Share

บทที่ 3

Author: ฉินอันอัน
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”

“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียง

น้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”

หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”

สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้น

จากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”

กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้าย

ทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็น

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โต

สวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี้ก็คือแม่นมฮวา คนที่อยู่ข้างกายของชีจิ่น

แม่นมฮวาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย พอมาถึงก็ข่มขู่สวี่อินอินทันที

นางขมวดคิ้วแล้วกวาดตามองสวี่อินอินตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นส่ายหน้าอย่างไม่เกรงใจ “ยืนก็ไม่สง่า นั่งก็ไม่เรียบร้อย!”

“หลังก็ไม่ตรง!”

พูดจบ นางก็จิ๊ปากอย่างรังเกียจ ทำท่าทางเหมือนสวี่อินอินหมดทางเยียวยา “แม้แต่สีเสื้อผ้าก็ยังจับคู่ไม่เป็น!”

เนื่องจากเมื่อคืนเพิ่งเกิดเรื่อง หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ จึงอยู่เป็นเพื่อนสวี่อินอินที่นี่เพื่อรอคนจากจวนหย่งผิงโหว

เดิมทีตั้งใจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แม่นมฮวาฟังก่อน

แต่แม่นมฮวามาถึง ก็ทำท่าทีเย็นชาเข้าถึงได้ยาก

หากไม่รู้ คงคิดว่าแม่นมฮวาเป็นนายหญิงเสียอีก

แม่นมฮวาผ่านโลกมามาก พบเจอผู้คนมานับไม่ถ้วน คิดว่าตัวเองมาถึงก็ข่มขู่ไว้ก่อน จะสามารถทำให้เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างหวาดกลัวได้

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นางพูดจบ กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

เมื่อหันไปมองด้วยความโกรธ ก็เห็นสวี่อินอินกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

แม่นมฮวารู้สึกว่าอำนาจของตนเองถูกท้าทาย จึงตะคอกเสียงดัง “คุณหนูใหญ่! บ่าวกำลังพูดกับท่านอยู่ ท่านไม่ได้ยินหรือ?!”

นางต่อว่าตรง ๆ ต่อหน้าคนของจวนโหวและเหล่าชาวนา “นี่คือการอบรมสั่งสอนของท่านหรือ! กลับไปจะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรือ!”

ชาติที่แล้ว เมื่อแม่นมฮวามาถึง นางก็เริ่มต้นด้วยการนำเอาข้อกำหนดของกุลสตรีชั้นสูงมาใช้ เพื่อที่จะได้ตำหนิสวี่อินอินจนอับอายขายหน้า

ตอนนั้นนางยังคงจมอยู่ในเงามืดของติงเฉิงหย่ง ถูกแม่นมฮวาด่าทอเหมือนกับหลานแท้ ๆ ไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย

แต่ครั้งนี้ สวี่อินอินหยุดพูดแล้วหันไปถาม “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

แม่นมฮวาแค่นเสียงเย็น “ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่จะไม่พอใจ ข้าก็ต้องพูด ตระกูลเราเป็นคนมีหน้ามีตา คุณหนูใหญ่กลับไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง!”

สวี่อินอินตอบอ๋อเบา ๆ จากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าเข้ามาใกล้ ๆ หน่อย ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด”

แม่นมฮวาไม่ทันระวังตัว เดินเข้าไปสองสามก้าว ขณะที่กำลังจะอ้าปาก สวี่อินอินก็ตบเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างแรง

การตบหน้าคราวนี้ทั้งแรงและแม่นยำ ทำให้มวยผมที่เรียบร้อยของแม่นมฮวาเบี้ยวไปหมด

ทุกคนต่างตกตะลึง

โดยเฉพาะบ่าวไพร่ที่มาจากจวนโหว ต่างคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่ที่พลัดพรากจากบ้านไปสิบกว่าปี กลับ...เฉียบขาดขนาดนี้!

แม่นมฮวาเอามือป้องใบหน้าของตนเอง โมโหจนแทบเสียสติ

เดิมทีนางตั้งใจจะมาโอ้อวดสถานะของตนเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าสวี่อินอินกลับไม่เป็นไปตามที่คิดไว้!

นางกัดฟันกรอด แล้วกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านทำให้จวนโหวเสื่อมเสีย!”

