เมื่อจิวซินนางเอกหน้าหวานของเราต้องยอมนำพาตัวเองมาเป็นราชบุตรเขยของไห่ตงหยวน แทนพีชายที่ไม่อาจหักใจจากคนรัก และแอบหนีหายไปทิ้งภาระทั้งหมดให้กับจิวซิน ไหนจะองค์รัชทายาทที่ไม่ชอบขี้หน้าเธออีก
View Moreจิ่นฉินไม่รอรอช้ารีบเข้าไปพยุง จิวซินแต่ชงไฉ่กับเข้ามาประคองอีกฝั่งไว้“นายเจ้าท่าจะแย่ ข้าช่วยดีไหม” จิวซินพยายามลืมตาแต่ไม่เป็นผล“ให้นายเจ้าพักที่จวนของข้าจนกว่าจะสร่างเมาดีไหม” องค์ชายห้าออกความเห็นตามที่คิดได้จิ่นฉิน ลังเล“เชื่อข้าเถิด ข้ามีชาแก้เมาสักพักข้าจะให้เด็กนำมาให้นายเจ้าดื่ม”“นายของข้าไม่ชอบนอนค้างที่อื่น”“เพราะอะไรเมามายเพียงนี้ ไยไม่สร่างเมาถึงค่อยกลับตำหนักบูรพา”“คงเป็นเพราะมีสาวงามคอยท่าอยู่สาวใช้ที่ติดตามมานั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาอีกทั้งนางยังงดงามราวฝนแรกของวสันต์ฤดู มีหรือองค์ชายใหญ่จะอยากทิ้งนางไว้ลำพัง”คราวนี้เองที่จิวซินสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาได้ยินพอดี“องค์รัชทายาท ช่างเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างนัก แม้สาวใช้ข้างกายข้าท่านยังไม่ละเว้น” เมามายแค่ไหนจิวซินก็ยังเหน็บแนมทั้งๆ ที่เสียงอ้อแอ้ด้วยความเมาเมื่อพูดเสร็จก็คอพับไปตามเดิม“555แม้กระทั่งตอนเมา องค์ชายใหญ่ยังมิวายหวงสาวใช้ข้างกายข้าชักอยากเห็นหน้านางเต็มทีว่าจะงดงามดังที่น้องสิบสองกล่าวถึงหรือไม่”ชงไฉ่ทำหน้าไม่ถูก“เอาตามนี้ พยุงนายของเจ้าเข้าไปในจวนข้าก่อน เดี๋ยวสร่างเมาค่อยพากลับตำหนักหากไปตอนนี้เกรงว่า
จวนอ๋องห้าเพียงมองจากด้านนอกก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ภายในกับโอ่อ่าสมฐานะ สาวใช้สองสามคนเดินมารับเสื้อคลุมของเหล่าผู้มาเยือน“จวนท่านอ๋องแม้ไม่ใหญ่โตหากแต่โอ่อ่าสมฐานะ” จิวซินออกปากองค์ชายห้าโบกมือไล่สาวใช้ก่อนจะยิ้มพราย“จวนอ๋อง ก็เป็นแค่เพียงจวนอ๋อง หากมีโอกาสองค์รัชทายาทชงไฉ่น้องสิบสองคงได้มีพาท่านเยี่ยมชมตำหนักของเขาที่นั่นแม้ชายาของเขาจะวุ่นวายกับการแย่งกันปรนนิบัติน้องสิบสอง แต่ก็เต็มไปด้วยหญิงงามและนางกำนัลแถวหน้าของวังหลวง ผิดกับจวนของข้าที่ไม่มีชายาแม้แต่คนเดียว” จิวซินเลิกคิ้วสูงรู้สึกแปลกใจที่บุรุษรูปงามอย่างฮุ่ยโม๋จะยังไม่มีชายา ชงไฉ่เผลอมองใบหน้าของจิวซินเต็มตาเป็นครั้งแรกใบหน้าช่างงดงาม