วันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งซึ่งทุกครั้งมิคกี้ในร่างของต่อจะไปด้วยไม่มีพลาด และเป็นเจ้ามือตลอดไม่เคยขาด แต่ครั้งนี้ต่อตัวจริงกลับมาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเที่ยวสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ต่อนั้นเป็นคนเรียบง่ายมีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ที่เขาทนเรียนก็เพราะกำนันบุญมีขู่ไว้ และอีกอย่างเขารู้สึกเสียดายผืนนาที่พ่อของเขาขายส่งมาเรียน ต่อจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนต่อไปให้จบ
ในวันนี้เขาจึงนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือ ทำรายงานใครชวนไปไหนก็ไม่ไป การไปเที่ยวในครั้งนี้จึงมีเพียง พายัพกับสุชาดาและสุกี้ในร่างหน่อยที่กำลังเพลิดเพลินยุคอดีต ในส่วนของเกรทนั้นไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ค่อยได้สนิทกับกลุ่มนี้เท่าไร ยกเว้นมิคกี้และต่อที่อยู่ในร่างเดียวกัน ช่วงเวลาที่ต่ออ่านหนังสือยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันที่มาหาเขา ต่อจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร
“มาทำไม”ต่อพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของเกรท
“กูก็ไม่อยากมาหรอก แต่กูลืมของไว้ที่ห้องมึง”เกรทเปลื่ยนสรพพนามทันที เลิกใช้คำสุภาพเพราะต่อคนนี้กลับมาเหมือนเดิม
“เข้ามา”ต่อเดินนำมาและนั่งลงบนเตียงนอน ส่วนเกรทเดินไปหยิบแผ่นดิสก์ที่บันทึกรายงานไว้ที่วางอยู่ข้างๆ คอมพิวเตอร์
“กูเกือบเอาทิ้งไปแล้ว พอดีเห็นชื่อมึงเขียนติดไว้ กูเลยไม่ทิ้งเผื่อมึงยังต้องใช้มัน”ต่อพูดขึ้น
“ขอบใจนะ ที่มึงยังเป็นห่วงกู”เกรทยืนนิ่ง
“กูไม่ได้เป็นห่วงมึงหรอก แต่กูไม่เวทนามึงมากกว่า”
“ต่อ นายเป็นอะไร”
“กูต้องถามมึงมากกว่า ความเป็นเพื่อนของเราไม่มีความหมายเลยเหรอวะ เราอุตส่าห์คบกันมาตั้งแต่เด็ก แก้ผ้าวิ่งเล่นกระโดดน้ำมาด้วยกัน แล้วมาวันหนึ่งมึงมาลักหลับกู มึงจะให้กูทำใจได้เหรอวะ เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ความไว้วางใจกันความผูกพันฉันเพื่อน มันได้พังทลายก็เพราะมึง กูยอมรับมึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู ถึงมึงเป็นแบบไหนกูก็รับได้ กูยินดีคบมึงเป็นเพื่อนไปไหนด้วยกันโดยไม่อายใคร เพราะมึงคือเพื่อนกู แต่นี่มึงมาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีๆที่กูมีให้มึงหมดไป เพราะความใคร่อยากของมึง ถ้ามึงอยากมาก ทำไมไม่ไปหากินคนอื่นที่มีความต้องการแบบเดียวกับมึงล่ะ”
“มึงพูดอะไรยาวเหยียด สิ่งที่มึงพูดนั่นแหละมึงทำทั้งนั้น มึงเป็นคนต้องการเองนี่ มึงหาว่ากูเป็นแฟนมึงทั้งที่กูบอกว่าไม่ใช่ มึงก็ไม่ฟังกูเลย ทั้งหอมทั้งกอดกูตลอดเวลาตอนเราอยู่กันสองคน ก่อนหน้านั้นมึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่เหรอว่าให้ช่วยมึงหน่อย แต่ตอนหัวค่ำกูยังไม่พร้อมแต่ตอนเช้ากูพร้อมที่จะเป็นของมึง กูก็ยอมทำให้มึงทั้งที่กูก็ไม่ได้ชอบทำแบบนั้นซักเท่าไร แต่เพื่อมึงกูก็ยอมทำ มึงคิดดูซิว่ากูไม่เจ็บเหรอกูเจ็บนะ แต่เพื่อให้มึงมีความสุขกูก็ยอมให้มึง กูทำให้มึงขนาดนี้แล้วมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“กูไม่เคยพูดไม่เคยคิดกับมึงแบบนั้นเลย มึงอย่ามามั่วพูดไปเรื่อยโยนความผิดมาให้กู มึงเป็นคนทำและเป็นความต้องการของมึงฝ่ายเดียว กูไม่ได้มีส่วนร่วมกับมึงด้วยซักหน่อย”
