Share

บทที่ 16

Author: ฉินอันอัน
ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้ว

แม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู]

เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่

นี่ก็คือชีจิ่น

จิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใด

นางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ]

เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อย “อาหยวนมาแล้วหรือ”

ชีหยวนเดินไปหานางหวังอย่างช้า ๆ และค้อมตัวเพื่อแสดงความเคารพกับนางหวัง “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”

ท่าทางและมารยาทล้วนไร้ที่ติ

และในเวลาเดียวกัน ชีจิ่นก็หันหน้ามามองนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับไม่ยิ้ม และรอมยิ้มตรงมุมปากก็ค่อย ๆ นิ่งค้างไป

ไม่รู้ว่าชีหยวนเพิ่งเรียนรู้กฎและมารยาทเดี๋ยวนั้นหรือไม่ ถึงไม่มีจุดที่จะสามารถจับผิดได้เลย

ซึ่งห่างไกลจากสิ่งที่นางจินตนาการไว้ว่า เติบโตอยู่ในชนบท ผิวหยาบกร้าน และหยาบคายไร้ความรู้

แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งไม่สบายใจก็คือใบหน้านี้ของชีหยวน

ใบหน้านี้ ช่างเหมือนกับคนในตระกูลชีมากเหลือเกิน

เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นบุตรสาวของตระกูลชี

หัวใจของนางค่อย ๆ จมดิ่งลง ส่วนโค้งที่มุมปากก็เกร็งเช่นเดียวกัน

เมื่อชีหยวนคารวะเสร็จ นางหวังก็แนะนำกับชีหยวน “นี่คือน้องรองของเจ้า...พวกเจ้าเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน และต่อไปก็จะต้องอยู่ร่วมกันดีๆ รู้หรือไม่?”

ช่วงที่นางหวังอยู่ต่อหน้าชีหยวน การพูดจาก็มักจะไม่ค่อยดูเป็นธรรมชาติสักเท่าใดนัก

โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็จะยิ่งหลบสายตาของชีหยวนโดยไม่รู้ตัว

กลับเป็นชีจิ่น ที่หันไปมองทางชีหยวนด้วยรอยยิ้มมที่เหมือนกับไม่ยิ้ม บนใบหน้าก็แฝงไปด้วยความเย้ยหยันที่ดูเหมือนจะยินดีในความทุกข์ของคนอื่นเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้นางผิดหวังคือ สีหน้าของชีหยวนกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย และขณะเดียวกันก็ยังใช้ท่าทางที่หยอกล้อมองกลับมาอีกด้วย

สายตาของทั้งสองปะทะกัน และชีหยวนก็ยิ้มไปทางนางอย่างคล้อยตามเสียก่อน “น้องรอง”

ชีจิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกมา “พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาเสียที ได้ยินว่าพี่เกิดเรื่องจนขึ้นศาลาว่าการ ข้าเป็นห่วงพี่มากเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ศาลาว่าการ คิ้วของนางหวังก็ขมวดอีกครั้ง และน้ำเสียงก็เย็นชายิ่งขึ้น “เรื่องในอดีต ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว”

แค่นึกถึงบุตรสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมานานขนาดนั้น แถมต้องอยู่ร่วมกับคนหยาบกระด้างเหล่านั้น และปะปนอยู่ในสังคมแบบตลาดอีก นางก็ไม่สบายใจมากแล้ว

ชีจิ่นกัดริมฝีปาก และทันใดนั้นน้ำตาก็เต็มขนตา “ท่านแม่ ข้าพูดอะไรผิดไปใช่หรือไม่เจ้าคะ? ข้าเองก็รู้ดีว่า ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงนกเขาที่แย่งรังนกเอี้ยง[footnoteRef:3]...” [3: เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยถึงการเข้าไปครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองหรือแย่งชิงที่อยู่อาศัยของคนอื่น]

มีบางครั้ง ชีหยวนก็นับถือคนอย่างชีจิ่นมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใจแข็ง แต่ภายนอกกลับทำตัวน่าสงสารอยู่เสมอ

ใช้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาที่สุดนี้ แกลับเอ่ยคำพูดที่แทงใจคนที่สุด

นางหวังรู้สึกสงสารมาก กอดชีจิ่นไว้ในอ้อมแขนและตำหนิด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พูดไร้สาระอะไร? เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวเจ้า ล้วนเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของข้า!”

