วันเวลาผ่านไปหลายวันมิคกี้เริ่มที่พอจะทำใจเรื่องหน่อยได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าหน่อยนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่จะได้กลับในอนาคตอีกครั้งหนึ่ง
มิคกี้คิดเรื่องหน่อยกับสุกี้อยู่หลายวัน ในที่สุดมิคกี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว่า ต้องบอกความจริงกับสุกี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนเขาจึงรีบไปหาสุกี้ที่ห้องทันที เพราะถ้ารอนานกว่านี้สุกี้อาจจะเป็นเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ในกรุงเทพยุคเก้าศูนย์
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”มิคกี้เคาะประตูอยู่นานกว่าที่สุกี้จะเปิดประตูออกมา
“อ้าว มิคกี้มีอะไร หรือว่า มาทวงเงินแต่เราไม่มีให้นะ”
“เราไม่ได้มาทวงเงินหรอก ไม่ต้องใช้หนี้หรอกเราให้สุกี้เลย”
“ถ้าไม่ใช่ทวงเงินก็น่าจะมีหาเรา เพราะยังติดใจเราอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปในห้องได้ไหม”
“เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรเหรอ”สุกี้มีท่าทีที่สงสัย เพราะสีหน้าของมิคกี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“คือเรารู้น่ะ ว่าเธอมาจากอนาคต”มิคกี้สังเกตอาการของสุกี้
สุกี้ได้ยินคำพูดของมิคกี้ เขารีบหันหน้ามามองมิคกี้ทันที เพราะเขาสงสัยว่ามิคกี้รู้ได้อย่างไรกัน
“นายพูดไปเรื่อย”สุกี้พยายามกลบสีหน้าอาการตกใจในคำพูดของมิคกี้
“เราก็มาจากอนาคตเหมือนกัน เราเป็นลูกของรัฐมนตรีพายัพ กับสุชาดาเพื่อนของนาย ส่วนนายเป็นลูกของแทนกับโสภิตา พ่อกับแม่นายเลิกกัน เช่นเดียวกันพ่อกับแม่เราก็เลิกกัน และแม่นายคุณหญิงโสภิตาก็มาแต่งงานกับพ่อเรารัฐมนตรีพายัพ”
“นายมาจากอนาคตจริงๆด้วย แต่แม่เรากับพ่อนายยังไม่แต่งงานกันนี่”
“เราได้กลับไปอนาคตอีกครั้งเขาทั้งสองแต่งงานกันแล้ว และหน่อยก็เข้าไปอยู่ในร่างของนาย”
“นายไม่ได้กลับไปนี่อย่ามาโกหก เราก็เห็นนายอยู่ทุกวัน”
“นั่นไม่ใช่เราเป็นต่อ ตอนนี้น่าจะไปอยู่ในอนาคตแล้วมั้ง”
“ถึงว่าบางทีนายก็พูดดีกับเราบางทีก็ทำเป็นไม่รู้จัก”
“ก็นั่นแหละต่อไง”
“นั่นก็แสดงหน่อยอยู่ในร่างของเราใช่ไหม”
“ใช่”
“แล้วทำไมเราถึงไม่ได้กลับไปบ้าง”สุกี้มองมิคกี้ด้วยความใคร่อยากรู้
“คือ หน่อยทางได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขาเป็นเจ้าชายนิทรา ตอนเรากลับมาในอดีต พยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ เราเลยไม่แน่ใจว่าหน่อยยังมีชีวิตอยู่อีกไหม”
“ไม่จริงนายโกหกเรา”
“เราจะโกหกนายทำไม โกหกแล้วได้อะไร”
“ถ้าหน่อยเป็นอะไร เราก็กลับไปในอนาคตไม่ได้สิ ที่เราอยู่ในอดีตได้ทุกวันก็เพราะหวังสักวันหนึ่งจะได้กลับไปในอนาคต”
“เราขอโทษ”มิคกี้ก้มหน้าต่ำลง
