เมื่อจิวซินนางเอกหน้าหวานของเราต้องยอมนำพาตัวเองมาเป็นราชบุตรเขยของไห่ตงหยวน แทนพีชายที่ไม่อาจหักใจจากคนรัก และแอบหนีหายไปทิ้งภาระทั้งหมดให้กับจิวซิน ไหนจะองค์รัชทายาทที่ไม่ชอบขี้หน้าเธออีก
View Moreเยว่ฉีส่งตะเกียบสีเงินให้กับชงไฉ่ หมูสามชั้นที่แดง ขาวชิ้นพอดีคำ ราดด้วยน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวถูกส่งเข้าปาก ความเผ็ดจากพริกหอมภูเขา รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ปลายลิ้นจากผลส้ม และกลิ่นหอมจากสุรา ที่ฉุนขึ้นจมูก ที่ผสมกันอย่างลงตัวทำเอาชงไฉ่ถึงกับเผลอคีบหมูสามชั้นชิ้นต่อไปส่งเข้าปากอย่างลืมตัว ฮุยเจินหันไปอมยิ้มสบตากับชิงซาที่ยืนคอยสังเกตท่าทีของชงไฉ่ข้างๆ“รสชาติจัดจ้านไม่เหมือนอาหารของวังหลวงของไห่ตงหยวน กลิ่นสุราที่หอมหวนซึมซับเข้าไปข้างในชวนให้อยากลิ้มลอง นับว่าแปลกประหลาดไม่น้อย ““ฝ่าบาทลองชิมพร้อมกับเครื่องเคียงทั้งสามอย่างดูเถิด” ฮุยเจินออกปากเชิญชวน กลายเป็นเยว่ฉีที่คีบเอากวางตุ้ง สาหร่าย หัวไซเท้าหั่นวางบนจานคีบเอาเนื้อเป็ดส่งเข้าปากบ้าง รสชาติอาหารทำเอาเยว่ฉีถึงกับอึ้งชงไฉ่ คีบเครื่องเคียงมาวางที่จานบ้าง“สาหร่ายทะเลใช่ไหม เจ้านำมันมาจากเหอตงหยวนด้วยใช่ไหม” ส่งเข้าปากเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ต้องยกความดีให้นางวัตถุดิบทุกอย่างเลี่ยงเฟิ่ง นางคัดสรรด้วยความพิถีพิถัน” ชงไฉ่พยักหน้าตั้งหน้าตั้งตาคีบนู่นนี่มาลองลิ้มรสดู“ปูชนิดนี้รสชาติดีเหลือเกิน เพคะฝ่าบาท” เยว่ฉีออกปากชม“พระชายาคงยังไ
“ข้าเพียงอยากทดสอบยาลืมทุกข์ของกงกงเฒ่าว่าจะสามารถทำให้ฝ่าบาทลืมเลือน จิวซินได้จริงหรือไม่”“องค์ชายสิบสามจึงพานางมาด้วยเช่นนั้นหรือ”“ถูกต้อง ความรักความผูกพันหรือความรักจริงใจต่อกันไม่อาจมีสิ่งใดขว้างกั้นได้ ข้าเชื่อเช่นนั้น”“ข้าเอาใจช่วยให้ ความคิดของท่านถูกต้อง”“ข้าจะพานาง เข้าไปอยู่ในตำหนักของฝ่าบาทในฐานะนางในห้องเครื่อง เสวยของฝ่าบาทและต้องเป็นนางในที่ยกเครื่องเสวยด้วย”“หากให้นางไปคัดเลือกเป็นนางในเกรงว่าด้วยฐานันดรของนางสูงส่งและทุกอย่างที่เคยเป็นของเลี่ยงเฟิ่งอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับใคร เพียงแค่ให้ฝ่าบาทออกโรงปกป้องนางด้วยตัวฝ่าบาทเองเพราะตอนนี้ฝ่าบาททรงเป็นถึงฮ่องเต้สูงสุดในแผ่นดินแล้ว หากอยู่ในฐานะสนมย่อมไม่รอดพ้นสายตาของชายาอย่างเยว่ฉี”“ท่านมั่นใจเช่นนั้นหรือ”“เลี่ยงเฟิ่งคนนี้นางชื่นชอบการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นพี่ห้าหรือข้าฮุยเจินมักจะต้องกลายเป็นผู้ที่ต้องติชมรสมือนางไปแล้วทั้งสิ้น นับว่าฝีมือการทำอาหารของเลี่ยงเฟิ่งหาผู้เปรียบเปรยได้ยากข้าจึงคิดว่า ฝ่าบาท จะต้องตรึงใจในรสมือของนางไม่น้อย”จิ่นเกอทำไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ปกตินางไม่เคยเข้าใกล้ห้องเครื่องมาก
