Share

บทที่ 8

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น

แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน

ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที

ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?”

เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น

ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันที

สวี่อินอินยังมิทันเอ่ยวาจา อวิ๋นเชวี่ยที่ไม่ชอบหน้าสวี่อินอินอย่างถึงที่สุดก็ชิงเข้าไปคุกเข่าลงฟุ่บต่อเบื้องหน้าชีเจิ้นก่อนทันที

ม้าของชีเจิ้นตกใจ ฉับพลันทันใดนั้นก็ยกขาหน้าขึ้นสูง

อวิ๋นเชวี่ยตกใจจนหน้าซีดเผือด

เคราะห์ดีที่ชีเจิ้นรั้งเชือกบังเหียนไว้ได้อย่างคล่องแคล่วหมดจด ม้าจึงไม่เหยียบอวิ๋นเชวี่ย

อวิ๋นเชวี่ยคุกเข่าบนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ชี้สวี่อินอินด้วยโทสะสุดขีดและโขกศีรษะต่อชีเจิ้นว่า “ท่านโหวเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ไม่สนใจเสียงห้ามปรามของพวกบ่าวเลยเจ้าค่ะ ดึงดันจะเข้ามาฟ้องทางการท่าเดียว! พวกบ่าวเองก็จนปัญญาแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ…”

อวิ๋นเชวี่ยเป็นบ่าวรับใช้ซึ่งเกิดในจวนโหว มีหรือจะไม่ทราบอุปนิสัยของเจ้านายในเรือน?

สิ่งที่ท่านโหวให้ความสำคัญมาตลอดชั่วชีวิตก็คือศักดิ์ศรีของจวนโหว เขาไม่มีวันปล่อยเด็กสาวที่โง่เขลาและไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนี้ไปเด็ดขาด!

อวิ๋นเชวี่ยเงยหน้าขึ้น สายตาบังเอิญปะทะกับสวี่อินอินที่อยู่อีกด้านหนึ่งพอดี

แต่เดิมคิดว่า สวี่อินอินจะต้องอ้อนวอนร้องขอความเมตตาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงสุดขีดแน่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องตัวสั่นสะท้านบ้าง

แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เด็กสาวคนนี้ ทั้งที่ชีวิตได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างสาหัสเพียงนี้ แม้พบหน้าบิดาผู้ให้กำเนิดตนเองแล้ว แต่นางกลับไม่ซาบซึ้งตื้นตัน ไม่แม้กระทั่งแสดงความรู้สึกใดออกมาด้วยซ้ำไป

อวิ๋นเชวี่ยเบิกตากว้าง เสี้ยวพริบตาเดียวนั้นคล้ายว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

แต่กระนั้นก็ไม่ทันแล้ว เพราะชีเจิ้นได้ตวัดแส้ม้าขึ้น และเฆี่ยนอย่างทารุณบนร่างกายของนางแล้ว

อวิ๋นเชวี่ยถูกเฆี่ยนด้วยแส้ม้า ผืนอาภรณ์บนแผ่นหลังพลันขาดวิ่นเป็นแนวยาว นางแผดเสียงโหยหวนออกมาทันใด ดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น

ชีเจิ้นกวาดสายตามองปราดหนึ่ง แม่ทัพในตระกูลที่ตามหลังเขามาด้วยนั้นก็พลิกตัวลงมาจากหลังอาชา และจัดการลากตัวอวิ๋นเชวี่ยออกไปทันที

ก่อนจะถูกลากออกไป อวิ๋นเชวี่ยเจ็บจนเหงื่อกาฬไหลชุ่มโชก เสี้ยวขณะของแสงอสนีบาตและประกายไฟ นางมองเห็นสายตาของสวี่อินอิน

สายตาคู่นั้นนิ่งสงบไร้เกลียวคลื่น ราวกับบ่อน้ำเก่าคร่ำครึอันไร้ซึ่งระลอกคลื่น

และในเสี้ยวขณะเดียวกันนี้เอง สวี่อินอินเลื่อนมือขึ้นทำท่าปาดลำคอให้อวิ๋นเชวี่ยเห็นช้าๆ

นางเคยสาบานกับตนเอง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากให้นางตาย จะต้องตายเร็วกว่านาง