“ไม่ได้มีส่วนร่วมพูดไปได้ แล้วทำไมมึงถึงไม่ยอมกูล่ะ ปล่อยให้กูทำอยู่ทำไม มึงก็ต้องการเหมือนกันนั่นแหละ ในเมื่อใจเราตรงกันแล้ว มึงจะปฏิเสธหรือหาข้ออ้างทำไมว่ะ”
“กูเป็นผู้ชายถ้าโดนทำอย่างนั้น เป็นใครก็เคลิ้มเหมือนกันนั่นแหละ ความผิดอยู่ที่มึงถ้ามึงไม่ทำกูก็ไม่เคลิ้ม”
“กูไม่พูดกับมึงเรื่องนี้แล้วมึงจะคิดอย่างไงก็เรื่องของมึง”
“มึงก็พูดได้สิไม่ได้เสียหายอะไรนี่”
“ไอ้ต่อ มึงพูดเหมือนคนเห็นแก่ตัว กูก็เป็นผู้ชายเหมือนกับมึง ถ้ามึงเสียหายกูก็เสียหายเหมือนกันนั่นแหละ แถมเจ็บตัวมากว่ามึงอีก มึงนั้นแหละแค่นอนเฉยๆก็มีความสุข”
“ก็มึงเสือกทำให้กูเองนี่”
“มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ หรือว่ามึงจะบอกว่าไม่ชอบ”
“เอ่อ ไม่ใช่เรื่องนั้น มันเรื่องที่มึงทำกับกู”ต่อหวนความรู้สึกนั้นขึ้นมาทันที และเขาก็ชอบมันอย่างที่ต่อพูด
“โอ๊ย พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจ”
“กูไม่เข้าใจมึงมากกว่า”
“พูดเยอะมากความ กูถามมึงคำเดียว เรายังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”เกรทพูดจากใจจริง เพราะเขายังอยากที่จะคบกับต่อแบบเพื่อนเหมือนเดิม ถึงแม้ใจเขาตอนนี้จะให้มิคกี้ร่างต่อไปเต็มร้อยแล้วก็ตามที
“มันจะได้ไงในเมื่อมึงกับกูมันเกินเลยคำว่าเพื่อนไปแล้ว”
“ก็ให้มันผ่านไปก็ได้นี่ ลืมมันไปซะอดีต เรามาเริ่มต้นความเป็นเพื่อนใหม่”
“มันจบแล้ว กูไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับมึงอีกต่อไป มึงไปซะแล้วไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก”
“ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมึง กูก็จะไปต่อแต่นี้ไปไม่ต้องมาเจอกัน”
เกรทมองหน้าต่อก่อนที่จะเดินจากไป ด้วยใจที่ร้าวรานและปวดระทมแทบหมดแรงที่จะเดินต่อไป ส่วนต่ออยากที่จะเรียกให้เกรทกลับมา อยากจะให้เป็นเหมือนเดิม แต่มีเส้นบางๆกลั้นไว้ให้ทั้งคู่ต้องห่างจากกัน
งานวันวิวาท์ของพายัพกับโสภิตาผ่านไปด้วยดี เป็นการแต่งงานแบบเงียบๆภายในครอบครัว เดิมที่จะจัดยิ่งใหญ่แต่ทั้งสองก็เกรงใจลูก เพราะกำลังอยู่ในช่วงที่จิตใจย่ำแย่ มิคกี้นั้นก้ำกึ่งเพราะความรู้สึกของเขานั้นผูกพันโสภิตามากกว่าสุชาดา แต่ในความเป็นจริงสุชาดานั้นเป็นแม่ที่แท้จริง ส่วนหน่อยไม่มีส่วนใดเกี่ยวของกับโสภิตาเขาจึงรู้สึกเฉยๆไม่ยินดีไม่เสียใจแค่อยากกลับไปในอดีตแค่นั้น ถึงแม้จะอยู่ที่นี่เป็นถึงคุณหนูลูกคุณหญิงโสภิตา และเป็นลูกเลี้ยงรัฐมนตรีก็ตามที่ หน่อยไม่ได้ต้องการของเพียงได้กลับไปในอดีตแค่นั้นเป็นพอ
หลังจากงานวันวิวาท์ผ่านไปหลายวันมิคกี้กับหน่อยเริ่มสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมิคกี้กับหน่อยในร่างสุกี้เรียนมาหวิทยาลัยเดียวกัน มิคกี้จึงคอยรับส่งหน่อยดั่งดุจพี่น้อง จึงทำให้ห่างเหินกับยูโรเพื่อนสนิทในสนามฟุตบอล ในวันนี้เขาเลยจะไปสนามฟุตบอลพร้อมพ่วงหน่อยไปด้วย เมื่อเขาไปรับหน่อยแล้วจึงรีบขับรถออกไปทันที
“วันนี้เราจะพาหน่อยไปสนามฟุตบอลนะ”
“อะไร เราอุตส่าห์รอดพ้นจากพ่อที่ชอบชวนเตะฟุตบอล นี่นายยังจะพาเราไปเตะฟุตบอลอีกเหรอ”
“พาไปดูเฉยๆวันนี้นัดเพื่อนไว้ด้วย เพราะไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว”
“ถ้างั้นแล้วไป นึกว่าจะชวนเราไปเตะบอลอีก”
“ใครจะไปทำอย่างนั้นล่ะ”
“ก็นายชอบแกล้งเราบ่อยๆไม่ใช่เหรอ ก็เลยไม่ค่อยไว้ใจ”
“ตอนนี้นายเป็นน้องเราแล้วนะ ทำไมจะแกล้งนิดๆหน่อยๆไม่ได้ล่ะ”