“ขอโทษเราทำไม มันไม่เกี่ยวกับนาย มันเป็นเรื่องความลี้ลับของมิติ นายไมได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยนิ”
“มันไม่ใช่เรื่องมิติกาลเวลาหรอก แต่มันเป็นเรื่องที่เราวู่วาม เราขับรถพาหน่อยออกจากบ้าน เพราะทะเลาะกับพ่อของเราและแม่ของนาย เรื่องที่เราสองคนรักกัน ท่านทั้งสองขัดขวาง เรากับหน่อยเลยขับรถออกไปด้วยอารมณ์โกรธ เลยได้รับอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หน่อยไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรัย จึงอาการหนักกว่าเราหลายเท่า ก่อนที่เราจะจากมาหน่อยสิ้นใจแล้ว พยาบาลกำลังปั้มหัวใจอยู่ ซึ่งเราได้กลับมาในอดีตแล้ว จึงไม่รู้ได้เลยว่าตอนนี้หน่อยฟื้นขึ้นมาหรือยัง”
“มิคกี้”สุกี้นั่งนิ่งตาค้าง
เป็นครั้งแรกที่มิคกี้เห็นสุกี้นิ่งอย่างนี้ แต่เขาก็เข้าใจสุกี้เป็นอย่างดี เหตุการณ์นี้ถ้าเกิดขึ้นกับใคร ก็คงเป็นเหมือนสุกี้ไม่ผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดตอนที่นายอยู่ในอดีต เราจะดูแลนายเป็นอย่างดี ชดใช้ความผิดที่เราทำพลาดลงไป”
“ นายพูดแล้วอย่าคืนคำก็แล้วกัน เพราะเราต้องสูญเสียทุกอย่างในอนาคตไปหมดแล้ว ป่านนี้หน่อยอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เราก็จะไม่สามารถที่จะกลับเข้าไปในร่างเดิมของเราได้ และอีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้หน่อยจะยังไม่เสียชีวิตพยาบาลปั้มหัวใจช่วยไว้ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราขออยู่ในร่างของหน่อยดีกว่า อย่างน้อยเราก็ยังได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ถึงแม้จะคิดถึงบ้านและพ่อแม่ของเรา แต่ถ้าให้เรากลับไปในสภาพนอนเป็นเจ้าชายนิทรา เราจะกลับไปให้ตัวเองทรมานทำไม สู้อยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ”สุกี้พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“นายเข้มแข็งกว่าที่เราคิดไว้มาก”
“นายก็รู้จักแทนกับโสภิตาพ่อกับแม่ของเราดีนี่ ไม่ว่าจะในอนาคตหรืออดีต ไม่มีทางหรอกที่สองคนนั้นจะสอนให้เราอ่อนแอ”
“ใช่ จริงอย่างที่นายพูด เราเสียอีกที่ยังทำใจเรื่องหน่อยไม่ได้เลย”
“ทำใจไม่ได้ก็ต้องทำใจซะ ถึงนายอาจได้กลับไปในอนาคตได้ ก็ไมได้หมายความว่านายจะได้เจอหน่อย หรือถ้าเจอก็แบบเจ้าชายนิทรา นายจะทำใจอยากกว่าหน่อยเสียชีวิตไปแล้วเสียอีก ส่วนเราสุกี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนหน่อยได้หรอก”
“เราเข้าใจดีในข้อนี้ แต่นายอยู่ในร่างของหน่อย ไม่ว่านายจะทำอะไรก็เป็นชื่อเสียงของหน่อย ทำไมนายไม่คิดว่าร่างของหน่อยคือตัวนายล่ะ ทำให้เป็นเนื้อเดียวกันไปเลยซิ”
“ไม่หรอก เราก็เป็นของเราแบบนี้ เราจะไม่เปลื่ยนตัวเองให้ใครมารักหรอก”
“สุกิ้”
“เรียกหน่อยก็ได้ นี่จะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นหน่อยคือชื่อ ส่วนอย่างอื่นนั้นเป็นสุกี้คนเดิมจากอนาคตเท่านั้น”
