Share

บทที่ 7  

Penulis: สั่งไม่หยุด
นางถานยังคงรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ

ก็ยังไม่เห็นคนของหรงจือจือ ขณะที่นางกำลังหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็รอจนกระทั่งสาวใช้กลับมารายงานว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถานที่ทนความหนาวเย็นมาเกือบครึ่งชั่วยามจนหน้าเขียวแล้ว ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “ว่าอย่างไรนะ?!”

แล้วสิ่งที่ตนเองอุตส่าห์เตรียมการไว้ตลอดทั้งเช้านี้ จะสูญเปล่าไปดื้อ ๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้นางถานยิ่งมีโทสะ

สิ่งที่น่าโมโหที่สุด คือสิ่งที่เตรียมไว้มิได้ใช้ทรมานนางหรง แต่กลับทรมานตนเองแทน แล้วจะไม่ให้เดือดดาลได้อย่างไร?

หญิงชรารับใช้ที่วิ่งเต้นสืบข่าวมาเอ่ยว่า : “ได้ยินคนของหลันย่วนบอกว่า ฮูหยินซื่อจื่อเดินทางกลับเรือนมารดาแล้วเจ้าค่ะ!”

สาวใช้เฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็วิตกกังวลขึ้นมาทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อคงมิได้กลับเรือนมารดาไป เพื่อร้องเรียนต่อท่านมหาราชครูหรอกนะเจ้าคะ?”

นางถานฟังจบ ตอนแรกก็เครียดขึ้นมาทันที

แต่ทันใดนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นลงอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลน “หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มหาราชครูหรงคร่ำครึหัวโบราณมาแต่ไหนแต่ไร นางกลับไปก็มีแต่จะถูกก่นด่า!”

“อีกอย่าง บัดนี้จื่อฟู่สร้างความดีความชอบสำเร็จแล้ว กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ หากว่ามหาราชครูฉลาดจริง ก็ควรจะสนิทชิดเชื้อกับสกุลเราถึงจะถูก มีหรือจะเลือกยืนข้างหรงจือจือ?”

“จะต้อนรับบุตรีที่หย่าขาดสามีกลับเรือนสกุลหรงให้คนนินทา หรือจะรักใคร่ปรองดองกับบุตรเขยที่มีอนาคตไกล มหาราชครูหรงหรือจะเลือกไม่เป็น?”

สาวใช้เฉิน : “ฮูหยินพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถาน : “ช่างเถิด ให้นางได้กลับเรือนไปตั้งสติก็สมควรแล้ว! มิเช่นนั้นก็ยังคิดว่าตนเอง คือคุณหนูใหญ่สกุลหรงผู้สูงส่งล้ำค่าคนนั้นเหมือนเดิม!”

“แต่งเข้าจวนซิ่นหยางโหวเรา ก็ควรจะรักษากฎระเบียบของจวนโหวเรา ช่างเถิด ไม่อยากพูดถึงแล้ว รีบจุดถ่านไฟเสียที ข้าหนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว!”

……

หรงจือจือนั่งบนรถม้า หลับตาพักผ่อน

กลับมาถึงเรือนสกุลหรงแล้ว คนเฝ้าประตูก็ออกมาต้อนรับทันที

เพียงแต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองหรงจือจือนั้น เจือด้วยความสงสาร หรงจือจือเข้าใจดี ว่าเรื่องที่วังหลวงเมื่อคืน คนทั้งเรือนย่อมทราบแล้วแน่

ก็สมควรแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนนำไปแจ้งแก่ท่านพ่อ

บ่าวรับใช้น้อมต้อนรับหรงจือจือเข้าไปด้านใน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “นายท่านอยู่ที่เรือนนายหญิงใหญ่ และขอให้คุณหนูใหญ่วางธุระอื่นใดของท่านไว้ก่อน และไปรอเขาที่ห้องโถงหลักขอรับ เขามีเรื่องต้องคุยกับคุณหนู”

หรงจือจือขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

เหตุใดเวลานี้ท่านพ่อจึงอยู่ที่เรือนของท่านย่า? แล้วมีเรื่องอันใดหรือ จึงมิอาจคุยต่อหน้าท่านย่าได้? ท่านพ่ออ่อนน้อมเชื่อฟังและมีความกตัญญู หลายเรื่องยังต้องถามความเห็นจากท่านย่าด้วยเสมอ ซึ่งผู้อาวุโสอย่างนางก็มีบทบาทสำคัญในเรือนและถ้อยคำวาจาก็มีน้ำหนักมาตลอด

