จวนอ๋องห้าเพียงมองจากด้านนอกก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ภายในกับโอ่อ่าสมฐานะ สาวใช้สองสามคนเดินมารับเสื้อคลุมของเหล่าผู้มาเยือน
“จวนท่านอ๋องแม้ไม่ใหญ่โตหากแต่โอ่อ่าสมฐานะ” จิวซินออกปากองค์ชายห้าโบกมือไล่สาวใช้ก่อนจะยิ้มพราย
“จวนอ๋อง ก็เป็นแค่เพียงจวนอ๋อง หากมีโอกาสองค์รัชทายาทชงไฉ่น้องสิบสองคงได้มีพาท่านเยี่ยมชมตำหนักของเขาที่นั่นแม้ชายาของเขาจะวุ่นวายกับการแย่งกันปรนนิบัติน้องสิบสอง แต่ก็เต็มไปด้วยหญิงงามและนางกำนัลแถวหน้าของวังหลวง ผิดกับจวนของข้าที่ไม่มีชายาแม้แต่คนเดียว”
จิวซินเลิกคิ้วสูงรู้สึกแปลกใจที่บุรุษรูปงามอย่างฮุ่ยโม๋จะยังไม่มีชายา ชงไฉ่เผลอมองใบหน้าของจิวซินเต็มตาเป็นครั้งแรกใบหน้าช่างงดงาม เหมือนหญิงสาวนี่กระมังที่ทำให้เขาไม่ถูกชะตาแม้แต่น้อย
“พี่ห้าก็ยกย่องข้าเกินไปตำหนักข้าหรือจะสู้จวน พี่สี่ฮุ่ยเจินได้ที่มีหญิงงามมากมาย ของข้าแม้จะพรั่งพร้อมแต่กับไม่มีความสงบสบายเหมือนจวนท่าน”
จิวซินรู้สึกเห็นใจชงไฉ่เพราะเคยเห็นมาเยอะแล้วเรื่องการแย่งชิงกันเป็นที่โปรดปรานเหมือนที่บรรดาสนมของท่านพ่อของนางเป็นอยู่
สาวใช้ยกสุรารสเลิศมาวางบนโต๊ะกลางห้องทั้งสามนั่งล้มวง
จิ่นฉิน มองจิวซินตาไม่กะพริบเป็นห่วงแต่ไม่อาจเอ่ยคำใด ฮุ่ยโม๋รินสุราลงบนถ้วยทั้งสามใบ ยกขึ้นเบื้องหน้า
“สุราจอกนี้ข้าดื่มให้ท่านองค์ชายใหญ่จิ่นเกอ หมดจอก น้องสิบสองเจ้าด้วย” ชงไฉ่ยกสุราขึ้นจ่อริมฝีปากก่อนจะกระดกรวดเดียว จิวซินเองไม่อาจปฏิเสธกระดกรวดเดียวเช่นกันสุรารสขมบาดลึกลงไปในลำคอจนต้องทำหน้าเหยเกไอติดๆ กันสองสามที จิ่นฉินถลามาถึงตัวยกถ้วยน้ำเปล่าให้จิวซินรับมาดื่มตามเข้าไป
“555 สุราของไห่ตงหยวนนับว่า เลิศรสและบาดลึก อีกไม่นานท่านก็จะชินไปเอง” ชงไฉ่อดหัวเราะตามอ๋องห้าไม่ได้
“มิได้มีแต่ความรุ่งเรืองแต่ไห่ตงหยวนยังมีสุราที่เป็นหนึ่ง” จิวซินเอ่ยปากชมกลบเกลื่อนอาการของตน
“เช่นนั้นจะช้าอยู่ไย มาร่วมดื่มสุราเหล่านี้ให้สุขสมเถิดสหาย” อ๋องห้ารินสุราเติมให้จิวซินจนล้นถ้วยออกมา จิวซินมองตาปริบๆ แต่ก็ต้องจำใจยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก
“นายท่าน” จิ่นฉินทักท้วง จิวซินยกมือห้าม
“ข้าไม่เป็นไร” จิ่นฉินถอยห่างออกมาชงไฉ่มองตามจิ่นฉินที่ดูแลจิวซินราวกับภรรยาดูแลสามี
“นึกว่าองค์ชายใหญ่ผู้ที่เชี่ยวชาญทุกด้านจะเป็นอีกผู้ที่ดื่มเหล้าเก่งหากแต่ไม่เห็นกับตาใครจะเชื่อแม้ด้านวรยุทธหรือเรื่องหญิงงามก็ไม่อาจมีใครเทียบแต่กับพ่ายให้กับสุราอย่างไม่น่าเชื่อ”
