Share

แยกหัวใจเป็นสองทาง

  วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง

  มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์

  “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา

  “อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ”

  “เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย”

  “ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม”

  “ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม”

  “เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก

  “คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้

  สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน

  “นายพูดไปเรื่อย”สุกี้พยายามกลบสีหน้าอาการตกใจในคำพูดของมิคกี้

  “เราก็มาจากอนาคตเหมือนกัน เราเป็นลูกของรัฐมนตรีพายัพ กับสุชาดาเพื่อนของนาย ส่วนนายเป็นลูกของแทนกับโสภิตา พ่อกับแม่นายเลิกกัน เช่นเดียวกันพ่อกับแม่เราก็เลิกกัน และแม่นายคุณหญิงโสภิตาก็มาแต่งงานกับพ่อเรารัฐมนตรีพายัพ”

  “นายมาจากอนาคตจริงๆด้วย แต่แม่เรากับพ่อนายยังไม่แต่งงานกันนี่”

  “เราได้กลับไปอนาคตอีกครั้งเขาทั้งสองแต่งงานกันแล้ว และหน่อยก็เข้าไปอยู่ในร่างของนาย”

  “นายไม่ได้กลับไปนี่อย่ามาโกหก เราก็เห็นนายอยู่ทุกวัน”

  “นั่นไม่ใช่เราเป็นต่อ ตอนนี้น่าจะไปอยู่ในอนาคตแล้วมั้ง”

  “ถึงว่าบางทีนายก็พูดดีกับเราบางทีก็ทำเป็นไม่รู้จัก”

  “ก็นั่นแหละต่อไง”

  “นั่นก็แสดงหน่อยอยู่ในร่างของเราใช่ไหม”

  “ใช่”

  “แล้วทำไมเราถึงไม่ได้กลับไปบ้าง”สุกี้มองมิคกี้ด้วยความใคร่อยากรู้

  “คือ หน่อยทางได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขาเป็นเจ้าชายนิทรา ตอนเรากลับมาในอดีต พยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ เราเลยไม่แน่ใจว่าหน่อยยังมีชีวิตอยู่อีกไหม”

  “ไม่จริงนายโกหกเรา”

  “เราจะโกหกนายทำไม โกหกแล้วได้อะไร”

  “ถ้าหน่อยเป็นอะไร เราก็กลับไปในอนาคตไม่ได้สิ ที่เราอยู่ในอดีตได้ทุกวันก็เพราะหวังสักวันหนึ่งจะได้กลับไปในอนาคต”

  “เราขอโทษ”มิคกี้ก้มหน้าต่ำลง

  “ขอโทษเราทำไม มันไม่เกี่ยวกับนาย  มันเป็นเรื่องความลี้ลับของมิติ นายไมได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยนิ”

  “มันไม่ใช่เรื่องมิติกาลเวลาหรอก แต่มันเป็นเรื่องที่เราวู่วาม เราขับรถพาหน่อยออกจากบ้าน เพราะทะเลาะกับพ่อของเราและแม่ของนาย  เรื่องที่เราสองคนรักกัน ท่านทั้งสองขัดขวาง เรากับหน่อยเลยขับรถออกไปด้วยอารมณ์โกรธ เลยได้รับอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หน่อยไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรัย จึงอาการหนักกว่าเราหลายเท่า ก่อนที่เราจะจากมาหน่อยสิ้นใจแล้ว พยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ ซึ่งเราได้กลับมาในอดีตแล้ว จึงไม่รู้ได้เลยว่าตอนนี้หน่อยฟื้นขึ้นมาหรือยัง”

  “มิคกี้”สุกี้นั่งนิ่งตาค้าง

  เป็นครั้งแรกที่มิคกี้เห็นสุกี้นิ่งอย่างนี้ แต่เขาก็เข้าใจสุกี้เป็นอย่างดี เหตุการณ์นี้ถ้าเกิดขึ้นกับใคร ก็คงเป็นเหมือนสุกี้ไม่ผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน

  “ไม่ว่าอะไรจะเกิดตอนที่นายอยู่ในอดีต เราจะดูแลนายเป็นอย่างดี ชดใช้ความผิดที่เราทำพลาดลงไป”

  “ นายพูดแล้วอย่าคืนคำก็แล้วกัน เพราะเราต้องสูญเสียทุกอย่างในอนาคตไปหมดแล้ว ป่านนี้หน่อยอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เราก็จะไม่สามารถที่จะกลับเข้าไปในร่างเดิมของเราได้ และอีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้หน่อยจะยังไม่เสียชีวิตพยาบาลปั้มหัวใจช่วยไว้ได้  ถ้าเป็นเช่นนั้นเราขออยู่ในร่างของหน่อยดีกว่า อย่างน้อยเราก็ยังได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ถึงแม้จะคิดถึงบ้านและพ่อแม่ของเรา แต่ถ้าให้เรากลับไปในสภาพนอนเป็นเจ้าชายนิทรา เราจะกลับไปให้ตัวเองทรมานทำไม สู้อยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ”สุกี้พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