แต่ในเมื่อท่านพ่อมีคำสั่งเช่นนี้แล้ว หรงจือจือแม้รู้สึกประหลาดใจ ทว่านางก็ยังรออยู่ที่โถงหลักเหมือนเดิม

ไม่นานนัก ดรุณีน้อยนางหนึ่งซึ่งมีโฉมหน้าคล้ายหรงจือจืออยู่หลายส่วน ก็สืบเท้ายาวเดินเข้ามา “ตายแล้ว นี่พี่หญิงมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดวันนี้พี่หญิงจึงมีเวลาว่างกลับมาเจ้าคะ? หรือเพราะอยู่ที่เรือนสกุลฉีต่อไปไม่ไหวแล้ว?”

หรงจือจือมองนางด้วยความเงียบงัน มิได้เอ่ยวาจาใด

สิ่งที่หรงเจียวเจียวเกลียดที่สุดคือท่าทางนิ่งเฉยสงบเสงี่ยมเช่นนี้ของหรงจือจือ ตั้งแต่เล็กจนโต พี่หญิงกดตนเองไว้ทุกอย่าง แม้ทุกคนจะชมตนเองว่างามเพริศพริ้ง แต่เมื่อเป็นพี่หญิงกลับถูกสรรเสริญว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

พอทุกคนออกปากชมว่าตนเองมีพรสวรรค์ แต่เมื่อเป็นพี่หญิงแล้วกลับถูกยกยอว่าเป็นสตรีผู้มีความสามารถเลิศล้ำอันดับหนึ่งในเมืองหลวง

และที่น่าโมโหที่สุด ก็คือตอนที่พี่หญิงแต่งกับเจ้าขี้โรคสกุลฉี เดิมคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องกลายเป็นแม่หม้ายแน่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสามารถช่วยชีวิตฉีจื่อฟู่คนนั้นกลับมาได้ มิหนำซ้ำยังได้รับการขนานนามว่าเป็นภรรยาคุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

หรงจือจือในสายตาของคนทั้งใต้หล้า เรียกได้ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

ทั้งหมดนี้ จะไม่ทำให้หรงเจียวเจียวโมโหได้อย่างไร?

ได้ยินว่าสกุลฉีจะให้หรงจือจือเป็นอนุ หรงเจียวเจียวก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นเต้นเป็นที่สุด พอได้ยินว่านางกลับมาแล้ว ตนเองก็รีบแจ้นมาดูเรื่องสนุกทันที

นางทิ้งตัวนั่งลงเต็มบั้นท้าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลนทันที “พี่หญิง ท่านพูดอะไรสักอย่างเถิด! ท่านเป็นสะใภ้คุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมิใช่หรือ? พี่เขยก็แค่ขอให้ท่านเป็นอนุภรรยาเท่านั้น หาใช่เรื่องลำบากอะไร ท่านว่าไม่จริงหรือ?”

“หรือที่ท่านกลับมาวันนี้ อันที่จริงแล้วก็เพื่อมาขอคำชี้แนะจากท่านแม่ว่าควรเลี้ยงดูอบรมบุตรอย่างไร? จริงด้วยสิ คนที่ตั้งครรภ์คือองค์หญิง ต่อให้เป็นองค์หญิงจากแคว้นสิ้นเอกราชอย่างไรก็คือองค์หญิง วันข้างหน้าท่านเองก็ต้องปรนนิบัติรับใช้นางหลังคลอดด้วย”

“ตายจริง ดูท่านยามนี้สิ คนที่ต้องอับอายขายหน้าไม่จบสิ้นก็มีแต่ท่านคนเดียว และยังเสื่อมเสียมาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของสกุลหรงของพวกข้าด้วย! หลังจากนี้หากต้องเป็นอนุจริง หรือต้องหย่าขาดกับสามี ทุกคนคงไม่วายที่จะต้องหัวเราะเยาะเย้ยท่าน! เวทนาที่ตัวข้าเองก็ต้องอับอายขายหน้าไปด้วย”

เจาซีได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็เดือดดาลขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ตอนแรกหากมิใช่เพราะทำเพื่อพิธีสมรสของคุณหนูท่านอื่นในสกุลหรง คุณหนูใหญ่มีหรือจะยอมออกเรือน ทั้งที่หมอหลวงบอกว่าฉีจื่อฟู่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เพียงไม่กี่วันแล้วเท่านั้น?