คนอย่างนาง พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด

แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องอย่างแรงกล้าจนผู้คนลืมตาไม่ขึ้น ชีเจิ้นเหลือบสายตามองศพของแม่นมฮวาที่อยู่ด้านข้าง

บรรดาบ่าวรับใช้คนอื่นที่เหลือ ตกใจกลัวแส้นั้นของชีเจิ้นจนเหงื่อกาฬท่วมแผ่นหลังอยู่ต่างกุลีกุจอเข้ามายกร่างไร้วิญญาณของแม่นมฮวาออกไป

ตอนนี้เองชีเจิ้นค่อยผินศีรษะมองสวี่อินอิน “เจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องทางการ?”

บัดนี้คนที่จวนโหวนำมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนก็เริ่มขับไล่กลุ่มชาวบ้านที่มุงเหตุการณ์อยู่ออกไปแล้ว

เหล่าชาวบ้านแม้จะเสียดายความครึกครื้นนี้ กระนั้นแล้วก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้มีอำนาจเหนือกว่า ทันใดนั้นบริเวณศาลาว่าการแห่งนี้ก็เหลือเพียงชีเจิ้นแล้ว

เขาประเมินสวี่อินอินอย่างเงียบเชียบไม่ส่งเสียง ทว่าภายในใจกลับแตกต่างออกไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยมีความรู้สึกใดกับเด็กสาวตรงหน้าคนนี้แม้แต่น้อย

เขามีบุตรตั้งกี่คนแล้ว และหนึ่งในนั้นก็มีคนที่ทำให้เขารู้สึกใจอ่อนได้มากที่สุดอยู่แล้ว นั่นก็คือชีจิ่น

ชีจิ่นอ่อนโยนและใจดี ฉลาดเฉลียวรู้ความและมีความกตัญญู ครั้นถึงวัยสิบสองปีก็ถูกคัดเลือกให้เข้าวังเป็นสหายร่วมเรียนขององค์หญิงแล้ว

หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ชีจิ่นคงได้เป็นหนึ่งคนที่มีอนาคตยาวไกลที่สุดในบรรดาบุตรีสกุลชีแล้ว

แต่เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

เหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายที่ว่านี้ก็คือสวี่อินอิน

ตอนแรกสุดที่สืบรู้ภูมิหลังของสวี่อินอิน คนทั้งจวนโหวล้วนมืดแปดด้าน

นับแต่ท่านโหวผู้เฒ่าไปจนถึงนางหวังมารดาผู้ให้กำเนิดสวี่อินอิน ล้วนแต่สิ้นหวังกับสวี่อินอินทั้งสิ้น

ชีอวิ๋นถิงยังถึงขั้นเสนอแนะอย่างตรงไปตรงมาให้ส่งสวี่อินอินไปใช้ชีวิตที่ชนบท

และเป็นเพราะจุดนี้เอง ทำให้ชีเจิ้นรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมา

ถึงอย่างไร หากพูดกันในแง่ของความรู้สึกแล้ว ชีจิ่นที่พวกเขาเลี้ยงดูประคบประหงมมาหลายสิบปีก็มีความผูกพันให้กันมากจนยากเกินทำใจตัดขาด

และหากจะพูดในแง่ของผลประโยชน์ ชีจิ่นก็เป็นตัวแทนของคุณหนูใหญ่เป็นหน้าเป็นตาในวงสังคมชนสูงศักดิ์ให้จวนหย่งผิงโหวมานานหลายปีแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์กับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ในราชสำนักเองก็ไม่เลวด้วย

เปรียบเทียบกันแล้ว สวี่อินอินมีอะไรบ้าง?

