ครั้งที่แต่งงานกัน ท่านก็ไม่ยอมร่วมหอ ยั่วยวนเท่าใด ก็ไม่เคยได้ผล เผยโฉมต่อหน้า ท่านก็ไม่เคยยล ข้าอดทนเนิ่นนาน ให้ท่านเหลียวแล แล้วเหตุใดจู่ๆ ท่านจึงกลายเป็นปีศาจราคะ จับข้ากดไม่ยอมปล่อยเล่า!
ดูเพิ่มเติมเมื่อมองเห็นเรือนร่างสูงใหญ่สง่างามแผ่อำนาจบารมีมากล้นของชายผู้เป็นสามีนอกจากไม่กลัวเกรงหรือตระหนกอกสั่นหวาดหวั่นอันใด โม๋เอ๋อร์กลับรู้สึกดีใจยิ่งนักเขามาหานางถึงในเรือนเชียวหรือ?ชั่วขณะที่หญิงสาวกำลังปลื้มปริ่ม เสียงกระซิบพลันดังจากในมุมมืด“พระชายา...เปลี่ยนชุดก่อน!”เจ้าของเสียงคือหยูเสวี่ย นางรีบเคลื่อนกายเข้ามุมอับพร้อมส่งเสียงเอ่ยเตือนโม๋เอ๋อร์อย่างร้อนรน เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังอยู่ในสภาพชุดดำสนิทเยี่ยงผู้ร้ายเช่นนั้นถึงแม้จะมั่นใจในฝีมืออันชั่วร้าย หากแต่ใครมาเห็นเข้าคงยากจะหลุดพ้นจากการถูกสงสัยเป็นแน่โม๋เอ๋อร์พลันฉุกคิดได้ จึงรีบหมุนกายไปเปลี่ยนชุดสีดำออกแล้วสวมชุดพลิ้วไหวสีขาวบางเบา เห็นเนินอกรำไร ใส่ใจในการยั่วยวนเต็มที่หญิงสาวหมุนตัวอยู่หน้ากระจกหนึ่งรอบ นึกลังเลขึ้นมา ระหว่างชุดสีขาวกับชุดสีแดงใส่ชุดใดดี?ทันใดนั้น โม๋เอ๋อร์ก็คิดได้ นางรีบถอดชุดสีขาวออกแล้วสวมชุดสีแดงที่มีเนื้อผ้าโปร่งบางโล่งใสแทนชุดนี้ช่วยขับผิวขาวดั่งหิมะให้สว่างสดใสไปทั่วเรือนร่าง ราวกับว่าเนื้อนวลเปล่งปลั่งจะทะลุออกมานอกชุดเบาบางได้กระนั้นเรียวแขนขาวผ่องนวลเสลา กระทั่งเรียวขาเนียนกระจ่างยังเห็นได้
เมื่อลงทัณฑ์เจ้าของห้องและสาวใช้จนพอใจ โม๋เอ๋อร์เพียงเปรยเสียงเรียบว่า“จงหยุดสิ่งที่คิดจะทำ หากต้องการอยู่อย่างสงบเฉกเช่นวันวาน...” ความหมายก็คือจงอยู่ในห้องหับห้ามออกมาทำระยำอีกเด็ดขาด!แน่นอนว่า สตรีทั้งสองได้อยู่กันอย่างสงบอย่างที่สุดหญิงสาวกล่าวจบก็อันตรธานหายวูบไป ดั่งปีศาจร้ายภูตผีนรกผุดมาทักทายจากห้วงอเวจีเพียงชั่วครู่สองนายบ่าวพลันสิ้นสติในทันทีเช่นกัน ไม่แน่ว่าตื่นมาอีกทีครานี้ ทุกอย่างในชีวิตอาจจะเปลี่ยนไปโม๋เอ๋อร์นั้น หาได้ล่วงรู้แผนการอันซับซ้อนของสตรีสองนางในเรือนแห่งนี้ไม่ รู้เพียงว่าพวกนางมีความผิดที่บังอาจทำร้ายกันขั้นรุนแรง ถึงขนาดหมายปลิดชีวิตคนเช่นผักปลาคราแรกวางยานางในคืนเข้าหอก็ช่างเถิดแต่หากมองหยูเสวี่ยเป็นเพียงคนไร้ค่า นึกอยากฆ่าก็ฆ่าได้ง่ายๆ โม๋เอ๋อร์จึงไม่อาจออมมือได้หญิงสาวใจดีถอนพิษให้เสี่ยวเถาเพราะไม่ต้องการให้มีการสืบสาวให้วุ่นวาย จนอาจจะพาลมาถึงหยูเสวี่ยและตัวนางที่นั่งร่วมสนทนาในศาลายามบ่ายและเรื่องราวเชื่อมโยงไม่อาจจบสิ้นลงได้ง่าย ต้องถูกสอบสวนประปราย ปราศจากความสงบสุขใดๆทั้งหมดนี้เพราะยาพิษในกายของเสี่ยวเถานั้น อาจจะชักนำให้หยูเสวี่ยถูกลากมาเก