“แล้วแต่นายก็แล้วก็กัน”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของเราไม่ใช่ชีวิตคนอื่น แต่นายรับปากและสัญญากับเราไว้แล้วนะ ที่จะดูแลเราไปตลอดชีวิต”
“ใช่แน่นอน”
“ก็ดี แต่จำคำเราไว้นะ เราไม่ใช่หน่อยเราคือสุกี้”
“เราเข้าใจนายดี แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ”
“ใครจะมีอารมณ์ออกไป ถึงเราจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่ก็ต้องมีเวลาทำใจบ้าง ตอนนี้เราอยากอยู่คนเดียวนายกลับห้องไปก่อนเหอะ”
“ก็ได้”
มิคกี้ออกจากห้องของหน่อยอย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะในความคิดของเขายังเป็นห่วงร่างหน่อย และจะคอยดูแลสุกี้ให้ดีตลอดเวลาที่เขาอยู่ในอดีต มิคกี้เดินลงบันได้มาชั้นสองที่เขาอาศัยอยู่ เมื่อมิคกี้เปิดห้องเข้าไปก็เห็นเกรทกำลังเจียวไข่อยู่
“ไปไหนมา”เกรทหันมามองทันทีและถามไถ่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“ไปหาหน่อยมา”มิคกี้นั่งลงบนเตียงนอน
“ไปทำไม มีธุระอะไร มีเรื่องอะไรต้องไปหาหน่อยถึงห้องนอน”เกรทมองหน้ามิคกี้ด้วยสายตาเคืองแค้น
“ทำไมมองเราอย่างกับกินเลือดกินเนื้อ”
“พ่อกำนันฝากให้เราดูแลนายให้ดี นี่นายขึ้นไปหาหน่อยถึงห้องนอน เอาเงินไปให้เขาอีกซิ”
“ไม่ได้เอาให้ ถึงเราเอาให้มันเกี่ยวอะไรกับนาย”มิคกี้เริ่มโมโหที่เกรทเริ่มจู่จี้จุกจิกกวนใจ
“เกี่ยวซิ ก็นายไม่ใช่ต่อแต่นายคือมิคกี้ นายจะเอาเงินของต่อให้คนอื่นไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ป่านนี้ต่อก็อาจใช้เงินของเราในอนาคตอยู่ก็เป็นได้”
“เราไม่รู้หรอกว่านายมาจากไหน และไม่รู้ด้วยว่าต่อไปอยู่ที่ไหน แต่ที่เรารู้คือต่อรู้จักใช้เงินและไม่โง่เหมือนนาย”
“เกรท มันจะมากไปแล้วนะ นายพูดจาดูถูกเราเกินไปมั้ง”
“ไม่เกินหรอก ก็มันเรื่องจริงนี่ ซักวันจะหมดตัวเรียนไม่จบ ไม่มีอะไรเหลือ เพราะให้คนอื่นหมดอย่างแน่นอน”เกรทโมโหจัดอารมณ์ขึ้นขีดสุด จนเขาลืมดูไข่ที่ทอดไว้
“ไข่ไหม้แล้ว”มิคกี้พูดขึ้นลอยๆ
“ไหม้ก็ช่างมัน ก็กินแบบไหม้นี่แหละ”เกรทหันไปปิดสวิทซ์กระทะไฟฟ้าทันที และรีบตักไข่เจียวใส่จาน
“นายกินคนเดียวเถอะ เราจะไปกินข้าวข้างล่าง แต่ถ้านายไม่อยากกินไข่ไหม้ ก็ตามเราลงมากินข้าวก็ได้นะ”
“เราไม่กินอะไรทั้งนั้นแหละ เราจะกินไข่เจียวไหม้อย่างนี้ นายไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก เราไม่ใช่คนสำคัญของนาย เราไม่ได้น่ารักเหมือนใครบางคน ตัวก็ดำไม่ได้แรดเงียบด้วย”
มิคกี้มองเกรทแล้วอดขำไม่ได้ ด้วยท่าทีที่แสนงอนซึ่งขัดกับบุคลิกของเกรท มิคกี้เริ่มรู้สึกได้ว่าเกรทนั้นเปลื่ยนไปเยอะ จนเขาซักไม่แน่ใจแล้วเราว่า การหึงหวงประชดประชนนั้น เกิดจากตัวเขาหรือว่าต่อกันแน่