ที่ถูกทอดทิ้งก็เป็นชะตากรรมของนาง

ความจริงต่อให้รับสวี่อินอินกลับไปแล้ว ตำแหน่งของนางก็มิอาจสำคัญไปกว่าชีจิ่น

ชีเจิ้นมองบุตรีที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งรู้สึกเสียดายขึ้นมา

น่าเสียดายจริงๆ กล้าฟ้องร้องต่อทางการกล้าได้กล้าเสีย แม้ยามที่ต้องเผชิญกับบ่าวรับใช้เจ้าเล่ห์กลับกลอกก็รู้จักปกป้องตนเอง หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญก็สามารถประคองตนเองให้มั่นคงได้

แม้กระทั่งในยามนี้เมื่อได้เห็นหน้าบิดาที่ไม่เคยพบกันมาก่อนของตนเองแล้ว ก็ยังข่มอารมณ์ให้นิ่งสุขุม สันหลังเหยียดตรงได้

อุปนิสัยเช่นนี้ คล้ายคลึงกับเขาในตอนหนุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ

หรือว่า สิ่งนี้จะเป็นความผูกพันทางสายโลหิต?

สวี่อินอินผงกศีรษะ ยอมรับอย่างกล้าหาญ “ใช่”

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยดินโคลน บัดนี้แห้งจนจับตัวเป็นแผ่นไปเสียแล้ว เลอะเทอะมอมแมมจนมองคิ้วคางเครื่องหน้าไม่ถนัด

มีเพียงดวงตาคู่นั้นของนาง ที่ดูสว่างเป็นประกายอย่างน่าประหลาด

ในใจชีเจิ้นพลันรู้สึกสั่นไหว จึงเอ่ยถามค่อยๆ ว่า “เป็นเพราะเหตุใดเล่า? หรือแม่นมมิได้สั่งสอนให้เจ้ารู้ประเพณี? เจ้ามิทราบหรือว่า สำหรับดรุณีในตระกูลสูงศักดิ์ การรักษาชื่อเสียงของตระกูลนั้นสำคัญกว่าเรื่องใดทั้งปวง?”

คำถามนี้ทำให้ผู้คนตกใจกลัวถึงขีดสุด

ทว่าสวี่อินอินกลับยังคงนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อน นางเงยศีรษะขึ้นจ้องมองชีเจิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังแค่นเสียงหัวเราะออกมาและเอ่ยปากตอบกลับว่า “ไม่มี พวกนางมาด้วยจุดประสงค์เดียว นั่นคืออยากสังหารข้า”

สายลมระลอกหนึ่งพัดผ่านเข้ามา ทำสวี่อินอินจามออกมาหนึ่งที

แต่กระนั้นนางยังคงไม่แยแสเช่นเดิม ไม่หลบซ่อนหลีกหนี เพียงแต่เอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมาว่า “บ่าวคนเดียวยังกล้าสังหารข้า ข้าไม่เชื่อใจผู้ใดเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ข้าจำต้องมาฟ้องทางการก่อนเพื่อปกป้องตนเอง อย่างน้อยต้องให้ได้ความปลอดภัยก่อน ถึงจะสามารถเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของพวกท่านได้”

ความจริงที่พูดมาก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย

ชีเจิ้นเองก็รู้สึกพอใจกับการแสดงออกของสวี่อินอินมากเช่นกัน

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับคนไร้ประโยชน์ที่รู้จักแต่เลี้ยงสุกรผ่าไม้ฟืนสักคนหนึ่งแล้ว แม้นางจะไม่รู้จักธรรมเนียมประเพณี แต่กลับตอบโต้ได้รวดเร็วและรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างดี นั่นก็อยู่นอกเหนือการคาดคะเนของเขาไปไกลมากแล้ว

เพียงแต่…

ยังมีบางสิ่งที่ดูจะผิดแปลกไป ตอนที่สวี่อินอินประจันหน้ากับเขา ไม่มีความเคารพและความสนิทสนมใกล้ชิดที่บุตรสาวพึงมีต่อบิดาแม้แต่น้อย

ในตอนที่ชีจิ่นอยู่ต่อหน้าเขา ไม่เคยปรากฏท่าทีเช่นนี้มาก่อน

เขากระแอมเสียงหนึ่งออกมาอย่างเยือกเย็น “ปากคอเราะราย ไร้การอบรมสั่งสอน!”