อวี่เยียนและเสี่ยวเถากะพริบตาจนเจ็บร้าว แล้วร่ำร้องแบบไร้เสียงอีกคราว่าปีศาจ!พวกนางทำได้เพียงกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเปล่งเสียงออกมามิได้โม๋เอ๋อร์ค่อยๆ เยื้องกรายเข้าหาสตรีตีสองหน้าช้าๆนางยกยิ้มเย็นชาแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกชวนหนาวเหน็บถึงขั้วกระดูกออกมา ดวงเนตรสีเขียวคู่งามเย็นเยียบราวน้ำแข็งตกผลึก พร้อมฝังลึกในครรลองสายตาผู้พบเห็นผู้ได้จับจ้อง เป็นต้องจดจำไปจนวันตายอย่างทรมานรอบกายสีทองเรืองรองแผ่กลิ่นสาบสางน่าสะอิดสะเอียนชวนสะท้านพรั่นพรึงตลบอบอวลไปทั่วห้อง ร่างบอบบางสีแดงเพลิงแผ่กลิ่นอายดำทะมึนราวกับหลุดออกมาจากขุมนรกอเวจีของหลุมที่ลึกที่สุดโม๋เอ๋อร์ในยามนี้ หาใช้พระชายาผู้งดงามอีกต่อไป หากแต่เป็นรูปกายอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักทั้งนั้นเส้นเสียงเยียบเย็นลากยาวชวนผวาราวหิมะพันปีบนยอดเขาแทงทะลุเมฆาค่อยๆ ดังออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม“ข้ามิได้ชื่นชอบการฆ่าใคร...”ความหมายของรูปประโยคและการกระทำช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน โม๋เอ๋อร์กล่าวจบยังยกยิ้มบริสุทธิ์อ่อนหวานแลดูน่ารัก ทว่ากลับมองแล้วให้ความรู้สึกน่าขนหัวลุกชวนสะพรึงยิ่งนักอวี่เยียนและเสี่ยวเถายิ่งเบิกต
เมื่อได้ยินคำตอบ เสี่ยวเถาถึงกับงุนงง แต่ครู่เดียวเท่านั้น ก็พลันกระจ่างแจ้งในใจ เมื่อร่างกายเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกตินางกำลังรู้สึกถึงความทรมานสายหนึ่งเริ่มคืบคลานเข้าใกล้ ภายในเริ่มรุ่มร้อน ฝ่ามือเริ่มสั่นเทา สายตาเริ่มพร่าเลือน“มะ...หมายความว่า...ย่ะ...อย่างไรเจ้าคะ”เสี่ยวเถาพยายามถามอย่างยากลำบาก ลมหายใจติดขัด ลูกนัยน์ตาแดงก่ำเลื่อนจากใบหน้าเจ้านายลงมองขนมและน้ำชาตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง เมื่อคำตอบที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงรอยยิ้มหวานล้ำและดวงตาฉ่ำเย็นของผู้เป็นนายอวี่เยียนยังคงนั่งมองเสี่ยวเถาอย่างใจเย็น นางวางหนังสือลงแล้วเอียงหน้าน้อยๆ มองสาวใช้คนสนิทอยู่เงียบๆ ท่าทียังคงเป็นปกติเฉกเช่นหญิงสาวผู้เปี่ยมเมตตาปรานีทว่า...เสี้ยวขณะนั้น พลันมีสิ่งไม่คาดฝันบังเกิดอวี่เยียนที่นั่งอยู่บนตั่งด้วยท่าทางดั่งนางพญาผู้รื่นรมย์กลับกระตุกร่างตนจนตัวลอยขึ้นไปบนคานเรือน คล้ายถูกกระชากโดยฝ่ามือปริศนาเสี่ยวเถาที่ร่างกายปวดร้าวกลับค่อยๆ หายปวดระบมอย่างน่าแปลกใจ แต่ยังคงชาหนึบไม่อาจขยับเขยื้อนได้ นางจึงทำได้เพียงใช้สายตาจับจ้องที่นายสาวเบื้องหน้านิ่งงัน มิสามารถเอ่ยอันใดออกมาได้ทั้งนั้นภายในห
