Share

บทที่ 17

Author: ฉินอันอัน
ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเอง

จู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”

นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมา

นางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”

นางหวังถูกถามเสียแล้ว

ความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้ว

แต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีก

กลับลืมเรื่องนี้ไปเลย

ต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนัก

ส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้น

นางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ

เวลานี้ชีหยวนเอ่ยขึ้นมาอย่างง่ายดายขนาดนี้ นางถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

ขณะเดียวกันความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ก็จริง แค่อาจิ่นได้ยินก็หวาดกลัวจนเป็นแบบนี้แล้ว เช่นนั้นชีหยวน...

นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “อาหยวน ข้าไม่รู้...”

ใช่สิ ไม่รู้

และก็ไม่มีใครอยากจะรู้ด้วย

หากนางไม่ฆ่าแม่นมฮวา และฟ้องศาลจนดึงดูดความสนใจจากเสนาบดีหลู แม้แต่ประตูของตระกูลนี้นางคงไม่มีคุณสมบัติจะก้าวเข้ามาได้ด้วยซ้ำ

ความจริงชีหยวนไม่รู้สึกเสียใจเลย อาจเป็นเพราะชาติก่อนถูกทำร้ายมาหลายครั้งเกินไป จนชินชาไปตั้งนานแล้ว

ในเวลานี้ ชีจิ่นรีบลุกขึ้นมาจากเตียงยาวของนางหวังอย่างลุกลี้ลุกลน ร้องไห้พลางจับมือของชีหยวน และคุกเข่ากับพื้น “พี่หญิง ท่านอย่าโทษท่านแม่เลย ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ!”

นางร้องไห้เสียงต่ำ ราวกับน้อยใจจนถึงขีดสุดแล้ว “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง เป็นข้าที่เอ่ยเรื่องนี้และทำให้ท่านเสียใจ พี่หญิงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแบบนั้น ความทุกข์ของพี่หญิงล้วนรับแทนข้า”

เดิมทีความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เพิ่งเกิดขึ้นของนางหวัง พลันมลายหายไปจนหมดสิ้นในทันที

นางลุกขึ้นยืน และออกคำสั่งด้วยเสียงที่เคร่งขรึมทั้งซ้ายขวา “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูรองให้ลุกขึ้นอีก!”

จากนั้นก็มองชีหยวนอย่างเย็นชา และกำลังจะตำหนิ

ทันใดนั้นผ้าม่านกลับถูกเปิดออก ชีอวิ๋นถิงถือกล่องเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นชีจิ่นคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชีหยวน ก็สาวเท้าเข้ามาทันที

เขาหิ้วชีจิ่นให้ลุกขึ้นยืนด้วยมือข้างเดียว และดึงมาไว้ด้านหลังของตนเอง พลางมองชีหยวนอย่างดุร้าย “เจ้าต้องการจะทำอะไร?! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงตาเจ้ามาสั่งสอนอาจิ่นในจวนนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

นิ้วมือของเขาแทบจะจิ้มไปบนใบหน้าของชีหยวนอยู่แล้ว

ชีจิ่นด้านหนึ่งยิ้มหยันในใจ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ดึงแขนเสื้อของชีอวิ๋นถิงอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำให้พี่หญิงเสียใจเพราะข้าเลย...”

ชีหยวนรู้สึกเอือมระอาอย่างมากในใจ

ชีอวิ๋นถิงกลับโกรธมากจนเป็นบ้า คว้ามือของชีหยวนไว้แน่น และถึงกับเงื้อมฝ่ามือขึ้นมา คิดอยากจะตบนาง

เมื่อเห็นชีอวิ๋นถิงยกมือ นางหวังก็ตกใจ และรีบห้าม “อวิ๋นถิง!”

ชีอวิ๋นถิงฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก หากฝ่ามือนี้ตบลงไป นั่นคงไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นแล้ว ไม่แน่ว่าหูของชีหยวนอาจจะหนวกเลยก็ได้

แม้นางหวังจะไม่ค่อยชอบบุตรสาวที่นิสัยเย็นชาคนนี้ แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาขึ้นมา

ชีจิ่นดูเหมือนอยากจะไปดึงเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ลงมือเลย

มาไม้นี้อีกแล้ว ชีหยวนหลบไปด้านข้างด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ขณะเดียวกันก็ดึงแขนของชีอวิ๋นถิงไว้ด้วยมือข้างเดียว และผลักไปด้านหน้าอย่างแรง

ชีอวิ๋นถิงสูญเสียการทรงัว และพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างแรง กระแทกฉากกั้นจนล้มลงไปเสียงดังปัง จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นไปพร้อมกับฉากกั้น

