Share

บทที่ 13

Author: ฉินอันอัน
last update Last Updated: 2024-11-19 16:10:40
นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย”

บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน

หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป

และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน

สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว

นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง”

จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว”

นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ

อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง

คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ได้กลับเรือน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ากลับเรือนแล้วจะยิ่งรู้สึกรังเกียจมากกว่าเดิม!

นางคิดว่านางเป็นใครกัน

เอาแต่พูดเรื่องการวางตัว เรื่องมารยาท!

ตอนที่เขากำลังเรียนรู้มารยาทการวางตัว เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้คงจะยังเลี้ยงสุกรอยู่ที่บ้านนอกกระมัง!

เขาโกรธจนหมดอารมณ์กินข้าวแล้ว แม้แต่อวิ๋นเยี่ยนบ่าวรับใช้ข้างกายชีจิ่นที่ถูกตามใจมากที่สุดมาขอเข้าพบ ยังไม่ได้พบหน้าคุณชายใหญ่ด้วยซ้ำไป

ตอนที่อวิ๋นเยี่ยนกลับมาในเรือน ชีจิ่นกำลังดูเนื้อผ้าที่จะใช้สำหรับตัดอาภรณ์

นางหวังรักบุตรีคนนี้มาก ยอมให้นางได้เลือกสรรแพรพรรณผืนใหม่ไปใช้ตัดอาภรณ์ได้ตามใจทุกฤดูกาล

แม้ว่าจะทราบความจริงแล้ว แต่ความรักที่นางหวังมีให้บุตรีคนนี้ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย

ยามนี้พวกบ่าวรับใช้กำลังกอบผืนผ้าหลายผืน พลางแนะนำให้ชีจิ่นฟังตรงหน้า

ทั้งผ้าไหมสู่จิ่น แพรต่วนเหลียวหลิง ผ้าไหมทอดิ้นเงินดิ้นทอง ทุกผืนล้วนทำให้ผู้คนมองจนลายตา

ทว่าหัวใจของชีจิ่นกลับมิได้อยู่ที่ตรงนี้ นางเลือกอย่างใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเมื่อเห็นอวิ๋นเยี่ยนที่กลับมาถึงแล้ว ก็สั่งให้คนเหล่านั้นออกไปทันที

อวิ๋นเยี่ยนไม่รอให้นางถาม ก็รีบสาวเท้าเข้าไปเบื้องหน้านาง และเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “คุณหนู เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

ชีจิ่นเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาหลายปีแล้ว พวกบ่าวรับใช้ข้างกายนาง ล้วนแต่เป็นคนที่นางหวังคัดเลือกให้นางด้วยตนเอง

และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนภายในเรือนของนางหวัง

ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมาอย่างไร ขอเพียงถามไถ่ก็ได้ความแล้ว

สีหน้าของชีจิ่นหมองหม่นลงทุกเสี้ยวขณะ หลังจากได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงถูกตบหน้าหนึ่งฉาด เรื่องที่ชีเจิ้นตั้งใจเรียนเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมเปิดศาลบรรพชน มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนชื่อแซ่ให้สวี่อินอินเป็นชีหยวนด้วยแล้ว สีหน้าของนางหมองคล้ำราวพายุฝนกำลังตั้งเค้าพร้อมกระหน่ำ

เสียงของอวิ๋นเยี่ยนยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ครั้นเห็นเมฆครึ้มปกคลุมบนใบหน้าชีจิ่นแล้ว ก็รีบร้อนปลอบโยนด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนู พวกเราไม่จำเป็นต้องลดตัวไปเทียบกับนางเจ้าค่ะ! อย่างนางจะมีอะไรเหนือไปกว่าท่าน?”

ชีจิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงคับแค้นและแดกดันออกมา “แต่นางเป็นบุตรโดยกำเนิด บุตรโดยกำเนิดก็คือบุตรโดยสายเลือดเดียวกัน ข้ามันก็แค่บุตรีของคนขายเนื้อสัตว์เท่านั้น!”

