หรงจือจืออดทนคุกเข่าไปแล้วสามพันขั้นบันได เพื่อขอโอสถวิเศษมาช่วยชีวิตผู้เป็นสามี กลับคิดไม่ถึงว่า เมื่อสามีกลับมาพร้อมชัยชนะ จะพาองค์หญิงจากแคว้นอื่นที่กำลังตั้งครรภ์กลับมาด้วย มิหนำซ้ำยังลดขั้นหรงจือจือจากภรรยาเอกเป็นแค่อนุ! “ม่านหวาเป็นองค์หญิง ซ้ำกำลังตั้งครรภ์บุตรของข้าอยู่ เจ้าแค่ยกตำแหน่งภรรยาเอกให้นาง จะเป็นไรไป?” “บุตรชายข้าไม่หย่ากับเจ้า แค่ขอให้เจ้าไปเป็นอนุ นั่นก็นับว่าเมตตาเจ้าแล้ว หากเจ้าออกจากจวนโหวไป ใครที่ไหนเล่าจะไม่รังเกียจดูแคลนเจ้า?” “แม้ท่านพี่จะลดขั้นท่านจากภรรยาเอกเป็นอนุ ทว่าตราบใดที่ท่านยอมยกสินเดิมของท่านให้ข้าใช้เป็นสินติดตัวเจ้าสาว ข้าจะยอมเรียกท่านว่าพี่สะใภ้ก็ได้!” “ในฐานะที่เจ้าเป็นสตรี ก็ควรจะเสียสละเพื่อสามี! ก็แค่ขอให้เจ้าเป็นอนุภรรยา แค่ขอสินเดิมของเจ้าเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น เจ้าจะโวยวายอะไรหนักหนา?” ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวพรรค์นี้ หรงจือจือทำได้เพียงแค่คิดว่า ความทุ่มเทตลอดสามปีที่ผ่านมาของตนเอง ก็ถือเสียว่าโยนให้หมามันกิน ไม่ว่าอะไรที่ติดค้างนางไว้ พวกเขาต้องชดใช้คืนให้หมด! นางตัดสินใจหย่าขาด ทำลายครอบครัวสามีเก่าให้พังพินาศ เอาสินเดิมทั้งหมดของตนเองกลับไป และนำโอสถช่วยชีวิตอีกครึ่งที่เหลือของสามีเก่า ไปมอบให้คนอื่น… ภายหลัง สามีเก่ากลับกลายเป็นคนพิการอีกครั้ง ต้องกลายเป็นที่ขบขันของคนทั้งเมืองหลวง ส่วนนางได้แต่งงานใหม่กับขุนนางผู้มีอำนาจ กลายเป็นฮูหยินของท่านราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ทรงเกียรติ แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องยกย่องนางเป็นมารดาบุญธรรม!
ดูเพิ่มเติมฮ่องเต้หย่งอันตรัสต่อ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหรง ก็งามล่มเมืองสมคำร่ำลือ คิดไม่ถึงว่าท่านอัครมหาเสนาบดี ผู้เคร่งขรึม ก็ยังมิอาจผ่านด่านความงามของสตรีไปได้เฮอะ ทีตัวเองยังห้ามไม่ให้ข้าอ่านนิยายรัก แต่ในสมองของท่านอัครมหาเสนาบดีเองก็มีแต่เรื่องรักใคร่ไม่ต่างกัน วันนี้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านหญิง พรุ่งนี้ยอมเอาตัวรับดาบแทน มะรืนนี้นอนป่วยจนลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเรียกข้าไปช่วยหนุนหลังให้หรงจือจืออีก ท่านอัครมหาเสนาบดี นี่ช่างลำบากจริงๆ“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านอัครมหาเสนาบดี ถึงพร่ำสอนข้าอยู่เสมอ ให้ข้าเตรียมตัวว่าราชการเองโดยเร็ว ให้ข้ามุ่งมั่นกับกิจการบ้านเมืองเป็นหลัก”“ที่แท้ก็เพราะเขารู้ตัวว่าหัวสมองของตัวเองถูกความรักครอบงำไปหมดแล้ว จึงคิดว่าต้าฉี่ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่”ก่อนหน้านี้ ตอนที่เห็นอัครเสนาบดีร้องขอให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านหญิง เขาก็พอสงสัยอยู่แล้วว่า พวงมาลัยดอกไม้ที่ท่านอัครเสนาบดีนำมา คงเตรียมไว้สำหรับหรงจือจือโดยเฉพาะ มีแต่สีสุภาพเรียบง่าย เหมาะเจาะกับฐานะของหรงจือจือที่กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อย่างพอดิบพอดีวันนี้ ฮ่องเต้ทรงแน่พระทัยแล้วว่า