สวี่อินอินมิได้รู้สึกแปลกใจกับการโต้ตอบของเขาแม้แต่น้อย

พวกคนที่เรียกว่าญาติทางสายเลือดกลุ่มนี้ ไม่เคยรักไม่เคยทะนุถนอมนาง ไม่เคยนับนางเป็นญาติมาจนถึงตอนนี้

ที่มากไปกว่านั้น คือการตัดสินคุณค่านางเหมือนสิ่งของ

เมื่อนางมีประโยชน์ ต่อให้ไร้ซึ่งความผูกพัน ตระกูลชีก็จะให้ข้าวให้ที่นอนกับนาง

แต่หากว่านางไร้ประโยชน์แล้ว ต่อให้นางจะควักหัวใจควักปอดให้ไป คนเหล่านั้นก็มีแต่จะรู้สึกว่าเลือดเนื้อของนางเหม็นคาวไร้คุณค่า

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยจะต้องแสร้งว่าเลือดเนื้อลึกซึ้งแน่นแฟ้นกันด้วยเล่า?

นางกำลังจะเอ่ยวาจา ทว่ากลับมีเสียงคุ้นหูระลอกหนึ่งแว่วดังมาจากที่ไกลๆ “หย่งผิงโหว?”

ชีเจิ้นผินศีรษะกลับไปทันใด กระทั่งมองเห็นผู้มาใหม่ พริบตาเดียวก็สำรวมความดุดันน่าเกรงขามก่อนหน้าไปทันที รีบร้อนลงจากหลังอาชาและค้อมกายทำความเคารพ “ใต้เท้า!”

สวี่อินอินหันขวับ ก็ปะทะกับสายตาอันคุ้นเคยคู่นั้นเข้าพอดี

เซียวอวิ๋นถิงเลิกคิ้ว กระทั่งเห็นดวงตาของสวี่อินอินชัดเจนแล้ว ก็หันบอกให้ชีเจิ้นมิต้องมากพิธีโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ท่านโหวมิต้องมากพิธี จริงสิ ท่านโหวเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่หรือ?”

ชีเจิ้นกระแอมกระไอออกมาอย่างประหม่าเล็กน้อย “กระหม่อม กระหม่อมมารับบุตรีกลับเรือนพ่ะย่ะค่ะ”

 
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sam Sung
พระเอกมาช่วยแล้ว
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ครอบครัวเห็นขี้ดีกว่าไส้ อย่าไปอยู่กับพวกมันค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 9

    สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 10

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!” เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?” สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ” ยาย? ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 11

    สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า” ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า” ชีอวิ๋นถิงผงะไป เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้ ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?” สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 12

    ภายในหนึ่งวันมีร้อยพันเรื่องราวเกิดขึ้น สมองของนางหวังอื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ แล้ว จนกระทั่งชีเจิ้นหันไปตำหนิชีอวิ๋นถิงอีกครั้ง บังคับให้เขาเอ่ยปากขอโทษสวี่อินอิน สีหน้าของนางหวังถึงจะฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมา เป็นสามีภรรยากับชีเจิ้นมานานหลายปี นางย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีตนเองดี ถึงขึ้นออกปากปกป้องสวี่อินอินเพียงนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าบุตรีคนนี้ได้การยอมรับจากชีเจิ้นแล้ว ชีเจิ้นให้ความสำคัญ และนี่ยังเป็นบุตรีที่ตนเองให้กำเนิดด้วยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นกังวลว่าเด็กสาวคนนี้มิใช่คนฉลาดเฉลียว แต่ยามนี้นางหวังก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์แล้ว นางมองสวี่อินอินอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” น่าขำสิ้นดี หากว่าตระกูลชีให้คุณค่านางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง หรือรู้สึกสงสารรู้สึกสำนึกผิดต่อนางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของนาง สวี่อินอินเงยหน้ามองนางหวัง และถามด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้าคือตัวจริง และคนก่อนหน้าคือตัวปลอม นางมีนามว่าอะไร ข้าก็ควรมีนามว่าแบบนั้น มิใช่หรอกหรือ?” นางหวังผงะไป ในใจพลันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันใด ยังรู้สึกลึกๆ ว่าสวี่อินอินไม่คู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 13

    นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย” บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง” จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว” นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 14

    บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า! และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่ เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้ แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 15

    ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก? ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่ นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 16

    ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้วแม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู] เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่นี่ก็คือชีจิ่นจิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใดนางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ] เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 310

    หรือว่าอ๋องเฉิงกับคุณชายรองตระกูลหลิ่วเดิมก็มีเรื่องอื้อฉาวกันมานานแล้ว ทั้งสองนัดพบกันที่จวนตระกูลหวัง แต่เกิดมีปากเสียงกัน คุณชายรองตระกูลหลิ่วจึงพลั้งมือฆ่าอ๋องเฉิงเข้าความสัมพันธ์นี้มันยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว!อีกอย่าง ยังมีศพสาวใช้ของตระกูลหวังอีกคนหนึ่งในที่นี้ด้วย!และไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาวใช้คนนั้นบังเอิญไปเห็นเรื่องอื้อฉาวของคุณชายรองตระกูลหลิ่วกับอ๋องเฉิง จึงถูกพวกเขาฆ่าปิดปากหรือไม่จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องการฆ่าคน?หลังจากนายท่านใหญ่หวังพูดจบ ก็เห็นฉู่กั๋วกงจ้องมองเขาเขม็ง ดวงตาราวกับจะพ่นไฟออกมาเขาสะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ท่านกั๋วกง เรื่องนี้จะมาโทษพวกเราตระกูลหวังไม่ได้นะ! พวกเราไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้อ๋องเฉิงเลย! เป็นอ๋องเฉิงเองที่มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ…...”ทุกคนสบตาอย่างรู้กันอ๋องเฉิงเคยให้เกียรติตระกูลไหนด้วยตัวเองเยี่ยงนี้เสียเมื่อไหร่กัน?จุ๊จุ๊เห็นได้ชัดว่ามาเพราะคุณชายรองตระกูลหลิ่วโดยเฉพาะ!ในที่สุดฉู่กงกั๋วก็สุดจะอัดกลั้น ถูกทำให้โกรธจนล้มลงไป!ท่านโหวผู้เฒ่าชีแอบยิ้มมุมปากช่างไม่เคยเห็นโลกกว้างเสียจริงกล้าทำแต

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 309

    ไม่เพียงแต่ตายไปแล้ว ยังตายในสภาพที่ไม่สำรวมอย่างยิ่ง ร่างของชายคนหนึ่ง เปลือยเปล่า คว่ำหน้าอยู่บนระเบียงหลังประตูเรือน ดูจากท่าทางคล้ายกับกำลังพยายามคลานออกไปด้านนอกไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!ฮูหยินผู้เฒ่าหวังถึงกับชะงักงันตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมฮูหยินเฉิงกั๋วกงถึงตกใจจนล้มลงไป ทำไมฮูหยินฉู่กั๋วกงถึงตกใจจนเป็นลมหมดสติ!คือคุณชายรองตระกูลหลิ่ว!คือบุตรชายรองของฉู่กั๋วกงหลังจากที่หลิ่วจิงหงเสียชีวิตไป บุตรชายรองผู้นี้ก็กลายเป็นผู้มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เป็นผู้สืบทอดแห่งจวนฉู่กั๋วกงแม้เขาจะเป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ในเมื่อหลิ่วจิงหงตายไปแล้ว ใครจะมาสนใจว่าเขาเป็นลูกอนุหรือไม่?!แม้แต่ฮูหยินฉู่กั๋วกงเองก็ยังเริ่มใจอ่อนและเอ็นดูเขามากขึ้นมีข่าวลือว่าตระกูลฉู่กำลังเตรียมการให้เขาถูกบันทึกเป็นบุตรในนามของฮูหยินฉู่กั๋วกง เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นบุตรภรรยาเอก แล้วให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องแต่ใครจะคาดคิดว่า เขาจะมาตายที่นี่ในสภาพเช่นนี้นางหวังกรีดร้องออกมา พร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวเองพวกบุรุษพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน?ไม่คิดจะรักษาห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 308