บัดนี้คุณหนูใหญ่ถูกข่มเหงรังแกหนักหนาเพียงนี้แล้ว คุณหนูสามแทนที่จะสงสารนางบ้าง กลับพูดจาประชดประชันเช่นนี้ออกมาได้ลงคอ!

นางคิดจะออกปากช่วยพูดเข้าข้างแทนคุณหนู ทว่าหรงจือจือกลับเลื่อนมือขึ้นไปกุมมือของเจาซีไว้ ห้ามมิให้นางส่งเสียงโวยวาย

ครั้นปลอบขวัญเจาซีให้ใจเย็นลงได้แล้ว นางถึงจะมองไปยังหรงเจียวเจียว “น้องหญิงพูดถูก แต่เจ้าเองก็น่าจะทราบดี บัดนี้ข้าจวนจะได้หย่าขาดแล้ว ถึงอย่างไรชื่อเสียงก็ต้องเสื่อมเสียแน่ หลังจากนี้ก็คงต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแล้วจริง ๆ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าเดาดูสิว่า หากข้าออกไปพูดจาด่าทออยู่ข้างนอก หรือพูดจาอยาบคายต่อหน้าธารกำนัลในหอน้ำชาหรือเรือนแรม ถึงยามนั้นคนที่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจะเป็นผู้ใด?”

“ถึงยามนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องหญิงจะได้ออกเรือนมีคู่ครองได้อีกหรือไม่! หากข้าเป็นน้องหญิง ในยามนี้ข้าคงเลือกเคารพให้เกียรติพี่หญิงอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้พี่หญิงเลอะเลือนขาดสติ จนพังพินาศไปพร้อมกับเจ้า”

หรงเจียวเจียว : “ท่าน…”

นางหรือจะไม่ทราบ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ลึก ๆ แล้วก็แอบสมน้ำหน้าหรงจือจืออยู่ไม่น้อย แต่ความจริงก็ยังด่าทอสาปแช่งครอบครัวที่ใจโหดเยี่ยงหมาป่าลมหายใจเยี่ยงสุนัขของซิ่นหยางโหวมากกว่า

ฉะนั้น แม้การสมรสครั้งที่สองของพี่หญิงหลังหย่าขาดสามีกลับมาจะยากลำบากสักหน่อย ทว่าการได้เป็นฮูหยินโดยถูกต้องชอบธรรมนั้น สามารถคลายปัญหาของพี่หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะไม่ส่งผลกระทบใดมาถึงการสมรสของตนเอง

หากว่าหรงจือจือปล่อยให้ไหร้าวแตกซ้ำอีกรอบ[footnoteRef:1] ออกไปคลุ้มคลั่งเสียสติด้านนอก และทำให้คนอื่นคิดว่านิสัยเดิมของดรุณีสกุลหรงน่ารังเกียจ เช่นนั้นพิธีสมรสของนางได้เป็นอันจบสิ้นจริง ๆ แน่ ทุกคนจะต้องคิดว่า ตนเองออกจากครรภ์มารดาเดียวกับพี่หญิง อุปนิสัยใจคอย่อมไม่แตกต่างกัน! [1: หมายถึง การทำเรื่องที่แย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งขึ้นไปอีก]

ในขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น

ก็มีสตรีวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

หลังจากอีกฝ่ายเข้ามาแล้ว หรงจือจือก็ยืนขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “คารวะท่านแม่!”

คนที่มาคือมารดาผู้ให้กำเนิดหรงจือจือ นางหวังนายหญิงปัจจุบันของจวนมหาราชครู

นางหวังสืบเท้าเข้ามาหยุดเบื้องหน้าหรงจือจือ ก่อนจะยกมือขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบหน้าหรงจือจือไปหนึ่งฉาดทันที!

เจาซีเบิกตาโพลง : “ฮูหยิน…”

หรงจือจือถูกตบจนหน้าหัน มุมปากได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ดวงหน้าชาแปลบขึ้นมา ไม่ต้องส่องคันฉ่องก็รู้ว่า ต้องมีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับอยู่บนใบหน้าอย่างแน่นอน

นางกัดฟันแน่น ข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้ และจ้องมองไปยังนางหวัง

นางหวังก่นด่าด้วยโทสะ “เมื่อครู่ข้ายังไม่เข้ามา ก็เห็นว่าเจ้าใช้วาจาโอหังอวดดี รังแกน้องหญิงของเจ้า! กฎระเบียบที่เจ้าร่ำเรียนมาเป็นปี คงไปอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้ว!”

