Share

บทที่ 18

Author: ฉินอันอัน
ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!

ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้ว

เขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”

คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนาง

ชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”

นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา

นี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วย

แม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกัน

ชีหยวนมองดูพวกเขา และหันไปคุกเข่าลงตรงหน้าชีเจิ้น

หลังจากนั้นนางก็ยื่นแขนของตนเองให้ชีเจิ้นดู “ท่านพ่อ ข้าเติบโตที่บ้านนอกกับพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็ก พวกผ่าฟืน ตวงน้ำ ดูแลพืชผลข้าล้วนต้องทำทุกอย่าง และช่วงวันส่งท้ายปียังต้องช่วยฆ่าหมูอีก ดังนั้นข้าจึงมีแรงมากกว่าคนปกติเสียเล็กน้อย มันก็สมเหตุสมผลแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ฝ่ามือของนางล้วนเป็นรอยด้าน และสองมือคู่นี้ก็แตกต่างจากชีจิ่นโดยสิ้นเชิง ตรงที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยความหรูหราและสะดวกสบาย จนมือไม่เคยสัมผัสกับงานหนักเลย

ชีเจิ้นเมื่อได้เห็นก็พูดอะไรไม่ออก

จริงด้วย นางทำงานหนักตั้งแต่เด็กจนโต ดังนั้นแรงย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเด็กผู้หญิงทั่วไปอยู่แล้ว

แค่อาศัยแค่เรื่องนี้ กลับบอกว่านางต่อสู้เป็นและมีเจตนาแอบแฝงแล้ว มันก็ไม่ค่อยถูกเสียทีเดียว

ชีหยวนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาก็แดงก่ำ “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านพี่ใหญ่ดูถูกข้า แถมน้องรองยังรังเกียจที่ข้ากลับมาแบบนี้อีก เช่นนั้นก็หาที่สักแห่งหนึ่งแล้วส่งข้าไปเถิดเจ้าค่ะ”

นางหวังคัดค้านอย่างตกใจ “จะได้อย่างไรกัน?”

ในเมื่อพากลับมาแล้ว ทั้งยังเคยผ่านสายตาของจิ้นอ๋องกับเสนาบดีหลูอีก หากส่งคนกลับไปตอนนี้ มันจะดูเป็นอย่างไร?

ชีอวิ๋นถิงหน้าอกกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง “เจ้าเสแสร้งให้มันน้อย ๆ หน่อย! ชีหยวน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร? ทางที่ดีเจ้าควรหยุดแสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่ตรงนั้นจะดีกว่า เพราะไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าออกมาเอง!”

“ชีอวิ๋นถิง!” ชีเจิ้นผิดหวังกับบุตรชายคนนี้อย่างมาก “เจ้าโวยวายพอหรือยัง?! ไสหัวไป! และไปคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษให้เสีย ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ก็ไม่อนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นมา!”

อากาศหนาวแบบนี้ โดยเฉพาะในศาลบรรพบุรุษก็จะยิ่งหนาวเย็น

และช่วงเวลาที่ทั้งครอบครัวมารวมตัวกัน จะปล่อยให้อวิ๋นถิงคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษอย่างโดดเดี่ยว นางหวังจะทนได้อย่างไร?

นางรีบดึงชีเจิ้นไว้ “แค่เด็กสองคนล้อเล่นกันเท่านั้นเอง แล้วอาหยวนก็เพิ่งกลับมา พวกเด็ก ๆ ยังไม่รู้จักนิสัยของกันและกันดี จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างก็เป็นเรื่องปกตินะเจ้าคะ...”

นางหวังพยายามไกล่เกลี่ยโดยไม่แยกแยะถูกผิด และจ้องชีอวิ๋นถิงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่รีบขอโทษท่านพ่อเจ้าอีก?”

ชีเจิ้นโมโหอย่างมาก “จะมาขอโทษอะไรข้า? ไปขอโทษน้องสาวเขาสิ!”

ชีหยวนกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าในครอบครัวนี้ ชีเจิ้นกลับดูเหมือนเป็นคนปกติ

พอชีอวิ๋นถิงได้ยินก็เหมือนกับกินรังแตน “ทำไมข้าต้องขอโทษนางด้วย? นางเป็นแค่ตัวซวย พอกลับมาก็ทำฉากกั้นกระจกของท่านแม่ล้มลงมาแตก แถมข้าเองยังถูกกระจกตำจนได้รับบาดเจ็บอีก...”

ยังต้องการให้เขาขอโทษชีหยวนอีก ฝันไปเสียเถิด!