เลี้ยงดูมานานหลายปีขนาดนี้ ไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ก็เหมือนเป็นบุตรแท้ ๆ แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีจิ่นปากหวานและเชื่อฟัง แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแก้วตาดวงใจที่นางหวังใส่ใจมากที่สุด

ในด้านความรู้สึก นางหวังถึงกับไม่คาดหวังว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้จะเป็นจริง

นางไม่ได้มองชีหยวนมากนัก

ชีจิ่นสะอื้นอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดร้อง และเอ่ยกับนางหวังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ท่านแม่ ข้าอยากกินขนมถั่วกวน[footnoteRef:4]เจ้าค่ะ” [4: ทำจากถั่วลันเตาเหลือง เป็นขนมที่นิยมในราชสำนักในสมัยโบราณของจีน]

นางหวังขำพรืดออกมา และเอื้อมมือไปแตะจมูกของบุตรสาวเบาๆ “โตขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก ๆ อีก ได้ๆๆ ข้าจะให้ในครัวทำให้เดี๋ยวนี้”

“ไม่เจ้าค่ะ!” ชีจิ่นเขย่าแขนของหวังซืออย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ข้าอยากให้แม่นมสวีทำด้วยตัวเอง”

แม่นมสวีเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนางหวัง และทุกคนต่างก็รู้ว่านางคือแม่นมคนสนิทของนางหวัง

เวลานี้ถูกเอ่ยชื่อ แม่นมสวีก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ขอบคุณคุณหนูรองที่ชื่นชอบขนมที่ข้าทำ นี่ถือเป็นความโชคดีของข้าแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีจิ่นเหลือบมองไปทางชีหยวนอย่างลำพองใจ และในดวงตาก็เผยความดูหมิ่นออกมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ

เป็นบุตรสาวแท้ ๆ แล้วอย่างไรเล่า?

จากกันเป็นสิบกว่าปีก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตลอดไป

ความรู้สึกไม่ใช่จะสะสมได้ในชั่วข้ามคืน

นางต่างหากที่เป็นบุตรสาวคนเดียวที่ไม่อาจแทนที่ได้มากที่สุดของนางหวัง

จะฆ่าคนก็ต้องฆ่าที่หัวใจก่อน

ชีหยวนกลับมาก็ดี นางจะได้ยืนมองอยู่ตรงนี้ ดูว่านางจะกดศีรษะของชีหยวนให้ต่ำลงชั่วชีวิต และได้รับความโปรดปรานอย่างไร

และชีหยวน ก็จะเป็นได้แค่ยายบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่มีวันออกสู่สังคมชั้นสูงได้เท่านั้น!

หากชีหยวนยังคงเป็นชวีอินอินในชาติก่อน บางทีคืนนี้คงไม่อยากจะนอนหลับแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ นางเพียงแค่กระตุกยิ้มใส่ชีจิ่นอย่างเยาะเย้ยเท่านั้น

สิ่งที่เมื่อก่อนไม่ได้มา บัดนี้นางก็ไม่ต้องการแล้ว

ชีหยวนไม่ได้เสียสติอย่างที่นางจินตนาการไว้เลย แม้แต่โมโหหรือเสียใจก็ไม่มีสักนิด แถมยังยืนอยู่ด้านข้างอย่างกับเป็นท่อนไม้อีก

นี้ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของชีจิ่นโดยสิ้นเชิง

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดิมทีนางต้องการทำให้ชีหยวนโกรธ แต่ตอนนี้กลับทำให้ตนเองโกรธแทน

เมื่อหัวร้อน นางก็ทนไม่ไหวจึงถาม “พี่หญิง ข้าได้ยินว่าก่อนที่ท่านจะกลับมา พ่อแม่บุญธรรมของพี่ล้วนเสียชีวิตกันหมดแล้ว...ทำไมท่านถึงไม่เสียใจสักนิดเลยเล่าเจ้าคะ?”

นางหวังตกตะลึง

ชีหยวนก็เงยหน้ามองไปทางชีจิ่น

จากมุมที่นางมองไป บนใบหน้าของชีจิ่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับคุณหนูใหญ่ที่ไร้เดียงสาและไม่คุ้นเคยกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง

ชีจิ่นถามเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ต้องการแค่ทำให้นางไม่สบายใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นการเตือนสตินางหวังด้วย ว่านางถูกคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลี้ยงดูมานานกว่าสิบปี แถมยังเย็นชาต่อพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบิดามารดาแท้ ๆ ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย

ช่างใช้ใบหน้าอ่อนโยนราวกับพระโพธิสัตว์นี้ ทำเรื่องชั่วร้ายที่สุดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยจริง ๆ

แต่น่าเสียดาย ชีหยวนไม่คิดจะพูดจาเหน็บแนมกับนาง

นางเบิกตาโตอย่างตรงไปมา “น้องหญิงไม่รู้หรือ? การตายของพวกเขาไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก หลี่ซิ่วเหนียงแอบคบชู้กับคนอื่น ลอบฆ่าสามีตนเอง และถูกโยนลงทะเลไปแล้ว”

นางจ้องมองชีจิ่นไม่วางตา และเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “อีกอย่าง เขาว่ากันว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ข้าน่าจะ ไม่ใช่คนที่ควรจะปวดใจมากที่สุดคนนั้นกระมัง?”

ในคืนนั้นคนขายเนื้อสวี่กับหลี่ซิ่วเหนียงเลือกให้ติงเฉิงหย่งเข้าไปในห้องของนาง ซึ่งจะต้องได้รับสัญญาณจากชีจิ่นอย่างแน่นอน

แม้สองคนนี้จะไม่ใช่คน แต่เพื่อชีจิ่นบุตรสาวคนนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าจริงใจมากทีเดียว

นางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า เมื่อชีจิ่นได้ยินถึงการตายของหลี่ซิ่วเหนียงกับคนขายเนื้อสวี่ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

สีหน้าของชีจิ่นซีดลงในทันที สายตาก็เผยความโกรธแค้นออกมา และโผเข้าสู่อ้อมแขนนางหวังพลางร้องไห้เบา ๆ “ท่านแม่ ข้ากลัวเจ้าค่ะ...”

นางหวังรู้สึกไม่พอใจ และหันหน้ามาตักเตือนต่อชีหยวนอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไร้สาระจากบ้านนอกแบบนี้ ทำไมถึงเอามาพูดถึงในบ้านได้? เจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!”

ชีหยวนหัวเราะเสียงเย็นในใจ

คนที่เอ่ยขึ้นมาก่อนดูเหมือนจะไม่ใช่นาง แต่นางหวังกลับละเลยจุดนี้และหันมาตำหนิตนเอง เห็นได้ชัดว่าเลือกที่รักมักที่ชังเกินไปหน่อยแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 17

    ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเองจู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมานางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”นางหวังถูกถามเสียแล้วความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้วแต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีกกลับลืมเรื่องนี้ไปเลยต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนักส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้นนางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ เวล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 20

    ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวังเดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดีเมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้วเวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้นชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 21

    ชีหยวนหมดความอดทน “ไม่จำเป็น! ข้าว่าเหลียนเฉียวก็เก่งไม่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ปรนนิบัติข้า ข้าก็ไม่ได้สนใจ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!”แม่นมจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ นางเพียงเป็นสาวใช้จอมสะเพร่า แม้แต่จะเกล้าผมก็ยังทำไม่เป็น คุณหนูจะยกยอนางเช่นนี้ได้อย่างไร?”ในขณะนั้นเอง นางก็รู้ทันทีว่าชีหยวนต้องการมีคนเชื่อใจอยู่ข้างกาย จึงคิดที่จะดึงเหลียนเฉียวมาเป็นคนของตน นางอดที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจไม่ได้ ชีหยวนช่างน่าขันนัก นางคิดว่ากลเม็ดของตนนั้นเหนือชั้นนักหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก การที่นางยกยอเหลียนเฉียวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้บ่าวคนอื่น ๆ ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และพวกเขายิ่งไม่มีทางจงรักภักดีต่อนางคนบ้านนอกยังไงก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยันค่ำ แม้ภายนอกจะแลดูเหมือนว่าเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วด้านในกลับกลวงโบ๋ นางเป็นเพียงคนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น จะเทียบคุณหนูรองได้อย่างไร?คุณหนูรองแค่เป็นลมไปครั้งเดียว ฮูหยินก็ลืมบุตรีแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาคนนี้เสียสนิท จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สั่งให้ผู้ใดมาดูแลยังจะต้องพูดว่าใครสำคัญกว่าใครอีกหรือเดิมทีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 22

    ผูเถาดีใจกระโดดตัวลอย แม่นมจางส่ายหน้ามองนางยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของชีอวิ๋นถิงตอนนั้นชีจิ่นเป็นลมหมดสติไป ชีอวิ๋นถิงจึงให้บ่าวรับใช้ช่วยกันพาตัวชีจิ่นกลับไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพบุรุษต่อได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวเข่าของเขายังคงเจ็บหนักเขารู้สึกเกลียดชีหยวนเข้าไส้ทำไมจวนเราต้องรับนางกลับมาด้วยนะ?!ถึงจะรู้ว่านางเป็นบุตรีแท้ ๆ แต่แค่หาจวนหลังเล็ก ๆ ให้นางอยู่ก็ได้ไม่ใช่หรือ?ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้นางแต่งงานกับใครสักคน แล้วย้ายออกไปก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องนำตัวผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นกลับมาด้วย!เมื่อได้ยินว่าแม่นมจางมาถึงแล้ว เขาจึงโบกมือไล่บ่าวรับใช้ที่กำลังทายาให้เขาออกไปจากห้อง ก่อนจะถามแม่นมจาง “เป็นอย่างไร?”แม่นมจางรีบคุกเข่าลงพร้อมกับรายงาน “คุณชายใหญ่ เรือนของคุณหนูใหญ่สะอาดเรียบร้อยดี นอกจากของที่จวนเราส่งไปให้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วเจ้าค่ะ”ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะ “เป็นแค่บุตรสาวของคนเชือดหมูจะมีอะไรได้ล่ะ? ทำมาเป็นพูดว่านางได้รับการสั่งสอนจากผู้สูงศักดิ์ ถุย!“ผู้สูงศักดิ์ที่ไหนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงได้มาทำดีต่อนางขนาดนี้ อีกทั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 23

    จวนหย่งผิงโหวเริ่มเตรียมงานเลี้ยงอย่างครึกครื้น โดยแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงานคนแรกก็คือครอบครัวของท่านเสนาบดีหลู ผู้บังคับบัญชาของชีเจิ้นเมื่อมีงานเลี้ยง ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่คนจากตระกูลเกายกหีบผ้าไหมมายังห้องของนางหวัง พลางเปิดให้นางได้เชยชม “ฮูหยินเจ้าคะ ผ้าของปีนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เนื้อผ้าละเอียดกว่าทุกปีที่ผ่านมาเลยนะเจ้าคะ”นางหวังเหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้า “ผ้าสีเหลืองทองผืนนั้นเก็บไว้ทำชุดใหม่ให้แม่สามีข้า ส่วนที่เหลือนำไปให้คุณหนูใหญ่เถิด นางเพิ่งกลับมา เสื้อผ้าที่ใส่อยู่คงใช้ไม่ได้แล้ว”ที่จริงแล้ว ตอนแรกนางหวังไม่ได้คิดจะทำชุดใหม่ให้ชีหยวนเลย เป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามต่างหากที่แอบเปรยเรื่องนี้ขึ้น แม้แต่ชีเจิ้นที่ปกติจะไม่ยุ่งเรื่องภายในจวน ยังเข้ามาพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา “หาเวลาทำชุดใหม่ให้อาหยวนสักสองสามชุดเถิด ชุดที่นางใส่ดูไม่งามเลย อย่าละเลยนางนักสิ”เมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น นางหวังก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจนักก่อนที่ชีหยวนจะกลับมา ชีเจิ้นเคยพูดแบบนี้กับนางที่ไหนกัน?พูดราวกับว่านางใจร้ายกับลูกแท้ ๆ ของตัวเองอย่างนั้นแหละจริง ๆ เลย...นา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 24

    ชีหยวนยังคงก้มหน้าอย่างเจียมตัว ไม่แสดงอาการว่าได้ยินหรือไม่นางหวังส่งสายตาจิกกัดใส่ชีอวิ๋นถิงแต่ชีอวิ๋นถิงกลับลุกพรวดขึ้นมา และกระแทกตัวชีหยวนอย่างโกรธเกรี้ยว “ถอยไปไกล ๆ ข้าหงุดหวิดที่เห็นหน้าเจ้า!”ลูกไม่รักดี!นางหวังรู้สึกเลือดลมเดือดพล่านภายในร่างกายทุกสิ่งที่นางพร่ำสอนตั้งมากมายกลับไร้ความหมาย!ชีเจิ้นตีเขาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่หลาบจำเลยสักนิด!ทว่าเพราะนางไม่อยากจะดุด่าลูกชายต่อหน้าชีหยวน นางจึงทำได้เพียงแสร้งไม่ได้ยินจนกระทั่งชีอวิ๋นถิงเดินออกไปอย่างหงุดหงิด นางถึงได้หันมามองชีหยวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เขายังเด็ก มักจะพูดจาโดยไม่ทันคิด เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย”ชีหยวนรู้สึกขำอยู่ในใจ นางเอ่ยถามเบา ๆ “เขาไม่ใช่พี่คนโตของจวนหรือเจ้าคะ”นางหวังถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ชีหยวนช่างดื้อรั้นเสียจริง!เป็นเด็กสาวต้องเรียนรู้ที่จะอ่อนน้อม ต้องรู้จักก้มหน้าโอนอ่อน จึงจะทำให้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดูแต่ชีหยวนน่ะหรือ? นางเป็นเหมือนก้อนหินในห้องส้วม ทั้งเหม็นและแข็งกระด้าง!นางหวังจึงจำเป็นต้องตำหนิชีหยวน “เจ้ารู้ว่าเขาเป็นพี่คนโตของจวน ก็ควรจะ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 440  

    ทว่าในขณะเดียวกันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ในโลกปัจจุบันนางคือคุณหนูใหญ่ที่ใครต่างก็จับตามอง ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในต้าโจว เห็นไหมล่ะคนชั้นสูงอยู่ที่ไหนก็เป็นคนชั้นสูงอยู่วันยังค่ำ บิดาของนางเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมารดาของนางก็เป็นอาจารย์ชั้นพิเศษ นางเคยชินกับการมีแค่พี่เลี้ยงและเงินทองอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว จึงเรียนรู้ที่จะพูดแบบคนเมื่ออยู่ต่อหน้าคน และพูดแบบผีเมื่ออยู่ต่อหน้าผีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครจะปิดบังความรู้สึกของตนเองได้เก่งไปมากกว่านางแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันนางยังสามารถกลั่นแกล้งพวกปรสิตชั้นต่ำที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นให้ตายไปทีละคนได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโลกยุคโบราณ? นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ นางฆ่าคนก็ไม่อะไรต่างจากฆ่ามดปลวกให้ตาย และตอนนี้ก็ถึงคราวของชีหยวนเจ้ามดปลวกตัวนี้แล้ว นางเดาะลิ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูสิ ทั้งที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนกัน อ๋องฉีกลับไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ทว่ากลับกันคนอย่างชีหยวนยังสามารถก่อเมฆลมปลุกปั่นสถานการณ์ได้เลย แต่ว่า ถึงจะเป็นเช

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 439  

    ฮ่องเต้หย่งชางแทบจะหมดหนทางกับธิดาพระองค์นี้ของตนจริง ๆ หลังจากส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า: “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากล่าวถึงชีหยวนคนนั้นขึ้นมาหรือ?” สองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งคือจันทรากระจ่างบนฟากฟ้ามิอาจแตะต้อง ส่วนอีกคนเป็นแค่ดอกหญ้าทั่วไปบนพื้นดินที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมื่อใดก็ได้ ชีหยวนมีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนอย่างเป่าหรงจดจำได้ องค์หญิงเป่าหรงเม้มปาก ดูคล้ายว่ากำลังงุนงงสับสน และก็คล้ายว่ามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ในที นางลืมตากว้างด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา เม้มริมฝีปากพลางมองฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า: “เสด็จพ่อ ลูกจำนางได้ มิใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นเพราะเสด็จป้าองค์หญิงใหญ่และอวิ๋นถิง” เอ่ยถึงเรื่องนี้ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางมืดครึ้มลง ก่อนจะเปล่งเสียงโอ้ออกมาเพียงหนึ่งคำ และถามอย่างคลุมเครือ: “พวกเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันหรือ?” “เสด็จพ่อไม่ทราบหรือเพคะ? ตอนที่คุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้เพิ่งกลับมาจากบ้านในชนบท คนในตระกูลของพวกเขาต่างไม่โปรดปรานนางเลยสักคน จนสุดท้ายในตอนที่จัดงานเลี้ยงรับญาติ ก็มีพระปิตุจฉาองค์หญิง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 438  

    สถานการณ์ในตอนนี้ พระชายาหลิ่วโกรธเกลียดเคียดแค้นทุกคนในสกุลหลิ่ว หากว่าองค์หญิงเป่าหรงและเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าไปยุ่งด้วย จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? องค์หญิงเป่าหรงผุดยิ้มอย่างลำพองตนในใจ จะว่าไป ความรักของบุรุษอยู่ที่ใด ความลำเอียงย่อมอยู่ที่นั่นด้วย บางทีเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ว่าเขามีใจเอนเอียงไปทางเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาพระโอรสพระธิดาที่นางให้กำเนิดโดยสมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเป่าหรงก็ยิ่งอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง: “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า นางเป็นฮองเฮาองค์แรกของท่าน ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องเสด็จกลับเข้าวัง พวกหม่อมฉันจะหลบหนีไปได้ชั่วชีวิตหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางเงียบไป องค์หญิงเป่าหรงน้ำตาร่วงเผาะพลางเอ่ยด้วยเสียงเบา: “เสด็จพ่อ ให้พวกหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ให้พวกหม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอภัยจากนางเถิดเพคะ หากทุกฝ่ายเปลี่ยนอาวุธเป็นผ้าไหมและเครื่องหยก ไม่ดีหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ท้ายที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง: “อดทนไหวหรือ?” องค์หญิงเป