    หากเป็นเช่นนั้นจริง ฉู่กั๋วกงย่อมไม่มีทางมีปฏิกิริยาเช่นนี้แน่นอนเกิดเรื่องขึ้นแล้วฮูหยินฉู่กั๋วกงหลับตาลงชั่วครู่ ความไม่เต็มใจและความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?นางยังไม่ทันได้เอ่ยถามฉู่กั๋วกงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหวังถูกประคองเข้ามาอย่างเร่งรีบ นางเอ่ยถามอย่างหอบหายใจหนัก: “เกิดอะไรขึ้น?!”นายท่านใหญ่หวังมองไปที่ฉู่กั๋วกงด้วยสีหน้าประหลาดก่อน จากนั้นก็หันไปมองฮูหยินฉู่กั๋วกงอีกครั้ง ไม่รู้ควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะนางหวังใจเต้นระรัวจนแทบจะถึงลำคอ กำลังจะเอ่ยถามว่าชีหยวนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่านโหวผู้เฒ่าชีกำลังกระซิบกระซาบกับผู้อื่น ยังเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และนางก็เงียบลงทันทีน่าจะไม่เกี่ยวกับชีหยวน หากเกี่ยวข้องกับชีหยวน ท่านโหวผู้เฒ่าชีจะยังมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?ฮูหยินผู้เฒ่าหวังตกใจจนแทบจะยืนไม่อยู่ นางกระทืบเท้าอย่างร้อนใจแล้วเร่งถาม: “เจ้าก็พูดมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ชินอ๋องผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในจวนของพวกเขาก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เกรงแต่ว่าตระกูลหวังจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 307

    ในใจของฮูหยินฉู่กั๋วกงรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นพ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ ก็คาดเดาได้ทันทีถึงเหตุผลที่เขาลำบากใจเรื่องของหลิ่วหมิงจูและชีหยวนที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี เป็นที่อื้อฉาวขนาดนั้น คนในหมู่ขุนนางที่ควรรับรู้ก็ล้วนรับรู้กันหมดแล้วดังนั้น ความบาดหมางระหว่างตระกูลหลิ่วและชีหยวนจึงเป็นเรื่องที่เปิดเผยต่อภายนอกตอนนี้ชีหยวนถูกอ๋องเฉิงล่วงเกิน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีงามอะไรด้วย ตระกูลหวังย่อมไม่ต้องการให้พวกนางไปดูเรื่องสนุกนี้แน่ทว่าจะขวางนางได้งั้นหรือ?ฮูหยินฉู่กั๋วกงขมวดคิ้ว สีหน้าวิตกกังวล: “ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นแขกในจวนนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร? อ๋องเฉิงมีฐานะสูงส่ง เรื่องนี้ย่อมไม่อาจผิดพลาดได้แม้แต่น้อย!”นางกล่าวพลางปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหวังด้วยรอยยิ้มที่แฝงนัย: “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านว่าถูกหรือไม่?”ขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหวังทั้งตื่นตระหนกสับสน อัดอั้นร้อนใจ จนแทบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินฮูหยินฉู่กั๋วกงกล่าวเช่นนี้ ก็คิดจะคัดค้านในทันทีทว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับยิ้มพลางพูดจาเหน็บแหนมกับฮูหยินเฉิงกั๋วกงไปมาเสียแล้วนางหวังสังเกตเห็นว่ามือข

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 306

    สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันดูลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี ทุกคนต่างรู้กันดีหลิ่วหมิงจูทะเลาะกับชีหยวนจนถึงขั้นแตกหักกัน ตระกูลหลิ่วยังถึงขั้นเคยบุกไปที่จวนตระกูลชีเพื่อทวงความเป็นธรรมอีกด้วยทว่าคุณชายรองตระกูลหลิ่ว กลับถูกท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้น ทำให้ต้องกลับไปมือเปล่าอย่างน่าโมโห บัดนี้ ฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับเอ่ยถึงชีหยวนขึ้นมาอีก ตาขวาของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันกระตุก นางจึงกล่าวเลี่ยงๆ ว่า: “นางยังไม่เคยออกงานเลี้ยงมาก่อน ยังค่อนข้างขี้อาย ตอนนี้กำลังเล่นอยู่กับน้องหญิงของนางที่เรือนหลัง นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คงพูดจาผสมโรงกับพวกเราไม่ค่อยได้”ฮูหยินฉู่กั๋วกงยิ้มจางๆ : “จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เด็กสาวคนอื่นอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่หลานสาวของท่านผู้นี้ ใครจะมองว่านางเป็นเพียงเด็กกันเล่า? ข้าก็เคยได้ยินแต่เพียงชื่อเสียงของนาง แต่ยังไม่เคยพบตัวจริงมาก่อน จึงอยากรู้เป็นพิเศษ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อย่าหวงนักเลย”กลุ่มสตรีต่างผลัดกันพูดคุยอย่างออกรสฮูหยินผู้เฒ่าหวังที่เริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอกงานเลี้ยงในวันนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 305