ชีเจิ้นเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเตะชีอวิ๋นถิงที่ไม่ทันได้ระวังตัวไปทีหนึ่ง

ชีอวิ๋นถิงถูกเตะจนยืนไม่อยู่ และเกือบจะพุ่งลงไปบนกระจกกองนั้นอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ชีเจิ้นทำร้ายชีอวิ๋นถิงต่อหน้าทุกคน

ชีจิ่นที่เมื่อครู่ยังเติมเชื้อเพลิงลงกองไฟกลับยุติการโจมตี แอบลูบหน้าอกและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ส่วนนางหวังก็รีบก้าวไปด้านหน้าแล้วโอบชีอวิ๋นถิงไว้ในอ้อมแขน พลางให้ท้ายลูกตนเองด้วยความร้อนรนและโมโห “ท่านโหว! แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง เหตุใดท่านจึงลงมือหนักขนาดนี้ได้เล่าเจ้าคะ?”

ครั้งนี้ชีเจิ้นไม่ได้ทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กอีก และเขาก็ชี้ไปที่ชีอวิ๋นถิง “ขอโทษน้องสาวเจ้าซะ อย่าให้ข้าต้องเอ่ยอีกเป็นครั้งที่สอง!”

ตอนที่เขาโมโหขึ้นมา ไม่มีใครในบ้านที่จะสามารถต่อต้านเขาได้

นางหวังยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และกลัวด้วยว่าชีอวิ๋นถิงจะปะทะกับชีเจิ้นอีก จึงรีบผลักบุตรชาย “ยังไม่รีบขอโทษน้องสาวของเจ้าอีก! เร็วเข้า!”

ชีอวิ๋นถิงเจ็บปวดไปทั้งตัว และแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจที่เด็ดขาดของชีเจิ้น ก็ทำได้เพียงยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น “ขอโทษ! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง!”

นางหวังถอนหายใจ และถามชีหยวนอย่างเย็นชาเล็กน้อย “เป็นอย่างไรเล่า คราวนี้เจ้าจะใจเย็นลงได้แล้วกระมัง?”

ชีหยวนไม่ถ่อมตัวไม่หยิ่งผยอง และไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ เพียงเพราะคำพูดของชีอวิ๋นถิง นางเพียงแค่เอ่ยอย่างราบเรียบ “คำขอโทษคงไม่จำเป็นแล้ว แค่หวังว่าต่อไป ท่านพี่ใหญ่จะไม่เอะอะอะไรก็เอ่ยว่าข้าเป็นลูกนอกคอกจากบ้านนอก ถึงอย่างไร พี่ด่าข้าเช่นนี้ก็ไม่ใช่แค่ด่าข้าเพียงคนเดียว มิใช่หรือ?”

สามคำสุดท้ายนี้เอ่ยเบามาก แต่กลับแฝงไปด้วยความประชดประชัดที่ยากจะอธิบายเล็กน้อย

ชีเจิ้นที่ได้ยินก็ปะทุความโกรธขึ้นมาในใจ

เขาตะคอกใส่ชีอวิ๋นถิง “ยังไม่รีบไสหัวไปที่ศาลบรรพบุรุษอีกหรือ?! และหากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า ก็ห้ามลุกขึ้นมา!”

นางหวังกลัวว่าหากชีอวิ๋นถิงยังอยู่ที่นี่จะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น จึงใช้มือดันหลังของเขาพลางขยิบตาให้เขา “เชื่อฟังท่านพ่อของเจ้า! และทบทวนความผิดพลาดของตนเองอย่างเชื่อฟังเสีย...”

ชีจิ่นใช้โอกาสนี้ ตามชีอวิ๋นถิงไปอย่างระมัดระวัง “ข้า ข้าจะไปกับท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ! บนร่างกายเขายังมีบาดแผล ข้าไม่ค่อยวางใจ รอให้ข้าพันแผลให้เขาเสร็จแล้ว ข้าค่อยไปกินข้าว”

สุดท้ายการเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ก็ยังใกล้ชิดมากกว่าคนที่กลับมากลางคันอยู่ดี

นางหวังถอนหายใจอย่างโล่งอก และพยักหน้าต่อบุตรสาวอย่างปลื้มใจ

เมื่อตอนที่หันหน้ากลับมาอีกครั้ง สีหน้าก็เย็นชาลงในทันที “ยังไม่รีบเก็บกวาดห้องนี้ให้สะอาดอีกหรือ?”