เหมือนหญิงสาวนี่กระมังที่ทำให้เขาไม่ถูกชะตาแม้แต่น้อย“พี่ห้าก็ยกย่องข้าเกินไปตำหนักข้าหรือจะสู้จวน พี่สี่ฮุ่ยเจินได้ที่มีหญิงงามมากมาย ของข้าแม้จะพรั่งพร้อมแต่กับไม่มีความสงบสบายเหมือนจวนท่าน” จิวซินรู้สึกเห็นใจชงไฉ่เพราะเคยเห็นมาเยอะแล้วเรื่องการแย่งชิงกันเป็นที่โปรดปรานเหมือนที่บรรดาสนมของท่านพ่อของนางเป็นอยู่สาวใช้ยกสุรารสเลิศมาวางบนโต๊ะกลางห้องทั้งสามนั่งล้มวงจิ่นฉิน มองจิวซินตาไม่กะ
หมิงหลินมองตามร่างสูงอย่างมุ่งมาด จิวซินกระชับเสื้อคลุมให้เข้าที่ ก้าวขาข้าม ประตูออกไปเปลี่ยนท่าทีเป็นองอาจ จิ่นฉินตามไปติดๆลานธนู ที่พลุกพล่านไปด้วย เหล่าบุรุษที่มาทำการฝึกฝนวิชา การต่อสู้หรือที่เรียกว่าวิทยายุทธ์ จิวซินเดินด้วยท่าทีองอาจอาวุโสท่านหนึ่งนั่งอยู่อีกฟากของเป้าธนูมองดูเหล่าลูกศิษย์กำลังประลองความแม่น จิวซินขยับตัวเข้าไปใกล้ทรุดตัวลงคุกเข่า ยกมือขึ้นประสานกัน“ซือฟุ ข้าน้อยองค์ชายใหญ่จิ่นเกอ คารวะท่าน” มือเหี่ยวยกขึ้นลูบคางที่เต็มไปด้วยเครายาวสีขาวใบหน้าพึงพอใจ“องค์ชายใหญ่ช่างนอบน้อม สมดังเป็นชาวเหอตงหยวน ข้ายังมิได้รับปากว่าจะรับท่านเป็นศิษย์” จิวซินยิ้มเพียงบางเบา ปล่อยให้รอยยิ้มจางหายไปเหมือนใบหลิวที่หลุดร่วงลงสู่พื้น“ทำเช่นไรเล่าท่านถึงจะรับข้าเป็นศิษย์ของท่าน” อาวุโสยืนขึ้น ยกมือส่งสัญญาณ เด็กหนุ่มท่าทางเซ่อซ่าวิ่งเข้ามาพร้อมธนูในมือ“องค์ชายใหญ่ ฝีมือยิงธนูท่านเป็นที่ร่ำลือไปถึงสามแคว้นเพียงท่านเอาชนะ องค์ชายห้าศิษย์ของข้าได้นับว่าข้ามิอาจมีข้อกังขา”จิ่นฉินสะอึก จิวซินยกมือกันไว้ องคืชายห้าฮู่ยโม๋ก้างเท้ายาวๆเข้ามาตรงหน้าเมื่อถูกเอ่ยนาม“ดี เช่นนั้นข้าไม่อาจป
“คือ... เสด็จพ่อให้ข้ามาถามองค์ชายใหญ่ ว่ามีสิ่งใดต้องการเป็นพิเศษและมีสิ่งใดไม่เรียบร้อย” ก้มหน้าเขินอายแสร้งพูดไปเสียอีกทางจิวซินโบกมือไล่ จิ่นฉินและหมิงหลินออกไปข้างนอก ก้าวเดินมาใกล้องค์หญิงสิบสี่ ยกมือบางขึ้นเชยคางมนขึ้นสบตามืออีกข้างไพล่หลังอย่างองอาจ“เรียบร้อยทุกอย่างหากแต่ตำหนักบูรพาแห่งนี้มิมีหญิงงามเช่นเจ้ามาเคียงคู่” เจียวซือเอียงอายจนมือไม้ไม่รู้จะเก็บไว้ที่ไหน“องค์ชายใหญ่” จิวซิน รวบร่างเล็กมากอดแนบอก“ข้ารู้หากแต่ บุรุษเช่นข้าจะอดใจได้อย่างไรหากหญิงงามเยี่ยงเจ้า อยู่เบื้องหน้าอย่างนี้”“เจ้าก็รู้ตามธรรมเนียมของไห่ตงหยวน หากยังมิได้เสกสมรส ก็ยังมิอาจแตะต้อง