“เช่นนั้นรึ อย่างนั้นไม่สู้เจ้ารีบไปเยี่ยมองค์ชายน้อยเถิด เหลือเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยังไม่เห็นหน้าองค์ชายน้อยมาก่อน”“เช่นนั้นข้าและเลี่ยงเฟิ่งขอลา” ฮุ่ยเจินกระตุกแขนเลี่ยงเฟิ่งให้คุกเข่าก่อนจะบ่ายหน้ายังตำหนักบูรพาที่ซึ่งบัดนี้องค์ชายใหญ่จิ่นเกอและเจียวซือเป็นผู้ครอบครอง ชงไฉ่มองตามฮุ่ยเจินและเลี่ยงเฟิ่งจนลับสายตาเบื้องหน้าตำหนักบูรพา จิ่นฉินตะลึงมองเลี่ยงเฟิ่ง ด้วยแววตาปีติ เช่นนั้นคำพูดหาหลุดออกมาจากปากไม่ ฮุ่ยเจิน เพียงแต่โคลงศรีษะไปมา พร้อมกับรอยยิ้มด้วยความสุนทรีย์หากไม่ได้แสดงอาการว่าอยากพูดอะไรเช่นกัน จิ่นฉินยกมือประสานกันเบื้องหน้าคารวะ องค์ชายสิบสาม“องค์ชายใหญ่กับเจียวซืออยู่ข้างในใช่ไหม” จิ่นฉินเหลือบตามองเลี่ยงเฟิ่ง แต่เจรจากับฮุยเจิน“องค์หญิงและองค์ชายใหญ่จิ่นเกอกำลัง หยอกล้อกับองค์ชายน้อยอยู่ข้างใน เชิญท่านทั้งสองรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปบอกให้รุ้ว่าท่านทั้งสองมา”ฮุยเจินโบกมือ ห้ามถือวิสาสะเดินนำเลี่ยงเฟิ่งเข้าไปข้างในเบื้องหน้านั้นองค์ชายน้อย กำลังแย้มพระสรวลดวงตาใสซื่อจิ่นเกอยืนหันหลังเจียวซือนั่งยองๆ ข้างองค์ชายน้อยเสียงสาวใช้สองสามคน ทำความเคารพองค์ชายสิบสาม เลี่ยงเ
องค์ชายสิบสามฮุ่ยเจิน นำกำลังทหารสองสามนายมายังคุกหลวง หมิงหลิน ประคองศีรษะของจิวซิน ให้สูงขึ้นองค์ชายสิบสามปราดเข้าไปที่ห้องขังไขกุญแจ ออกอย่างเร่งรีบ มองไปยังร่างของจิวซินสายตาเป็นกังวลเล็กน้อย ประคองหมิงหลินให้ออกไปจากห้องขังชงไฉ่ รินสุราลงคอเหมือนกับหิวกระหายเสียเต็มทีทั้งๆ ที่เขาดื่มมาทั้งวันชิงซามองนายน้อยด้วยสายตาอดสูและผิดหวัง ลองห้ามดูหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ในมือกำแผ่นหยกในมือไว้แน่นป้ายหยกของจิวซิน“องค์รัชทายาท ทรงดื่มมากไปแล้ว” ชงไฉ่โยนจอกสุราทิ้งเสียงดังสนั่น เอื้อมมือคว้าไหสุรามากระดกอย่างบ้าคลั่งเยว่ฉี นวยนาดเข้ามาในห้องคว้าไหสุราในมือเกิดอาการยื้อแย่ง“องค์รัชทายาท โปรดไตร่ตรอง องค์หญิงรองเลือกทางเดินเช่นนี้เป็นเพราะนางขลาดเขลาที่จะเผชิญความจริงและการสอบสวน” ชงไฉ่ดวงตาวาวโรจน์ผลักเยว่ฉีจนเซถลา“ฮ่องเต้ทรงพระประชวรหนักในตอนนี้มีเพียงองค์รัชทายาทอย่างท่านเท่านั้นที่ไม่แยแสบ้านเมืองจนเกิดคำครหา” ชงไฉ่แววตาอ่อนแสงลงหันกลับไปทางชิงซา“ชิงซา ไปถวายพระพรเสด็จพ่อกัน” ชิงซากุลีกุจอวิ่งไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมให้ชงไฉ่ด้วยข้างนอกอากาศค่อนข้างเย็น ชงไฉ่ก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอก ชิงซาหัน