ชีเจิ้นกวักมือไปทางชีหยวน สำรวจนางอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “อีกประเดี๋ยวครอบครัวลุงรองและลุงสามของเจ้าจะมา เจ้าก็อย่าเอ่ยถึงเรื่องที่เจ้าอยู่บ้านนอกขึ้นมาอีกเล่า เข้าใจหรือไม่?”

ชีหยวนตอบรับด้วยการพยักหน้า

ช่วงที่ออกไป นางสังเกตเห็นแม่นมสวีที่อยู่ข้างกายนางหวังมีสีหน้าเย็นชา ยืนอยู่ด้านนอกผ้าม่านและจ้องมองตนเองด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือก

ราวกับตนเองทำเรื่องก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นอย่างไรอย่างนั้น

แม่นมจางก็ก้มหน้าลงและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น

ชีหยวนไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน นางตามหลังชีเจิ้นออกไปยังโถงดอกไม้ที่จัดงานเลี้ยงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ศาลบรรพบุรุษมืดมนและทั้งหนาวเย็น น้ำตาของชีจิ่นก็ราวกับไข่มุกที่สายขาด กระทบลงบนมือของชีอวิ๋นถิงไม่หยุด “ท่านพี่ เหตุใดท่านพี่โง่เขลาเช่นนี้เล่าเ? เพราะข้าแล้ว ถึงกับต้องไปทะเลาะกับนางให้จงได้ ข้าคู่ควรหรือเจ้าคะ?”

เมื่อสาวงามหลั่งน้ำตา ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้ ชีอวิ๋นถิงตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “อาจิ่น เจ้าพูดอะไรน่ะ? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า หรือว่าข้าจะมองดูนางรังแกเจ้าโดยไม่สนใจได้อย่างนั้นหรือ?”

ชีจิ่นร้องไห้หนักขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “ท่านพี่ ข้ากลัวว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีที่สำหรับข้าอีกแล้วเจ้าค่ะ! นางน่ากลัวมากจริง ๆ ทุกคำพูดและทุกประโยคทิ่มแทงข้าจนไม่เหลือที่ยืน ท่านพ่อเองก็คงเกลียดข้าไปแล้วแน่ ๆ ...”

“เจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออะไร?” สีหน้าของชีอวิ๋นถิงดำทะมึนลง “ตราบใดที่มีข้าอยู่ ก็จะคอยปกป้องเจ้าในบ้านหลังนี้ และใครก็อย่าคิดจะเปรียบเทียบ หรือคิดจะเบียดเจ้าออกไป! เจ้าคอยดูเอาเถิด ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำให้นางไสหัวออกไปด้วยความสิ้นหวังเอง!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 20

    ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวังเดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดีเมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้วเวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้นชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 21

    ชีหยวนหมดความอดทน “ไม่จำเป็น! ข้าว่าเหลียนเฉียวก็เก่งไม่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าก็ไม่ได้สนใจ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!”แม่นมจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ นางเพียงเป็นสาวใช้จอมสะเพร่า แม้แต่จะเกล้าผมก็ยังทำไม่เป็น คุณหนูจะยกยอนางเช่นนี้ได้อย่างไร?”ในขณะนั้นเอง นางก็รู้ทันทีว่าชีหยวนต้องการมีคนเชื่อใจอยู่ข้างกาย จึงคิดที่จะดึงเหลียนเฉียวมาเป็นคนของตน นางอดที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจไม่ได้ ชีหยวนช่างน่าขันนัก นางคิดว่ากลเม็ดของตนนั้นเหนือชั้นนักหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก การที่นางยกยอเหลียนเฉียวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้บ่าวคนอื่น ๆ ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และพวกเขายิ่งไม่มีทางจงรักภักดีต่อนางคนบ้านนอกยังไงก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยันค่ำ แม้ภายนอกจะแลดูเหมือนว่าเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วด้านในกลับกลวงโบ๋ นางเป็นเพียงคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น จะเทียบคุณหนูรองได้อย่างไร?คุณหนูรองแค่เป็นลมไปครั้งเดียว ฮูหยินก็ลืมบุตรีแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาคนนี้เสียสนิท จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งให้ผู้ใดมาดูแลยังจะต้องพูดว่าใครสำคัญกว่าใครอีกหรือเดิมทีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 22