ล่วงเกินหรือเหอตงหยวนมิได้เคร่งครัด” องค์ชายสิบสองมาจากไหนจิวซินไม่ทันสังเกตจิวซินเชิดหน้าทระนง“มิใช่ เรามิเคร่งครัดหากแต่องค์หญิงสิบสี่นั้น อย่างไรเสียก็คงไม่พ้นเป็นชายาข้า ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวหรือเรื่องของคู่รัก ท่านแม้จะเป็นพี่ชายหากแต่ตามหลักแล้วก็คือคนนอก” ชงไฉ่มองจิวซินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ“เจียวซือ กลับตำหนักเจ้าได้แล้ว” องค์หญิง14 ทำท่าทางฮึดฮัดแบบขัดใจคว้าแขนน้องสาวเดินลิ่ว แต่ยัง
“เสด็จพ่อ ทรงวางใจ ในว่าที่ราชบุตรเขยถึงเพียงนั้น ทำให้ข้าซึ่งเป็นลูกแท้แท้คลางแคลงใจ ราชบุตรเขยแต่ให้พำนักที่ตำหนักบุรพาที่แม้แต่ข้ายังไม่เคยได้เข้าไปที่นั่นเสด็จพ่อมักจะอ้างว่ามันยังไม่ได้ทำการบูรณะ” ชงไฉ่ปรับทุกข์กับ ขันทีคนสนิท“ปกติแล้วราชบุตรเขยจะต้องห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับราชบัลลังก์”“แต่เสด็จพ่อมององค์ชายใหญ่ผู้นี้เช่นไรข้าไม่อาจคาดเดา”“องค์รัชทายาทอย่าทรงเป็นกังวล ข้าน้อยชิงซารับอาสากำจัดเสี้ยนหนามให้เอง” ชงไฉ่นึกทบทวนสิ่งที่ต้องการในใจว่าต้องการอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่อย่างไรเสียเสี้ยนหนามก็มิอาจกลายเป็นฟูกนอน“ดี ต้องรบกวนเจ้าแล้วไว้มาคอยรายงานความคืบหน้าให้ข้าได้รับรู้” ขันทีคู่ใจยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เรื่องแผนการขอให้ไว้ใจเขาเถิดรับรองว่าไม่ว่าใครฉลาดเพียงใดก็คาดไม่ถึงภายในตำหนักใหญ่บูรพาที่โอ่โถงนั้น จิวซินเปลื้องผ้าเนื้อตัวซ้ำเขียว หลายจุดด้วยผลจากการต่อสู้ หมิงหลินบรรจงนวดยาอย่างเบามือ“องค์หญิงทรงซ้ำไปทั้งตัวเจ็บมากไหม เพคะ” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม“ไม่ข้าชินแล้ว มันนานมากแล้วตั้งแต่จำความได้ ความเจ็บปวดมันหายไปเสียหมดตั้งแต่ท่านแม่ของข้าตายไป ข้าต้องอยู่อย่างเข้
ท่วงท่าสง่างามดุจนางหงส์ร่ายรำบนฟากฟ้า แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแกร่งกล้าไปต่างจากพญามังกร จิวซิน (โชคชะตาและความรัก) เงื้อฝ่ามือปะทะฝ่ามือของชงไฉ่ (สีสันของความฉลาด) เต็มแรง อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้านไม่กลับพลิกตัวกอดรัด ไว้ในอ้อมแขนจิวซิน ดิ้นรนพลิกตัวหลบหลีกการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ผลัดกันรับผลัดกันรุกยุติลง