สวี่อินอินหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?! ถึงเอาแต่พูดว่าตระกูลเรา ๆ ข้ารับใช้คนหนึ่ง กล้ามาวางอำนาจเหนือนายแบบนี้ เจ้าเป็นบรรพบุรุษของจวนโหว หรือเป็นข้ารับใช้ของจวนโหวกันแน่!?”

ปากคอเราะรายจริง ๆ !

แม่นมฮวาตกใจกับปฏิกิริยาที่รวดเร็วและนิสัยที่แข็งกร้าวของสวี่อินอิน

ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาบอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอ่อนโยน ใจดี ขี้ขลาด และหลอกลวงง่ายนี่นา!

นางรีบยกจวนโหวขึ้นมาอ้างทันที “คุณหนูใหญ่! บ่าวเป็นคนที่ฮูหยินส่งมาด้วยตนเอง เพื่อตรวจดูมารยาทของท่านเชียวนะ!”

“อย่างนั้นหรือ?” สวี่อินอินเอียงหัวเล็กน้อย แล้วยิ้มให้นาง “เช่นนั้น ฮูหยินโหวบอกเจ้าว่า หากข้าไม่มีมารยาท ก็จะไม่ยอมรับข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”

แม่นมฮวาขยับริมฝีปาก “เปล่า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะ “ในเมื่อเปล่า แล้วเจ้าจะเห่าหอนอะไร?!”

สีหน้าของแม่นมฮวาซีดเซียว นี่คงเป็นครั้งที่น่าอับอายที่สุดนับตั้งแต่ที่นางมีอำนาจมา

เด็กบ้านนอกคนนี้ ถึงแม้จะบ้านนอก แต่กลับรู้จักจับประเด็นสำคัญ ทำเอายากที่จะรับมือจริง ๆ !

สวี่อินอินส่งเสียงหึออกมาทีหนึ่ง “อย่ามาทำหน้าตาบึ้งตึงใส่ข้า ข้าไปเป็นคุณหนูใหญ่ ไม่ได้ไปเป็นข้ารับใช้ของเจ้า! ไสหัวไปจัดการเสีย!”

...

แม่นมฮวากัดฟันด้วยความโกรธ

นางถูกสวี่อินอินตบหน้า จึงหลบไปนั่งแล้วเอาไข่ไก่มาประคบหน้าอยู่ในที่ร่ม สายตาเคียดแค้น

ครู่ต่อมา สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งมาหา แล้วกระซิบข้างหูเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง

แม่นมฮวาโยนไข่ไก่ทิ้ง เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “จริงหรือ?!”

สาวใช้พยักหน้ายืนยัน

แม่นมฮวาหรี่ตาลงทันที “ไม่ได้ ตัวอันตรายแบบนี้จะปล่อยกลับไปไม่ได้!”

การตายของคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงนั้นมีลับลมคมใน

สวี่อินอินก็ต่างจากข้อมูลที่ได้มาอย่างสิ้นเชิง

หากปล่อยตัวอันตรายแบบนี้กลับไป คุณหนูของนางจะไม่ลำบากแย่เลยหรือ?

พูดจบ นางก็เรียกสาวใช้ “เจ้า ไปบอกคุณหนูใหญ่ว่าข้ามีเรื่องจะคุยด้วย รอที่ริมทะเลสาบ”

สวี่อินอินกำลังพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขาอยู่

หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วมองนาง “คุณหนูใหญ่ แข็งกร้าวเกินไปก็อยู่ยาก ท่าน...”

สวี่อินอินรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหมายความว่าอย่างไร นางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แต่จวนหย่งผิงโหวเป็นสถานที่ที่ชอบประจบสอพลอผู้มีอำนาจและเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ หากนางไม่แข็งกร้าวบ้าง ก็คงต้องรอให้คนอื่นมาเหยียบย่ำ

นางยิ้มน้อย ๆ พอดีกับที่สาวใช้เดินมาหา จึงเอ่ยถามสาวใช้ว่า “แม่นมฮวารอข้าอยู่ที่ริมทะเลสาบหรือ?”