    ผูเถาดีใจกระโดดตัวลอย แม่นมจางส่ายหน้ามองนางยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของชีอวิ๋นถิงตอนนั้นชีจิ่นเป็นลมหมดสติไป ชีอวิ๋นถิงจึงให้บ่าวรับใช้ช่วยกันพาตัวชีจิ่นกลับไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพบุรุษต่อได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวเข่าของเขายังคงเจ็บหนักเขารู้สึกเกลียดชีหยวนเข้าไส้ทำไมจวนเราต้องรับนางกลับมาด้วยนะ?!ถึงจะรู้ว่านางเป็นบุตรีแท้ ๆ แต่แค่หาจวนหลังเล็ก ๆ ให้นางอยู่ก็ได้ไม่ใช่หรือ?ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้นางแต่งงานกับใครสักคน แล้วย้ายออกไปก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องนำตัวผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นกลับมาด้วย!เมื่อได้ยินว่าแม่นมจางมาถึงแล้ว เขาจึงโบกมือไล่บ่าวรับใช้ที่กำลังทายาให้เขาออกไปจากห้อง ก่อนจะถามแม่นมจาง “เป็นอย่างไร?”แม่นมจางรีบคุกเข่าลงพร้อมกับรายงาน “คุณชายใหญ่ เรือนของคุณหนูใหญ่สะอาดเรียบร้อยดี นอกจากของที่จวนเราส่งไปให้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วเจ้าค่ะ”ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะ “เป็นแค่บุตรสาวของคนเชือดหมูจะมีอะไรได้ล่ะ? ทำมาเป็นพูดว่านางได้รับการสั่งสอนจากผู้สูงศักดิ์ ถุย!“ผู้สูงศักดิ์ที่ไหนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงได้มาทำดีต่อนางขนาดนี้ อีกทั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 23

    จวนหย่งผิงโหวเริ่มเตรียมงานเลี้ยงอย่างครึกครื้น โดยแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงานคนแรกก็คือครอบครัวของท่านเสนาบดีหลู ผู้บังคับบัญชาของชีเจิ้นเมื่อมีงานเลี้ยง ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่คนจากตระกูลเกายกหีบผ้าไหมมายังห้องของนางหวัง พลางเปิดให้นางได้เชยชม “ฮูหยินเจ้าคะ ผ้าของปีนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เนื้อผ้าละเอียดกว่าทุกปีที่ผ่านมาเลยนะเจ้าคะ”นางหวังเหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้า “ผ้าสีเหลืองทองผืนนั้นเก็บไว้ทำชุดใหม่ให้แม่สามีข้า ส่วนที่เหลือนำไปให้คุณหนูใหญ่เถิด นางเพิ่งกลับมา เสื้อผ้าที่ใส่อยู่คงใช้ไม่ได้แล้ว”ที่จริงแล้ว ตอนแรกนางหวังไม่ได้คิดจะทำชุดใหม่ให้ชีหยวนเลย เป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามต่างหากที่แอบเปรยเรื่องนี้ขึ้น แม้แต่ชีเจิ้นที่ปกติจะไม่ยุ่งเรื่องภายในจวน ยังเข้ามาพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา “หาเวลาทำชุดใหม่ให้อาหยวนสักสองสามชุดเถิด ชุดที่นางใส่ดูไม่งามเลย อย่าละเลยนางนักสิ”เมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น นางหวังก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจนักก่อนที่ชีหยวนจะกลับมา ชีเจิ้นเคยพูดแบบนี้กับนางที่ไหนกัน?พูดราวกับว่านางใจร้ายกับลูกแท้ ๆ ของตัวเองอย่างนั้นแหละจริง ๆ เลย...นา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 24

    ชีหยวนยังคงก้มหน้าอย่างเจียมตัว ไม่แสดงอาการว่าได้ยินหรือไม่นางหวังส่งสายตาจิกกัดใส่ชีอวิ๋นถิงแต่ชีอวิ๋นถิงกลับลุกพรวดขึ้นมา และกระแทกตัวชีหยวนอย่างโกรธเกรี้ยว “ถอยไปไกล ๆ ข้าหงุดหวิดที่เห็นหน้าเจ้า!”ลูกไม่รักดี!นางหวังรู้สึกเลือดลมเดือดพล่านภายในร่างกายทุกสิ่งที่นางพร่ำสอนตั้งมากมายกลับไร้ความหมาย!ชีเจิ้นตีเขาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่หลาบจำเลยสักนิด!ทว่าเพราะนางไม่อยากจะดุด่าลูกชายต่อหน้าชีหยวน นางจึงทำได้เพียงแสร้งไม่ได้ยินจนกระทั่งชีอวิ๋นถิงเดินออกไปอย่างหงุดหงิด นางถึงได้หันมามองชีหยวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เขายังเด็ก มักจะพูดจาโดยไม่ทันคิด เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย”ชีหยวนรู้สึกขำอยู่ในใจ นางเอ่ยถามเบา ๆ “เขาไม่ใช่พี่คนโตของจวนหรือเจ้าคะ”นางหวังถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ชีหยวนช่างดื้อรั้นเสียจริง!เป็นเด็กสาวต้องเรียนรู้ที่จะอ่อนน้อม ต้องรู้จักก้มหน้าโอนอ่อน จึงจะทำให้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดูแต่ชีหยวนน่ะหรือ? นางเป็นเหมือนก้อนหินในห้องส้วม ทั้งเหม็นและแข็งกระด้าง!นางหวังจึงจำเป็นต้องตำหนิชีหยวน “เจ้ารู้ว่าเขาเป็นพี่คนโตของจวน ก็ควรจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 25