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 437  

    นางเล่นมีดในมือไปมา ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แว่วมาจากด้านนอก ก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคู่นั้นพลันส่องประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที ยามที่เห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามา นางสะอื้นออกมาเบา ๆ : “เสด็จพ่อ!” ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ฮ่องเต้หย่งชางใจอ่อนยวบลงโดยพลัน เขาทั้งรักและเอ็นดูธิดาพระองค์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ธิดาพระองค์นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะถามว่า: “เจ็บหรือไม่?” เงียบไปเนิ่นนาน องค์หญิงเป่าหรงน้ำตารื้นพลางเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะน้อย ๆ : “ไม่เจ็บเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว” แม้ปากบอกว่าไม่เจ็บ ทว่ามือของนางกลับเอื้อมไปกดแผ่นหลังตนเอง เพียงเสี้ยวพริบตาโลหิตสีสดก็ไหลออกมากอีกครั้ง โลหิตหยดลงบนหลังมือของฮ่องเต้หย่งชาง สีหน้าของฮ่องเต้หย่งชางเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากดุอย่างอดไม่ได้: “ไม่เจ็บอะไร เจ้าดูสิบาดแผลของเจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว! เซียวโม่เขาสติไม่สมประกอบตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนปกติได้ เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 436  

    ชีหยวนแอบเดาะลิ้นในใจ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่สามารถเอาตัวรอดจากการถูกตามล่าอย่างหนักหน่วงได้และยังสามารถปกป้องบุตรจนรอดชีวิตมาได้ ต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างเด็ดขาด จริงดังคาด อีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างชัดอย่างดี องค์หญิงใหญ่กัดริมฝีปากอย่างอดไม่ไหว: “เช่นนั้น พระเชษฐภคินีทรงพระกันแสงกับเสด็จพี่…” ใครเล่าจะไม่รู้จักร้องไห้! มีแต่พวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเท่านั้นหรือที่รู้จักร่ำไห้! ทว่าทันใดนั้นพระชายาหลิ่วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา นางปรายสายตามององค์หญิงใหญ่อย่างราบเรียบ ใบหน้าแม้ประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงแววตาแม้แต่น้อย: “คนอื่นยามร่ำไห้คงเหมือนหญิงงามประคองใจ ยามนี้ข้าไปร่ำไห้บ้างคงเป็นได้แค่คนโง่เขลาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างน่ารังเกียจ ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างเก็บศักดิ์ศรีไว้ดีกว่า” องค์หญิงใหญ่คิดจะโต้แย้ง แต่ก็หมดหนทางโต้แย้ง ถ้อยคำที่พระชายาหลิ่วเอ่ยออกมาโหดร้ายมากก็จริง ทว่าความโหดร้ายก็คือความจริงของโลกใบนี้ ใช่แล้ว อีกฝ่ายร่ำไห้ดังบุปผาหลี่ต้องสายพิรุณ แต่กับพระชายาหลิ่วที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนจะไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร? นางวางตะเกียบลงเสียงดัง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 435  

    เกี๊ยวของทางเหนือและทางใต้ความจริงแล้วแตกต่างกันมาก อย่างน้อยทางใต้ความจริงแล้วก็มิได้นิยมกินเกี๊ยวที่ทำจากที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้นในตอนแรกพระชายาหลิ่วจึงไม่ได้สนใจเกี๊ยวนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่กล่าวขอบคุณต่อชีหยวนอย่างจริงใจ แม้ว่านางจะเข้าใจมานานแล้ว ว่าเหตุผลที่ชีหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อตามนางกลับมา และช่วยนางจัดการกับพวกฉู่กั๋วกง จะเป็นเพราะว่าตัวชีหยวนเองก็อยู่ในสถานการณ์เป็นอริศัตรูกับอ๋องฉีอย่างอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันไม่ได้ ทว่าเมื่อมาถึงวัยอย่างนางตอนนี้ ก็มิใช่เวลาจะมัวลังเลกับจุดหมายอีกต่อไปแล้ว นางมองเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น และผลลัพธ์ก็คือชีหยวนได้ช่วยเหลือนางไว้อย่างมาก นางสามารถคืนสู่เมืองหลวง และกลับเข้าวังได้อย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นยังสามารถกำจัดจวนฉู่กั๋วกงที่เคยกดขี่สูบเลือดสูบเนื้อนางและมารดาให้กลับคืนสู่ขุมนรกที่ควรอยู่อีกครั้ง จุดนี้สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวงแล้ว กระทั่งเกี๊ยวร้อน ๆ ถูกยกมา มันมิได้มีสีขาวเหมือนอย่างเกี๊ยวทั่วไป แต่กลับเป็นสีเหลืองใสเกือบคล้ายอำพันที่มาพร้อมน้ำแกงร้อน ๆ ในชามใหญ่ พระชายาหลิ่วพลันเหลือบมองชีหยวนปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 434  

    จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 433  

    เรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง งานฉลองปีใหม่ในปีนี้แปลกประหลาดเป็นพิเศษ ภายในวังไม่ต้องพูดถึงก่อน ศพของขันทีและนางข้าหลวงถูกหามออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วไม่น้อย ยิ่งจวนฉู่กั๋วกงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่วันปีใหม่ก็มิอาจทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้เลยสักนิด ไล่เฉิงหลงนำกำลังคน ตรวจค้นจวนฉู่กั๋วกงทั้งสามชั้นในสามชั้นนอกจนทั่วแล้ว พวกบุรุษล้วนถูกจับกุมตัวเข้าคุกหลวงของกรมอาญา ส่วนพวกสตรีแต่ละคนล้วนถูกจับมัดและโยนเข้าสำนักการสังคีต ละแวกเขตพระราชวังหลวงล้วนอยู่ในความไม่สงบ คนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์พระประยูรญาติในราชสำนัก ล้วนแต่ปิดประตูใหญ่ของตนเองอย่างแน่นหนา สั่งห้ามมิให้คนในออกข้างนอกอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นการออกไปจับจ่ายซื้อของ ก็ได้รับอนุญาตให้พวกเขาเข้าออกได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น บนท้องถนนเต็มไปด้วยคนของหน่วยปราบปรามและกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครคอยลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศอันเยือกเย็นและตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านแต่ละคนต่างไม่กล้าปาไข่ไก่และตะโกนด่าคนโดยไม่กลัวเกรงสิ่งใดเหมือนเมื่อก่อน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 432  

    จากนั้นก็เริ่มห่อเกี๊ยว ชีเจิ้นคิดว่าตนเองเป็นบ้าไปแล้ว วันขึ้นปีใหม่ ยามนี้ไม่รู้เลยว่าในวังหลวงกำลังมีคลื่นลมพายุกระหน่ำเพียงใด แต่ตัวเขาน่ะหรือ? เขากลับมองชีหยวนห่อเกี๊ยวอยู่ตรงนี้! โหวผู้เฒ่าชีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงขั้นแสดงความสนอกสนใจเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าชีหัดห่อเกี๊ยวเป็นทรงก้อนเงินตำลึงตามแบบชีหยวนด้วย ขณะที่กำลังห่อเกี๊ยวไปพลาง โหวผู้เฒ่าชีก็ถามขึ้นว่า: “นี่ไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ?” ให้กินทั้งครอบครัวก็กินไม่หมดหรอก! ห้องครัวตอนนี้มีคนกว่าสามสิบชีวิตกำลังช่วยกันห่อเกี๊ยวอยู่! ชีหยวนเลิกคิ้ว ห่อเสร็จหนึ่งชิ้นก็วางบนโต๊ะพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “ไม่เยอะไปหรอก ต้องแบ่งไปให้องค์หญิงใหญ่สักหน่อยด้วย แล้วยังต้องแบ่งไปให้ทางอ๋องจิ้งอีกสักหน่อยด้วย ปีใหม่นี้จะได้ฉลองกันอย่างเบิกบานมีความสุข” ...... โหวผู้เฒ่าชีชะงักมือที่กำลังห่อเกี๊ยวทันที: “แม่หนูหยวน เจ้าบอกความจริงกับข้าได้หรือไม่ ว่าวันนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร?” ชีหยวนเหลือบสายตาขึ้นมองโหวผู้เฒ่าชี ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ: “ฉู่กั๋วกงตายแล้ว การประหารเก้าชั่วโคตรก็เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรหากมีการประหารเก้าชั่วโคตรขึ้นจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status