“ใครยอมรับเป็นน้อง ขี้ตู่ซะมัด”
“ไม่เป็นน้องก็ได้ เป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก ความสัมพันธ์ในอนาคตของเรามันคลุมเครือ จะทำอะไรคิดอะไรต้องระวังตัวอย่างมาก”
“นายเปลื่ยนไปเยอะเลยนะ”มิคกี้หันมามองหน่อยแวบหนึ่งช่วงขับรถ
“ไม่ได้เปลื่ยนไปเยอะหรอก เราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่นายนั่นแหละยังไม่รู้จักเราดีพอ”
“อย่างงั้นก็ได้ ใครโทรมาเดี๋ยวรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
“ฮัลโหล ว่าไงยูโร”
“เย็นนี้เราไปกินหมูกระทะกันไหม ไม่ต้องไปเตะบอลหรอก”
“หมูกะทะเหรอ เราไม่เคยกิน เอ่อ อยากไปกินเหมือนกัน”
“เจอกันที่ร้านนะเดี๋ยวเราส่งโลเคชั่นไปให้”
“ได้ เอ่อ เดี๋ยวเราพาน้องไปด้วยนะ”
“เฮ้ย นายมีน้องตั้งแต่เมื่อไร”ยูโรมีน้ำเสียงที่ตกใจ
“เรื่องมันยาวเดี๋ยวไปเล่าที่โน้นก็แล้วกัน”
“ฮือ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวเราไปกินหมูกระทะกัน”มิคกี้หันมายิ้มให้หน่อย
“เรากินไม่เป็นในอดีตไม่มีหมูกระทะเลย”
“เราก็กินไม่เป็น ปกติเราจะไปกินในห้างบ้างภัตาตาคารบ้าง เราก็เลยอยากลองไปกินดูว่าจะอร่อยไหม แต่เรื่องอร่อยไม่อร่อยไม่สำคัญหรอก แต่อยากลองไปดูบรรยากาศในร้านว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่โทรบอกพ่อกับแม่ก่อนเหรอ”
“วันนี้ไม่อยู่ทั้งสองคน ไปงานการกุศลกว่าจะกลับก็ดึก ไม่ต้องกลัวโดนว่าหรอก”
“พ่อนายไม่ว่า แต่แม่ของสุกี้ คุณหญิงโสภิตานะซิ ดุมาก พูดจาเพราะนะ แต่เวลาดุก็เอาเรื่อง”
“ไม่มีอะไรหรอกคุณหญิงโสภิตา มาดเยอะแต่ใจดีทำเป็นดุไปอย่างงั้นแหละ เดี๋ยวจะบอกวิธีอ้อนให้”
“ทำไมนายรู้เรื่องของคุณหญิงโสภิตาเยอะมาก”
“ก็เพราะว่าเป็นแม่เราไง”
“แม่นายเหรอ”
“ใช่”
“ถ้างั้นเรามีเรื่องจะถามนายสักเรื่องได้ไหม”
“ได้ ว่ามา”
“พ่อนายใช่พายัพเพื่อนของนายในอดีตใช่ไหม”
“ใช่”
“สุชาดาเพื่อนของเราคือแม่ของนายในปัจจุบันใช่ไหม พอดีเราเห็นรูปถ่ายคู่กับนายในห้อง”
“ใช่”
“โสภิตานี่เพื่อนของเกรทใช่ไหม”
“ใช่”
“ถึงว่านายถึงรู้จักโสภิตาทั้งในอดีตและอนาคต”
“ก่อนที่เราจะย้อนอดีตไปแม่ของเราคือโสภิตาต่างหาก แต่พอเราได้ไปในอดีตแล้ว เหตุการณ์ในอดีตพวกเราทำให้มันเปลื่ยน เพราะเรากับพายัพได้เจอสุชาดา แล้วทั้งสองเกิดชอบพอกันจนถึงแต่งงาน แล้วเกิดมาเป็นเรา”
“นายไม่เสียใจใช่ไหม”
“ไม่รู้สิ”
“รู้แบบนี้แล้ว เราทั้งสองอาจเป็นพี่น้องกันจริงๆก็ได้นะ ถ้ายังอยู่ในอนาคตอย่างนี้ ความสัมพันธ์มันซับซ้อนเกินไป ของเราไม่เท่าไรหรอก แต่นายนั่นแหละทั้งโสภิตาและสุชาดาแม่นายทั้งคู่นะ แล้วเราดันมาอยู่ในร่างสุกี้ที่แม่เป็นโสภิตา ส่วนนายอาจดวงจิตเป็นลูกโสภิตาแต่ร่างกายเป็นลูกสุชาดา โอ๊ยปวดหัวไม่อยากคิดเลย”
“ไม่อยากคิดก็ไม่ต้องคิดซิ เราคิดว่าเราสองไม่ใช่พี่น้องกันหรอก เรารู้กันแค่สองนี่ คนอื่นไม่รู้ เขารู้แค่ว่านายเป็นลูกคุณหญิงโสภิตา ส่วนเราเป็นลูกรัฐมนตรีพายัพ ถ้าเกิดเรารักกันคงไม่เป็นอะไรหรอก”
“เป็นซิ เราเป็นพี่น้องกันไง อีกอย่างพ่อแม่ของเราแต่งงานกันแล้ว เราจะมารักกันได้อย่างไง แล้วเรายังไมได้บอกเลยว่ารักนาย”
“แต่เรารู้ว่านายรักเราตั้งแต่อดีตแล้ว”
“บ้า พูดไปเรื่อย”
“อุ๊ย อายหน้าแดงแล้ว”
“พอ ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้วคุยเรื่องหมูกระทะดีกว่ามันเป็นอย่างไง ตั้งแต่มาอยู่ในอนาคตเนี่ยมีอะไรแปลกๆ”