“องค์หญิงอย่าไว้ใจนาง” กระซิบเบาๆ พอได้ยินกันสองคน จิวซินตบมือหมิงหลินเบาๆ เป็นการปลอบใจ“องค์หญิงรองเยว่ฉีเห็นท่านลำบากนักนำอาหารมาให้ท่าน” คำพูดที่เหมือนจะฉาบทาด้วยยาพิษ“เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจข้าขนาดนี้”“องค์รัชทายาทพูดถึงท่านทุกวันคืน เยว่ฉีทนไม่ไหว” จิวซินเลิกคิ้วด้วยความฉงน“ข้าขอบใจน้ำใจเจ้าแต่ไฉนเลยต้องพาตัวเองมาลำบากในที่แบบนี้ด้วย” เยว่ฉีทรุดกายนั่งลงเบื้องหน้า” อาจเป็นเพราะเยว่ฉีทนเห็นองค์รัชทายาทเป็นแบบนั้นไม่ได้ เรียกหาเยว่ฉีเข้าไปปรนนิบัติทั้งคืน แต่กลับพร่ำเรียกหาแต่องค์หญิงรอง” จิวซินเม้มริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ“ฝากไปบอกองค์รัชทายาทของเจ้าด้วยว่า...ไม่จำเป็นที่จะใส่ใจข้าเพียงนั้น” กลืนก้อนแข็งๆ ลงคอยากเย็นเยว่ฉียื่นส่งอาภรณ์ของจิวซินเมื่อครั้งที่ชงไฉ่ มีคำสั่งให้ห้องซักล้างนำไปซักมาเก็บไว้กับตัวเมื่อคราวที่จิวซินถูกคนของชิงซาทำร้ายแล้วชงไฉ่ช่วยไว้ทันและค้างคืนในป่าด้วยกันให้จิวซินดู อาภรณ์ชุดนั้นกลับมีรอยไหม้ชัดเจน“องค์รัชทายาทเก็บไว้อย่างดีตลอดมา องค์หญิงรองเคยรู้หรือไม่แต่บัดนี้พระองค์กลับนำมันออกมาเผาทำลายดีที่เยว่ฉีดับไฟได้ทันจึงนำมันมามอบแก่องค์หญิง” จิวซินยื่นมื
สุสานขององค์ชายห้าถูกขุดขึ้นอย่างเร่งรีบด้วยบุรุษที่ใบหน้าถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำเปิดให้เห็นเฉพาะดวงตาที่ไร้ซึ่งความรุ้สึกใดๆ ร่างของงอคืชายห้าที่ถูกตั้งไว้บนแท่นสูงเมื่อพิศมองเหมือนคนนอนหลับก็ไม่ปานบุรุษชุดดำสองคนช่วยกันยกร่างใส่เข้าไปในเกี้ยวและปิดปากสุสานบรเิวณที่ขุดให้เหมือนเดิมเหมือนไม่เคยมีใครมาขุดมาก่อนเสียงฝีเท้าม้าที่วิ่งลากเกี้ยวเยาะย่างฝ่าความมืดเบื้องหน้าหายวับไปทันทีกระท่อมร้างโดดเดี่ยวกลางป่าไผ่องค์ชายห้านอนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับจิ่นเกอที่บรรจงหยอดยาถอนพิษเข้าสุ่ริมฝีปากที่ปิดสนิท"องค์ชายอีกนานไหมกว่าองค์ชายห้าจะรุ้สึกตัว""เพียงไม่กี่ชั่วยามระหว่างนี้ข้าอยากให้เจ้ากลับวังหลวง ดูว่ามีอะไรคืบหน้าบ้างองค์ชายสิบสามคงจะพยายามหาทางยื้อการประหารจิวซินไม่ได้อีกสองสามวัน""เช่นนั้นจิ่นฉินขอลาหากองค์ชายห้าฟื้นคืนองค์ชายใหญ่แจ้งข่าวด้วยและอธิบายให้องค์ชายทราบเจตนารมณ์ของเราด้วย"จิ่นเกอพยักหน้า"ตอนนี้ข้าห่วงจิวซนมากคุกหลวงแม้จะลำบากแต่ก็ปลอดภัยดีแต่อสจมีบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ในเมื่อตอนนี้ชงไฉ่ไม่แยแสจิวซินแม้แต่น้อยไห่หยวนเองก็ล้มป่วยฉะนั้นคนที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คือกงกงเฒ่าผู้น