แม่นมฮวาขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม

ชาติที่แล้ว เรื่องที่ชีจิ่นไม่สะดวกที่จะลงมือ แม่นมฮวาก็จะเป็นคนลงมือทั้งหมด

นางยังจำได้ หลังจากที่นางถูกไล่ออกจากตระกูลชี แม่นมฮวาพาบ่าวไพร่มาดักนางที่ตรอกเล็ก ๆ แล้วหยิบเอาไม้กระบองมาฟาดเข้าที่หัวเข่านางอย่างแรง จนทำให้นางขาหัก

จากนั้นให้คนเอาตัวนางไปโยนทิ้งไว้ที่สุสานรกร้างรอความตาย

คนผู้นี้เป็นมือขวาของชีจิ่น นางชวนตนไปที่ริมทะเลสาบในตอนนี้ คงไม่ใช่เพื่อเปิดใจพูดคุยกัน

สวี่อินอินรีบเรียบเรียงความเป็นไปได้ทั้งหมดในใจอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ตอบตกลงด้วยความยินดี “ได้สิ”

นางไปถึงริมทะเลสาบตามที่นัดหมาย ก็ได้ยินแม่นมฮวาเอ่ยปากถามนาง “ใส่ร้ายพ่อเลี้ยงของตนเองว่าคบชู้ ทำให้แม่เลี้ยงต้องถูกถ่วงน้ำ...”

แม่นมฮวาหันหน้ากลับมาถามพลางเบิกตากว้าง “คุณหนูใหญ่ ตอนกลางคืนหลับลงหรือไม่?”

มาไม้นี้หรือ?

สวี่อินอินไม่สะทกสะท้าน “หลับลงสิ ถ้าทำเรื่องเลวแล้วนอนไม่หลับ แม่นมฮวาคงจะตายไปนานแล้วกระมัง?”

แม่นมฮวากระชากนางอย่างแรง เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “ท่านกล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าแบบนี้!”

ดูเหมือนว่านางจะโมโหจนขาดสติ แต่จริง ๆ แล้วกลับดึงสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบอย่างแนบเนียน

ควบคุมทั้งความเร็วและแรงได้อย่างดีเยี่ยม สวี่อินอินเสียหลัก ดูเหมือนจะตกลงไปในทะเลสาบแล้ว

สำเร็จแล้ว! แม่นมฮวาแอบดีใจ แต่ไม่ทันได้ระวังตัว นางก็ถูกสวี่อินอินกอดไว้แน่น จนทั้งสองตกลงไปในทะเลสาบด้วยกัน

น้ำในทะเลสาบที่เย็นเยียบจนถึงกระดูกได้กลืนพวกนางลงไปในทันที แม่นมฮวาสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ เริ่มดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่นางกลับพบกับความจริงที่น่าตกใจ สวี่อินอินกำลังยิ้มให้กับนางอยู่ในน้ำ

รอยยิ้มนั้นช่างแปลกประหลาดและน่าขนลุก ทำให้นางตกใจจนอ้าปากร้อง แต่น้ำในทะเลสาบกลับไหลเข้าปากเต็ม ๆ

สวี่อินอินถีบตัวขึ้นไป แล้วเหยียบลงบนคอของแม่นมฮวา ใบหน้าของนางโผล่พ้นน้ำ จากนั้นก็ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

อยากจะฆ่านางให้จมน้ำตาย แล้วกลับไปบอกว่านางรู้สึกผิดที่พ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมตายกันหมด จึงคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?

ถ้าเช่นนั้นนางก็จะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน!

ใครอยากเอาชีวิตนาง นางก็จะเอาชีวิตคนนั้น!
Comments (2)
goodnovel comment avatar
rachanevan
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจ้ะ ขอบคุณผู้แต่ง
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
หืม เป็นงัยล่ะ สมน้ำหน้า
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 4

    อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 5

    สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 6

    แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 7

    ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 8

    สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?” เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 9

    สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 10

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!” เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?” สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ” ยาย? ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 11

    สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า” ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า” ชีอวิ๋นถิงผงะไป เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้ ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?” สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อิ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 302

    นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มือแตะลงบนรอยแผลเป็นอยู่ชั่วขณะพลางเอ่ยถามเบาๆ: “บาดเจ็บได้อย่างไร?”ชีหยวนดึงแขนเสื้อให้เรียบร้อย โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังไม่ได้เห็นแขนอีกข้าง ที่ยังผูกมีดเกาทัณฑ์แขนเสื้อเอาไว้อยู่นางตอบเสียงเรียบ: “หลานจำไม่ได้แล้ว คงเป็นตอนที่ช่วยเชือดหมูช่วงปีใหม่ปีใดปีหนึ่ง แล้วพลาดถูกมีดเชือดหมูบาดเข้า”นางจำไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังกลับแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วนางก็คิดไว้แล้วว่า ความสามารถต้องแลกมาด้วยราคาเสมอเด็กสาวที่สามารถยึดบังเหียนไว้ได้แม้ในขณะที่ตกจากหลังม้า ในชีวิตนี้ย่อมผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วนขณะนั้นเอง มีเสียงรายงานจากข้างนอกว่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงและจวนเฉิงกั๋วกงมาเยือนฮูหยินผู้เฒ่าหวังสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา: “เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เจ้าไปเล่นกับน้องหญิงของเจ้าก่อนเถิด เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกันอีก”ชีหยวนรับคำ เมื่อเห็นหวังฉานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและดึงตัวนาง ก็ก้มหน้าลงซ่อนแววตาที่เย็นชาฮูหยินฉู่กั๋วกงมาแล้ว ดูท่าปัญหาคงใกล้เข้ามาแล้วหวังฉานจูงมือนางเดินออกไป ตลอดทางนางร่าเริงเหมือนลูกกวางตัว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 301

    นางหลู่ในฐานะสะใภ้ใหญ่ของตระกูล ต้องเป็นผู้จัดงานวันเกิดให้แม่สามี จึงยุ่งจนหัวหมุนเมื่อพบนางหวัง ก็ยังถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงว่า: “อาการป่วยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้ในเรือนยุ่งกันมาก ไม่รู้ว่าโสมที่ส่งไปให้ ได้ใช้หรือไม่?”หัวข้อสนทนาภายในบ้านเหล่านี้ ทำให้นางหวังรู้สึกดีขึ้นมาก นางไอออกมาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียว: “ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรหรอก แค่เป็นหวัดนิดหน่อยเท่านั้น พี่สะใภ้เกรงใจเกินไปแล้ว”นางหลู่เพียงยิ้ม แล้วดึงชีหยวนเข้ามาหา “เจ้าเด็กคนนี้ งานแข่งตีคลีเมื่อคราวก่อน เจ้าแสดงความสามารถจนเป็นที่กล่าวถึงไปทั่ว วันหน้าลองพาน้องหญิงของเจ้าไปฝึกขี่ม้าเสียหน่อยสิ! นางเอาแต่รบเร้าข้าทุกวัน ให้ข้าช่วยขอให้เจ้ามาเป็นอาจารย์ของนาง!”บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที นางหวังรู้สึกซับซ้อนในใจ...... นอกจากตัวนางกับชีอวิ๋นถิงแล้ว ดูเหมือนชีหยวนจะอ่อนโยนกับทุกคนได้หมดนางหลู่ยิ้มแย้มพลางจูงชีหยวนไปคารวะอวยพรวันเกิดแก่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังทว่าอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าหวังในเพลานี้กลับไม่ดีนัก กล่าวด้วยเสียงต่ำ: “ก็แค่วันเกิดครบหกสิบปีของข้า อีกทั้งตำแหน่งของข้านั้นก็ไม่สูงส่งอะไร ยังมีฮูหยินตรา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 300