“อยู่ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“ฮือ จะพยายามชินให้ได้”
มิคกี้ขับรถมานานพอสมควรกว่าจะถึงร้านหมูกระทะ ซึ่งยูโรได้มารอหน้าร้านแล้ว ที่ยูโรมาไวเพราะอยู่ใกล้บ้านของเขา พอมิคกี้กับหน่อยลงจากรถยูโรก็กวักมือเรียกทันที
“มารอตั้งนานแล้วเนี่ยมัวทำอะไรกันอยู่”ยูโรพูดขึ้น
“รถมันติด เอ่อนี่ไงน้องเรา สุกี้ลูกคุณหญิงโสภิตา”
“หน้าตาน่ารัก นายคงจะรักน้องคนนี้มากแน่เลย”
“ใช่ รักมาก”
“ก็ดีแล้ว เราก็มีน้องนะ ผู้หญิงหนึ่งผู้ชายหนึ่งไอ้ตัวผู้ชายซนเป็นลิงเลย”
“เราไม่ยักรู้ว่านายมีน้องตั้งสองคน เรายังอยากมีหลายๆคนเลย”
“แบบนี้แหละ คนไม่มีอยากมี คนมีนี่ไม่ใช่ไม่อยากมีนะ แต่มันดื้อมากเลยไอ้ตัวเล็ก ส่วนน้องสาวนี่น่ารักกำลังจะโตเป็นสาวแล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้อีก พูดเยอะแล้วเข้าไปในร้านกันเถอะ”
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน มิคกี้ก็พลันเห็นบิวอดีตเพื่อนสนิทร่วมห้องและเพื่อนอดีตคนเคยรัก ที่กำลังเดินเข้าไปในร้านคนเดียว
“พาน้องเราไปที่โต๊ะได้เลย เราเจอเพื่อนที่คณะเดี๋ยวเราจะไปคุยด้วยซะหน่อย”
“ได้ มากับพี่ ชื่อสุกี้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
มิคกี้รีบเดินเข้าไปหาบิวทันที ปล่อยให้ยูโรพาหน่อยไปที่โต๊ะ
“บิว”มิคกี้เรียก
บิวหันหน้ามาเห็นเป็นมิคกี้เขาก็ตกใจนิดหน่อย และพยายามฝืนยิ้มพอเป็นพิธี เพราะก่อนหน้านี้บิวก็ใช้มิคกี้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งบอมบอมอดีตคนเคยรักของมิคกี้
“มิคกี้”
“เรามากินหมูกระทะกับเพื่อนนะ”มิคกี้พูดขี้น
“เพื่อนที่ไหนล่ะ”
“เพื่อนนักฟุตบอลไง”
“อ๋อ”บิวพยักหน้า
“แล้วนายมากับใครล่ะ”
“มาคนเดียวเราเหงาๆไงเลยมาหาอะไรกิน”
“กินหมูกระทะนี่นะ”
“ก็นั่นแหละ เราเคยมากินกับบอมบอมแล้วอร่อยถูกใจก็เลยมาบ่อยๆ”
“อ่อ แล้วบอมบอมล่ะ ไม่เห็นมาเรียนเลย”มิคกี้อดถามถึงคนเคยรักคนเก่าไม่ได้
“ไปเรียนต่างประเทศกับพึ่ก็อต เราเสียใจด้วยนะเรื่องพ่อกับแม่นาย “
“ขอบใจนะ แต่เราไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เราว่าบิวไปกินหมูกระทะกับพวกเราดีกว่าไหม เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเหอะ เรารู้นายเป็นคนดี แต่ที่นายทำอย่างนั้นเพราะจะแก้แค้นบอมบอม ซึ่งตอนนั้นบอมบอมก็ทำกับเราไว้เยอะนะ เราเข้าใจนาย เพราะนิสัยเบอมบอมเปลื่ยนไปเปลื่ยนมา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตั้งรับไม่ค่อยทัน”
“ใช่ แต่บอมบอมเขาเป็นคนดีนะ แต่มันผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงเลย ไหนๆบอมบอมก็มีความสุขกับพี่ก็อตของเขาแล้ว ก็เหลือพวกเรานี่แหละยังไม่มีใครเลย”
“เดี๋ยวก็เจอ เดี๋ยวเราจะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก ไม่แน่อาจจะเจอรักแท้ร้านหมูกระทะก็ได้นะ”
“นายพูดไปเรื่อย มากินหมูกระทะไม่ได้มาหาคู่”
“แหม ของอย่างนี้ไม่แน่หรอกนะ ไป กินหมูกระทะโต๊ะเรา”
“ก็ได้”
มิคกี้พาบิวเพื่อนร่วมคณะที่ความสัมพันธ์อันดีเริ่มกลับมา เมื่อมาถึงที่โต๊ะมิคกี้ทำตัวเป็นกามเทพแผงศรใส่เพื่อนทั้งสอง
“นี่บิว เพื่อนร่วมคณะของเรา”
“ยินดีที่รู้จัก”ยูโรมองเฉยๆแล้วผ่านไป
“สวัสดีพี่บิว”
“หวัดจ๊ะ ใครเนี่ย”บิวหันมามองหน้ามิคกี้ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้
“สุกี้ น้องเราไง”
“น้องเหรอ มีตั้งแต่เมื่อไร พ่อนายเอ่อ เหรอ”