เหอหยวนฮ่องเต้ นั่งนิ่งด้วยความคิดหลากหลายจากการรายงานข่าวของขันทีข้างกายเรื่องที่จิวซินกำลังกลายเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารองค์ชายห้าฮุ่ยโม๋ ไฉนเลยอยากให้เป็นนั้นจิวซินทำไมไม่หาทางเอาตัวรอดหนีออกมาเมื่อทำการสำเร็จ ถึงแม้นางจะถูกประหารแต่ใจเขาเองก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นมารดาของจิวซินซึ่งเป็นสนมหรือฮองเฮาที่อยู่ข้างกายเขาหามีความรู้สึกลึกซึ้งไม่เพียงแต่ความต้องการทางกามารมณ์ชั่วคราวเท่านั้นแต่ความผูกพันพ่อลูกช่างทำให้รู้สึกใจหายอย่างประหลาด ถอนหายใจยาวเหยียดถึงเวลานี้อย่างน้อยไห่หยวนต้องรู้สึกเจ็บปวดไม่มากก็น้อยความเจ็บปวดเมื่อเสียคนที่รักเหมือนที่เขาเคยเป็นมาก่อน แต่ความรู้สึกผิดในใจของเขาที่มีต่อจิวซินยังเกาะกุมอยู่ในใจไม่จางหายไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าจิวซินเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่งจิ่นเกอ เดินวนเวียนไปมาหลายรอบคิดหาทางช่วยเหลือจิวซินเขาในตอนนี้ต้องหลบซ่อนตัวพาตัวเองออกมาจากโรงเตี๊ยมที่เคยพำนัก ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกใบใหญ่จะทำอย่างไรถึงจะช่วยเหลือจิวซินได้ในเมื่อทุกอย่างเข้าตาจนคงต้องรอข่าวจากจิ่นฉินที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถส่งข่าวอะไรใ
“สายสร้อยของกำนัลจากพี่ห้านางพกติดตัวไม่ห่างเจ้าคิดว่ามีความหมายใดกัน แล้วยังจะป้ายหยกประจำตัวของพี่ห้าที่นางเก็บไว้เสียดิบดีในหีบใบน้อยนั่นเล่า” ชงไฉ่กำมัดแน่นด้วยความโกรธที่ถูกระงับไว้“ข้าไม่เห็นว่าองค์หญิงมีเหตุอันใดที่ต้องการให้คนที่ดีต่อองค์หญิงถึงเพียงนั้นต้องตาย”“องค์ชายห้าฮุ่ยโม๋มาจากนอกเมืองครั้งเมื่อไปทำราชกิจก็มุ่งตรงไปหานางทันที ....ไม่ใช่เพราะใจโหยหาตามแรงปรารถนา ไม่ก็เพราะว่าตั้งใจไปเหนี่ยวรั้งองค์หญิงรองไม่ให้เสกสมรสกับองค์รัชทายาท”“น้องสิบสามเจ้าก้าวล่วงเรื่องของข้ามากไปแล้ว” รอยยิ้มเยือกเย็นจากใบหน้าขององค์ชายสิบสามฮุ่ยเจินไม่ได้มีท่าทีอ่อนข้อให้กับคำกล่าวตักเตือนของชงไฉ่“ไม่ว่าจะมองด้านใดพี่สิบสองตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตย่อมสูงส่งกว่าตำแหน่งชายาเอกของอ๋องห้าพี่สิบสองก็น่าจะรู้ดีว่านางจะประสงค์สิ่งใด มีเพียงหญิงสติไม่ดีเท่านั้นที่คิดเห็นแปลกไป”“ข้าน้อยไม่เชื่อว่าองค์หญิงจะเป็นนั้นองค์รัชทายาทท่านอย่าได้เชื่อคำกล่าวอ้างแล้วเข้าใจองค์หญิงผิดไป” หมิงหลินคุกเข่าอ้อนวอนชงไฉ่“พี่สิบสองอยู่ที่ท่านแล้วข้าไปไม่ได้กล่าวคำเท็จทุกอย่างมีหลักฐาน หากองค์หญิงรองจิวซินไม่ให้ความหวั