บัดนี้นางโกรธแค้นชีเจิ้นจนกัดฟันกรอดๆ

ปากพล่ามแต่วาจาไพเราะน่าฟัง บอกว่านางเป็นบุตรีของเขาตลอดไปบ้าง เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวตลอดไปบ้าง!

แต่เผลอครู่เดียวก็ยกย่องเทิดทูนชีหยวนไว้สูงส่งเพียงนี้แล้ว!

หากว่ารักนางตามใจนางจริง แค่ให้ชีหยวนกลับมาเงียบๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่ตอนนี้เล่าเป็นอย่างไร? ตั้งใจเปิดศาลบรรพชนบันทึกชื่อเข้าวงศ์ตระกูล มิหนำซ้ำยังต้องการเชื้อเชิญญาติมิตรมาทำความรู้จักกันด้วย!

แบบนี้จะให้ตนเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? จงใจหักหน้าทำให้ตนเองเสื่อมเสียเกียรติยศชัดๆ!

ถ้อยคำนี้ทำคนไปต่อไม่ถูก อวิ๋นเยี่ยนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนแล้ว ทว่าเพียงเสี้ยวพริบตาผ้าม่านกั้นประตูกลับถูกเลิกขึ้นมา

ชีอวิ๋นถิงหอบรอยฝ่ามืออันหนึ่งบนใบหน้าเดินเข้ามา เห็นสีหน้าของชีจิ่นแล้วก็รู้สึกสงสารจนอดไม่ไหว รีบย่างเท้าเดินดุ่มๆ เข้าไปนั่งลงตรงหน้านาง “เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ? อยู่ดีๆ ไยเจ้าจึงร้องไห้ออกมาเช่นนี้?”

พวกเขาสองคนพี่น้องกินด้วยกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ความใกล้ชิดสนิทสนมมีมากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ

เห็นชีอวิ๋นถิงเข้ามา หยาดน้ำตาบนดวงหน้าของชีจิ่นยิ่งไหลพรากรุนแรงกว่าเก่า แต่ปากกลับบอกว่า “ท่านพี่มองผิดแล้ว ร้องไห้ที่ไหนกัน?”

“ยังจะพูดว่าไม่ได้ร้องไห้อีกหรือ?!” ชีอวิ๋นถิงร้อนรนกระวนกระวาย “เจ้าดูสิร้องไห้จนตาของเจ้าบวมเป่งแล้ว! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าบอกข้ามาตรงๆ เถิด!”

ชีจิ่นฝืนยิ้มเต็มประดา “ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เจ้าค่ะ”

อวิ๋นเยี่ยนกระแอมออกมาเสียงหนึ่ง “เพราะคุณหนูใหญ่ที่เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือเจ้าคะ…”

ใบหน้าของชีอวิ๋นถิงพลันฉายประกายโกรธเคืองขึ้นทันใด

ชีจิ่นรีบออกปากตำหนิอวิ๋นเยี่ยนทันที “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? เจ้านายกำลังคุยกัน มีที่ไหนให้เจ้าสอดปากเข้ามาแทรก?”

ชีอวิ๋นถิงเคยเห็นน้องหญิงเป็นทุกข์เช่นนี้มาก่อนที่ไหน? ไม่ต้องถามถึงสาเหตุอะไร ก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ข้าจะไปคิดบัญชีกับนาง!”

ชีจิ่นรีบดึงเขาไว้ หยาดน้ำตายิ่งไหลพรากๆ ลงมา “ท่านพี่ใหญ่! ยิ่งท่านกล่าววาจาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกอับอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว! คนผู้นั้นเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ที่แท้จริงของจวนโหว เป็นน้องสาวสายเลือดเดียวกับท่าน ส่วนข้าหรือ? ข้าก็เป็นแค่นกเขาที่มายึดรังนกกางเขนอาศัยเท่านั้น…”

เพียงเอ่ยคำว่านกเขายึดรังนกกางเขนออกมา ชีอวิ๋นถิงยิ่งโกรธจนแทบหมดสติให้ได้ “ใครมันพูดคำนี้ออกมา บอกข้ามา ข้าจะไปจัดการมัน!”