นางหวังชื่นชอบความหรูหรา ฉากกั้นที่ตั้งอยู่ภายในห้องนางยังคงเป็นสินเดิมของนางด้วย ฐานทำจากไม้จื่อถานที่หายาก แกะสลักเป็นลวดลายแปดเซียนข้ามทะเล และฝังด้วยกระจกบานใหญ่

เวลานี้ฉากกั้นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ ชีอวิ๋นถิงที่ล้มลงกับพื้นพร้อมฉากกั้นก็โดนเศษกระจกที่กระเด็นบาดจนเป็นแผลเล็ก ๆ หลายจุดทั้งบนใบหน้าและบนมือ

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมด

ด้วยทักษะของชีอวิ๋นถิง พวกนางต่างก็คิดว่าชีหยวนคงจะต้องเจอความลำบากไม่น้อย

ใครจะรู้ว่าคุณชายใหญ่ไม่ได้ทำร้ายใคร ตรงกับข้ามกลับทำตนเองล้มลงไปอย่างน่าอนาจเช่นนี้เสียเอง

ชีจิ่นตะโกนร้องเสียงแหลมยิ่งขึ้น “ท่านพี่เจ้าคะ!”

นี่จึงทำให้เหล่าคนใช้ได้สติกลับมา และพยุงชีอวิ๋นถิงให้ลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

นางหวังสาวเท้าไปไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างกายชีอวิ๋นถิงแล้ว นางสำรวจตั้งแต่บนลงล่าง ก็สงสารจนทนไม่ไหว “รีบไปตามหมอหลวงเข้ามาเร็วเข้า!”

บนมือของชีอวิ๋นถิงมีเศษกระจกที่ยังไม่ได้ถูกดึงออกมาด้วย

เวลานี้บนใบหน้าและลำคอของเขาล้วนเต็มไปด้วยรอยเลือด ดูน่ากลัวยิ่งนัก

นางหวังตกใจจนอกสั่นขวัญหายไปหมด

ชีจิ่นยิ่งทนไม่ไหวจนร้องให้ออกมา “พี่หญิง ทำไมท่านถึงปล่อยให้ท่านพี่ล้มลงไปได้เล่าเจ้าคะ?”

ในห้องวุ่นวายเหมือนอยู่ในสงคราม จนแม้แต่ตอนที่ชีเจิ้นเข้ามาก็ยังตกใจ

เขาเหลือบมองชีจิ่นที่ร้องไห้อย่างร้อนรน แถมยังมีชีอวิ๋นถิงที่กลายเป็นมนุษย์เลือดไปเสียแล้วอีก

จากนั้นค่อยมองไปชีหยวนที่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองและยืนอยู่ด้านข้าง

ทันใดนั้นก็ปวดศีรษะจนขมวดคิ้ว “นี่โวยวายอะไรกันหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ชีจิ่นพุ่งเข้าใส่ชีเจิ้น “ท่านพ่อ! พี่หญิงทะเลาะกับพี่ใหญ่ และทำร้ายจนพี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนักเจ้าค่ะ!”

มีเศษกระจกอยู่เต็มพื้น ชีเจิ้นรีบรับนางไว้ และหันไปมองทางชีหยวน

ชีหยวนรู้สึกถึงสายตาของชีเจิ้น ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ “น้องรอง เหตุใดเจ้าถึงโกหกตาใสเช่นนี้เล่า?”

นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้หาเรื่องเขา แต่เขากลับคิดจะตบข้า ข้าไม่อยากโดนตบจึงหลบก็แค่นั้นเอง เหตุใดปากของเจ้าถึงพูดเหมือนกับว่า ผู้หญิงบอบบางอ่อนแอไร้เรียวแรงอย่างข้าคนนี้เป็นคนทำร้ายเขาอย่างนั้นเล่า?”

น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีนัก และเอ่ยเสียงขรึม “ข้าแค่เพิ่งกลับมาบ้าน ต่อให้พวกเจ้าไม่ชอบข้า ก็ไม่ควรใส่ร้ายข้าแบบนี้กระมัง?”

ชีจิ่นตกใจจริง ๆ นางคิดไม่ถึงเลยว่าชีหยวนจะเป็นคนที่ยากจะรับมือแบบนี้!

ชีเจิ้นกลับรู้นิสัยของบุตรชายตนเองดี

เดิมทีเขาก็ไม่ชอบชีหยวน แถมยังเป็นคนอารมณ์ร้อนอีก เมื่อครู่นี้คงตั้งใจที่จะหาเรื่องชีหยวนอย่างแน่นอน

แต่ชีหยวนหลบหลีกได้ จึงไม่อาจพูดได้ว่าเป็นความผิดของชีหยวน

คงไม่อาจยืนอยู่ที่เดิมรอให้ถูกตีหรอกกระมัง?