เหมือนจะบอกว่าเจ้าเห็นใจข้าเถอะเจ้าสิบสามทว่าปราศจากการตอบกลับแต่อย่างใด องค์ชายสิบสามหันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจสายตาอ้อนวอนนั้น“ข้าไห่หยวนพยายามด้วยความจริงใจต่อเหอตงหยวนแต่ทว่าพวกเขากับคิดว่าข้าอ่อนข้อให้คิดการใหญ่แล้วยังส่งเหอจิวซินเข้ามาสร้างความปั่นป่วนหนำซ้ำยังกำเริบถึงขั้นวางยาองค์ชายห้าจนเสียชีวิตครั้งนี้ข้าจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ใดๆ หากสอบสวนแล้วนางผิดจริงคงไม่พ้นโทษประหาร”“เสด็จพ่อลูกอยากฟังความจริงจากปากของนาง” ชงไฉ่ยังไม่ละความพยายามที่จะได้พบจิวซิน“องค์รัชทายาท หากยังดื้อดึงจะทำให้ถูกครหาตอนนี้องค์รัชทายาทควรอยู่ห่างนางไว้เป็นการดีที่สุดอย่าลืมว่านางเป็นถึงว่าที่ชายาเอกและองค์รัชทายาทก็ไม่อาจแปดเปื้อนไปกับนางหากนางทำผิดจริง” ไห่หยวนพยายามเตือนสติชงไฉ่ถึงความเหมาะสมชงไฉ่ก้มหน้านิ่ง แววตาครุ่นคิด“องค์ชายสิบสามเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พี่สิบสองวางใจข้าเถิดข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกข์ฝ่าย”“องค์รัชทายาทพ่อเหนื่อยเหลือเกินในตอนนี้ งานพิธีศพของเจ้าห้าต้องให้เจ้าเป็นธุระจัดการเสียแล้วพ่อจะได้วางใจ” ถอนหายใจยาวเหยียดแม้จะฟังดูจริงจังหากแต่เป็นการดึงชงไฉ่ออกจากความคิด
ท่วงท่าสง่างามดุจนางหงส์ร่ายรำบนฟากฟ้า แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแกร่งกล้าไปต่างจากพญามังกร จิวซิน (โชคชะตาและความรัก) เงื้อฝ่ามือปะทะฝ่ามือของชงไฉ่ (สีสันของความฉลาด) เต็มแรง อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้านไม่กลับพลิกตัวกอดรัด ไว้ในอ้อมแขนจิวซิน ดิ้นรนพลิกตัวหลบหลีกการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ผลัดกันรับผลัดกันรุกยุติลง หากแต่จิวซินกลับชักกระบี่คมกริบ ออกจากฝักรวดเร็วปานสายฟ้า ตวัดเพียงหนึ่งก็จ่อที่คอหอยของชงไฉ่อย่างไร้ปราณี ใบหน้าสวยในอาภรณ์ของบุรุษ ไม่อาจเพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด จิ่นฉิน (พิณอันแน่วแน่) องครักษ์หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก เมื่อเห็นจิวซินนายหญิงในอาภรณ์ชาย เหนือกว่าในการต่อสู้กับองค์ชาย 12องค์รัชทายาทของ ไห่ตงหยวน“ใจคอเจ้ามิไยจะ เสียบคมกระบี่ลงบนลำคอข้าจริงหรือ”“ท่านก็รู้แม้ข้าจะอยากส่งมันเข้าสู่เนื้อหนังของท่านเพียงใดก็ไม่อาจถึงจะอยากเพียงใดก็เถอะ เนื่องด้วยท่านเป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์” ชงไฉ่ยิ้มอย่างมีชัย“เจ้ามีใจปฏิพัทธ์ ต่อไห่ตงหยวนเช่นนั้นเลยหรือเจ้าเฉลยน้อย” เสียงปรบมือดังลั่นมาแต่ไกลพร้อมเสียงหัวเราะลั่น จิวซินดึงกระบี่กลับประสานมือถวายความเคารพฮ่องเต้“เจ้าสิบสอง เจ้านี...
Comments