    นางเกลียดชังชีหยวนมากกว่าสิ่งใดนางไม่เข้าใจว่าในหัวของเด็กคนนี้กำลังคิดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ ถึงได้มีความคิดที่น่ากลัวเช่นนี้!คนปกติจะคิดแบบนี้ได้อย่างไร!เด็กที่นางเลี้ยงมากับมือ นางจะไม่รู้หรือว่าลูก ๆ ของนางเป็นคนเช่นไร?แต่ชีเจิ้นกลับมองนางด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ใช่หรือไม่?”คำถามสั้น ๆ ทำให้นางหวังถึงกับนิ่งงัน นางอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง “แต่ว่า…..”“ไม่มีแต่!” ชีเจิ้นแสดงอำนาจของประมุขตระกูลออกมา “ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง นี่เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย!”ตระกูลของพวกเขาจะต้องไม่มีเรื่องอื้อฉาวระหว่างพี่น้องเกิดขึ้นเด็ดขาดแม้ว่าชีจิ่นจะไม่ใช่บุตรีแท้ ๆแต่ที่ผ่านมานางถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวนหย่งผิงโหว และเติบโตขึ้นมาพร้อมกับชีอวิ๋นถิง หากวันหนึ่งนางกลายมาเป็นสะใภ้ของจวนหย่งผิงโหวแม้คนนอกจะรู้ว่าชีจิ่นไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ก็คงจะลือกันว่าจวนหย่งผิงโหวสกปรก และคงจะคิดว่าทั้งสองต้องสานสัมพันธ์กันมานานแล้วอย่างแน่นอนจวนหย่งผิงโหวรับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!นางหวังรู้ดีว่านางไม่มีทางที่จะคัดค้านผู้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 26

    วิทยายุทธ์ก็สอนไปทั้งหมดแล้วสุขภาพของซีอวิ๋นถิงนั้นดียิ่งนัก มีอาการปวดหัวและเป็นไข้น้อยมากเหตุใดถึงได้หมดสติไปกะทันหัน นางหวังตกใจจนอกสั่นขวัญหายชีเจิ้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน แต่ว่ายังคงพยายามปลอบใจนาง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก เจ้าวางใจเถิด พวกเราลองไปดูกันก่อน จะต้องไม่เป็นไรแน่”นางหวังร้องไห้สะอึกสะอื้น ตามชีเจิ้นไปที่เรือนของชีอวิ๋นถิงเมื่อพวกเขาไปถึง ชีจิ่นก็รีบเร่งมาถึงแล้วเช่นกันใบหน้าของชีจิ่นเต็มไปด้วยน้ำตา เสื้อคลุมอันงดงามที่มาจากผ้าไหมสูจิ่นเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนเมื่อพบนางหวัง ชีจิ่นก็เรียกมารดาอย่างสะอึกสะอื้นในทันที พลางคว้าแขนเสื้อของนางไว้ “ท่านแม่ข้าได้ยินว่าท่านพี่เป็นลมไป ข้าตกใจเหลือเกินเจ้าค่ะ……”ถึงอย่างไรก็เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัย ย่อมมีความมีผูกพันที่แตกต่างกันนางหวังคิดในใจ พลางแสดงสีหน้าอบอุ่น ปลอบโยนนางด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร บิดาของเจ้าให้คนไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว จะต้องไม่เป็นไรแน่”สาวใช้ที่อยู่ข้างกายชีจิ่นรีบพูดขึ้นว่า “ใช่เจ้าค่ะ ดูตัวท่านเองสิเจ้าคะ พอได้ยินข่าวก็วิ่งมาที่นี่โดยไม่คำนึงอันใดเลย ทั้งยังล้มลงอีกด้วย เน

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 495  

    อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 494  

    “ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 493  

    ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 492  

    คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 491  

    และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 490

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 489

    กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 488

    เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status