    ใครจะรู้ว่าเมื่อพุ่งเข้าไปกลับคว้าได้เพียงอากาศ นอกจากลูกดอกที่นางยิงมาไม่กี่ดอก กับกิ่งไม้ใหญ่ที่ถูกเหยียบจนเรียบ พิสูจน์ให้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนอยู่ที่นี่คนหนีไปแล้วงั้นหรือ?มือของชีหยวนกำกริชแน่น ดวงตาที่เย็นชากวาดมองเศษกิ่งไม้และใบไม้บนพื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากกำแพง จึงยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณเซียวอวิ๋นถิงกระโดดลงมาอย่างมั่นคงข้างนาง กดข้อมือนางไว้ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์: “ข้าเอง!”ชีหยวนมองเขาด้วยความสงสัย “เหตุใดท่านอ๋องถึงอยู่ที่นี่ได้?”เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกปวดใจเรื่องที่ควรเตือนก็ให้ลิ่วจินคอยเตือนแล้ว ใครจะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้กลับไม่สนใจเลย รู้ทั้งรู้ว่าข้างหน้าคือกำแพงใหญ่ แต่นางก็ยังคงต้องการที่จะพุ่งชนมันให้พังทลายแล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?!เซียวอวิ๋นถิงไอออกมา สายตาของเขามองข้ามนางไปยังร่างของอ๋องเฉิงที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกล นัยน์ตาถึงกับสั่นไหวในทันที: “เจ้าฆ่าอ๋องเฉิงแล้ว!”อ๋องเฉิงกับอ๋องโจวนั้นเหมือนกัน ตามศักดิ์แล้วเขาควรเรียกว่าท่านปู่น้อยถึงแม้หลายปีมานี้อ๋องเฉิงจะใช้ชีวิตลุ่มหลงในกามารมณ์และไร้คุณธรรม เป็นที่รู้กันว่าเขาทรมานและสังห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 304

    หรือว่าจะกระชากทั้งตัวนางให้ร่วงลงพื้นไปเสียเลย ถึงตอนนั้นกระแทกพื้นจนสับสนมึนงง จากนั้นก็ฉีกเสื้อผ้านางออก เช่นนั้นเขาก็จะสามารถทำอะไรตามใจชอบได้?บรรดาหญิงสาวผู้สูงศักดิ์พวกนั้นล้วนแต่แข็งทื่อ ไร้ชีวิตชีวา ไม่ต่างอะไรกับปลาตายแต่เด็กสาวตรงหน้ากลับต่างออกไป เขาแทบจะจินตนาการได้เลยว่า นางจะดิ้นรนขัดขืนบนพื้นอย่างสิ้นหวังเพียงใด แค่คิดก็ทำให้เลือดในกายเขาเดือดพล่านแล้วชายกระโปรงถูกเขาคว้าไว้ได้ดังใจหวังอ๋องเฉิงหัวเราะเบาๆ : “จับเจ้าได้แล้ว”ชีหยวนก็หัวเราะเช่นกันนางโปรยผงใส่หน้าอ๋องเฉิงอย่างฉับพลัน พร้อมกับยิ้มจางๆ : “เจ้าติดกับแล้ว”ทันทีที่ผงนั้นเข้าตา อ๋องเฉิงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแผดเผาอย่างบรรยายไม่ถูก ราวกับเปลวไฟลุกลามไปทั่วลูกตา จนเขากรีดร้องออกมาโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้สีหน้าของชีหยวนยังคงเรียบเฉยนางรู้ดี สำหรับนักฆ่าที่ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนเช่นนาง ต่อให้พกของมากแค่ไหนก็ไม่นับว่ามากเกินไปตรงหน้ามืดบอดสนิท น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่หยุด คนเราเมื่อสูญเสียการมองเห็น ก็ย่อมสูญเสียความรู้สึกปลอดภัยไปด้วยอ๋องเฉิงเจ็บปวดมากจนต้องใช้มือทั้งคู่ขยี้ตาอย่างบ้าคลั่งทัน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 303