เขาสีหน้าถมึงทึงและตำหนิชีอวิ๋นถิง “คำพูดของข้า เจ้าไม่เก็บมาใส่ใจสักนิดเลยใช่หรือไม่?!”

นางหวังเหลือบมองชีหยวนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน และส่งสัญญาณให้ชีหยวนเอ่ยออกมาเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์

ทั้งครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งจนคล้ายกับเป็นศัตรูกันเช่นนี้ ใช้ได้เสียที่ไหน?

ชีหยวนแค่ทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น

นางไม่ได้โง่เขลาขนาดที่จะไปเอาอกเอาใจคนที่ไม่สนใจตนเอง

ชีอวิ๋นถิงน้อยใจจนอยากจะตาย “ท่านพ่อ นางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงที่ใดกัน? ตอนที่นางดึงข้า แรงเยอะมากเลยนะขอรับ!”

เขาถูกชีหยวนดึงจนล้มลงไปต่างหากเล่า!

“หุบปาก!” ชีเจิ้นอึดอัดใจ “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
สะใจ แรงมาก็แรงไปจ้า
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 20

    ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวังเดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดีเมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้วเวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้นชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 21

    ชีหยวนหมดความอดทน “ไม่จำเป็น! ข้าว่าเหลียนเฉียวก็เก่งไม่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าก็ไม่ได้สนใจ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!”แม่นมจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ นางเพียงเป็นสาวใช้จอมสะเพร่า แม้แต่จะเกล้าผมก็ยังทำไม่เป็น คุณหนูจะยกยอนางเช่นนี้ได้อย่างไร?”ในขณะนั้นเอง นางก็รู้ทันทีว่าชีหยวนต้องการมีคนเชื่อใจอยู่ข้างกาย จึงคิดที่จะดึงเหลียนเฉียวมาเป็นคนของตน นางอดที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจไม่ได้ ชีหยวนช่างน่าขันนัก นางคิดว่ากลเม็ดของตนนั้นเหนือชั้นนักหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก การที่นางยกยอเหลียนเฉียวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้บ่าวคนอื่น ๆ ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และพวกเขายิ่งไม่มีทางจงรักภักดีต่อนางคนบ้านนอกยังไงก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยันค่ำ แม้ภายนอกจะแลดูเหมือนว่าเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วด้านในกลับกลวงโบ๋ นางเป็นเพียงคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น จะเทียบคุณหนูรองได้อย่างไร?คุณหนูรองแค่เป็นลมไปครั้งเดียว ฮูหยินก็ลืมบุตรีแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาคนนี้เสียสนิท จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งให้ผู้ใดมาดูแลยังจะต้องพูดว่าใครสำคัญกว่าใครอีกหรือเดิมทีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 22

    ผูเถาดีใจกระโดดตัวลอย แม่นมจางส่ายหน้ามองนางยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของชีอวิ๋นถิงตอนนั้นชีจิ่นเป็นลมหมดสติไป ชีอวิ๋นถิงจึงให้บ่าวรับใช้ช่วยกันพาตัวชีจิ่นกลับไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพบุรุษต่อได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวเข่าของเขายังคงเจ็บหนักเขารู้สึกเกลียดชีหยวนเข้าไส้ทำไมจวนเราต้องรับนางกลับมาด้วยนะ?!ถึงจะรู้ว่านางเป็นบุตรีแท้ ๆ แต่แค่หาจวนหลังเล็ก ๆ ให้นางอยู่ก็ได้ไม่ใช่หรือ?ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้นางแต่งงานกับใครสักคน แล้วย้ายออกไปก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องนำตัวผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นกลับมาด้วย!เมื่อได้ยินว่าแม่นมจางมาถึงแล้ว เขาจึงโบกมือไล่บ่าวรับใช้ที่กำลังทายาให้เขาออกไปจากห้อง ก่อนจะถามแม่นมจาง “เป็นอย่างไร?”แม่นมจางรีบคุกเข่าลงพร้อมกับรายงาน “คุณชายใหญ่ เรือนของคุณหนูใหญ่สะอาดเรียบร้อยดี นอกจากของที่จวนเราส่งไปให้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วเจ้าค่ะ”ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะ “เป็นแค่บุตรสาวของคนเชือดหมูจะมีอะไรได้ล่ะ? ทำมาเป็นพูดว่านางได้รับการสั่งสอนจากผู้สูงศักดิ์ ถุย!“ผู้สูงศักดิ์ที่ไหนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงได้มาทำดีต่อนางขนาดนี้ อีกทั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 23