“หากหรงจือจือทำอะไรไม่เหมาะสมขึ้นมา ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกตบสักสองสามฉาด ไม่ต้องให้พวกเราลงมือด้วยซ้ำ ข้าว่าแค่รอให้คนอื่นลงมือ หน้าของนางก็คงบวมจนเหมือนหัวหมูแล้ว!”นางหวังเคยคิดอยู่เหมือนกันว่า นางกำนัลเฉินอาจจะออกหน้าปกป้องหรงจือจือ แต่พอมาคิดอีกที อีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรถึงต้องออกตัวเพื่อหรงจือจือด้วยเล่า?หรงจือจือแทบไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับไทเฮาหรือฝ่าบาทเลยดังนั้น นางกำนัลเฉินคนนั้น ก็คงเป็นแค่พวกหัวโบราณที่เคร่งกฎเกณฑ์ไปเองเท่านั้นหรงเจียวเจียวได้ยินดังนั้น ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี “ข้ารู้อยู่แล้วว่าหรงจือจือไม่มีทางตั้งตัวในวงสังคมได้ นางไม่คู่ควรกับตำแหน่งท่านหญิง ไทเฮาเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน ถึงได้ส่งคนมาขัดเกลานางเช่นนี้!”“เดี๋ยวนะ! บางทีท่านอัครมหาเสนาบดี อาจจะรู้เรื่องที่นางเคยหยามข้าที่หน้าประตูเมื่อวันก่อน บังคับให้ข้าไปเป็นภรรยารองของตระกูลฉี เพื่อช่วยข้าระบายความแค้น ท่านพ่อถึงได้ส่งนางกำนัลเฉินมาจัดการนาง!”นางหวังได้ยินแล้วก็ถึงกับตาโต ทำสีหน้าราวกับเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง “หากเจ้าพูดเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”หรงเจียวเจียวแค่นเสียงเยาะเย้ย “หึ! คิดจะเป็
ครั้นนางกำนัลเฉินได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มอ่อน ๆ พลางมองไปที่นางหวัง “ไม่ทราบว่าฮูหยินเป็นฮูหยินตราตั้งขั้นสูงขั้นไหนหรือเจ้าคะ?”นางหวังอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกขวยเขินอยู่เล็กน้อย “เพราะท่านพี่เขากตัญญูกตเวที ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสขอพระราชทานแต่งตั้งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงคราหนึ่ง แต่ว่าท่านพี่ให้ท่านแม่สามีไป”“แต่คิดว่ารอท่านพี่กลับราชสำนักแล้ว มีโอกาสต้องขอพระราชทานแต่งตั้งให้ข้าแน่...”ที่นางกล่าวเช่นนี้ ย่อมเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมาอยู่แล้วทว่านางกำนัลเฉินกลับจี้จุดสำคัญออกมา “พูดเช่นนี้ ฮูหยินไม่มีตำแหน่งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงแล้ว?”นางหวังกัดฟัน ก่อนจะตอบกลับอย่างอิหลักอิเหลื่อ “ตอนนี้ไม่มีจริง ๆ”นางกำนัลเฉินสีหน้าราบเรียบ กล่าวว่า “ในเมื่อฮูหยินมิได้มีฐานะอะไร แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาตบปากท่านหญิงของเราจนบวมหรือ?”นางหวัง “ข้า...ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง ตบตีนางไม่ได้หรือ?”สีหน้าของนางกำนัลเฉินเคร่งขรึม “ฮูหยินเจ้าคะ ที่เรียกว่าภักดีกตัญญูมีมารยาท เหตุใดความภักดีถึงมาก่อนความกตัญญูกันเล่า? ย่อมเป็นเพราะภักดีต่อฝ่าบาทรักชาติ สำคัญกว่าความกตัญญูอย่างไรล่ะ”“ฝ่าบาทเป็นผู้แต่งตั้งตำ