    สีหน้าของอ๋องเฉิงเรียบนิ่ง บิดคอสาวใช้อย่างง่ายดายแล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง มืออีกข้างก็ตะปบข้อเท้าของชีหยวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากนางเข้าหาตัวขาอีกข้างที่ถูกจับไว้ ทำให้ชีหยวนเสียหลัก ร่างกายท่อนบนของนางเอนล้มไปด้านหลังอ๋องเฉิงแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ : “ที่แท้ก็เป็นลูกแมวน้อยที่ชอบข่วนคนสินะ”เขากระชับข้อเท้าของชีหยวน จู่ ๆ ก็ออกแรง โน้มตัวลงใช้ปลายจมูกไล้ไปตามข้อเท้าของชีหยวน: “ช่างมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ”ชีหยวนเพียงรู้สึกขนลุกซู่แล่นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง แรงอาฆาตโหมกระหน่ำในใจ ขณะที่แผ่นหลังนางกระแทกลงไปกับพื้นอย่างแรง ก็รีบสะบัดมือ ปล่อยเกาทันณฑ์แขนเสื้อพุ่งตรงไปยังอ๋องเฉิงทันทีอ๋องเฉิงไหวตัวเร็วมาก แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกดอกถูกปล่อยออกมา เขาสะบัดมือปล่อยข้อเท้าของชีหยวน พร้อมกับเอนศีรษะหลบไปด้านข้างลูกดอกเฉียดแก้มของเขาไปอย่างฉิวเฉียด ทิ้งรอยแผลลึกไว้บนใบหน้าซีกซ้ายของเขาสีหน้าของอ๋องเฉิงเคร่งขรึมไปทันที มือซ้ายของเขาแตะรอยแผล สัมผัสได้ว่ามีเลือดติดมือ สีหน้าของเขามืดดำราวกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำ: “ตอนแรกคิดว่าเป็นแมวป่าตัวน้อยตัวหนึ่ง รู้สึกน่าสนใจดี แ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 302

    นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มือแตะลงบนรอยแผลเป็นอยู่ชั่วขณะพลางเอ่ยถามเบาๆ: “บาดเจ็บได้อย่างไร?”ชีหยวนดึงแขนเสื้อให้เรียบร้อย โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังไม่ได้เห็นแขนอีกข้าง ที่ยังผูกมีดเกาทัณฑ์แขนเสื้อเอาไว้อยู่นางตอบเสียงเรียบ: “หลานจำไม่ได้แล้ว คงเป็นตอนที่ช่วยเชือดหมูช่วงปีใหม่ปีใดปีหนึ่ง แล้วพลาดถูกมีดเชือดหมูบาดเข้า”นางจำไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังกลับแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วนางก็คิดไว้แล้วว่า ความสามารถต้องแลกมาด้วยราคาเสมอเด็กสาวที่สามารถยึดบังเหียนไว้ได้แม้ในขณะที่ตกจากหลังม้า ในชีวิตนี้ย่อมผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วนขณะนั้นเอง มีเสียงรายงานจากข้างนอกว่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงและจวนเฉิงกั๋วกงมาเยือนฮูหยินผู้เฒ่าหวังสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา: “เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เจ้าไปเล่นกับน้องหญิงของเจ้าก่อนเถิด เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกันอีก”ชีหยวนรับคำ เมื่อเห็นหวังฉานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและดึงตัวนาง ก็ก้มหน้าลงซ่อนแววตาที่เย็นชาฮูหยินฉู่กั๋วกงมาแล้ว ดูท่าปัญหาคงใกล้เข้ามาแล้วหวังฉานจูงมือนางเดินออกไป ตลอดทางนางร่าเริงเหมือนลูกกวางตัว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status