    จวนหย่งผิงโหวเริ่มเตรียมงานเลี้ยงอย่างครึกครื้น โดยแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงานคนแรกก็คือครอบครัวของท่านเสนาบดีหลู ผู้บังคับบัญชาของชีเจิ้นเมื่อมีงานเลี้ยง ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่คนจากตระกูลเกายกหีบผ้าไหมมายังห้องของนางหวัง พลางเปิดให้นางได้เชยชม “ฮูหยินเจ้าคะ ผ้าของปีนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เนื้อผ้าละเอียดกว่าทุกปีที่ผ่านมาเลยนะเจ้าคะ”นางหวังเหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้า “ผ้าสีเหลืองทองผืนนั้นเก็บไว้ทำชุดใหม่ให้แม่สามีข้า ส่วนที่เหลือนำไปให้คุณหนูใหญ่เถิด นางเพิ่งกลับมา เสื้อผ้าที่ใส่อยู่คงใช้ไม่ได้แล้ว”ที่จริงแล้ว ตอนแรกนางหวังไม่ได้คิดจะทำชุดใหม่ให้ชีหยวนเลย เป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามต่างหากที่แอบเปรยเรื่องนี้ขึ้น แม้แต่ชีเจิ้นที่ปกติจะไม่ยุ่งเรื่องภายในจวน ยังเข้ามาพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา “หาเวลาทำชุดใหม่ให้อาหยวนสักสองสามชุดเถิด ชุดที่นางใส่ดูไม่งามเลย อย่าละเลยนางนักสิ”เมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น นางหวังก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจนักก่อนที่ชีหยวนจะกลับมา ชีเจิ้นเคยพูดแบบนี้กับนางที่ไหนกัน?พูดราวกับว่านางใจร้ายกับลูกแท้ ๆ ของตัวเองอย่างนั้นแหละจริง ๆ เลย...นา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 24

    ชีหยวนยังคงก้มหน้าอย่างเจียมตัว ไม่แสดงอาการว่าได้ยินหรือไม่นางหวังส่งสายตาจิกกัดใส่ชีอวิ๋นถิงแต่ชีอวิ๋นถิงกลับลุกพรวดขึ้นมา และกระแทกตัวชีหยวนอย่างโกรธเกรี้ยว “ถอยไปไกล ๆ ข้าหงุดหวิดที่เห็นหน้าเจ้า!”ลูกไม่รักดี!นางหวังรู้สึกเลือดลมเดือดพล่านภายในร่างกายทุกสิ่งที่นางพร่ำสอนตั้งมากมายกลับไร้ความหมาย!ชีเจิ้นตีเขาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่หลาบจำเลยสักนิด!ทว่าเพราะนางไม่อยากจะดุด่าลูกชายต่อหน้าชีหยวน นางจึงทำได้เพียงแสร้งไม่ได้ยินจนกระทั่งชีอวิ๋นถิงเดินออกไปอย่างหงุดหงิด นางถึงได้หันมามองชีหยวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เขายังเด็ก มักจะพูดจาโดยไม่ทันคิด เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย”ชีหยวนรู้สึกขำอยู่ในใจ นางเอ่ยถามเบา ๆ “เขาไม่ใช่พี่คนโตของจวนหรือเจ้าคะ”นางหวังถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ชีหยวนช่างดื้อรั้นเสียจริง!เป็นเด็กสาวต้องเรียนรู้ที่จะอ่อนน้อม ต้องรู้จักก้มหน้าโอนอ่อน จึงจะทำให้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดูแต่ชีหยวนน่ะหรือ? นางเป็นเหมือนก้อนหินในห้องส้วม ทั้งเหม็นและแข็งกระด้าง!นางหวังจึงจำเป็นต้องตำหนิชีหยวน “เจ้ารู้ว่าเขาเป็นพี่คนโตของจวน ก็ควรจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 25

    นางเกลียดชังชีหยวนมากกว่าสิ่งใดนางไม่เข้าใจว่าในหัวของเด็กคนนี้กำลังคิดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ ถึงได้มีความคิดที่น่ากลัวเช่นนี้!คนปกติจะคิดแบบนี้ได้อย่างไร!เด็กที่นางเลี้ยงมากับมือ นางจะไม่รู้หรือว่าลูก ๆ ของนางเป็นคนเช่นไร?แต่ชีเจิ้นกลับมองนางด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ใช่หรือไม่?”คำถามสั้น ๆ ทำให้นางหวังถึงกับนิ่งงัน นางอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง “แต่ว่า…..”“ไม่มีแต่!” ชีเจิ้นแสดงอำนาจของประมุขตระกูลออกมา “ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง นี่เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย!”ตระกูลของพวกเขาจะต้องไม่มีเรื่องอื้อฉาวระหว่างพี่น้องเกิดขึ้นเด็ดขาดแม้ว่าชีจิ่นจะไม่ใช่บุตรีแท้ ๆแต่ที่ผ่านมานางถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวนหย่งผิงโหว และเติบโตขึ้นมาพร้อมกับชีอวิ๋นถิง หากวันหนึ่งนางกลายมาเป็นสะใภ้ของจวนหย่งผิงโหวแม้คนนอกจะรู้ว่าชีจิ่นไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ก็คงจะลือกันว่าจวนหย่งผิงโหวสกปรก และคงจะคิดว่าทั้งสองต้องสานสัมพันธ์กันมานานแล้วอย่างแน่นอนจวนหย่งผิงโหวรับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!นางหวังรู้ดีว่านางไม่มีทางที่จะคัดค้านผู้