หากแต่จิวซินกลับชักกระบี่คมกริบ ออกจากฝักรวดเร็วปานสายฟ้า ตวัดเพียงหนึ่งก็จ่อที่คอหอยของชงไฉ่อย่างไร้ปราณี ใบหน้าสวยในอาภรณ์ของบุรุษ ไม่อาจเพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด จิ่นฉิน (พิณอันแน่วแน่) องครักษ์หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก เมื่อเห็นจิวซินนายหญิงในอาภรณ์ชาย เหนือกว่าในการต่อสู้กับองค์ชาย 12องค์รัชทายาทของ ไห่ตงหยวน“ใจคอเจ้ามิไยจะ เสียบคมกระบี่ลงบนลำคอข้าจริงหรือ”“ท่านก็รู้แม้ข้าจะอยากส่งมันเข้าสู่เนื้อหนังของท่านเพียงใดก็ไม่อาจถึงจะอยากเพียงใดก็เถอะ เนื่องด้วยท่านเป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์” ชงไฉ่ยิ้มอย่างมีชัย“เจ้ามีใจปฏิพัทธ์ ต่อไห่ตงหยวนเช่นนั้นเลยหรือเจ้าเฉลยน้อย” เสียงปรบมือดังลั่นมาแต่ไกลพร้อมเสียงหัวเราะลั่น จิวซินดึงกระบี่กลับประสานมือถวายความเคารพฮ่องเต้“เจ้าสิบสอง เจ้านี
ท่วงท่าสง่างามดุจนางหงส์ร่ายรำบนฟากฟ้า แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแกร่งกล้าไปต่างจากพญามังกร จิวซิน (โชคชะตาและความรัก) เงื้อฝ่ามือปะทะฝ่ามือของชงไฉ่ (สีสันของความฉลาด) เต็มแรง อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้านไม่กลับพลิกตัวกอดรัด ไว้ในอ้อมแขนจิวซิน ดิ้นรนพลิกตัวหลบหลีกการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ผลัดกันรับผลัดกันรุกยุติลง หากแต่จิวซินกลับชักกระบี่คมกริบ ออกจากฝักรวดเร็วปานสายฟ้า ตวัดเพียงหนึ่งก็จ่อที่คอหอยของชงไฉ่อย่างไร้ปราณี ใบหน้าสวยในอาภรณ์ของบุรุษ ไม่อาจเพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด จิ่นฉิน (พิณอันแน่วแน่) องครักษ์หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก เมื่อเห็นจิวซินนายหญิงในอาภรณ์ชาย เหนือกว่าในการต่อสู้กับองค์ชาย 12องค์รัชทายาทของ ไห่ตงหยวน“ใจคอเจ้ามิไยจะ เสียบคมกระบี่ลงบนลำคอข้าจริงหรือ”“ท่านก็รู้แม้ข้าจะอยากส่งมันเข้าสู่เนื้อหนังของท่านเพียงใดก็ไม่อาจถึงจะอยากเพียงใดก็เถอะ เนื่องด้วยท่านเป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์” ชงไฉ่ยิ้มอย่างมีชัย“เจ้ามีใจปฏิพัทธ์ ต่อไห่ตงหยวนเช่นนั้นเลยหรือเจ้าเฉลยน้อย” เสียงปรบมือดังลั่นมาแต่ไกลพร้อมเสียงหัวเราะลั่น จิวซินดึงกระบี่กลับประสานมือถวายความเคารพฮ่องเต้“เจ้าสิบสอง เจ้านี...
Comments