คืนนี้จันทรางามเด่น สุกสกาวสว่างไสวไปทั่วนภาพาแสงสีขาวนวลสาดส่องไปทั่วตำหนักบูรพาทว่าเงาดำวูบไวประหนึ่งสายลมวูบผ่านเพียงเสี้ยวเวลา กลับนำความหนาวเหน็บประหนึ่งเป็นคืนเดือนมืดกลางเหมันต์กระนั้นทหารยามที่เดินตรวจตราโดยรอบพลันชะงักเท้าเล็กน้อย รู้สึกขนหัวลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อแหงนมองท้องฟ้าก็เห็นดวงจันทร์เร้นดารางดงามดี ดวงโตกลมนวล ตราตรึงยิ่ง!ชื่นชมจันทราเสร็จก็ก้มหน้าเดินยามต่อไป รอบกายล้วนปกติดีทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกตเลยแม้แต่น้อย แสงนวลจากฟากฟ้าช่วยให้การเดินยามสะดวกดีเหลือเกิน เห็นทุกสิ่งรอบด้านชัดเจนไปหมดด้านนอกหน้าต่างของเรือนชายาสามนามอวี่เยียนทั้งทหารยามและบ่าวไพร่ทั้งหลายเดินทำงานกันตามปกติ ยามนี้ยังไม่ดึกมากนัก หลายคนยังไม่มีสิทธิ์ได้นอนหลับพักผ่อนแต่อย่างใดเจ้าของเรือนนั่งอ่านหนังสือธรรมะด้วยท่าทีสงบปรานีอยู่บนตั่งตัวยาวในจังหวะนั้นเสี่ยวเถาก็รีบรุดเข้าห้องมาแล้วลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะเดินมาปิดหน้าต่างทุกบาน จนไร้ช่องว่างใดภายในห้องส่วนตัวด้านในของเรือน“เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี่เยี่ยนถามเสียงเย็นไปทางสาวใช้คนสนิทถึงเรื่องที่ให้อีกฝ่ายไปสืบความเคลื่อนไหวใ
โม๋เอ๋อร์ตกตะลึงยิ่งนัก นางเพียรสังเกตตนเองอยู่ตลอดยามนั่งอยู่ในศาลา ว่าถูกวางยาหรือไม่หากมียาในขนมตัวนางเองย่อมปวดแสบปวดร้อน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้สึกผิดปกติอันใดมิคาดว่าเป้าหมายกลับมิใช่ตัวนาง หากแต่เป็นหยูเสวี่ยเกินไปแล้ว....ม่านมืดพลันคลี่คลุมในแววตากลมใส ความซื่อบริสุทธิ์พลันอันตรธานหายไปแน่นอนว่าโม๋เอ๋อร์หาใช่สตรีดีงาม ทั้งยังโหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่าใครจักคาดคิดถึงแม้ว่าความสดใสไร้เดียงสานางมีเสมอ ทั้งยังคิดกับผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจมากมายหากแต่ต้องมิใช่กับคนที่คิดจะทำร้ายหยูเสวี่ย!หญิงสาวรีบเดินเข้าหาร่างอรชรที่บัดนี้นอนบิดตัวด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าขาวผ่องมีเหงื่อเกาะพราว“เจ้าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเหยื่อ!”โม๋เอ๋อร์เอ่ยเสียงต่ำอย่างรู้ทันคนบนเตียงหยูเสวี่ยกัดฟันตอบอย่างติดขัด“ข้า...แค่รินน้ำชา...นานไป...หน่อย”“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้” โม๋เอ๋อร์ยังคงตัดพ้อ“ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า” หยูเสวี่ยฝืนต่อคำอีกประโยค ก่อนจะบิดตัวเร่าๆ อยู่บนเตียงนอน มีเลือดไหลออกจากดวงตา จมูก ใบหู และปากเดิมทีหยูเสวี่ยคิดพาโม๋เอ๋อร์เดินเที่ยวเท่านั้น เพื่อที่นางจะได้สำรวจพื้นที่ให้ทั่วเข้