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 176

    นางร้องไห้พลางพูดว่า “ไม่ได้ ข้าต้องกลับไป! หรูอี้สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว หากข้าไม่อยู่ที่จวน ไม่รู้ว่าแม่สามีจะทำอย่างไรกับนางบ้าง!”ฮูหยินผู้เฒ่าชีโกรธจนมือสั่นเพิ่งจะกลับมาบ้านเดิมไม่ทันไร เด็กก็ป่วยเสียแล้ว ไหนเลยจะบังเอิญเช่นนี้?นี่มันชัดเจนว่ากำลังใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือบีบคั้นตระกูลชี คิดว่าตนเองเหนือกว่าจึงไม่หวาดกลัว พวกเขามั่นใจว่าชีฟางอวิ๋นไม่อาจทิ้งลูกได้ฮูหยินผู้เฒ่าชีอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วมองไปที่ชีหยวน “อาหยวน เจ้ามีวิธีอะไรบ้างหรือไม่?”“วิธีมีมากมายเจ้าค่ะ” ชีหยวนยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ “เพียงแค่ต้องดูว่าท่านป้าจะยอมเสียสละอะไรหรือไม่เท่านั้น”ฮูหยินผู้เฒ่าชีตัดสินใจแทนบุตรสาวทันที “ยอม! หากพวกเขากล้าก่อเรื่อง เราก็จะตอบโต้ด้วยเรื่องที่ใหญ่กว่า! เจ้าลงมือจัดการไปได้เลย!”พอเห็นชีหยวนเดินออกไป ชีฟางอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคนทั้งสามในห้อง “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ หมายความว่าอย่างไรกัน? ทำไมพวกท่านถึงให้ชีหยวนเป็นคนจัดการเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ?”ชีเจิ้นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยแต่ฮูหยินผู้เฒ่าชีกลับยิ้มบาง ๆ “เพราะไม่มีใครเหมาะที่จะช่วยเจ้าแก้แค้นไ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 175

    นางฟังผิดไปหรือไม่?เรื่องแบบนี้ ไฉนจึงไปถามเด็กสาวผู้ยังมิได้ออกเรือน?จริงสิ ตั้งแต่นางมาถึงก็ไม่เห็นสะใภ้ใหญ่ หวังซื่อ เลยสักครั้ง!ตามปกติแล้ว หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ใช่ว่าควรที่จะเรียกสะใภ้ใหญ่มาคิดหาวิธี แล้วจึงเอ่ยปลอบหรอกหรือ?หรือว่าในจวนนี้มีเรื่องใดเกิดขึ้น?สุนัขที่ฮูหยินผู้เฒ่าชีเลี้ยงไว้เดินวนเวียนอยู่รอบปลายเท้าของชีหยวน นางจึงอุ้มมันขึ้นมาลูบเล่นเบา ๆ ครั้นได้ยินคำถามของฮูหยินผู้เฒ่าชี นางจึงหันไปมองชีฟางอวิ๋น และกล่าวด้วยเสียงทุ้มว่า “ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านป้าอยากให้เป็นเช่นไร?”......ชีฟางอวิ๋นกล่าวด้วยความขมขื่นเต็มอกว่า “ข้าจะทำอะไรได้เล่า? บ้านพวกเขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการบีบคั้นข้า เห็นว่าตอนนี้ลูกของข้าก็โตจนถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จะทะเลาะกับพวกเขาก็ทำไม่ได้!”ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็อดกลั้นความโกรธไว้อย่างสุดกำลัง “เรื่องภรรยาเท่าเทียมนี้มันไร้สาระสิ้นดี! ภรรยาเท่าเทียมอะไร ตระกูลที่มีกฎเกณฑ์ไม่เคยยอมรับเรื่องเหล่านี้ มีแต่พวกพ่อค้าต่ำศักดิ์เท่านั้นที่ทำกัน พูดว่าเท่าเทียมกัน แต่เอาเข้าจริง ๆ มันก็แค่ปัญหายุ่งเหย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 174