“ทำไมยังไม่ไปอีก มาอยู่ขวางหูขวางตาทำไม”เกรทตักข้าวใส่จานและตักไข่ครึ่งซีกไว้บนข้าว
“ก็อยากกินไข่ของนายนี่”มิคกี้พูดไม่ทันคิด จนเกรทหยุดกึกอ้าปากค้าง ช้อนที่มีข้าวกำลังจะเข้าปากก็หยุดค้างตามไปด้วย
“ที่เราอยากกินน่ะไข่เจียวไม่ใช่ไข่เหี่ยวๆของนายหรอก”มิคกี้ย้ำเพราะกลัวเกรทเข้าใจผิด
“ถ้าอยากกินก็มาตักเอง”เกรทกินข้าวที่ค้างไว้ทันที ถึงจะไม่อร่อยเขาก็ต้องฝืนกินประชดมิคกี้
“เราไม่ใช่ต่อนี่ ถ้าเป็นต่อคงป้อนใส่ปากอย่างแน่นอน”มิคกี้พูดประชดด้วยความรำคาญ
“จะต่อจะใครเราก็ป้อนได้ทั้งนั้นแหละ”
“ไม่จริง ขอไม่เชื่อ”
เกรทโมโหในคำพูดของมิคกี้ เขาจึงถือจานลุกขึ้นยืน แล้วตักข้าวในจานตัวเอง ยื่นจ่อที่ปากของมิคกี้
“ถ้าไม่กินถือว่าเป็นคนไม่แน่จริง”
“ได้”มิคกี้อ้าปากทันที
“กินเข้าไป”เกรทยัดช้อนเข้าไปในปาก มิคกี้รีบหุบปาก ส่วนเกรทก็ดึงช้อนออก,k
มิคกี้พยายามฝืนเคี้ยวไข่ไหม้ๆของเกรท แค่ไข่เจียวธรรมดายังฝืดคอ ครั้งนี้ยิ่งเป็นไข่เจียวไหม้ๆ จึงทำให้กลืนยากไปกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“หี หึ หึ”เกรทหัวเราะ
มิคกี้ไม่พูดอะไรแต่ก็พอจะรู้ว่าเกรทหัวเราในตัวเขา มิคกี้จึงรีบเคี้ยวแล้วรีบกลืน หลังจากนั้นไปเอาน้ำในตู้เย็นมาดื่มจนเกือบหมดขวด
“กินไม่ได้อย่าฝืน เดี๋ยวเราต้มมาม่าให้กิน”เกรทวางจานข้าวลงบนพื้นโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็นำกระทะไปล้าง เพื่อที่จะต้มมาม่าให้มิคกี้กินรวมทั้งตัวเขาด้วย
ต่อในร่างมิคกี้ขับรถมาส่งบิวที่สนามฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ได้บอกยูโรว่าจะไม่มา แต่ให้บิวมาแทน เมื่อบิวเข้ามาในสนามฟุตบอลเขาก็เปลื่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฟุตบอลทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปในสนามฟุตบอล บิวสอดสายตามองหายูโรแต่ก็ไม่เห็น เขาจึงนั่งอยู่ข้างสนามมองผู้ชายคนอื่นเล่นฟุตบอล “มาดูผู้ชายเหรอ”ยูโรพูดอยู่ด้านหลัง บิวจึงรีบหันมาทันที “เราจะมาเล่นฟุตบอลกับนายนั่นแหละ วันนี้มิคกี้ไม่มาเพราะต้องหัดเล่นมือถือ” “แค่นี้ก็เชื่อเหรอ” “เชื่อสิ มิคกี้โดนแม่เลี้ยงด่าจนสมองเสื่อมไปแล้ว” “เชื่อคนง่ายจริงๆ แล้วมาที่นี่เล่นบอลเป็นหรือเปล่า” “ไม่เป็น จะให้นายมาสอนให้ไง” “เป็นผู้ชายเสียเปล่า เสียเวลาจริงๆ” “ถ้าเสียเวลาเดี๋ยวเรานั่งดูนายเล่นก็ได้” “ไม่ต้องดูก็ได้ กลับบ้านไปเลย” “เราไม่ได้เอารถมา นายต้องไปส่งเรามิคกี้สั่งใว้” “สร้างความยุ่งยากให้คนอื่นอีกแล้ว” “ก็ได้เดี๋ยวเรากลับเอง นายไปเล่นฟุตบอลเถอะ” “ไม่ต้อง เดี๋ยวไอ้มิคกี้มันมาต่อว่าเราที่ไม่ดูแลนาย ไอ้มิคกี้มันไม่มาก็ขาดหนึ่งคน นายนั่นแหละต้องลงไปเล่นแทนมิคกี้” “ไม่เอานายต้องสอนเราก่อน”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ “ไม่มีเวลาแล้วลงไ
