษะของเขา ยูโรพยุงร่างของมิ คกี้มานั่งที่โต๊ะ ยูโรเรียกมิคกี้อยู่หลายครั้งเขาจึงเริ่มได้สติกลับมาและลืมตาขึ้น “เราเป็นอะไรไป”มิคกี้ยังมึนงง “กิ่งไม้หล่นใส่หัวนายไง” “ไม่น่าใช่ เมื่อคือเรายังนอนที่ห้องอยู่เลย นอนกับเกรท”มิคกี้ขยับศีรษะไปมา “เกรทไหน นายมากับเรา” “เหรอ เดี๋ยวขอเวลาคิดหน่อยนะ”พอมิคกี้ได้สติเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลับมายังในยุคปัจจุบัน “ว่าไงจำได้หรือยัง”ยูโรมองหน้าของเกรทด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “จำได้แล้ว แต่เราคงไม่กินข้าวแล้วนะ ไม่มีอารมณ์กินเจ็บหัวจังเลย”มิคกี้ใช้มือลูบที่ศีรษะของเขา “ฮือ ไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยมา ดูนายท่าจะแย่มากวันนี้ ขับรถกลับบ้านไหวไหม” “ไหว” “ถ้างั้นเดี๋ยวเราขับรถตามนายไปก็แล้วกันนะ” “ขอบใจมาก” ยูโรพยุงร่างของมิคกี้และเดินไปที่รถของมิคกี้ ยูโรยืนมองมิคกี้เข้าไปในรถและขับรถออกไป ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในรถของตัวเองและขับรถตามมิคกี้ไปอย่างด้วยความเป็นห่วง มิคกี้ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้าน เมื่อยูโรเห็นมิคกี้ขับรถกลับมาอย่างปลอดภัย เขาจึงขับกลับไปที่บ้านของเขาทันที ม
ต่อกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อที่จะกลับบ้านของเขา แต่ต่อใส่เสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไม่หมด เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขี้น ต่อจึงเดินไปรับด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร “ฮัลโหล” “ไอ้ต่อ มึงเรียนเป็นไงบ้าง”กำนันบุญมีถามไถ่ “ผมจะกลับบ้านแล้วไม่อยากเรียน” “ไอ้ต่อ ถ้ามึงจะกลับมาบ้านไม่ต้องกลับมา มึงไปอยู่ที่อื่นเลยกูหมดเงินหมดทองกับมึงไปตั้งเท่าไร” “ผมไม่อยากเรียนนี่” “ถ้ามึงไม่อยากเรียนแล้วไปสมัครสอบทำไม” “ผมไม่ได้ไปสอบใครก็ไม่รู้ที่ไปสอบ” “ไอ้ต่อมึงอย่ามาแก้ตัวหน้าด้านๆก็มึงนั่นแหละ เอาล่ะมึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องกลับมาจนกว่าจะปิดเทอม ถ้ามึงกลับมาไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ ตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้มึงจะเลือกเอาอะไร” “พ่อ บังคับผมอีกแล้ว” “กูไมได้บังคับกูหวังดีกับมึง” “ก็ได้”ต่อรับปากส่งๆไปอย่างนั้น “ดีมาก เดี๋ยวพ่อจะโทรมาหาเป็นระยะๆแค่นี้แหละ” ต่อนั่งลงอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เรียนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปบ้านของเขาได้ ต่อจึงนั่งนิ่งด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาจึงไม่รู้เลยว่ามาสอบมาเรียนที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ไหนมา ต่
หลายวันผ่านมามิคกี้ก็ไปเรียนตามปกติ หลังจากนั้นก็เป็นเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสนิทคนใหม่ยูโร แต่ด้วยวันนี้มิคกี้ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวกับยูโรต่อได้ เพราะพ่อขอ งเขาได้นัดให้มิคกี้กลับมาบ้าน ในระหว่างที่ทั้งสองอาบน้ำชำระคราบเหงื่อ “วันนี้ไปไหนกันต่อดีไหม”ยูโรที่อาบน้ำอยู่ข้างมิคกี้พูดขึ้น “ไปไม่ได้ พ่อเราให้กลับไปบ้านมีเรื่องจะคุยด้วย” “ไม่เป็นไรวันหลังก็ได้ แต่เราเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อกับแม่นายหย่ากัน เราก็ไม่กล้าพูดกลัวนายเสียใจ นี่ก็หลายวันแล้วเราเลยพูดให้กำลังใจนาย” “ขอบใจนายมากนะ”มิคกี้ขยับมือจะเกาหลังแต่ก็เกาไม่ถึง “คันเหรอเดี๋ยวเราเกาให้”ยูโรเดินไปข้างหลัง แต่ดันมองบั้นท้ายของมิคกี้ “ตรงนี้ใช่ไหม” “เอ่อๆใช่” ยูโรเกาหลังให้มิคกี้อย่างเต็มใจพร้อมมองบั้นท้ายและอยากสัมผัส และสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ท่อนเอ็นของยูโรเริ่มขยายใหญ่ขึ้น “พอแล้วขอบใจมาก” “ฮือ”ยูโรเดินมาอาบน้ำตามเดิม และพยายามที่หักห้ามใจไม่ให้คิดอะไรเพราะท่อนเอ็นของเขาขยายใหญ่ขึ้น “พรุ่งนี้นายว่างมั้ย เราไปเที่ยวกลางคืนกัน”มิคกี้หันไปมองยูโร เขาถึงกับตกใจ เพราะท่อนเอ็นของยูโรขยายใหญ่ขึ้น “อุ๊ย ล้างสบู่นาน
วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร “มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท “กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม “เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงน
หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา “ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม “อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก” “จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต” “บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก” “เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน
สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่ มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา “อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสี