[แนววางกลอุบาย+ชิงไหวชิงพริบภายในครอบครัว+นางเอกมีความเด็ดขาด+นิยายที่อ่านแล้วสะใจ] สวี่อินอินอยู่อย่างน่าสังเวชมาทั้งชีวิต ตอนเด็กนางถูกสลับตัว จากคุณหนูตระกูลโหว กลายเป็นลูกสาวพ่อค้าขายเนื้อหมู พอกลับเข้าจวน ก็ถูกใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้ง ท้ายที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอด นางจึงกลายเป็นมีดที่แหลมคมในมือขององค์ชายรัชทายาท เมื่อลืมตาขึ้น กลับพบว่าได้ย้อนเวลากลับมา อยู่ในคืนก่อนหน้าที่จะถูกรับตัวกลับเข้าจวนโหว เมื่อเป็นเช่นนี้... รอบตัวล้วนเต็มไปด้วยเหล่าปีศาจร้าย เช่นนั้นก็จงกำจัดให้สิ้นซาก! ทะเลแห่งความทุกข์ไร้ซึ่งขอบเขต มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่ข้ามผ่านมันไปได้! ทว่าเผลอแป๊บเดียว เหตุใดจึงถูกองค์ชายรัชทายาทบางพระองค์จากชาติก่อน ตามรังควานอีกแล้ว? สวี่อินอินปฏิเสธอย่างสุภาพ “องค์ชาย หม่อมฉันกำลังยุ่งอยู่นะเพคะ!” แต่ชายหนุ่มกลับค่อย ๆ โอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน “เจ้ากำลังยุ่งอะไรอยู่หรือ ข้าจะช่วยจัดการที่เหลือให้เจ้าเอง...”
view moreแววตาของไล่เฉิงหลงยิ่งฉายความสนใจมากขึ้นพระราชนัดดาองค์โตมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพายุคลื่นลูกใหญ่ที่พระชายาหลิ่วกลับเข้าวังในครั้งนี้ ย่อมเกี่ยวข้องกับวังบูรพาเป็นแน่หญิงสาวที่เขาปกป้องอยู่นั้น......ไล่เฉิงหลงหันไปมองลูกน้องแวบหนึ่งลูกน้องเข้าใจทันทีและรีบจากไปทันทีฉู่กั๋วกงก็ได้ขึ้นม้าตามการเร่งรัดของเซี่ยกงกงไปแล้วจูปิน เฉินฮ่าว และพรรคพวกต่างก็ตามไปด้วยเว้นเพียงเฉิงกั๋วกง ที่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามองไล่เฉิงหลง แล้วเกิดความรู้สึกประหลาดบางอย่าง คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จึงหาเหตุผลอ้างว่าต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ได้ตามไปฝูงชนที่รายล้อมจวนฉู่กั๋วกงก็เริ่มทยอยสลายตัวบรรดาปัญญาชนและชาวบ้านเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้สำหรับชาวบ้านธรรมดาย่อมไม่ต้องพูดถึง ทุกเสียงล้วนด่าทอว่าฉู่กั๋วกงชั่วร้ายและสมควรตาย แต่พวกปัญญาชนกลับรู้เรื่องราวมากกว่าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคดีที่ศาลซุ่นเทียนสอบสวนเกี่ยวกับเจียงเหยียนเจินที่ส่งคนไปลอบสังหารหูอี้ชวนในวันนี้ พวกเขาก็ยิ่งดูแคลนฉู่กั๋วกงเข้าไปใหญ่กระซิบกระซาบพิพากษ์ถึงเรื่องเสือยังไม่กินลูกของตนเอง กล่าวถึงเรื่องพระชาย
ฉู่กั๋วกงหันไปยิ้มด้วยท่าทียั่วยุใส่ไล่เฉิงหลง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ และแขนเสื้อได้สะบัดใส่หน้าของไล่เฉิงหลงไล่เฉิงหลงยังไม่ทันขยับ องครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักดาบปักวสันต์ออกมาพร้อมเพรียงกัน จ้องมองฉู่กั๋วกงอย่างไม่พอใจที่เขาเสียมารยาทต่อเจ้านายของพวกตนเฉิงกั๋วกงอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดลง แม้ว่าเขาจะออกหน้าช่วยพูดแทนฉู่กั๋วกงเพราะเห็นแก่ไมตรีเก่า ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเป็นศัตรูกับไล่เฉิงหลงเจ้าเด็กนี่มันเก่งกาจและน่ากลัวเขาจึงกระแอมไอ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท “พี่เจ็ด อย่าไปถือสาเด็กหนุ่มนักเลย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เรารีบเข้าวังกันเถอะ!”ในสายตาของพวกเขา ฮ่องเต้หย่งชางยังคงมีเมตตาต่อเหล่าขุนนางเก่าที่ร่วมรบมาจากแคว้นหมิ่นเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไร่ชาในฝูเจี้ยนแทบทั้งหมดล้วนตกอยู่ในมือของพวกขุนนางชั้นสูง พระองค์จะมิทรงทราบเลยเชียวหรือ?ทว่าเพียงพราะเห็นแก่ไมตรีจิตที่ร่วมทำศึกสงครามกันมาในอดีต จึงทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอดีตเป็นเช่นนั้น อนาคตก็จะเป็นเช่นนั้นด้วยพวกเขาไม่กล้าทำเรื่องที่เลวร้ายเกินไป เพียงแค่โลภไปหน่อย เสวยสุขไปหน่อยเท่านั้นฮ่องเต้จะมาถึง
เดิมทียังคิดว่าวันส่งท้ายปีเก่าในวันพรุ่งนี้ จะได้กินเกี๊ยวอย่างสบายใจสักมื้อแล้วเชียวแต่พอมาดูตอนนี้ เกรงว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายขนาดนั้นเสียแล้วแต่ที่แปลกก็คือ ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวผู้เฒ่าชี เซียวอวิ๋นถิง หรือชีหยวนทั้งสามคนล้วนเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่มีท่าทีเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ชีเจิ้นอดไม่ได้ที่จะเรียกพ่อของเขาท่านโหวผู้เฒ่าชีกดมือเขาไว้ อดกลั้นความปั่นป่วนในใจ ก่อนจะแค่นหัวเราะแล้วพูดว่า “วันตายของฉู่กั๋วกงมาถึงแล้ว!”ชีเจิ้นเบิกตากว้างยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใจ ตรงหน้าประตูก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้วเฉินฮ่าวและพวกที่ขวางประตูไว้ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านกั๋วกงตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด! ในอดีตเพื่อแย่งชิงเจียงหยิน ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและโรคภัย ก็ยังไม่ยอมถอดเกราะออกจากสนามรบ! บัดนี้แค่คำกล่าวหาจากชาวบ้านต่ำต้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเพียงคนเดียว กลับสามารถลบล้างความพยายามหลายปีของท่านกั๋วกงให้สูญเปล่าได้อย่างนั้นหรือ?!”เฉิงกั๋วกงขมวดคิ้วแน่น กล่าวเตือนใจไล่เฉิงหลง “ใต้เท้าไล่ยังหนุ่มแน่น การทำอะไรอย่างเฉียบขาดเป็นเรื่องเข้าใจได
เซียวอวิ๋นถิงยังคงยิ้มตาหยีเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าผิดหวังแม้แต่น้อย “จริงหรือ? เช่นนั้นคงเป็นข้าที่จำผิดไปเอง แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว......”เขาหยิบกุญแจอายุยืนสีทองอร่ามออกมาจากด้านหลัง แล้วยื่นให้กับชีหยวน พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ปีใหม่เริ่มต้นด้วยความโชคดี และขอให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นสมปรารถนา เล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจ หวังว่านับจากนี้ไปเจ้าจะผ่านพ้นเคราะห์ร้ายและพบแต่ความรุ่งเรือง”กุญแจอายุยืนทอประกายแวววาวภายใต้แสงไฟเห็นได้ชัดว่า แค่เอื้อมมือออกไปก็สามารถหยิบของสิ่งนั้นไว้ในมือได้ แต่ชีหยวนกลับไม่ยื่นมือออกไปรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่ได้อยู่ในระดับที่รับกุญแจอายุยืนชิ้นนี้ไม่ได้ท้ายที่สุดแล้ว ตอนที่นางขอเงินจากเขา นางก็ไม่เคยลังเลเลยสักนิดแต่เงินทองก็คือเงินทองกุญแจอายุยืนนี้กลับแตกต่างออกไปนางส่ายหน้า “ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋องเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าหากข้าน้อยรับของของท่านเป็นการส่วนตัว เกรงว่าจะเข้าข่ายการรับของโดยมิชอบ ซึ่งผิดกฎระเบียบเจ้าค่ะ” ……ท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นมองหน้ากันด้วยความสงสัยเต็มหัวตอนนี้มานึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ การที่ตัวนางแอบร