หรงเจียวเจียวรีบรุดเข้าไปทันที และดึงแขนของนางหวังไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างฉอเลาะว่า “ท่านแม่ พี่หญิงก็เหลือเกินจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งได้ฟังเรื่องในวังเมื่อคืน ก็คิดจะเข้ามาปลอบใจพี่หญิงสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าพี่หญิงจะขู่ขวัญให้ข้าตกใจกลัว เคราะห์ดีที่ท่านแม่มาแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงกลัวจนน้ำตาไหลแน่เจ้าค่ะ!”

เจาซีเอ่ยด้วยความโมโห “คุณหนูสาม เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าท่าน…”

นางหวังมองเจาซีอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านายกำลังคุยกัน มีที่ให้บ่าวรับใช้อย่างเจ้าสอดปากเข้ามาพูดด้วยหรือ? ไปถึงจวนโหว คงจะโอ้อวดแสนยานุภาพอยู่ข้างกายนายหญิงของเจ้าอยู่ประจำกระมัง ถึงได้ทำให้นายหญิงของเจ้าเลอะเลือนเพียงนี้! ใครก็ได้ จับเจาซีนางบ่าวจอมโอหังคนนี้ ไปโบยให้ตายเสีย!”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 8  

    เจาซีได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที ทว่าภายใต้ความขลาดกลัวและความดื้อรั้น ภายในใจกลับเกิดความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่กำลังคิดว่าในเมื่อฮูหยินจะตีตนเองให้ตายจริงแล้ว ก่อนที่นางจะต้องสิ้นใจตาย ต้องช่วยพูดเข้าข้างคุณหนูของตนเองสักสองประโยค กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสืบเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว เอาตัวเข้าขวางหน้าเจาซีไว้ แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าห้ามมิให้ผู้ใดแตะต้องนาง เจาซีเห็นเงาแผ่นหลังบอบบางอ่อนแอของคุณหนู แต่กลับรู้สึกว่ากว้างใหญ่ไร้สิ่งใดเปรียบ ริมฝีปากของนางสั่นไหวเล็กน้อย ในดวงตากำลังรื้นคลอด้วยน้ำตา “คุณหนู…” บัดนี้ภายในใจของนางเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาจนจะตายให้ได้ คุณหนูคอยเตือนสตินางไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ให้เข้มแข็งหนักแน่น เงียบไว้อย่ามากวาจา เพราะด้วยฐานะของนางถึงอย่างไรแล้วก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ ถูกจับผิดง่าย แต่เหตุใดหนอตนเองถึงไม่รู้จักจำใส่หัวไว้บ้าง! นางหวังมองการกระทำของหรงจือจือ หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมา พร้อมถากถางอย่างรังเกียจ “เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร? เจ้าคิดจะอกตัญญูต่อมารดา เพียงเพื่อปกป้องบ่าวชั้นต่ำคนหนึ่งหรือ?” หรงจือจือมิได้สนใจความเจ็บ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 9  

    หรงจือจือได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ก็มีแต่จะรู้สึกว่าน่าขัน เมื่อปีก่อนนั้นท่านย่ายังเคยท้วงว่าฉีจื่อฟู่เป็นเจ้าขี้โรค มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่วันแล้ว จะให้ตนเองแต่งเข้าไปได้อย่างไร? แต่เพราะท่านพ่อไม่ยอมให้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรง ต้องกระทบกระเทือนเพราะทิ้งสัญญาหมั้นหมาย และท่านแม่เองก็ร้องไห้โวยวายว่าหากตนเองเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแล้ว คนนอกคงไม่มีผู้ใดกล้ามาขอหมั้นหมายกับคุณหนูคนอื่นในสกุลหรงอีกแล้ว เพื่อวงศ์ตระกูล เพื่อบุพการีและบรรดาน้องหญิงทั้งหลายแล้ว นางจำต้องข่มความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในใจ และเกลี้ยกล่อมให้ท่านย่ายอมให้ตนเป็นสะใภ้สกุลฉี บัดนี้บ้านสามีข่มเหงรังแกนางเพียงนี้ ท่านแม่มิเพียงไร้ซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยนาง กลับบอกให้นางไปผูกคอตายด้วย ก่อนหน้านี้ความสุขชั่วชีวิตของนาง ยังไม่สำคัญเท่าพิธีสมรสของน้องหญิง บัดนี้แม้กระทั่งชีวิตของนาง ยังมิอาจยกมาเทียบเคียงกับพิธีสมรสของน้องหญิงได้อีกเหมือนเคย บัดนี้นางกลับรู้สึกไม่คุ้มค่าเลย ที่ไม่เคยให้คุณค่าตนเอง ภายใต้ความเหนื่อยล้า นางคร้านจะเอ่ยวาจาใดอีกแล้ว จึงพูดเพียงว่า “ท่านแม่พูดถูกทุกประการ เป็นลูกที่อก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 10  

    บนดวงหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์มาตลอด บัดนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ หรงจือจือจ้องมองมหาราชครูหรงไม่วางตา ท่านพ่อสนใจแต่ขนบธรรมเนียมและชื่อเสียงเกียรติยศในตระกูลมาตลอด ส่วนในใจของท่านแม่ก็มีเพียงน้องชายและน้องหญิงเท่านั้น มีเพียงท่านย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนที่รักตนเอง และเป็นคนที่ตนเองรัก ในวันที่นางเกิดมา หากมิใช่เพราะท่านย่าเป็นคนไปแย่งนางกลับมา นางคงตายด้วยน้ำมือของท่านแม่ไปแล้ว บัดนี้ได้ยินว่าท่านย่าป่วย นางย่อมร้อนรุ่มกังวลใจขึ้นมาทันที มหาราชครูหรงฟังน้ำเสียงของนาง สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้ารู้จักอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่าของเจ้า ไม่เสียแรงที่นางรักและเอ็นดูเจ้ามาหลายปี! ท่านย่าของเจ้าปลอดภัยดี เพียงแค่โรคเก่ากลับมากำเริบอีกครั้งเท่านั้น หมอเทวดามารักษาแล้ว ข้าเองก็อยู่เฝ้าไข้ดูแลนางทั้งคืน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว” ว่าตามหลักแล้วหากนายหญิงใหญ่ป่วยไข้ไม่สบาย ควรเป็นนางหวังที่เข้าไปเฝ้าไข้ปรนนิบัติ ทว่ามหาราชครูหรงมีความกตัญญูอย่างสูงส่ง กอปรกับทราบว่ามารดาไม่ถูกชะตาภรรยาของตน ฉะนั้นเขาจึงไปอยู่เฝ้ามารดาด้วยตนเองตลอดทั้งคืน หรงจือจือฟังมาถึงตรงนี้ ก็วางใจ ท่านย่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 11

    มหาราชครูหรงกลับประหลาดใจ มองบุตรสาวของตนอย่างพินิจพิเคราะห์ “เจ้าอยากหย่าร้างอย่างนั้นหรือ? ไม่อาลัยอาวรณ์ฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือกล่าวเบา ๆ “ท่านพ่อ ตอนนั้นเหตุใดลูกจึงต้องแต่งงานกับเขา ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกไม่ได้แต่งเพื่อตัวลูกเอง แต่แต่งเพื่อสกุลหรง”“บัดนี้ ลูกไม่ได้หย่าร้างเพื่อตัวของลูกเองเลย ลูกทำเพื่อสกุลหรงเช่นเดียวกัน”“ท่านพ่อน่าจะรู้ดี อวี้ม่านหวานั่นแท้ที่จริงเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเจา ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาของราชวงศ์เราจะต้องปฏิบัติต่อประเทศที่สูญเสียเอกราชด้วยความกรุณา ไม่มีทางให้นางเป็นอนุอย่างเด็ดขาด อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของแคว้นเจาไม่มีทางตอบตกลงเช่นกัน”“แต่หากข้าเป็นบุตรสาวแห่งสกุลหรง ถูกลดตำแหน่งให้เป็นอนุ จะต้องอดทนอยู่อย่างเงียบ ๆ ชื่อเสียงขุนนางของท่านพ่อกับชื่อเสียงอันดีงามของสกุลหรง ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นลูกจึงคิดว่า การหย่าร้างคือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้”หรงจือจือภายใต้การเลี้ยงดูของท่านย่า มักจะเป็นคนสุขุมและเฉลียวฉลาด นางเข้าใจดีว่า ยิ่งอยากทำการอันใดให้สำเร็จ ก็ยิ่งต้องสงบนิ่ง สมองต้องคิดอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 12