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด ลูกคุณหญิงโสภิตาแม่ใหม่เราไง”
“อ่อ นายโชคดีเลยมีน้องแล้ว”
“เรามีเรื่องจะถามนายพอดี”มิคกี้รีบพูดทันที เมื่อเห็นยูโรกับหน่อยกำลังเดินไปตักอาหาร เพราะเขาก็สงสัยเรื่องราวของตัวเหมือนกัน
“แม่เราใช่สุชาดาหรือเปล่า”มิคกี้มองหน้าบิวด้วยความอยากรู้
“ก็ใช่นะสิ ไม่ใช่คุณป้าสุชาดาแล้วจะเป็นใครล่ะ แต่แม่สุชาดาของนายใจดีมากเลยนะ เจอเราทักทายตลอดเป็นเพื่อนกันในเฟสด้วย ดูไม่แก่เลยต้องเรียกพี่สาวมากกว่า”
“เหรอ ไม่ใช่ คุณหญิงโสภิตาแน่นะ”
“นายเป็นอะไรเนี่ย คุณหญิงโสภิตาแม่เลี้ยงนายนี่”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”มิคกี้ดีใจอย่างมากเมื่อรู้ความจริงที่ตอกย้ำว่า เขากับหน่อยหรือสุกี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันกันทางสายเลือดอย่างแน่นอนไม่ว่าคนไหนจะอยู่ร่างไหน เพราะเขาเกิดกับพายัพและสุชาดา ไม่ใช่จากโสภิตา
“มิคกี้นายเป็นเอามากนะ”
“ช่วงนี้เราเครียดนิดหน่อย”
“เราเข้าใจนายนะ พ่อแม่หย่ากันไหนพ่อแต่งงานใหม่อีก ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก”
“ไม่คิดแล้ว นายล่ะคิดไหมยูโรเป็นไงบ้าง บอกตามตรงดูแล้วน่าจะใช่สเป็คนายอยู่นะ นายชอบล่ำๆหุ่นดีๆนี่”
“พูดไปเรื่อย เป็นผู้ชายชอบหมดแหละ”
“หึ บอมบอมสองหรือเปล่าเนี่ย”มิคกี้อดนึกถึงบอมบอมอดีตคนเคยรักไมได้ รายนั้นฝีปากไม่ธรรมดา
“คุยอะไรกันไม่ไปตัก กุ้งหอยปูปลา เหรอ”ยูโรวางบรรดาเนื้อหลายชนิดไว้เต็มโต๊ะ
“ไม่ไปตักแล้วแหละ ดูเอามากันซะเยอะเลยจะกินหมดหรือเปล่า”
“หมดอยู่แล้ว”ยูโรพูดขี้น
“นี่ก็ไม่เบาเอาแต่กุ้งมาก”มิคกี้หันไปพูดกับหน่อย
“ไม่ค่อยได้กินกุ้ง ราคามันแพง ไม่ค่อยกล้ากิน”หน่อยพูดช้าๆตามนิสัย
“อะไรกัน ลูกคุณหญิงโสภิตาไม่ค่อยได้กินกุ้ง”ยูโรอดหัวเราะไมได้
“คงประมาณแม่ไม่ให้ออกจากบ้าน ให้กินอาหารไทยๆประมาณนี้แหละ”
“อ่อ ดีเลยได้พี่ชายพากิน”
“เดี๋ยวเราไปเอาของก่อนนะ”บิวกำลังจะลุกขึ้น
“ไม่ต้องหรอก เอาของยูโรก็ได้ เอามาตั้งเยอะ”มิคกี้เป็นฝ่ายพูด
“ได้ เอาอะไรดีล่ะ”ยูโรถาม
“บิวชอบกินปลาหมึก ปิ้งให้บิวด้วย”
“ได้ครับ”ยูโรรับคำ
มิคกี้พยายามที่จะให้ยูโรได้ใกล้ชิดบิวมากขึ้น เพราะมิคกี้ก็พอจะมองออกว่ายูโรชอบเขา และก็รู้ด้วยว่ายูโรน่าจะเป็นรุกเหมือนกับเขา
หลังจากที่ทั้งสี่ มิคกี้ หน่อย ยูโร และบิว ได้กินหมูกระทะเสร็จเรียบร้อย จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ในส่วนของยูโรและบิวได้ขับรถกลับไปคนละคัน ส่วนมิคกี้กับหน่อยได้กลับมาด้วยกันเช่นเคย ในระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านนั้น มิคกี้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะได้ใกล้ชิดหน่อยที่เริ่มรักจนหมดใจ ส่วนหน่อยนั้นก็แท่บไม่แตกต่างกันเทใจให้มิคกี้จนไม่มีเหลือให้ใคร ด้วยความรักทั้งสองที่มีให้กันอย่างเหลือล้น จึงทำให้ความรู้สึกที่อยากสัมผัสเรือนกายซึ่งกันมีอย่างเต็มพิกัด เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองไม่เห็นรถพายัพกับโสภิตา มิคกี้ตัวต้นคิดและอารมณ์ถวิลครุกรุ่นในวัยหนุ่มพลุกพล่านขึ้นมา เขาจึงอยากจะชวนหน่อยพากันชิวหาในรสรัก แต่หน่อยนั้นยังกล้าๆกลัวๆด้วยหลายสาเหตุจึงยังไม่อยากที่จะทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจึงลังเลและนั่งลงบนโซฟา “ทำไม่ไม่ไปในห้องนอนล่ะ”มิคกี้ถามและนั่งลงตาม “อิ่ม แน่นท้องนั่งสักพัก” “จริงด้วย หน่อยกินเยอะจนผิดสังเกต” “บ้านหน่อยไม่ได้รวยเหมือนมิคกี้กับสุกี้ไง ถ้าเกิดหน่อยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หน่อยก็คงไม่มีโอกาสได้กินอีก” “เอ่อ ถ้าได้กลับไปในอดีตนั่นเหรอ ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวเราก็ไปซื้อมาทำกินกัน