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข้ายามอิ่ว[1] ทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกลับเรือนตนคล้อยหลังพระชายาเอกกับสาวใช้คนสนิท อวี่เยียนที่เดินห่างออกมาเล็กน้อยก็ยกยิ้มเย็นเยียบแวบหนึ่ง เสี่ยวเถาเองก็ก้มหน้าหลุบตาเดินตามนายสาวอย่างเยือกเย็นไม่ต่างกัน ทั้งสองลอบส่งสายตาสื่อควายนัยแห่งความเลือดเย็นออกมามีเพียงพวกนางเท่านั้นที่เข้าใจกันและกันเมื่อถึงเรือนส่วนตัว ลึกเข้าไปในห้องชั้นในที่มีเพียงพวกนางสองนายบ่าว เสียงกระซิบกระซาบพลันบังเกิด“สำเร็จหรือไม่?”เส้นเสียงเย็นใสเบาหวิวเอ่ยถามสาวใช้คนสนิททันทีที่เข้าห้องปิดประตูลั่นดาลลงกลอน“เรียบร้อยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเถากระซิบตอบ “บ่าวแอบป้ายยาพิษที่ขอบถ้วยน้ำชาของเสี่ยวโม๋ ยามที่นางลุกขึ้นไปรินน้ำชา ต่อให้หลังเกิดเหตุสลดว่ามีสาวใช้ต้องพิษจนตาย และขนมน้ำชาถูกตรวจสอบจนวุ่นวาย ก็หาได้พบสิ่งใดที่ขอบถ้วยไม่ เพราะยาพิษนี้ถูกน้ำชาชะล้างเข้าปากเสี่ยวโม๋ไปแล้วจนสิ้น และผู้ต้องสงสัยย่อมเป็นเจ้าของชากับขนมเจ้าค่ะ”“ดีมาก” อวี่เยียนยกยิ้มหวานเปรยอีกว่า “ข้าสังเกตว่าพระชายามิได้มีสมองสักเท่าไหร่ หากแต่สาวใช้ข้างกายกลับดูเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ตัดแขนตัดขาพระชายาไปได้เยี่ยงนี้ ที่เหลือก็ไม่
รอบด้านของศาลาริมสระบัว ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศร่มรื่นแสนดีภายในศาลาก็เช่นกัน สตรีทั้งสองยังคงไว้ซึ่งท่าทีเป็นมิตรเปี่ยมไมตรี มีความจริงใจมากล้นยามเอื้อนเอ่ยวาจา ทุกถ้อยสนทนาล้วนเกี่ยวกับธรรมชาติรอบทิศ ไม่ว่าจะเป็นดอกบัวหลากสี หมู่มัจฉาว่ายวนในวารี อากาศวันนี้น่าพิสมัยเหลือเกิน แสงแดดในวันรุ่งน่ารื่นรมย์เพียงใด ทุกสิ่งล้วนก่อเกิดความสุขได้ไม่ยากเย็น แม้ในวังแห่งนี้จะต้องทนเหงาใจสักเท่าใดนอกจากนี้ โม๋เอ๋อร์ยังได้ฟังอวี่เยียนเอ่ยถึงคุณธรรมต่างๆ ประหนึ่งกำลังบวชชีในอาราม นางให้รู้สึกกำลังจะบรรลุนิพพานเสียให้ได้ทว่าหญิงสาวกลับค้านอยู่ในใจ หากนางต้องการบรรลุเป็นเซียนสูงส่ง นางก็แค่บำเพ็ญเพียรตบะวนไป เหตุใดต้องออกมาจากป่าหาคู่สมสู่ด้วยเล่า!ถึงแม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่สีหน้ากลับสงบนิ่งยิ่งนักโม๋เอ๋อร์ยังคงรักษากิริยางดงามได้ดีไม่มีตกหล่น แม้ว่าในใจจะกำลังรู้สึกย้อนแย้งกับสตรีฝ่ายธรรมะข้างกายในขณะที่เจ้านายทั้งสองกำลังสนทนาธรรมและชื่นชมทิวทัศน์รอบด้าน สาวใช้ทั้งสองที่นั่งไม่ไกลที่เบื้องล่างก็สนทนากันอย่างนอบน้อมถ่อมตน“ข้ามีนามว่าเสี่ยวเถา เป็นสินเจ้าสาวของชายาสามอวี่เยียน แล้วเจ้าเล่า”เส