    แต่ก่อนไม่มีการเปรียบเทียบ ดังนั้นท่านโหวผู้เฒ่าจึงรู้สึกว่าแม้บุตรชายจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถรักษาสิ่งที่มีไว้ได้แต่ตอนมีชีหยวน หลานสาวที่เด็ดขาดและเฉียบขาดเป็นตัวเปรียบเทียบ เขาจึงรู้สึกว่าบุตรชายช่างลังเลและไม่มีความกล้าหาญเช่นบุรุษเสียเลยเขาจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป พูดตรงไปตรงมาว่า “บุตรสาวของเจ้าได้เลือกทางเดินให้เจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ เจ้ากำลังเพ้อฝันอยู่หรือไง?”ชีเจิ้นยิ้มขมขื่นใช่แล้ว เหตุผลที่ชีหยวนยอมลดตัวกลับมา ท้ายที่สุดก็คงเป็นเพราะข่าวของพระชายาหลิ่วที่เขามีอยู่ในมือเขาถอนหายใจช้า ๆ “เช่นนั้นลูกจะไปหานาง...”ก่อนที่คำพูดจะจบ หลิวจงเคาะประตูพลางหอบหายใจ “ท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหว! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”......ไยถึงมีเรื่องอีกแล้ว?ชีเจิ้นนวดหัวคิ้วตัวเอง มองไปทางผู้เป็นบิดาอย่างอ่อนใจ แล้วตะโกนเสียงต่ำ “เข้ามา!”เมื่อหลิวจงเข้ามา เขาก็รีบถามทันที “คุณหนูใหญ่ทำอะไรอีกหรือ?”หลิวจงอุทานอย่างสงสัยออกมาหนึ่งที ก่อนจะเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตน “คุณหนูใหญ่? ท่านโหว ไม่ใช่คุณหนูใหญ่หรอกขอรับ!”โหวผู้เฒ่ากระแอมไอออกมาเบา ๆ หน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 173

    อ๋องฉีไม่รู้สึกว่านี่เป็นความโชคดี เมื่อเซี่ยกงกงยิ้มแย้มอีกครั้งและนำพระราชโองการมา เขาก็รู้สึกว่าโลหิตในร่างกายไม่ไหลเวียนตั้งแต่ยังเยาว์วัย อ๋องฉีได้รับความรักความเอ็นดูมากที่สุด ความยากลำบากที่สุดที่อ๋องฉีเคยได้ประสบคือสมรสพระราชทานที่ให้เขาแต่งหญิงกำพร้าเป็นพระชายาแต่เรื่องนั้นก็ถูกเขาจัดการได้ในทันที เขาก็เป็นคนแบบนี้ เห็นอะไรที่ไม่ถูกใจก็ไม่ทนแต่ครั้งนี้ เขาถึงกับถูกลดบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง!จวิ้นอ๋องกับชินอ๋อง ต่างกันเพียงตัวอักษรเดียว แต่สิ่งที่ได้รับห่างไกลกันมาก สิ่งที่เขาต้องเสียไปไม่ใช่เพียงแต่เงินทองปีละน้อยนิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองครักษ์ด้วยตามปกติ ชินอ๋องที่ไปเขตปกครองมักจะมีกองทหารองครักษ์ตั้งแต่สามถึงห้าหมื่นนาย ซึ่งเป็นกองทหารองครักษ์ส่วนตัวและเป็นรากฐานความปลอดภัยในชีวิตของอ๋องผู้นั้นแต่หากเป็นจวิ้นอ๋อง ไม่เพียงจำนวนกองกำลังจะต้องลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเท่านั้น ยังมีผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ได้รับน้อยลงทั้งหมดอีกด้วยเขากัดฟันขอบพระทัย พอกลับเข้ามาก็ทำลายทุกสิ่งที่สามารถทุบทำลายได้ในห้องหนังสือในราชวงศ์ต้าโจว อ๋องฉีผู้ซึ่งเคยได้รับเกียรติเหนือกว่ารัชทายาท พลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 172

    จวนอ๋องนั้นถูกสร้างเสร็จสิ้นหลังจากผ่านไปสามปีพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่ร่วมทุกข์สุขด้วยกันจริง ๆ ได้ไปยังจางโจวแดนดินที่แสนจะทุรกันดาร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ปกครอง ร่วมกันสร้างจวนอ๋องจากที่ไม่มีอะไรเลย ให้ความรู้ชาวบ้านและสร้างท่าเรือรอคอยจนกระทั่งสถานการณ์พลิกผัน เขาได้เข้าเมืองหลวงขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่พระชายาหลิ่วกลับเป็นแค่พระชายาเอกในอ๋องตลอดไปถึงแม้ทุกวันนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชางยังคงรู้สึกเจ็บปวดหลังจากที่อ๋องฉีประสูติ จำนวนครั้งที่เขาฝันถึงพระชายาหลิ่วก็ค่อย ๆ ลดลงด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรู้สึกยิ่งว่าอ๋องฉีคือพระโอรสที่เขาและพระชายาหลิ่วสูญเสียไป และเด็กคนนั้นได้กลับมาเกิดใหม่เพื่อเป็นพระโอรสของเขาอ๋องฉีคือพระโอรสที่เขาได้อุ้มบ่อยมากที่สุดความรู้สึกผิดที่ยากจะบรรยายเหล่านั้นกลายเป็นความรักที่เขามีต่อพระโอรสผู้นี้หลิ่วกุ้ยเฟยทราบดีถึงพระทัยของฮ่องเต้หย่งชางในเวลานี้สิ่งที่นางเพียรพยายามทำมาโดยตลอด ในที่สุดบัดนี้ก็ได้ผลแล้วนี่ก็คือเหตุผลที่นางใช้วิธีต่าง ๆ ทุกวิถีทาง เพื่อให้ฮ่องเต้หย่งชางมีส่วนร่วมในการเติบโตของอ๋องฉีความรู้สึกนั้นเกิดขึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 171

    เขากล่าวหนึ่งประโยค ดวงหน้าของหลิ่วกุ้ยเฟยก็ยิ่งซีดเซียวขึ้นอีก จนกระทั่งท้ายที่สุด สีหน้าก็ซีดเหมือนกระดาษนางเริ่มไอไม่หยุดและหอบหายใจถี่ “ทั้งหมดนี้ล้วนเพราะหม่อมฉัน หม่อมฉันผิดที่ตามใจเจ้าสามเกินไป! ทำให้เขาทำตัวไร้กฎเกณฑ์ คิดว่าตนเองสำคัญ...”น้ำตาของนางไหลพรูไม่หยุด สะอื้นอย่างห้ามไม่ได้ “หากพี่สาวบนสวรรค์รับรู้ว่าหม่อมฉันได้สั่งสอนเขาให้เป็นเช่นนี้ คงโกรธหม่อมฉันแน่ หม่อมฉันจะมีหน้าไปพบพี่สาวผู้ล่วงลับได้อย่างไร?”เมื่อกล่าวถึงพระชายาหลิ่ว นางก็ร้องไห้หนักยิ่งขึ้น ตอนแรกยังพยายามกลั้นเสียงร่ำไห้เบา ๆ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็คุมอารมณ์ไม่อยู่สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางก็ไม่สู้ดีนัก พระองค์หลับตาลง และตำหนิว่า “พูดเรื่องเหล่านี้ไปทำไม?! มันเกี่ยวข้องอะไรกับนาง?”แต่ในขณะทั้งสองคนกำลังพูดกัน ในที่สุดก็รบกวนองค์หญิงหมิงเฉิงที่อยู่ข้าง ๆเมื่อองค์หญิงหมิงเฉิงลืมตาขึ้น ทันทีที่ได้ยินเสด็จพ่อเสด็จแม่พูดคุยกัน โดยเสด็จพ่อมีน้ำเสียงไม่ดีนัก นางก็ตกใจจนร่ำไห้ว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่อย่าทะเลาะกันเลยเพคะ อย่าทะเลาะกัน!”เด็กน้อยร่ำไห้มากจนดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำราวกระต่ายน้อยหลิ่วกุ้ยเฟ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 170  

    องค์หญิงน้อยตัวอ่อนยวบในอ้อมแขน น้ำเสียงยังฟังอ้อแอ้น่าเอ็นดู ฮ่องเต้หย่งชางแม้จะเดือดดาลเพียงใดในยามนี้ก็ต้องคลายโทสะลงในทันใด เขาผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก็มองอ๋องฉีพลางตำหนิอย่างเย็นชา “เจ้ายังรู้ประสาไม่เท่าเด็กสามขวบคนนี้เสียด้วยซ้ำ!” องค์หญิงเป่าหรงส่งสายตาให้อ๋องฉีทันที อ๋องฉีคลานเข่าไปด้านหน้ากอดขาฮ่องเต้หย่งชางไว้พลางร้องเรียกเสด็จพ่อ “เสด็จพ่อ ลูกสมควรตาย! ลูกสมควรตาย! เสด็จพ่อ ลูกสมควรตาย!” ทันทีที่เขาร่ำไห้ออกมา องค์หญิงหมิงเฉิงที่กำลังสะอื้นเบา ๆ อยู่ในตอนแรกก็ส่งเสียงร้องไห้โยเยดังสนั่นออกมาอีกครั้ง พลางดีดดิ้นจะลงไปด้านล่าง “พี่สาม! พี่สามอย่าร้องไห้ พี่สามอย่าร้องไห้!” องค์หญิงเป่าหรงรีบสาวเท้าเข้าไปพลางยื่นมือออกไปรับองค์หญิงหมิงเฉิงเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะอุ้มขึ้นมาพลางกระซิบเอ่ยวาจาปลอบโยน กับสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาต้องรู้จักเลือกจังหวะและโอกาสให้เหมาะสม ร้องไห้ครู่หนึ่งจะทำให้คนรู้สึกสงสารเห็นใจ หากว่าร้องไห้นานเกินไป กลับจะทำให้คนมีแต่รู้สึกรำคาญและโมโหง่ายขึ้น ฮ่องเต้หย่งชางเห็นองค์หญิงเป่าหรงเชื่อฟังรู้กาลเทศะ องค์หญิงหมิงเฉิงก็ไร้เดียงสาน่าเอ็นดู โทสะที