    หรงจือจือฟังคำพูดของสาวใช้จ้าว มุมปากปรากฏรอยยิ้มถากถาง เมื่อรู้ว่าที่ท่านแม่มีคำสั่งเช่นนี้ นางไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิดสาวใช้จ้าวมองรอยยิ้มถากถางของนาง เกิดความไม่พอใจขึ้น “คุณหนูใหญ่ สีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? ไม่พอใจต่อการจัดการของฮูหยินหรือเจ้าคะ?”“เช่นนั้นบ่าวอยากจะขอเตือนท่าน กิจภายในจวนตอนนี้ ฮูหยินเป็นผู้ตัดสินใจเจ้าค่ะ ฮูหยินบอกว่าไม่ให้ข้าวเที่ยงท่าน แม้ท่านจะไม่พอใจ ก็ทำได้เพียงอดทนเจ้าค่ะ”หรงจือจือกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่อนุญาตให้ข้ากิน หรือไม่ให้อาหารข้า?”สาวใช้จ้าวเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ทั้งสองคำถามนี้มีอะไรแตกต่างกันหรือ?นางยิ้มอย่างเยาะเย้ย กล่าว “หากคุณหนูใหญ่อยากกินจริง ๆ ก็ไม่ยากเจ้าค่ะ หากท่านมีความสามารถ ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนยอมให้ท่านกินข้าวได้ บ่าวก็คงเข้าไปยุ่งไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ หรือว่าคุณหนูใหญ่มีความสามารถ เสกของกินออกมาเองได้ คิดว่าทางฝั่งฮูหยินเอง ก็คงจะไม่พูดอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ”ฮูหยินจัดการบ่าวรับใช้ในจวนจนเชื่อง รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากฮูหยินไม่อนุญาต จะมีใครกล้าไม่ลืมหูลืมตา โง่จนถึงขนาดเอาของกินให้คุณหนูใหญ่กัน?ดังนั้นที่สา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 13

    นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหลมองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้นจึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 14

    เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่พูดจาฉีอวี่เยียนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ ท่านเป็นพี่สะใภ้แท้ ๆ ของข้า ข้าออกเรือนทั้งที หากท่านไม่เติมสินเดิม ก็ดูจะใช้ไม่ได้สักเท่าไหร่นะ!”“อีกอย่าง การแต่งงานของข้า พี่สะใภ้ยังเป็นคนช่วยข้าพูดจนสำเร็จ หากท่านไม่เติมสินเดิม ทางด้านจวนอ๋องเฉียน ก็คงจะพูดลำบากเช่นกันมิใช่หรือ?”ว่ากันตามเหตุผล จวนอ๋องเฉียนสมรส ก่อนหน้านี้ไม่มีทางถูกใจครอบครัวที่มีแต่เปลือกนอกอย่างซิ่นหยางโหวง่าย ๆ แน่ความจริงคือหรงจือจือมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมักจะชมนางไม่หยุดปาก บอกว่านางเป็นสตรีที่น่ารัก มีความชอบธรรม ทั้งยังกตัญญู น่าเสียดายที่ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตนเองดังนั้นเมื่อเห็นหรงจือจือเป็นผู้มาคุยเรื่องการแต่งงานให้น้องสาวสามีด้วยตนเอง พระชายาอ๋องเฉียนถึงได้ตกปากรับคำเพื่อหลานชายของตนเองถึงแม้จะไม่ใช่หลานคนโตของภรรยาเอก แต่ฉีอวี่เยียนก็คู่ควรที่จะแต่งงานกับหลานชายคนรองของภรรยาเอก จึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนหรงจือจือมองฉีอวี่เยียน ถามอย่างพินิจพิจารณา “อวี่เยียน พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอนุเพื่อองค์หญิงม่านหวานั่น เจ้ารู้เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 15

    มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้างจะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”หรงจือจือ “...”เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้อง

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 326

    ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 325

    เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 324

    “ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 323

    เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 322

    เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 321

    เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 320

    เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 319

    หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 318

    “แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status