ชีจิ่นเงียบงันไม่เปล่งเสียง ฟุบหน้าลงบนโต๊ะร้องไห้ออกมาจนหัวไหล่สั่นเทิ้ม

อวิ๋นเยี่ยนทนไม่ไหวก็ร้องไห้น้ำตานองเช่นกัน “คุณชายใหญ่ หยุดถามเถิดเจ้าค่ะ! ใครบ้างไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่กลับมาได้วันเดียว ก็ไล่อวิ๋นเชวี่ยออกจากจวนไปแล้ว? แค่นี้สถานการณ์ของคุณหนูพวกข้าก็เข้าขั้นวิกฤติพอแล้ว หากล่วงเกินคุณหนูใหญ่ท่านนี้อีก วันข้างหน้าก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ…”

ชีอวิ๋นถิงรู้สึกเพียงว่าไฟโทสะระลอกหนึ่งปะทุขึ้นในใจ “น่าขำสิ้นดี! คุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ที่พวกข้าจวนโหวเลี้ยงดูมาหลายปี จะสู้นางเด็กสาวบ้านนอกคนนั้นไม่ได้หรือ?! ข้าไม่สนว่าจะใช่สายเลือดเดียวกันหรือไม่อะไรนั่นหรอก ข้าชีอวิ๋นถิงมีอาจิ่นเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว! มันผู้ใดกล้าทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจ ข้าจะสังหารมันผู้นั้น!”

เขากล่าวพลาง กระชากม่านกั้นประตูทิ้งและเดินออกไป ยืนใต้ชายคาและจ้องมองพวกบ่าวรับใช้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “พวกเจ้าทุกคนจงจับตาดูให้ดี! หากมีพวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนใด กล้าทำให้คุณหนูรองเดือดร้อน ข้าไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่!”

ชีอวิ๋นถิงเป็นคุณชายใหญ่ และเป็นบุตรชายคนโตสายเลือดหลักของจวน และเป็นผู้สืบทอดจวนโหวคนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ตำแหน่งภายในจวนของเขาแม้ไม่อธิบายก็เข้าใจได้ทันที มีเขาออกตัวรับรองและหนุนหลังอยู่เช่นนี้แล้ว ไม่นานบ่าวรับใช้ทั้งจวนโหวต่างรับรู้กันโดยทั่ว คุณชายใหญ่ไม่สนใจน้องสาวที่แท้จริงของตนเองแม้แต่น้อย ทว่าคนที่เขาให้ความสำคัญที่สุดยังคงเป็นคุณหนูรองผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน

เป้าหมายของชีจิ่นบรรลุผลแล้ว นางจ้องมองบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าบนพื้นด้านนอกผ่านผ้าม่านกั้นบางๆ และกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น

ต่อให้จะกลับมาจากบ้านนอกสำเร็จแล้วจะเป็นอย่างไร?

จวนโหวไม่ได้มีแค่ชีเจิ้นคนเดียว

การเรียนรู้การเอาตัวรอดในเรือนหลังก็ไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

นางมีชีอวิ๋นถิงและนางหวังคอยหนุนหลัง มีเส้นสายมีข่ายความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นมาสิบกว่าปี

ตราบเท่าที่นางคิดลงมือ นางมีวิธีมากมายที่พร้อมทำให้ชีหยวนไร้ที่ยืนในเรือนนี้ได้เสมอ!

ศาลบรรพชน

รับบรรพบุรุษ หวนคืนสู่ตระกูล?

เช่นนั้นก็จับตาดูให้ดี ดูสิ ว่าชีหยวนนางจะมีวาสนาอยู่ได้ถึงวันนั้นหรือเปล่า!

ชีอวิ๋นถิงเมื่อเตือนบ่าวรับใช้เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะกลับเข้าไปยืนยันกับชีจิ่นอีกครั้ง “อาจิ่น เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่มีข้าอยู่ ในจวนแห่งนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามข่มเหงย่ำยีเจ้า!”

ตอนที่แม่นมจางได้ยินเรื่องราวนี้ เป็นตอนที่นางกำลังช่วยชีหยวนจัดห้อง

โชคดีที่ในหอหมิงเยว่นี้มีข้าวของพร้อมพรัก นางคิดจะพักหายใจอยู่พอดี จนกระทั่งได้ยินถ้อยคำจากบุตรสาวของตนเองที่นำมาเล่าให้ฟังแล้ว ฉับพลันทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดดับไปเสียแล้ว

 

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 14

    บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า! และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่ เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้ แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยา

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 15

    ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก? ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่ นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 16

    ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้วแม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู] เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่นี่ก็คือชีจิ่นจิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใดนางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ] เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 17

    ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเองจู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมานางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”นางหวังถูกถามเสียแล้วความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้วแต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีกกลับลืมเรื่องนี้ไปเลยต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนักส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้นนางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ เวล

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 20

    ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวังเดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดีเมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้วเวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้นชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 21

    ชีหยวนหมดความอดทน “ไม่จำเป็น! ข้าว่าเหลียนเฉียวก็เก่งไม่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าก็ไม่ได้สนใจ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!”แม่นมจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ นางเพียงเป็นสาวใช้จอมสะเพร่า แม้แต่จะเกล้าผมก็ยังทำไม่เป็น คุณหนูจะยกยอนางเช่นนี้ได้อย่างไร?”ในขณะนั้นเอง นางก็รู้ทันทีว่าชีหยวนต้องการมีคนเชื่อใจอยู่ข้างกาย จึงคิดที่จะดึงเหลียนเฉียวมาเป็นคนของตน นางอดที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจไม่ได้ ชีหยวนช่างน่าขันนัก นางคิดว่ากลเม็ดของตนนั้นเหนือชั้นนักหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก การที่นางยกยอเหลียนเฉียวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้บ่าวคนอื่น ๆ ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และพวกเขายิ่งไม่มีทางจงรักภักดีต่อนางคนบ้านนอกยังไงก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยันค่ำ แม้ภายนอกจะแลดูเหมือนว่าเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วด้านในกลับกลวงโบ๋ นางเป็นเพียงคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น จะเทียบคุณหนูรองได้อย่างไร?คุณหนูรองแค่เป็นลมไปครั้งเดียว ฮูหยินก็ลืมบุตรีแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาคนนี้เสียสนิท จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งให้ผู้ใดมาดูแลยังจะต้องพูดว่าใครสำคัญกว่าใครอีกหรือเดิมทีท

    Last Updated : 2024-11-19

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 100

    ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เกาเจียก็รีบเร่งฝีเท้าเข้ามาปลอบประโลมนางหวัง “ฮูหยิน ไฟด้านหน้าถูกดับลงหมดแล้วเจ้าค่ะ ยามนี้ไม่มีปัญหาใดแล้วเจ้าค่ะ!”ขอบคุณฟ้าดิน!นางหวังพนมมือขึ้นท่องชื่อองค์พระอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เชิญองค์หญิงใหญ่ให้ไปชมการแสดงงิ้วที่เรือนด้านหน้าองค์หญิงใหญ่มองชีหยวนอย่างอบอุ่น พลางตบหัวของชีหยวนเบาๆ “ช่างเถอะ ข้ามิได้ฟังงิ้วมานานหลายสิบปีแล้ว ยามนี้ ไม่มีความสนใจต่อสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว เมื่อมาเยือนและได้พบกับสาวน้อยผู้นี้แล้ว ก็ให้จบเพียงเท่านี้เถิดนี่หมายความว่าจะจากไปแล้วลู่ฮูหยินเม้มปาก รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ช่างให้เกียรติยัยเด็กนี่เหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าที่แท้เด็กผู้นี้มีสิ่งใดพิเศษกันแน่หานเยว่เอ๋อร์กลับขมวดคิ้วเบาๆเพลิงไหม้ในครั้งนี้รุนแรงถึงเพียงนี้ องค์หญิงใหญ่กลับไม่ทรงรู้สึกว่า นี่เป็นความอัปมงคลที่ชีหยวนนำพามาเลยหรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ภรรยาของหลิวจงก็กลับมาจากด้านนอกอีกครั้ง นางกล่าวกับนางหวังเบาๆ ว่า “ฮูหยิน ท่านโหวให้เชิญคุณหนูใหญ่และคุณหนูหานไปทางนั้นสักรอบเจ้าค่ะ”อะไรนะ?นางหวังตกตะลึง มองไปที่หานเยว่เอ๋อร์อย่างไม่คาดคิดอยู่บ้าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 99

    ไฟที่ไหม้อยู่ในศาลบรรพบุรุษ ทำให้แขกในเรือนส่วนหน้ากว่าครึ่งแสดงความเจตจำนงที่จะไปช่วยไปดับไฟเพราะไม่ว่าอย่างไร เมื่อมาเป็นแขกที่จวนของผู้อื่นแล้วพบเรื่องแบบนี้เข้า จะเอาแต่นั่งเป็นห่วงโดยไม่ทำสิ่งใด ก็ออกจะไม่เหมาะนักทว่า ท่านโหวผู้เฒ่ากับชีเจิ้น จะให้แขกเหรื่อทั้งหลายไปได้อย่างไร?ต่างพากันรีบหยุดพวกเขาไว้ บอกว่าคนจากกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวนล้วนมากันแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถดับไฟได้แล้วและในความเป็นจริง สิ่งที่ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นพูดก็ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวน ก็ร่วมมือกันดับไฟลงได้จริงๆทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้น ล้วนพากันถอนใจอย่างโล่งอกโดยเฉพาะท่านผู้เฒ่าที่ถามออกมาทันทีว่า สถานการณ์เป็นเช่นใดแล้ว? ป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษไม่เป็นไรกระมัง?”หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา นั่นก็จะเป็นเรื่องชวนให้หดหู่อย่างแท้จริงชีเจิ้นรีบเชิญผู้บัญชาการของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครเข้ามา ผลคือ ทันทีที่ใต้เท้าหยวนเข้ามาก็กล่าวว่า “ท่านโหวเพลิงไหม้ของพวกในครั้งนี้ มิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ”......หมายความว่าอย่างใดก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 98

    แขกคนอื่นๆ ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา คนละคำสองคำเช่นกัน“นั่นสิ กลับมาหาครอบครัว พิธีรับญาติยังไม่ทันเสร็จ ศาลบรรพบุรุษก็ไหม้ขึ้นมาแล้ว คุณหนูใหญ่ผู้นี้ คงมิใช่สิ่งอัปมงคลอะไรหรอกนะ?”“หรืออาจไปโดนของสกปรกอะไรเข้าก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้น จะบังเอิญถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ล้วนเข้าไปถึงหูของนางหวังนางหวังโมโหจนปวดท้อง จึงหันไปถลึงตาใส่ชีหยวนอย่างไม่ปรานีผู้คนต่างกังวลใจ และมีความคิดเห็นมากมาย เวลานี้ สายตาที่สตรีบางคนในกลุ่มนี้มองชีหยวน เริ่มไม่ปกติขึ้นมาแล้วสายตาขององค์หญิงใหญ่ทอดลงบนตัวชีหยวน เมื่อเห็นนางสงบมั่นคง มิได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ก็อดชื่นชมอยู่ในใจก่อนมิได้เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง การที่อายุเท่านี้ก็มีความสุขุมใจเย็นเช่นนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งนางมองไปยังสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ถามนางเบาๆ ว่า “เจ้าไม่กลัวหรือ?”ชีหยวนเงยหน้าขึ้นมามองนางแล้วยิ้มออกมา ในตอนที่นางยิ้มออกมานั้น ดวงตาของนางสุกสกาวราวกับดวงดาว จากนั้น นางก็กะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “เมื่อไม่ได้ทำผิดอันใด ย่อมมิกลัวผีร้ายมาเคาะประตู หม่อมฉันไม่กลัวดอกเพคะ”แม่นมเจียงและอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 97

    เหลียนเอ๋อร์ที่เห็นว่าเปลือกหอยมุกที่ประดับอยู่บนหน้าผากของนางเบี้ยว ก็รีบยื่นมือไปจัดให้นาง และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะตามไปด้วยว่า “คุณหนูท่านก็ช่างจริงๆ เลย คนเขาน่าเวทนาถึงเพียงนั้นแล้ว ท่านยังชมเรื่องสนุกอยู่อีก”หานเยว่เอ๋อร์เลิกคิ้ว “ข้าย่อมได้แต่ชมดูเรื่องสนุกอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นยังจะทำสิ่งใดได้? ในศาลบรรพบุรุษของตระกูลชี ยังมีเหล่าวีรชนที่ร่วมปราบพวกชาวหว่าล่า [1] กับองค์ฮ่องเต้เกาจู่อยู่ด้วย เหอะๆ ไฟกองนี้เมื่อไหม้ขึ้นมา…”ตัวชีอวิ๋นถิงในยามนี้กำลังเหงื่อออกเต็มศีรษะ เขาเพียงขยับบั้นท้ายของตนเล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยความเจ็บปวดสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติยกน้ำมาเพื่อใส่ยาให้เขาอย่างระมัดระวัง แต่กลับถูกเขายื่นมือไปปัดอ่างจนพลิกคว่ำ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป!”ตอนนี้อารมณ์ของเขาแปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดังนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ายั่วยุเขา สาวใช้จึงรีบเก็บอ่างน้ำแล้วถอยออกไปทันทีชีอวิ๋นถิงสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ยืนกรานที่จะลงจากเตียงและเขยื้อนกายไปริมหน้าต่าง เมื่อเห็นทางทิศของศาลบรรพบุรุษมีกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นมา เวียนวนดำมืดอยู่กลางอากาศ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 96

    เดิมคิดว่านางได้ตัดขาดจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา [1] ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกียวิสัยแล้วแต่นี่มิใช่ ยังเลี้ยงบุตรสาวไว้อีกคนหนึ่งหรือ?!ชีหยวนไม่รู้ถึงอารมณ์ในตอนนี้ของลู่ฮูหยิน แต่ต่อให้รู้ นางก็ไม่มีทางสนใจนักเมื่อเห็นแม่นมเจียงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ ก็บังเกิดความรู้สึกแสบจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมา ทำให้นางเกือบอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วนางคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์หญิงใหญ่ ทำการคารวะอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสีหน้าขององค์หญิงใหญ่อ่อนโยนลง พยักหน้าพลางประคองนางขึ้นมา “เดิมยังคิดว่าเจ้าเป็นเพียงเด็กสาวชาวชนบทในหมู่บ้านคนหนึ่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่า เจ้าจะยังมีโชคชะตาเช่นนี้”แม่นมเจียงที่ยืนอยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและเมตตาว่า “แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กสาวที่มีวาสนาเพคะ”นางหวังเกร็งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดอยู่บ้างยังคงเป็นฮูหยินรองแห่งตระกูลผู้ที่อยู่ด้านข้าง ที่รีบรับคำว่า “แม้นางจะเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ทว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกหรือระเบียบมารยาทก็ล้วนไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย พวกเราก็มารู้ในภายหลังเช่นกันว่า นางถึงกับได้รับการแนะนำสั่งสอนจากท่านแม่นมเจียง”แม่นมเจียงอมยิ้ม “ไม่นั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 95

    ตอนนี้ สายตาที่เกาเจียมองชีหยวนล้วนแฝงไปด้วยความนับถือหลายส่วนนี่เป็นเรื่องที่ใครก็คาดไม่ถึงจริงๆ!เป็นความจริงที่ชีหยวนพูดมาตลอดว่า ตนได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องมารยาทจากแม่นมเจียง และยังรู้จักกับองค์หญิงใหญ่ด้วยทว่าในความเป็นจริงนั้น ก็ไม่มีผู้ใดถือเป็นจริงนักก่อนหน้านี้ ที่ลู่ฮูหยินประชดประชันถากถางอยู่ที่เรือนหน้า ก็เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้และต่อให้สอนสิ่งใดให้ชีหยวนจริง นั่นก็คงเป็นเพราะอยู่ว่างจนเบื่อ ดังนั้นจึงให้คำแนะนำอย่างผิวเผินสองสามประโยค จะไปสั่งสอนชีหยวนจริงๆ ได้อย่างไรแล้วจะใส่ใจต่อชีหยวนจริงๆ ได้อย่างไร?ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงจากเขา เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงรับญาติที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรด้วยซ้ำด้วย!ในตอนที่เทียบเชิญฉบับนั้นถูกส่งออกไป แม้แต่ชีเจิ้นก็มิได้จริงจังกับมัน!ผู้ใดจะรู้ว่า คนเขาจะมาแล้วจริงๆ!ไม่เพียงสายตาที่เกาเจียมองชีหยวนเปลี่ยนไปในความเป็นจริง ในตอนที่ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึง แม้แต่ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นที่กำลังต้อนรับแขกอยู่เรือนฝ่ายหน้าก็สบตากัน ต่างไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นที่อยู่ภายในใจสีหน้าของบรรดาแขกเหรื่อ ก็เต็มไปด้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 94

    แต่เมื่อได้ยินว่า แม้แต่การนอนก็ไม่อาจนอนดีๆ ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกตี นางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ใต้หล้าถึงกับมีพ่อแม่ที่ไม่เห็นลูกเป็นมนุษย์เช่นนี้! พวกเขาไม่คู่ควรจะเป็นคนจริงๆ!”ชีหยวนทำเพียงยิ้มเท่านั้น เพราะนางเห็นเหลียนเฉียวที่มีสีหน้าร้อนใจ กำลังชะโงกหัวผลุบโผล่เข้ามาจากนอกศาลาพอดีหัวใจของนางกระตุก เพราะเหลียนเฉียวไปสืบข่าวมา จึงหาข้ออ้างว่าจะไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบออกจากศาลา แล้วถามเหลียนเฉียวว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”กล่าวจบก็เดินไปที่ทางเดินเส้นเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง เช่นนี้คนในศาลาก็จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนางพูด และสามารถมองเห็นได้เมื่อมีคนมาด้วยเหลียนเฉียวตื่นตระหนกจนน้ำเสียงสั่นสะท้านเล็กน้อย “คุณหนู คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เขาส่งชิงซงไป…”เมื่อเห็นเหลียนเฉียวตกใจจนใบหน้าซีดขาว สีหน้าของชีหยวนก็เคร่งขรึมลงเช่นกันนางยื่นมือไปกดหัวไหล่ของเหลียนเฉียวเบาๆ “เจ้าค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน”ไม่ง่ายเลย กว่าเหลียนเฉียวจะควบคุมอาการสั่นสะท้านของตนได้ นางเม้มริมฝีปากกระซิบว่า “คุณหนู คุณชายใหญ่เขาให้ชิงซงไปวางเพลิงศาลบรรพบุรุษเจ้าค่ะ!”เผาศาลบรรพบุรุษ?ในใจของชีหยวนเกิดความตกใจขึ้นมา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 93