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 169  

    ภายในใจของขันทีสวีบัดนี้ทนไม่ไหวแล้ว ทว่าเขาต้องทำใจดีสู้เสือไว้ ถึงอย่างไรจินเป่าก็เป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ เขาไม่มีบุตร จินเป่าก็ไม่ต่างจากบุตรคนหนึ่งของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงกัดฟันแน่น ก่อนจะตัดสินใจฝ่าอันตรายเข้าไปด้านหน้าและคุกเข่าร้องขอความเมตตาด้วยเช่นกัน “ท่านอ๋อง! บัดนี้มิใช่เวลาจะมาโกรธกริ้วขอรับ มาคิดหาหนทางกันก่อนเถิดขอรับ ว่าควรจะแก้ไขปัญหาอย่างไรดีท่านอ๋อง!” จะแก้ไขปัญหาอย่างไรหรือ?! สีหน้าของอ๋องฉีเคร่งขรึมดุจน้ำลึก โทสะพลุ่งพล่านถึงขีดสุดแล้ว ทว่าเขากลับเยือกเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว ชีหยวนขุดหลุมพรางหลอกเขามากมายเพียงนี้ ก็เพื่อให้เขาถูกคนนับพันรุมชี้นิ้วประณาม แต่คิดจริงหรือว่ามันจะง่ายดายเพียงนั้น? เขาเลื่อนมือไปเช็ดโลหิตที่ไหลซึมออกมาเพราะทุบตีข้าวของจนถูกบาดเป็นแผลบนตัวจินเป่าซึ่งอยู่ด้านข้างอย่างเลือดเย็น ก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้ามืดครึ้ม จินเป่าตัวสั่นเทิ้ม เขารู้ดีแก่ใจ หากเมื่อครู่ท่านอาจารย์มิได้กล่าวประโยคนั้นออกมา บัดนี้ตนเองคงกลายเป็นศพไปแล้ว หนีรอดจากความตายออกมาได้ เขาก็ร่ำไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างอดไม่ไหว ขันทีสวีสะบัดมือตบหน้าเขาไปอีกหนึ่งฉา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 168  

    หมอหลวงหูไม่กล้าอืดอาดล่าช้า ใครจะไม่รู้บ้างว่ากุ้ยเฟยพระองค์นี้นี้เป็นดวงใจฝ่าบาท? เขาอดไม่ได้กระซิบเสียงเบาถามฝ่ายตรวจการสำนักสกุลซุนอีกครั้ง “ใต้เท้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ?” กุ้ยเฟยมีพระพลานามัยแข็งแรงดีมาตลอด เพิ่งจะตรวจชีพจรไปเมื่อไม่กี่วันก่อนมิใช่หรือ? เหตุใดจึงประชวรขึ้นมากะทันหัน? ฝ่ายตรวจการสำนักสกุลซุนส่งเสียงกระแอมออกมาหนึ่งที ก่อนจะหรี่ตาลงเชิงว่าตักเตือนเขา “เจ้าเองก็ระวังตัวไว้บ้าง องครักษ์เสื้อแพรจับตัวเด็กสาวคนหนึ่งไว้ได้ เด็กสาวคนนั้นยังกล่าวอีกว่า นางต้องการฟ้องร้องอ๋องฉี และวันนี้ยังคิดจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่หน้าประตูวังด้วย! เรื่องลุกลามบานปลายไปกันใหญ่แล้ว” ตีกลองร้องทุกข์ หมอหลวงหูสูดหายใจเย็นเยียบเฮือกหนึ่ง เขาเพียงเปล่งเสียงออกมาหนึ่งคำ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เด็กสาว จะฟ้องร้องอ๋องฉี? มิหนำซ้ำยังต้องการตีกลองร้องทุกข์ด้วย เรื่องนี้ต้องมีความอยุติธรรมมากมายเพียงใดกัน? เหตุใดระยะนี้อ๋องฉีถึงได้มีแต่ปัญหารุมเร้าเพียงนี้? ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือหนาหู ว่ามีความสัมพันธ์คลุมเครือกับหานเยว่เอ๋อบุตรีบุญธรรมของจวนหย่งผิงโหว ต่อมาหานเยว่เอ๋อก็ปล่อยปละ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status