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ต้องการปรึกษาจริง ๆ ปกติก็เป็นเซียวอวิ๋นถิงที่คุยกับนางท่านโหวผู้เฒ่าชีรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฮูหยินใหญ่ลู่ช่างโง่เขลาจนน่าสมเพชไม่สิ ไม่ใช่แค่โง่จนน่าสมเพช แต่ยังโอหังจนเกินเยียวยาตอนนี้พระชายาหลิ่วกลับสู่เมืองหลวงแล้ว คนร้ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตล้วนควรเก็บเนื้อเก็บตัวรอดูข่าวแต่ในช่วงเวลานี้ฮูหยินใหญ่ลู่กลับกล้าคิดวางแผนเล่นงานผู้อื่นนางคิดอะไรอยู่กันแน่?!“แล้วจากนั้นเล่า?” ชีเจิ้นถามอย่างร้อนใจชีหยวนแสยะยิ้มเย้ยหยัน “นางหาพวกอันธพาลสองคนมาหมายจะใช้วิธีสกปรกกับข้า ข้าเกลียดเรื่องพรรค์นี้ที่สุด เลยส่งนางลงไปพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดลู่แล้วเจ้าค่ะ”สามีภรรยาคู่นี้ก็ผีเน่ากับโลงผุดี ๆ นี่เอง เหมาะสมกันดี อย่าได้แยกจากกันเลยชีเจิ้นอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตายได้ดี!”แต่ว่า...ท่านโหวผู้เฒ่าชีมองชีหยวน “คิดเรื่องเก็บกวาดไว้เรียบร้อยหรือยัง?”ทุกครั้งที่ชีหยวนฆ่าคน นางสามารถถอยออกมาได้โดยไร้ร่องรอย นั่นเป็นเพราะชีหยวนจัดการเก็บกวาดทุกอย่างสะอาดหมดจด จนไม่มีใครหาหลักฐานใด ๆ ได้แต่กรณีของฮูหยินใหญ่ลู่นั้น นางเป็นคนนัดชีหยวนออกไปพบก่อนพ
อีกฝ่ายสืบประวัติของนางจนกระจ่างแจ้งไปถึงสิบแปดชั่วโคตรแล้ว นางยังจะมีอะไรให้พูดอีก?ริมฝีปากของนางสั่นระริกในฐานะที่เป็นแม่นมผู้ดูแลมาหลายปี นางย่อมเข้าใจความหมายของชีหยวนที่ให้คนพูดเรื่องพวกนี้ชีหยวนกำลังบอกนางว่า ตอนนี้ทุกคนที่นางให้ความสำคัญล้วนอยู่ในกำมือของชีหยวนแล้วและนางก็ไม่สงสัยในคำขู่ของชีหยวนเลยชีหยวนฆ่าฮูหยินใหญ่ลู่โดยไม่กะพริบตา แล้วนับประสาอะไรกับครอบครัวของนาง?สายตาของแม่นมเถียนซับซ้อน ในใจยิ่งว้าวุ่นตอนงานเลี้ยงรับญาติในวันนั้น ใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงมาโดยพวกคนเชือดหมูและถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นตัวตลกของเมืองหลวง จะสามารถพลิกมือเรียกเมฆ คว่ำมือเรียกฝนก่อคลื่นลมในเมืองหลวงได้เช่นนี้?แต่นางทำได้!คิดดูก็รู้แล้วว่าจุดจบของจวนฉู่กั๋วกงก็คงไม่มีทางดีเป็นแน่แม่นมเถียนหมดสิ้นความหวัง นางคลานลงกับพื้น “คุณหนูใหญ่ชี ท่านโปรดเมตตาด้วยเถิด บ่าวจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นยืน “ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ลูกหลานของเจ้าไม่มีโอกาสรู้เรื่องนี้ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นตราบใดที่เจ้ารู้จั
ฮูหยินหลิ่วร้องไห้พลางขานรับ เมื่อได้รับสายตาจากพ่อสามีของตนก็รีบเดินออกไปไล่เฉิงหลงกำลังจะสั่งให้คนพาตัวเขาออกไปแต่ฉู่กั๋วกงกลับสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์กล่าวขึ้นว่า “ข้าขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้!”ไล่เฉิงหลงก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน “ท่านกั๋วกง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้พวกข้าสอบสวนคดีนี้ ท่านต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ก็รอให้พวกข้าสอบสวนคดีให้กระจ่างก่อน!”ฉู่กั๋วกงแค่นหัวเราะเย็นชา ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงพลางกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ข้าบอกแล้วว่าข้าต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้! นอกจากฮ่องเต้แล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินโทษข้า!”แม่นมเถียนก็กำลังร้องห่มร้องไห้ นางมองชีหยวนทั้งน้ำตาพลางสะอึกสะอื้น “คุณหนูใหญ่ชี ไม่ใช่ว่าบ่าวไม่เชื่อฟังท่าน แต่ว่า แต่ว่าหากบ่าวพูดออกไป ใครจะเชื่อเล่าเจ้าคะ?! ฮูหยินใหญ่ของพวกเราตายอยู่ในหอชิงอวิ๋น ฉู่กั๋วกงยังไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย...”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้น ดึงเก้าอี้มานั่งด้านข้างของนาง จากนั้นโน้มตัวลงมองนางพลางหัวเราะเบา ๆ “เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของแม่นมเถียนแล้ว ฆ่าคนไม่จำเป็นต้องลงมือเองใช่หรือไม่? คำที่ว่าเห็นฉู่กั๋วกงฆ่าคนกับตา ก็อาจจะเป็นคนสนิท