    ชีหยวนปล่อยชายแขนเสื้อกว้างลง ปกปิดเที่กาทัณฑ์แขนเสื้อ ก่อนลุกขึ้นยืนส่องกระจก ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดสังเกต จึงหัวเราะเบา ๆ “ไม่มากหรอก ไม่มากเกินไปเลยสักนิด”อาวุธทุกชิ้นล้วนสามารถใช้รักษาชีวิตในช่วงเวลาคับขันได้ นางไม่เคยออกศึกที่ไม่มีความมั่นใจครานี้ผู้ติดตามออกไปพร้อมชีหยวนไม่ใช่ฮูหยินรองชี แต่เป็นนางหวังเดิมทีนางหวังถูกส่งให้ไปพักรักษาตัวที่เรือนนอกเมือง แต่ใครจะคาดคิดว่านางจะหมดสติในรถม้าระหว่างเดินทางออกจากเมือง และนอนป่วยเรื้อรังจนไม่อาจออกเดินทางได้บัดนี้ เป็นวันเกิดครบหกสิบปีของมารดานาง ในฐานะบุตรสาวแท้ ๆ ย่อมต้องไปร่วมงานภายในรถม้า ทั้งสองนั่งประจันหน้า นางหวังมองพิจารณาชีหยวนด้วยแววตาซับซ้อนเดิมนางคิดว่าเด็กที่เติบโตขึ้นในเรือนนอกเมืองและลิ้มรสความทุกข์ยากมาทุกรูปแบบ เมื่อกลับมาคงเป็นเพียงคนที่ค้อมตัวเจียมเนื้อเจียมตัว หวาดกลัวทุกสิ่งทว่า ชีหยวนกลับแตกต่างจากที่นางคาดคิดไปโดยสิ้นเชิงนางนึกถึงคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของชีเจิ้น นึกถึงถ้อยคำกำชับของท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าก่อนออกจากจวน จึงพยายามปรับสีหน้าให้อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “เรื่องในอดีต อวิ๋นถิงผ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 299

    ชีหยวนมองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความฉงน “ข้าดูเหมือนจะไปฆ่าคนหรือเจ้าคะ?”......ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหัวเราะออกมาหรือว่ามิใช่เล่า?ออกไปคราใด มีหรือจะไม่คร่าชีวิตคนกลับมา?นางสูดลมหายใจลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ได้บอกว่าเจ้าเหมือนจะไปฆ่าคนเสียหน่อย ข้าหมายความว่าหากเลี่ยงได้ก็อย่าฆ่าเลยจะดีกว่า”แม้ว่าทุกครั้งที่ฆ่าคนชีหยวนจะมีวิธีเก็บกวาดร่องรอยอย่างไร้ที่ติ แต่ว่าเดินริมฝั่งแม่น้ำเป็นประจำ มีหรือรองเท้าจะไม่เปียกน้ำ?สุดท้ายแล้ว ก็ไม่อาจฆ่าทุกคนที่คิดต่อต้านนางได้หมดกระมังการฆ่าฟัน หาใช่วิธีแก้ปัญหาไม่ชีหยวนไม่มีทีท่าว่าจะเห็นด้วยหรือคัดค้าน นางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ท่านย่า ท่านกล่าวเช่นนี้ไม่สมกับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูลแม่ทัพเลยนะเจ้าคะ”ฮูหยินผู้เฒ่ามองนางด้วยความคลางแคลงใจเพียงเห็นชีหยวนยิ้มบาง ๆ มองนางมาด้วยดวงตาส่องประกาย “ในปีนั้นฉู่กั๋วกงนำทัพเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ที่ถูกโค่นบัลลังก์ ครั้นตีเมืองเจียงอินอยู่นานแต่ไม่สำเร็จ จึงมีความแค้นสุมอก สุดท้ายจึงสั่งให้สังหารชาวเมืองสามวันติด สุดท้ายเมืองเจียงอินถูกกวาดล้างจนสิ้น เหลือรอดเพียงคนชราและเด็กไม่ถึงสามร้อยคน...”ช

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 298

    ชีจิ่นตะลึงงันไปโดยพลัน ครานี้จึงเพิ่งตระหนักว่าขาของอ๋องฉีดูเหมือนจะบาดเจ็บ เขาถึงกับไม่อาจลุกขึ้นได้ในฉับพลัน!เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!ในความทรงจำของนาง อ๋องฉีเองก็เชี่ยวชาญวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ มีองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังไม่น้อย ไฉนถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้?ทว่าเมื่อเห็นอ๋องฉีในสภาพนี้ นางก็ไม่กล้าซักถามสักคำ รีบรับคำก่อนวิ่งออกจากห้องไปทันทีอ๋องฉีตะโกนจากด้านในว่า “จินเป่า ยังไม่รีบเข้ามาอีก?!”จินเป่าก้าวเข้าห้องไปด้วยท่าทีหวาดหวั่น ไม่นานนักภายในห้องก็มีเสียงข้าวของแตกกระจายขันทีสวีก็เดินเข้าไป แล้วกลับออกมา พลางขมวดคิ้วแน่น ครั้นเห็นชีจิ่นก็ได้แต่ข่มความหวาดหวั่นในใจ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เจ้าตามข้ามา”ชีจิ่นนึกถึงท่าทางของอ๋องฉีเมื่อครู่ ในใจพลันปั่นป่วนไม่อาจสงบลงได้ผู้ใดกันที่ทำให้อ๋องฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้?นางเติบโตอยู่ในเมืองหลวงมาแต่เยาว์วัย ชีวิตสิบกว่าปีแรกล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อีกทั้งเคยเข้าวังหลวงเพื่อเป็นสหายร่วมศึกษาขององค์หญิงมาก่อน ย่อมรู้จักอ๋องฉีอยู่บ้างสาวน้อยคนใดเล่าไม่ใฝ่ฝันจะได้แต่งกับคนมีฐานะสูงศักดิ์ ได้เ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 297