นางเองก็เริ่มครุ่นคิดเช่นกัน นางกำนัลเฉินหมายความว่าอย่างไร? ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตนไม่ได้ตอบตกลงที่จะอยู่กับชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนและจีอู๋เหิง นางเซี่ยก็ไม่น่าจะไปขอให้ไทเฮาล้างแค้นตนสิถึงจะถูกฉะนั้นวันนี้มาจากไหนกัน?นางกำนัลเฉินกล่าวต่อ “ตอนนี้ฐานะของท่านหญิงสูงศักดิ์ ไม่ใช่คุณหนูที่ยังครองโสดธรรมดา ๆ แล้ว การกระทำของท่าน ล้วนต้องให้ความสำคัญกับหน้าตาของตำแหน่งท่านหญิง จะทำให้ต้าฉีของเราขายขี้หน้าไม่ได้”หรงจือจือ “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”นางหวังได้ยินหรงจือจือถูกอบรมสั่งสอน ก็สบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง นังคนชั้นต่ำผู้นี้ ปกติตอนที่ตนด่านาง มักจะชอบโต้เถียง วันนี้ในที่สุดก็นับว่ามีคนที่พูดแทนแล้ว นางคงเถียงไม่ออกแล้วสิ?นางกำนัลเฉิน “ในเมื่อท่านหญิงรู้แล้ว ก็ห้ามให้ผู้ใดก็ได้มาเต้นเร่า ๆ อยู่ตรงหน้าท่านเป็นอันขาด”“บางคนไม่รู้จักเคารพท่าน ควรตบตีก็ตบตี ควรด่าก็ด่า แม้จะเป็นคนในครอบครัว ก็ห้ามปล่อยไปตามอำเภอใจเด็ดขาด!”นางหวัง “?”เหตุใดประโยคนี้ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ อยู่หน่อย ๆ นะ?หรงจือจือตอบสนองอะไรบางอย่างกลับมา นางฉีกยิ้มพลางกล่าว “นางกำนัลเฉินพูดถูกเจ้าค่ะ”นางกำนัลเฉิน
ไม่ว่าเขาจะมาทำไม ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางหวังเมินเฉยได้นางรีบลุกขึ้นเดินออกไป พร้อมกับพูดทิ้งท้ายกับหรงเจียวเจียวว่า “เจ้ารักษาแผลดี ๆ ไป ทำใจกว้าง ๆ หน่อย ยังเป็นเช่นนั้น หรงจือจือได้ใจไม่ได้กี่วันหรอก”พูดจบก็เดินออกไปหรงเจียวเจียวครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับสาวใช้ข้างกายตนว่า “ฝานซิง เจ้าออกไปดูหน่อย ดูว่าคนในวังมาทำไม จะแต่งตั้งข้าเป็นท่านหญิงใช่หรือไม่”ไม่แน่ว่าท้ายที่สุดท่านเสนาบดีจะคิดได้แล้วว่า การที่พี่หญิงเป็นท่านหญิง คอยกดหัวตน ไม่ดีกับตนจริง ๆ จะทำให้ตนไม่มีหน้ามีตาฉะนั้นจึงขอพระราชทานแต่งตั้งให้ตนเป็นท่านหญิง หากเขาตามีแววเช่นนี้จริง ๆ ตนก็จะให้อภัยเรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่รอบคอบ แต่งตั้งตำแหน่งให้หรงจือจือ!ฝานซิงรีบตอบกลับ “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าเพิ่งร้อนใจไปนะเจ้าคะ เป็นของของคุณหนู อย่างไรก็หนีไม่พ้น! ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เป็นท่านหญิงหรือไม่ วันข้างหน้าคุณหนูก็จะแต่งงานกับท่านเสนาบดีแล้ว ไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้คุณหนูเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง ขอให้คุณหนูได้เป็นเช่นมารดาบุญธรรม”หรงเจียวเจียวเขินอายจนหน้าแดงไปหมดฝานซิงรีบออกไปในตอนนี้ มหาราช