สุกี้สัมผัสส่วนปลายท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างหิวกระหายและชำนาญ เขาใช้ลิ้นตวัดรอยหยักจนสร้างความเสียวซ่านให้มิคกี้อย่างท่วมท้น สุกี้ทั้งอมและดูดท่อนเอ็นของมิคกี้อย่างสุดกำลัง เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำจนสุดโคลนอมจนเกือบถึงคอหอย และรูดขึ้นสุดปลายจนเกือบหลุด สุกี้ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง และเน้นส่วนปลายของมิคกี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดไวต่อสัมผัสของชายหนุ่มทุกคน มิคกี้ทนความเสียวซ่านแท่บไม่ไหว จนเขาต้องครางออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่สุกี้ยังไม่ยอมหยุด เขาได้ถอนจากท่อนเอ็นของมิคกี้มาเล่นพวงสวรรค์ที่ห้อยยานอยู่ สุกี้อมทั้งพวงและค่อยๆดูดอย่างช้าๆจนพวงสวรรค์เต็งตึงกลมสวย เมื่ออมจึงหนำใจของสุกี้ หลังจากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเผยเห็นนมชมพู แต่มิคกี้เห็นเพียงแวบเดียวเพราะสุกี้รีบหันหลังให้มิคกี้ เพื่อคร่อมส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ที่นอนหงายอยู่ มิคกี้มองแผ่นหลังที่ขาวใสของสุกี้ จนถึงบั้นท้ายที่กลมเต็งตึงนวลผ่อง เขาเห็นสุกี้จับท่อนเอ็นและจ่อที่ช่องทางรักและดันพรวดเดียวเข้าไปในทันที หลังจากนั้นสุกี้ก็ขย่มบั้นท้ายขึ้นลงอย่างช้าๆและเริ่มเร็วขึ้นในเวลาต่อมา “อ่า โอว์ อูว์”เสียงของสุกี้ร้องออกมาด้วยความเสี
ในช่วงเวลานี้มิคกี้ไม่มีจิตใจที่อยากจะไปเที่ยวไหน เพราะเขายังกังวลใจเกี่ยวกับหน่อยที่เขาไม่ทราบว่าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มิคกี้จึงปฏิเสธที่จะไปเที่ยวสังสรรค์เกี่ยวเพื่อนฝูง ในระหว่างที่เดินทางกลับห้องพักนั้น มิคกี้พลันเห็นเกรทได้อยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเกรทในทันที “เกรท จะกลับบ้านเหรอ” “ฮือ”เกรทพยักหน้าและเดินต่อ “ไปห้องเราไหม เราเหงาๆกลุ้มใจอยากหาเพื่อนคุย” “ไม่ไปไม่ว่าง” “นายเป็นอะไรดูเย็นชากับเราจังเลย” “นายน่าจะรู้ดี”เกรทก็รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ต่อเปลื่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่ามิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง “เรื่องอะไรเราไม่เข้าใจ”มิคกี้มีสีหน้าที่มึนงง “ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราไม่มีอะไรจะคุยกันนาย ต่างคนต่างอยู่นายเป็นคนบอกเองนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องทักกัน” มิคกี้ยืนนิ่งคิดหาคำตอบ ซี่งมิคกี้คิดว่าน่าจะมาจากต่อเป็นแน่ คงจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย มิคกี้จึงอยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบสิ้น “ไปคุยกันที่ห้อง มีอะไรเคลียร์กันที่โน้นเลย” “เคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ” “นั่นมันต่อที่เคลียร์กับนาย แต่เรามิคกี้ไม่รู้เรื่องด้วย” “นายเป็