    องค์หญิงใหญ่มีสถานะสูงส่ง เป็นพระเชษฐภคินีแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทุกคนต่างรู้ดีว่า ทุกปีฮ่องเต้จะต้องเสด็จไปที่วัด มีอยู่ปีหนึ่งก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ยิ่งเสด็จขึ้นเขาไปเชิญองค์หญิงใหญ่กลับวังเพื่อไปอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าด้วยพระองค์เองแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น องค์หญิงใหญ่ก็มิได้ทรงรับปากบุคคลที่ขนาดฮ่องเต้ก็เชิญไม่ได้ แต่บุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายนอกของตระกูลชีนับสิบปีกลับเชิญมาได้ แล้วผู้ใดจะเชื่อกัน?ดังนั้น นางย่อมต้องมาชมดูความครึกครื้นอย่างแน่นอนบัดนี้เมื่อได้พบชีหยวน นางยิ่งเลิกคิ้วถามชีหยวนอย่างไม่เกรงใจว่า “ก็อยากถามคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลชีว่า เจ้าขึ้นเขาไปอย่างไร และได้พบองค์หญิงได้อย่างไรกัน? เหตุใดพวกเราจึงไม่มีชะตาวาสนาเช่นนี้บ้าง”สตรีในครอบครัวของขุนนางราชสำนักที่คิดจะไปเสี่ยงโชคดูมีน้อยหรือ?แม้นยอดเขาป๋ายอวิ๋นซานจะไม่อนุญาตให้ขึ้น และอารามที่องค์หญิงใหญ่ทรงประทับอยู่ก็เข้าไปไม่ได้ ทว่าวัดวาอารามที่อยู่รายรอบนั้น ก็แทบจะฮูหยินผู้สูงศักดิ์เหล่านี้เหยียบย่ำจนทุกหนแห่งแล้วนั่นก็เพราะพวกนางอยากลองดูว่า จะหาทางเข้าหาองค์หญิงใหญ่ได้หรือไม่ความเป็นศัตรูของลู่ฮูหยินเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 92

    เหลียนเฉียวรีบรับคำทันทีชีหยวนปฏิบัติต่อข้ารับใช้แตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นตั้งแต่บนลงล่างล้วนเชื่อฟังนางโดยเฉพาะเหลียนเฉียวที่ถือกำเนิดจากบ่าวรับใช้ในตระกูล ยามสืบข่าวในจวน ก็ไม่มีผู้ใดหัวไวกว่านางแล้วแม่นมเสิ่นปรนนิบัติรับใช้ชีหยวนด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินทางไปที่เรือนของนางหวังขณะนี้ นางหวังเริ่มรู้สึกประหม่ากังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นหนนี้ นางจึงมีความอดทนเพิ่มเป็นพิเศษหลายส่วน นางมองชีหยวนพลางกำชับว่า “อีกครู่เมื่อแขกเหรื่อมาถึงแล้ว ข้าจะต้อนรับแขกสตรีพวกนั้น ส่วนบรรดาพี่น้องสตรีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า ก็ต้องให้เจ้าเป็นผู้พาไปเที่ยวเล่นในสวนดอกไม้แล้ว เข้าใจหรือไม่?”ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงรับญาติ ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่มีไมตรีต่อกันดังนั้น ย่อมไม่อาจนั่งเฉย ชมพิธีรับญาติอย่างไร้รสชาติแน่นอนว่าต้องมีการดูงิ้ว รับประทานอาหาร จึงจะถือเป็นท่าทางของการเชิญแขกมางานรับญาติแม้นางหวังจะมิพึงใจในตัวชีหยวน แต่ก็เกรงว่าเรื่องนี้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันใดขึ้นมาอีก ถึงเวลานั้น ก็ยากจะอธิบายต่อทางชีเจิ้น ท่านโหวผู้เฒ่า และฮูหยินผู้เฒ่าแล้วชีหยวนก็มิได้ขัดนางหวัง ครั้งนี้ นางรับปาก

DMCA.com Protection Status