ช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่ง เกรทได้ทำต้มยำกุ้งตามคำขอของมิคกี้ ซึ่งเกรทนั้นดีใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่ามิคกี้ติดใจรสมือในต้มยำกุ้งของเขา “กลิ่นหอมน่ากินดี ฝีมือทำอาหารของนายนี่สุดยอดเลย” “อ้าว ก็แม่เราขายกับข้าวที่ตลาดสด เราช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ นายจำไม่ได้เหรอ นายก็ยังไปกินบ่อยๆเลย” “นายก็เริ่มจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เรามิคกี้นะไม่ใช่ต่อ เราไม่ค่อยรู้เรื่องของนายหรอก” “มีคกี้ที่มาจากอนาคตใช่ไหม แต่คิดอีกทีเราก็เริ่มเชื่อแล้วนะ เพราะพฤติกรรมของนายนั้นจะไม่เหมือนคนยุคนี้เท่าไร” “ตอนนี้นายอาจยังไม่เชื่อเต็มร้อย ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อๆไปนานๆเข้า เดี๋ยวนายก็เชื่อสนิทใจเองนั่นแหละ” “ตอนนี้ต่อไปอยู่ไหนก็ไม่รู้หนอ ตอนนายไปอนาคตครั้งที่แล้วต่อจำอะไรไม่ได้เลยนี่” “เราก็ไม่รู้นะ พอเราไปอนาคตเรื่องราวก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่มีบางคนสลับร่างกันได้นะ” “ใคร”เกรทมีสีหน้าที่งงนิดหน่อย “เปล่า เราว่าบางคนอาจจะสลับกันก็ได้ ป่านนี้ต่อคงอยู่ในร่างของเรา แต่ไม่น่าห่วงหรอกชีวิตเราสบายกว่าเราเยอะ” “เหรอ หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”เกรทตักต้มยำกุ้งเต็มถ้วยแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ “หอมฟุ้งเ
มิคกี้พลิกร่างสุกี้นอนตะแครง ส่วนตัวของเขาก็ล้มตัวลงนอนตะแครงโดนที่ท่อนเอ็นไม่หลุดจากช่องทางรักของสุกี้ มิคกี้โยกบั้นท้ายอีกครั้งเพื่อให้ท่อนเอ็นเข้าออกที่ช่องทางรัก ส่วนมือของมิคกี้ข้างหนึ่งจับที่เอวของสุกี้ อีกข้างหนึ่งจับบี้ขย้ำเนินอกของสุกี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใบหน้าก็ซุกซอนไซร้ซอกคอของสุกี้ตลอดเวลา จนทำให้สุกี้นั้นใจแท่บละลาย ในรสสวาทครั้งนี้ ที่มิคกี้มอบให้สุกี้นั้นถึงใจเขาอย่างมาก มิคกี้ยังโยกบั้นท้ายไม่หยุด ซอยไม่ยั้งเช่นเดิมไม่เปลื่ยนแปลง ส่วนสุกี้นั้นได้แต่ครางด้วยความเสียวสยิวไม่หยุดหย่อน ยิ่งมิคกี้กระแทกแต่ละครั้ง สุกี้ครางไม่แผ่วเบาปล่อยออกมาจนสุดเสียงไม่ขาดสาย มิคกี้ดันร่างของสุกี้ให้พลิกคว่ำ ส่วนตัวเขาก็นอนทาบทับร่างของสุกี้ไว้ มิคกี้กระดกบั้นท้ายให้ท่อนเอ็นเข้าช่องทางรักของสุกี้ ยิ่งมิคกี้โหมกระแทกหนักขึ้น จึงทำให้ท่อนเอ็นโดนต่อมพิศวาสทุกครั้ง ทำให้สุกี้เสียวทั่วเรือนร่างจนทนไม่ไหว มิคกี้เริ่มมีเสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่ท่อนเอ็นเพิ่มทวีคูณ มิคกี้จึงเร่งความเร็วซอยต่อไม่ยั้งรอ รัวถี่ๆเร็วๆด้วยใจที่อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในท่อนเอ็น ในส่วนของสุกี้โดนมิคกี้กระท
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