  “นายเข้มแข็งกว่าที่เราคิดไว้มาก”

  “นายก็รู้จักแทนกับโสภิตาพ่อกับแม่ของเราดีนี่ ไม่ว่าจะในอนาคตหรืออดีต ไม่มีทางหรอกที่สองคนนั้นจะสอนให้เราอ่อนแอ”

  “ใช่ จริงอย่างที่นายพูด เราเสียอีกที่ยังทำใจเรื่องหน่อยไม่ได้เลย”

  “ทำใจไม่ได้ก็ต้องทำใจซะ ถึงนายอาจได้กลับไปในอนาคตได้ ก็ไมได้หมายความว่านายจะได้เจอหน่อย หรือถ้าเจอก็แบบเจ้าชายนิทรา นายจะทำใจอยากกว่าหน่อยเสียชีวิตไปแล้วเสียอีก ส่วนเราสุกี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนหน่อยได้หรอก”

  “เราเข้าใจดีในข้อนี้ แต่นายอยู่ในร่างของหน่อย ไม่ว่านายจะทำอะไรก็เป็นชื่อเสียงของหน่อย ทำไมนายไม่คิดว่าร่างของหน่อยคือตัวนายล่ะ ทำให้เป็นเนื้อเดียวกันไปเลยซิ”

  “ไม่หรอก เราก็เป็นของเราแบบนี้ เราจะไม่เปลื่ยนตัวเองให้ใครมารักหรอก”

  “สุกิ้”

  “เรียกหน่อยก็ได้ นี่จะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นหน่อยคือชื่อ ส่วนอย่างอื่นนั้นเป็นสุกี้คนเดิมจากอนาคตเท่านั้น”

  “แล้วแต่นายก็แล้วก็กัน”

  “มันแน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของเราไม่ใช่ชีวิตคนอื่น แต่นายรับปากและสัญญากับเราไว้แล้วนะ ที่จะดูแลเราไปตลอดชีวิต”

  “ใช่แน่นอน”

  “ก็ดี แต่จำคำเราไว้นะ เราไม่ใช่หน่อยเราคือสุกี้”

  “เราเข้าใจนายดี แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ”

  “ใครจะมีอารมณ์ออกไป ถึงเราจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่ก็ต้องมีเวลาทำใจบ้าง ตอนนี้เราอยากอยู่คนเดียวนายกลับห้องไปก่อนเหอะ”

  “ก็ได้”

  มิคกี้ออกจากห้องของหน่อยอย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะในความคิดของเขายังเป็นห่วงร่างหน่อย และจะคอยดูแลสุกี้ให้ดีตลอดเวลาที่เขาอยู่ในอดีต มิคกี้เดินลงบันได้มาชั้นสองที่เขาอาศัยอยู่ เมื่อมิคกี้เปิดห้องเข้าไปก็เห็นเกรทกำลังเจียวไข่อยู่

  “ไปไหนมา”เกรทหันมามองทันทีและถามไถ่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

  “ไปหาหน่อยมา”มิคกี้นั่งลงบนเตียงนอน

  “ไปทำไม มีธุระอะไร มีเรื่องอะไรต้องไปหาหน่อยถึงห้องนอน”เกรทมองหน้ามิคกี้ด้วยสายตาเคืองแค้น

  “ทำไมมองเราอย่างกับกินเลือดกินเนื้อ”

  “พ่อกำนันฝากให้เราดูแลนายให้ดี นี่นายขึ้นไปหาหน่อยถึงห้องนอน เอาเงินไปให้เขาอีกซิ”

  “ไม่ได้เอาให้ ถึงเราเอาให้มันเกี่ยวอะไรกับนาย”มิคกี้เริ่มโมโหที่เกรทเริ่มจู่จี้จุกจิกกวนใจ

  “เกี่ยวซิ ก็นายไม่ใช่ต่อแต่นายคือมิคกี้ นายจะเอาเงินของต่อให้คนอื่นไม่ได้”

  “ทำไมจะไม่ได้ ป่านนี้ต่อก็อาจใช้เงินของเราในอนาคตอยู่ก็เป็นได้”

  “เราไม่รู้หรอกว่านายมาจากไหน และไม่รู้ด้วยว่าต่อไปอยู่ที่ไหน แต่ที่เรารู้คือต่อรู้จักใช้เงินและไม่โง่เหมือนนาย”