ระหว่างทางเดินที่เชื่อมต่อมีน้ำตกจำลอง สวนพฤกษานานาพรรณ ภายในนั้นมีสนมชายาของรัชทายาทเดินนวยนาดประปราย แต่ละนางงดงามแช่มช้อย ราวนางสวรรค์จำแลงลงมาจุติยังแดนมนุษย์โม๋เอ๋อร์ให้รู้สึกสำราญยิ่งนัก นางชมชอบบรรยากาศเยี่ยงนี้เหลือเกินหากเปรียบกับกาลก่อน ยามที่นางเดินเล่นในป่าใหญ่ รอบด้านของนางล้วนเป็นสัตว์ป่านานาชนิด หน้าตาเกรี้ยวกราด ท่าทางดุร้าย แผ่กลิ่นอายสังหารเข้มข้น พวกมันพร้อมตะปบกรงเล็บขย้ำเหยื่อ แยกเขี้ยวแหลมคมพร้อมขบกัดเขมือบศัตรูให้แดดิ้นแต่ทว่ายามนี้รอบกายนาง ล้วนเป็นบุปผามีชีวิตงดงามยิ่ง!เส้นเสียงหวานใสสนทนาเจื้อยแจ้วดังไปทั่วบริเวณ ชายาแต่ละนางหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนานร่าเริง ราวฝูงนกขับขานก็ไม่ปานโม๋เอ๋อร์ได้เห็นเช่นนั้นก็รื่นรมย์ยิ่งนัก นางยกยิ้มน้อยๆ มองไม่เห็นไรฟัน คงไว้ซึ่งท่วงท่างามสง่าเฉกเช่นสตรีชั้นสูง ยามปรายตามองไปทางใด ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลน ปราศจากความสงสัยตัวตน ทุกคนมีแต่ต้องเคารพนบนอบกันถ้วนหน้าบรรดาชายารัชทายาทเห็นหญิงสาวเดินผ่าน ต่างพากันหยุดเสวนาแล้วยอบกายทำความเคารพอย่างนอบน้อมตามฐานะที่ต่ำกว่า ไม่มีใครกล้าละเลยต่อนางแม้แต่คนเดียวเมื่อเดินมาถึง
คำโปรยแหงนหน้ามองจันทรา พินิจฟ้าดาราเร้นเดือนเพ็ญจันทร์งามเด่น ทว่าบีบเคล้นรัดรึงใจคืนนั้นก็เช่นนี้ จันทร์ดวงนี้สว่างไสวครั้นตื่นมาแล้วหลับไปเห็นเพียงเจ้าดั่งเงาใจ เร้นจันทรา...*********ครั้งที่แต่งงานกัน ท่านก็ไม่ยอมร่วมหอยั่วยวนเท่าใด ก็ไม่เคยได้ผลเผยโฉมต่อหน้า ท่านก็ไม่เคยยลข้าอดทนเนิ่นนาน ให้ท่านเหลียวแลแล้วเหตุใดจู่ๆท่านจึงกลายเป็นปีศาจราคะ จับข้ากดไม่ยอมปล่อยเล่า!******บทนำดินแดนสามภพทุกสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นภพสวรรค์ ภพมนุษย์ ภพปรโลก มีตำนานเล่าขานมากมาย ทั้งเรื่องปีศาจและเทพเซียน ล้วนเล่าขานได้น่าอัศจรรย์ใจทว่ากลับไม่มีใครพบเห็นเทพและปีศาจจริงๆ จึงมิรู้ได้ว่าตำนานเหล่านั้นจริงเท็จเท่าใด สวรรค์นรกมีจริงไหมใดๆ ล้วนเหนือความคาดหมาย ในความไม่รู้นั้นกลับมีสรรพสิ่งเหนือสามัญมากมายนับไม่ถ้วนหนึ่งในนั้นมีเรื่องหนึ่งที่เป็นความรักลึกซึ้งตราตรึงใจ ของผู้ที่ถูกเรียกว่า เทพปีศาจ (โม๋กุ่ยเสิน)[1][1]魔鬼神 Móguǐ shén เทพปีศาจ*********อารัมภบทนางมีนามว่าโม๋เอ๋อร์ แซ่เฉิน เกิดและเติบโตในป่าใหญ่อันลึกลับได้สิบสองปี กระทั่งมีระดู เข้าสู่วัยสมสู่สืบพันธุ์ นางจึงตัดสินใจออกจาก...
ความคิดเห็น