    ปลายนิ้วของเขาที่ลูบไล้ผ่านใบหน้า ทั้งร่างของชีจิ่นคล้ายถูกฟ้าผ่า สั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้นางไม่มีวันลืมท่าทางตอนที่อ๋องฉีจ่อคมกริชเข้าที่ลำคอของนางและรู้ดีว่าคนตรงหน้าผู้นี้สามารถปลิดชีพคนได้ทุกเมื่อเมื่อเกือบผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ก็ยิ่งรู้ถึงคุณค่าของชีวิตนางไม่อยากตายนางยังมีเรื่องมากมายต้องทำ ยังมีความแค้นอีกมากที่ต้องสะสางดังนั้นนางจึงโขกศีรษะกระแทกพื้นเสียงดังต่อหน้าอ๋องฉีเพื่อร้องขอชีวิตมือข้างหนึ่งของอ๋องฉีกลับบีบปลายคางของนางเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาอำมหิต “ข้าให้เจ้าก้มหัวแล้วหรือ? ไร้ประโยชน์สิ้นดี เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของนาง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะพ่ายแพ้ต่อนาง!”เขามองสภาพของชีจิ่นในเวลานี้ ในใจยิ่งคุกรุ่นไปด้วยโทสะต่างก็คลานออกมาจากกองซากศพเหมือนกัน แต่ชีหยวนไม่ว่ายามใดนางก็ยังมีความดุดันแม้ว่าจะยอมค้อมกายหมอบกราบเยี่ยงข้าทาส นั่นก็เป็นเพียงวิธีการของนางเท่านั้น นางยังเต็มไปด้วยไอสังหารพร้อมฆ่าคนอยู่เสมอ บนร่างหาได้มีความเป็นทาสไม่แต่ชีจิ่นต่างออกไป ฝึกมาหลายเดือนแล้ว กลับยังไม่ได้เรื่องเช่นนี้!‘นาง’ ที่เขาหมายถึงเป็น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 296

    อ๋องฉีนิ่งเงียบไม่กล่าวคำ ดวงตาฉายอารมณ์ซับซ้อนฉู่กั๋วกงยกมือวางลงบนบ่าของเขา “ท่านอ๋อง ผู้สำเร็จการใหญ่ มิอาจติดอยู่กับความลังเล สตรีผู้นี้อัปมงคลแปลกประหลาดนัก มิควรค่าให้ฝ่าบาทเมตตาปล่อยผ่านไปอีกครั้ง!”เมื่อตัดสินใจไม่เด็ดขาด ย่อมได้รับเคราะห์ในภายหลังอ๋องฉีสูดหายใจเข้าลึก เมื่อนึกถึงตอนที่ชีหยวนปล่อยศรหมายสังหารเขาโดยไร้ซึ่งความปรานี นึกถึงยามนางกระโดดขึ้นหลังม้า คมกริชเกือบปาดผ่านลำคอเขาไป ก็ตัดสินใจแน่วแน่ใช่แล้ว ชีหยวนไม่เคยเมตตาต่อเขา แล้วเขาจะปรานีไปเพื่ออันใด!เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบรับ “ท่านตาคิดจะทำอย่างไรเล่า?”ฉู่กั๋วกงได้ยินก็รู้ว่าเขาตอบตกลงแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหวัง”ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหวัง...อ๋องฉีนึกไม่ออกว่าเป็นใคร จนกระทั่งฉู่กั๋วกงเอ่ยบอก เขาถึงเพิ่งนึกได้ว่านางเป็นยายแท้ ๆ ของชีหยวนเขาหัวเราะขึ้นเบา ๆ “นางเป็นคนไร้หัวใจเช่นนั้น วันเกิดของยายแล้วอย่างไร? นางไม่มีทางไป”ชีหยวนไม่เป็นที่ชื่นชอบของมารดาแท้ ๆ อีกทั้งตัวนางเองก็เป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ ไม่เห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 295