  “เกรท มันจะมากไปแล้วนะ นายพูดจาดูถูกเราเกินไปมั้ง”

  “ไม่เกินหรอก ก็มันเรื่องจริงนี่ ซักวันจะหมดตัวเรียนไม่จบ ไม่มีอะไรเหลือ เพราะให้คนอื่นหมดอย่างแน่นอน”เกรทโมโหจัดอารมณ์ขึ้นขีดสุด จนเขาลืมดูไข่ที่ทอดไว้

  “ไข่ไหม้แล้ว”มิคกี้พูดขึ้นลอยๆ

  “ไหม้ก็ช่างมัน ก็กินแบบไหม้นี่แหละ”เกรทหันไปปิดสวิทซ์กระทะไฟฟ้าทันที และรีบตักไข่เจียวใส่จาน

  “นายกินคนเดียวเถอะ เราจะไปกินข้าวข้างล่าง แต่ถ้านายไม่อยากกินไข่ไหม้ ก็ตามเราลงมากินข้าวก็ได้นะ”

  “เราไม่กินอะไรทั้งนั้นแหละ เราจะกินไข่เจียวไหม้อย่างนี้ นายไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก เราไม่ใช่คนสำคัญของนาย  เราไม่ได้น่ารักเหมือนใครบางคน ตัวก็ดำไม่ได้แรดเงียบด้วย”

  มิคกี้มองเกรทแล้วอดขำไม่ได้ ด้วยท่าทีที่แสนงอนซึ่งขัดกับบุคลิกของเกรท มิคกี้เริ่มรู้สึกได้ว่าเกรทนั้นเปลื่ยนไปเยอะ จนเขาซักไม่แน่ใจแล้วเราว่า การหึงหวงประชดประชนนั้น เกิดจากตัวเขาหรือว่าต่อกันแน่

  “ทำไมยังไม่ไปอีก มาอยู่ขวางหูขวางตาทำไม”เกรทตักข้าวใส่จานและตักไข่ครึ่งซีกไว้บนข้าว

  “ก็อยากกินไข่ของนายนี่”มิคกี้พูดไม่ทันคิด จนเกรทหยุดกึกอ้าปากค้าง ช้อนที่มีข้าวกำลังจะเข้าปากก็หยุดค้างตามไปด้วย

  “ที่เราอยากกินน่ะไข่เจียวไม่ใช่ไข่เหี่ยวๆของนายหรอก”มิคกี้ย้ำเพราะกลัวเกรทเข้าใจผิด

  “ถ้าอยากกินก็มาตักเอง”เกรทกินข้าวที่ค้างไว้ทันที ถึงจะไม่อร่อยเขาก็ต้องฝืนกินประชดมิคกี้

  “เราไม่ใช่ต่อนี่ ถ้าเป็นต่อคงป้อนใส่ปากอย่างแน่นอน”มิคกี้พูดประชดด้วยความรำคาญ

  “จะต่อจะใครเราก็ป้อนได้ทั้งนั้นแหละ”

  “ไม่จริง ขอไม่เชื่อ”

  เกรทโมโหในคำพูดของมิคกี้  เขาจึงถือจานลุกขึ้นยืน แล้วตักข้าวในจานตัวเอง ยื่นจ่อที่ปากของมิคกี้

  “ถ้าไม่กินถือว่าเป็นคนไม่แน่จริง”

  “ได้”มิคกี้อ้าปากทันที

  “กินเข้าไป”เกรทยัดช้อนเข้าไปในปาก มิคกี้รีบหุบปาก ส่วนเกรทก็ดึงช้อนออก,k

  มิคกี้พยายามฝืนเคี้ยวไข่ไหม้ๆของเกรท แค่ไข่เจียวธรรมดายังฝืดคอ ครั้งนี้ยิ่งเป็นไข่เจียวไหม้ๆ จึงทำให้กลืนยากไปกว่าเดิมอีกเท่าตัว

  “หี หึ  หึ”เกรทหัวเราะ

  มิคกี้ไม่พูดอะไรแต่ก็พอจะรู้ว่าเกรทหัวเราในตัวเขา มิคกี้จึงรีบเคี้ยวแล้วรีบกลืน หลังจากนั้นไปเอาน้ำในตู้เย็นมาดื่มจนเกือบหมดขวด

  “กินไม่ได้อย่าฝืน เดี๋ยวเราต้มมาม่าให้กิน”เกรทวางจานข้าวลงบนพื้นโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็นำกระทะไปล้าง เพื่อที่จะต้มมาม่าให้มิคกี้กินรวมทั้งตัวเขาด้วย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status