ทางท่านพ่อต้องยิ่งเข้าใจได้โดยง่ายอยู่แล้ว คิดว่าท่านพ่อเองก็รู้ว่าเจียวเจียวโง่ดักดาน ไม่คู่ควรกับอัครมหาเสนาบดีเฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าสตรีที่ผ่านการหย่าเช่นตนอยู่หน่อยในสายตาของคนทั้งใต้หล้า สตรีที่หย่าและถูกเขียนหนังสือปลดภรรยา ไม่ต่างอะไรกับหญิงสำส่อนที่ไม่มีใครเอา นับตั้งแต่ที่นางกลับจวนในวันนั้นก็ถูกพวกชาวบ้านก่นด่า หากตระหนักถึงจุดนี้ได้ ท่านพ่อจะมองตนด้วยความชื่นชมได้อย่างไรอีก?เห็นคุณหนูไม่ตอบ เจาซีเองก็ไม่ฝืนถาม ได้แต่เอ่ยว่า “คุณหนู คุณหนูคิดว่าที่ท่านเสนาบดีทำดีกับจวนเรา เพราะคุณหนูรองจริง ๆ หรือ?”หรงจือจือ “คงไม่ใช่อยู่แล้ว”นางยิ่งเชื่อว่าเฉินเยี่ยนซูทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของตน ส่วนจะแต่งงานหรือไม่นั้น เกรงว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อน ทว่าคนสกุลหรงเริ่มดีใจแทนหรงเจียวเจียวกันไปแล้วเจาซีบ่นพึมพำกระซิบกระซาบ “หากท่านเสนาบดีชอบคุณหนูรองได้จริง ๆ บ่าวจะทุ่มเงินซื้อยารักษาดวงตาให้ท่านเสนาบดีเลย”กระทั่งนางยินดีทุ่มเงินเก็บส่วนตัวทั้งหมดที่ตนสะสมมาหลายปีเพื่อการนี้เชียว!หรงจือจือมองนางพร้อมความขำขันทีหนึ่ง “อย่าเอาแต่พูดไร้สาระทั้งวันสิ”หากเฉินเยี่ยนซูจะแต่งงานกับหรงเ
เมื่อหรงจือจือได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มองนางหวังทีหนึ่งก่อน นางหวังเป็นบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวท่านตา ได้รับความโปรดปรานเลี้ยงดูดั่งไข่ในหินด้วยความหยิ่งผยองและมักใช้อำนาจบาตรใหญ่มาตลอด หนำซ้ำยังโง่ดักดาน จุดนี้เป็นจุดที่ท่านย่าไม่ชอบ ทว่าหรงเจียวเจียวเองก็ถูกนางหวังอบรมสั่งสอนจนเป็นเช่นนี้ ช่างพาออกหน้าออกตาไม่ได้เลยจริง ๆนางจ้องหรงเจียวเจียว “เช่นนั้นเจ้ากับท่านเสนาบดี ก็เข้าพิธีสามหนังสือหกพิธีแล้วหรือ?”หรงเจียวเจียว “นี่...”หรงจือจือกล่าวขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเจ้ามั่นใจเรื่องแต่งงานขนาดนี้ ไม่สู้นำใบเทียบดวงชะตาของท่านเสนาบดีออกมาให้ข้าดูสิ?”หรงเจียวเจียวมีใบเทียบดวงชะตาอะไรเสียที่ไหน นางตอบกลับอย่างเดือดดาลว่า “หรงจือจือ ท่านจงใจใช่หรือไม่? ท่านรู้อยู่แล้วว่าเพียงพูดคุยเรื่องแต่งงาน ไม่ได้หมายความว่าจะตกลงแล้ว”หรงจือจือตอกกลับชืด ๆ “อ๋อ ที่แท้ก็ยังไม่ได้ตกลงกันนี่เอง”ไหนเลยหรงเจียวเจียวจะฟังคำถากถางที่อยู่ในคำพูดนี้ไม่ออก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนตนเอง เรื่องยังไม่ได้ตกลงแน่นอน ตนพูดเช่นนี้ไร้ยางอายอยู่เล็กน้อยทว่านางกลับกล่าวพร้อมเลิกคิ้ว “เรื่องน
หรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ “ข้าแค่สั่งสอนให้นางเคารพพี่สาวคนโต เข้าใจว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดเท่านั้น”“คิดแล้วหากทำให้ท่านพ่อรู้เข้าว่า นางอ้าปากทีก็มีแต่คำพูดอย่างหอคณิกาเช่นนี้ จุดจบของนางไม่ได้ดูดีไปกว่าน้องรองแน่!”ครั้นนางหวังได้ยินเช่นนั้น ก็เดือดดาลจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ไหนเลยจะไม่รู้ว่า ที่หรงจือจือกล่าวเช่นนี้เป็นการขู่ จะโวยวายจนไปเข้าหูมหาราชครูหรงไม่ได้นางเองก็ลอบโทษหรงเจียวเจียวพูดจาซี้ซั้ว แม้พวกนางจะมีเหตุผล ทว่าถูกหรงเจียวเจียวกล่าวเช่นนี้ออกมา ก็ไม่มีเหตุผลแล้ว!ต่อให้หรงจือจือจะเกลียดมารดาอย่างตนแค่ไหน ก็คงไม่มีทางโพล่งบอกให้อีกฝ่ายไปหาเลี้ยงชีพที่หอคณิกาเช่นนี้แน่!นางรีบส่งสายตาให้สาวใช้จ้าวทีหนึ่ง “เจ้ายังไม่ไปตามหมอประจำจวนมาอีก เจ้ายังบื้ออยู่ทำอะไร?”สาวใช้จ้าว “เจ้าค่ะ!”นางหวังมองไปรอบ ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวทั้งหน้าคล้ำดำเขียวว่า “เรื่องในวันนี้ บอกไปแค่ว่าคุณหนูสามหกล้มเอง พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”หากทำให้ท่านพี่รู้ว่าหรงเจียงเจียวพูดอะไร บุตรสาวต้องโดนลงแส้จนจับไข้ และต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นเดียวกับบุตรชายเป็นแน่พวกบ่าวรับใช้ “เจ้าค่ะ!”หรงเจียว
ทว่าหรงจือจือกลับไม่ประหลาดใจกับการกระทำของนางหวังเลยแม้แต่น้อย แอบคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้ว บางทีครั้งหน้าตนอาจต้องหลบให้เร็วกว่านี้หน่อย แบบนี้ไหล่ก็คงไม่ถูกปาจนบาดเจ็บ แตกต่างจากนางหวังที่เต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธอารมณ์ของหรงจือจือเรียบเฉย “ฮูหยินหรง น้องรองไม่อยากเจอข้า และพวกท่านก็บอกว่าข้าอัปมงคลยิ่งมิใช่หรือ? คิดดูแล้วหากข้าไปยืนอยู่หน้าประตูเรือนไม่ยอมไป ถึงทำให้เตะถ่วงการรักษาอาการบาดเจ็บของน้องรอง”น่าขันจริง ๆ เขาไม่ยอมพบนาง ทว่ายังโทษว่าตนไม่ยอมไปเฝ้าอยู่นอกเรือนเหมือนสุนัขอย่างก่อนหน้านี้ต่อนางโง่ดักดานมาหลายปี ทว่าไม่คิดจะโง่ไปตลอดชีวิตนางหวังถูกคำพูดของหรงจือจือทำให้สำลักไป “เจ้า...”หรงจือจือกล่าวต่ออย่างเรียบเฉย “ชาติกำเนิดของฮูหยินหรงอยู่ในสกุลมีชื่อเสียง อย่างไรอย่าเอะอะก็ตบตีคน ทุบตีคนเลยจะดีกว่า หากแพร่ออกไป คนนอกยังคิดว่าฮูหยินหรงเป็นหญิงใจหยาบ คิดแล้วก็ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเจียวเจียวเช่นกัน”สีหน้าของนางหวังแดงซีดสลับกัน “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าด่าคนเป็นแม่อย่างข้าว่าเป็นหญิงใจหยาบ?”สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้หรงจือจือรำคาญใจที่สุด แม้สองแม่ลูกพูดเอาไว้ว่า
เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก...
ความคิดเห็น