ช่วงบ่ายแก่ๆมิคกี้เข้าไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลทีมหาวิทยาลัย เขาได้ไปแต่เพียงผู้เดียวเพราะพายัพนั้นได้ขอตัวพาสุชาดาไปเที่ยว คัดเลือกตัวในครั้งนี้ได้มีแทนนักศึกษาคณะวิศวกรรม ซึ่งเป็นพ่อของสุกี้ในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นสามีของโสภิตา เมื่อมิคกี้เห็นก็ยิ้มให้และทักทาย แต่ได้รับการเมินเฉย เพราะมิคกี้เป็นเพื่อนสนิทของพายัพเขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร ในระหว่างที่ทดสอบฝีเท้าอยู่นั้น มิคกี้พลันไปเห็นเกรทและโสภิตาอยู่ข้างสนาม มิคกี้จึงยิ้มให้เกรททันที ซึ่งเกรทก็ตอบรับไมตรีมิคกี้ แต่แทนหันมาเห็นเขาพลันคิดไปว่ามิคกี้ยิ้มให้โสภิตา แต่แทนก็ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมาจนการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น แทนจนเดินปรี่ตรงเข้ามาหามิคกี้ทันที “เมื่อกี้มึงยิ้มให้ใคร”แทนยืนท้าวเอวมองหน้ามิคกี้ “ให้ใครก็ได้”เมื่อมิคกี้พูดจบเขาก็เดินหนี “เดี๋ยวก่อน”แทนดึงชายเสื้อมิคกี้ไว้ มิคกี้ดึงเสื้อคืนและหันมาประจันหน้าแทน เกรทและโสภิตาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะมีเรื่องราว ทั้งสองจึงรีบเดินมาหา มิคกี้และแทนที่กำลังยืนมองหน้ากันข้างสนาม “มีอะไรถึงกับดึงเสื้อ”โสภิตามองหน้าทั้งสองคน “เปล่าผมก็แค่ทักทาย ใช่ไหมมิคกี้” “นายว่าอย่างงั้น
เมื่อมิคกี้ได้พาสุกี้ไปรับประทานข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องและมาถึงห้องของมิคกี้ก่อน ซึ่งสุกี้ยังไม่เดินขี้นไปชั้นของเขา แต่ดันรออยู่ข้างหลังของมิคกี้เพื่อที่จะเข้าห้องไปด้วย “ขึ้นไปบนห้องของตัวเองได้แล้ว”มิคกี้หันมามอง “ขอนอนนี่ไม่ได้เหรอมีแอร์ด้วยนี่” “ไม่ได้ เราจ่ายค่าห้องให้นายแล้วนะ นายก็ควรที่จะไปอยู่ที่ห้องตัวเอง” “ก็เราอยากจะตอบแทนนายนี่ที่ช่วยจ่ายค่าห้องให้เราไง” “ไม่ต้องหรอก คืนนี้เราไม่สะดวก” “ก็ได้”สุกี้ขโมยหอมแก้มมิคกี้หนึ่งฟอด แล้วรีบเดินจากไปในทันทีทันใด สิ่งที่สุกี้ทำให้มิคกี้เขาไมได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหน่อย แต่นิสัยต่างๆไม่ใช่คนที่เขาหลงรัก และอีกข้อสำคัญจิตวิญญาณเป็นของสุกี้เพียงแต่มาอยู่ในร่างหน่อย เขาจึงไม่ได้รับรู้สัมผัสที่สุกี้มอบให้ เมื่อมิคกี้เข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาพ่อกำนันเพื่อขอเงิน เพราะเงินไม่พอใช้ถึงแม้จะไม่ช่วยสุกี้ก็ตามที่ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ต่อ” “ผมมีเรื่องรบกวนพ่ออีกแล้วครับ” “เรื่องอะไร” “พ่อช่วยโอนเงินให้ผมหน่อยครับ” “พ่อบอกเองแล้ว ว่าอย่างไงเงินก็ไม่พอใช้ มึงยังมาขอลดอยู่ได้ จะเอาเท่าไรล่ะ
ต่อตัวจริงได้กลับมาแต่กลับมาพร้อมกับรอยฟกซ้ำจากหมัดของพายัพ วันนี้เป็นวันเสาร์ถือเป็นความโชคดีของเขา ที่ไม่ต้องไปเรียนเพราะร้สึกปวดที่ใบหน้า แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาหาทองและแหวนไม่เจอ ต่อค้นจนทั่วห้องและนั่งครุ่นคิดอยู่นานแต่เขาก็นึกไม่ออก ในระหว่างที่ต่อกำลังนึกว่าทองของเขาหายไปไหน เกรทเพื่อนเคยรักก็มาเคาะประตูตามคำเชิญชวนของมิคกี้ในร่างต่อ และพ่อกำนันของต่อที่บอกให้เกรทมาอยู่เป็นเพื่อน ต่อค่อยๆเดินไปเปิดประตูเพียงเขาเห็นหน้าเกรทยืนยิ้ม ต่อทำหน้าบึ้งใส่ทันทีและจะรีบปิดประตู “เดี๋ยวก่อน”เกรทดันประตูเข้าไป “มามีอะไร” “ก่อนที่จะถามเรา ขอเราถามก่อนหน้านายไปโดนอะไรมา”เกรทมีสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างมาก “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม กูบอกไม่ให้มึงมาแล้วมึงจะมาทำไมอีก” “ถามพ่อกำนันดูซิ” “เรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับพ่อของกู”ต่อมีสีหน้าที่สงสัย “ก็พ่อกำนันของนาย ไปหาพ่อของเราให้เรามาอยู่กับนาย บอกให้มาคุมความประพฤติของนาย” “ถึงว่าขนเสื้อผ้ามาเต็มหมด ของกินน่ะซื้อมาทำไมกูไม่ให้มึงอยู่หรอก” “อ้าว ก็นายบอกเราเองนี่ให้มาได้ มาทำอะไรกินกัน เราซื้อมาเต็มเลย ไหนๆเรากับนายอยู่
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมามิคกี้ได้แต่ติดตามข่าวของหน่อยในร่างสุกี้ เขาไม่สามารถที่จะไปเยื่อมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มิคกี้จึงอยู่แต่ในบ้านของสุชาดาอย่างเหงาเศร้าซึม จนกระทั่งเมื่อทราบข่าวว่าสุกี้ได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ออกมาในสภาพที่เป็นเจ้าชายนิทรา นั่นก็เท่ากับสร้างความเจ็บซ้ำในใจของมิคกี้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในระหว่างที่มิคกี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับสุชาดา คนขับรถของพายัพก็ได้เข้ามาหารับมิคกี้ตามคำสั่งของพายัพ “คุณมิคกี้คุณพ่อให้มารับครับ”คนขับรถพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านสุชาดา “จะมารับได้ไงไม่เห็นโทรมาบอกก่อน ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ คิดจะมารับก็มาอย่างนั้นเหรอ”สุชาดามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอย่างมาก “อันนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีครับ ผมแค่มาตามคำสั่งที่ท่านรัฐมนตรีให้มารับคุณมิคกี้” “แม่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อครับ แต่ไม่ใช่เพราะอยากสบายนะครับ คือ ผมอยากที่จะไปดูแลหน่อย เอ่อ สุกี้ล่ะครับ”มิคกี้มีแววตาที่ขอร้องสุชาดา “ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในเมื่ออยากไปก็ไปแม่ไม่บังคับหรอก ถ้าไปที่โน้นมีปัญหาอะไร บอกแม่มาเลยนะเดี๋ยวแม่จะลุยเอง” “ครับแม่” มิคกี้รู้ส
ยามเช้าของวันใหม่มิคกี้ได้กลับเข้ามาในร่างของต่ออีกครั้ง มิคกี้รู้สึกตัวดึงหมอนข้างโยนลงพื้น แล้วจับขอบกางเกงบริเวณเอวของเกรทดึงเข้ามา หลังจากนั้นเขาก็กอดเกรทไว้อย่างอบอุ่น เกรทร้สึกตัวเมื่อโดนดึงตัวมากอดไว้ เขาแอบดีใจเลยปล่อยให้มิคกี้ได้กอดตามใจ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เกรทจึงไม่รีบตื่น อยากนอนให้ต่อกอดนานๆ “หน่อยอย่าทิ้งเราไปนะ”มิคกี้ละเมอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “หน่อยเหรอ”เกรทพลิกตัวและจับแขนมิคกี้โยนออกไป ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งมองมิคกี้ มิคกี้ค่อยๆลืมตาขึ้นและคนตรงหน้าที่เขาเห็นเป็นเกรท แต่ไม่ใช่หน่อยที่เขาเฝ้าฝันละเมอคิดถึง “ไม่ใช่หน่อยเหรอ”มิคกี้ตกใจลุกขึ้นนั่งทันที “ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายเรียกหน่อยอยู่นั่นแหละ นี่ใช่ไหมสาเหตุที่นายไม่ชอบเรา”เกรทเริ่มอารมณ์เสีย “ใช่ เรารักหน่อย” “ไอ้ต่อ”เกรทหยิบหมอนตีที่ศีรษะของมิคกี้ไม่ยั้ง “โอ๊ย ตีเราทำไม หยุดได้แล้วเกรท”มิคกี้เอามือรองหมอนที่เกรทตีไม่ยั้ง “นายมัน”เกรทวางหมอนลงแล้วจ้องมองหน้ามิคกี้ “นายมานอนที่นี่ได้อย่าไงเกรท”มิคกี้รู้สึกตัวแล้วว่ากลับมาในอดีต เขาจึงสงสัยว่าเกรทมานอนกับเขาได้อย่างไร “ยังมีหน้าม