ฉู่กั๋วกงถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธตอนนี้ศพของฮูหยินฉู่กั๋วกงก็ยังอยู่ตรงหน้าเขา เพราะตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมา เขาไม่ยอมให้ใครมาจัดการศพ ร่างของฮูหยินฉู่กั๋วกงจึงเริ่มปรากฏรอยศพ ข้อต่อต่าง ๆ แข็งเกร็งไม่สามารถงอได้อีกแต่เมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างยังดีอยู่แท้ ๆเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินของเขายังเอ่ยเตือนเขาว่าให้ดูแลร่างกาย พวกเขายังปรึกษากันอยู่เลยว่าจะผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ไปได้อย่างไรแต่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ฟ้ากลับพลิกผันตอนนี้ ชาวบ้านด้านนอกคงกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันอยู่กระมัง?แต่ที่จวนฉู่กั๋วกงของพวกเขากลับไม่มีปีใหม่ให้ฉลองอีกแล้วเริ่มจากจิงหง ต่อด้วยเจ้ารอง แล้วก็มาถึงฮูหยินฉู่กั๋วกงตอนนี้ก็ถึงคราวของเขาแล้วใช่หรือไม่?พวกฝ่ายวังบูรพาคิดว่าหากร่วมมือกับองค์หญิงใหญ่และพระชายาหลิ่ว ก็จะทำตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ?คิดว่าจะสามารถล้มเขาได้เช่นนั้นหรือ?!ฉู่กั๋วกงหันไปมองไล่เฉิงหลงอย่างไม่สบอารมณ์แล้วยกยิ้มหยัน “ขยะอย่างพวกเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงเรียกตัวเองว่าเป็นหูตาของฮ่องเต้! ภรรยาของข้าเกิดเรื่องขึ้น ก็เป็นเพราะพวกเจ้าพวกไร้ความสามารถ!”เขาแทบจะชี้นิ้
ชีหยวนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า ย่อตัวลงช้า ๆ แล้วดึงกริชที่ปักอยู่บนร่างของฮูหยินใหญ่ลู่ออกมา แล้วหันไปมองแม่นมเถียนพลางยิ้มแย้มเช่นเดิม “แม่นมเถียน ข้ารู้ดี บ่าวไพร่อย่างพวกเจ้าที่มีหน้ามีตาในจวน ล้วนแต่มีฝีมือเป็นเลิศ พวกเจ้าพูดอะไร เจ้านายก็รับฟัง ครั้งนี้ที่นางมาฆ่าข้า เจ้าคงลงแรงไม่น้อยกระมัง?”แม่นมเถียนตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น นางกุมหน้าอกที่ปวดแปลบ ส่ายหัวอย่างหมดอาลัย “ไม่ ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้าจริง ๆ คุณหนูใหญ่ชี! ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ ไม่เกี่ยวเลย! เป็นฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่ไม่ชอบท่าน เพราะท่านมีอิทธิพลต่อคุณหนูใหญ่ ทำให้คุณหนูใหญ่เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินใหญ่เลยคิดจะกำจัดท่านเสมอ...”สวรรค์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางจริง ๆ!ฮูหยินใหญ่มองชีหยวนเป็นเสี้ยนตำตาอยู่แล้ว ครั้งนี้นางไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเลยจริง ๆ!ชีหยวนส่งเสียงอ้อสั้น ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบเลือดบนกริชออกทีละนิด จากนั้นจึงกล่าวเสียงเนิบ “เกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ที่จริงก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก สิ่งที่สำคัญคือ วันนี้แม่นมเถียนเห็นหรือไม่ว่าฮูหยินใหญ่ลู่ตายอย่างไร?”ตายอย่างไร?ชีหยวนฆ่าเองกับมือไงเล
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเองความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้างเป็นติงเฉิงหย่ง!สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริงแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัวนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวงหลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนางทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อ...
Mga Comments