    ลิ่วจินเกาหัวแล้วเดินจากไปเหลียนเฉียวที่คอยรับใช้ข้างกาย มองชีหยวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ นี่ท่าน...”พูดจาแข็งกระด้างเกินไปแล้วกระมัง?แท้จริงแล้วพระราชนัดดาองค์โตเป็นผู้มีอุปนิสัยดีนัก อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ทุกทางแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่คุณหนูใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับพระราชนัดดาองค์โต นางกลับคอยต่อต้านและป้องกันราวกับแผ่หนามทั่วร่างอยู่เสมอชีหยวนไม่ได้ตอบคำใดนางย่อมรู้ดีว่าเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้มาด้วยตนเอง เป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองแต่แล้วอย่างไรเล่า?การสูญเสียเป็นเรื่องปกติของชีวิตไม่คาดหวังเสียแต่แรก ก็ไม่มีทางผิดหวังยิ่งไปกว่านั้น หากคนผู้หนึ่งรู้ว่าตนมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด เช่นนั้นก็สามารถแบกรับความทุกข์ทุกรูปแบบได้นางทำได้ ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ นางก็ไม่ต้องการความสงสารใด ๆ จากใครทั้งสิ้น เดินไปให้ไกลที่สุดด้วยกำลังของตนเองอย่างองอาจคนที่ไม่กลัวการสูญเสีย ย่อมไม่มีสิ่งใดต้องหวาดหวั่นเมื่อลิ่วจินกลับถึงตำหนักตะวันออก เซียวอวิ๋นถิงเสด็จกลับจากการเยี่ยมเยียนองค์รัชทายาทที่ประชวร เพิ่งกลับถึงตำหนักบรรทมทุกครั้งที่ไปเยือนตำหนักองค์รัชทายา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 294

    ไม่ได้หรอกดังนั้นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่หลังความตายเหล่านั้นจึงเป็นเพียงเครื่องปลอบประโลมคนเป็นเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องอันใดกับนางเล่า?ท่านโหวผู้เฒ่ามองนางอย่างไม่เข้าใจ “หลิ่วจิงหงตายไปอย่างมีเกียรติเพียงนี้ เจ้ามิร้อนใจบ้างหรือ?”“ไยต้องร้อนใจเจ้าคะ?” ชีหยวนพลันแย้มยิ้ม “หากพวกเขาชอบเกียรติยศเช่นนี้นัก ข้าส่งให้พวกเขาได้อีกหลายครั้ง”......ท่านโหวผู้เฒ่าพูดไม่ออกก่อนหน้านี้เมื่อมองดูพิธีอันยิ่งใหญ่ เขายังรู้สึกกังวลกระวนกระวายใจแต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินถ้อยคำของชีหยวน เขากลับรู้สึกว่าความเกรียงไกรเช่นนั้นอย่าได้มีเลย หากมีอีกหลายครั้ง บรรดาเจ้านายของจวนฉู่กั๋วกงคงสิ้นชีพเกือบหมดจวนเป็นแน่เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์ “เรื่องของบิดาเจ้า ไม่รู้ว่าราบรื่นหรือไม่”หากราบรื่นและสามารถพาตัวพระชายาหลิ่วกลับมาได้ เช่นนั้นย่อมเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อตระกูลหลิ่วถึงเวลานั้น ตระกูลหลิ่วคงไม่มีเวลามาจับจ้องตระกูลชีและชีหยวนอีกต่อไปชีหยวนยังไม่ทันกล่าวต่อ หลิวจงก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนเสียก่อน “ท่านโหวผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาเชิญท่านทั้งสอง บอกว่า... บอกว่าได้รับเทียบเช

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status