จิวซินเผลอยิ้มหวานชงไฉ่และ องค์ชายห้ามองหน้ากันทันควัน ด้วยใบหน้ายามนั้นไม่ต่างจากหญิงสาววัยเยาว์แรกแย้ม จิ่นซินจับตามองอยู่ก่อนแล้วเข้าไปพยุงจิวซิน
“นายท่าน ท่านเมามายคงเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับสุราของที่นี่เรากลับตำหนักบูรพากันเถิด” หันไปก้มหัวคารวะองค์ชายทั้งสอง
“นายของเจ้า เห็นทีจะแพ้พ่ายต่อสุราของไห่ตงหยวนเสียแล้วเพียงสองจอกกับเมามาย555” องค์ชายห้าเอ่ยปากชงไฉ่ กลับไม่เชื่อว่าจิวซินจะเมาจริง
“ข้ายังมิได้คารวะท่านเลยองค์ชายใหญ่” รินสุราในไหใส่ไปในถ้วยให้จิวซินยืนมือไปรับสุรามาถือไว้ทั้งๆ ที่ซบร่างอยู่กับอกของจิ่นฉิน ตัวอ่อนปวกเปียก
“ข้าไม่เป็นไรจิ่นฉินเจ้าถอยไป” ยกสุราขึ้นดื่มจนหมดขยับตัวถอยห่างจิ่นซินแต่กลับเซถลาไปเบื้องหน้าชงไฉ่คว้าเอวบางไว้ทันควันแต่ร่างอ้อนแอ้นกับยืนไมไหวล้มไปบนตัวของชงไฉ่เต็มแรงทั้งคู่ล้มลงบนพื้นพรมหนา ปากบางประกบปากอุ่นของชงไฉ่อย่างไม่สามารถหนีได้กลิ่นกายหอมละมุนผสมกลิ่นสุรารัญจวนใจชงไฉ่เผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด องค์ชายห้าหัวเราะสียงดังลั่น จิวซินลุกพรวดพลาดขึ้นนั่งตัวตรงด้วยความตกใจ
“ข้าเมามากแล้วเพราะฤทธิ์สุราของไห่ตงหยวน เห็นทีต้องกลับตำหนักบูรพาเสียที” พูดด้วยเสียงค่อนข้างดัง
“จิ่นฉินพยุงข้าที”
จิ่นฉินไม่รอรอช้ารีบเข้าไปพยุง จิวซินแต่ชงไฉ่กับเข้ามาประคองอีกฝั่งไว้“นายเจ้าท่าจะแย่ ข้าช่วยดีไหม” จิวซินพยายามลืมตาแต่ไม่เป็นผล“ให้นายเจ้าพักที่จวนของข้าจนกว่าจะสร่างเมาดีไหม” องค์ชายห้าออกความเห็นตามที่คิดได้จิ่นฉิน ลังเล“เชื่อข้าเถิด ข้ามีชาแก้เมาสักพักข้าจะให้เด็กนำมาให้นายเจ้าดื่ม”“นายของข้าไม่ชอบนอนค้างที่อื่น”“เพราะอะไรเมามายเพียงนี้ ไยไม่สร่างเมาถึงค่อยกลับตำหนักบูรพา”“คงเป็นเพราะมีสาวงามคอยท่าอยู่สาวใช้ที่ติดตามมานั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาอีกทั้งนางยังงดงามราวฝนแรกของวสันต์ฤดู มีหรือองค์ชายใหญ่จะอยากทิ้งนางไว้ลำพัง”คราวนี้เองที่จิวซินสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาได้ยินพอดี“องค์รัชทายาท ช่างเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างนัก แม้สาวใช้ข้างกายข้าท่านยังไม่ละเว้น” เมามายแค่ไหนจิวซินก็ยังเหน็บแนมทั้งๆ ที่เสียงอ้อแอ้ด้วยความเมาเมื่อพูดเสร็จก็คอพับไปตามเดิม“555แม้กระทั่งตอนเมา องค์ชายใหญ่ยังมิวายหวงสาวใช้ข้างกายข้าชักอยากเห็นหน้านางเต็มทีว่าจะงดงามดังที่น้องสิบสองกล่าวถึงหรือไม่”ชงไฉ่ทำหน้าไม่ถูก“เอาตามนี้ พยุงนายของเจ้าเข้าไปในจวนข้าก่อน เดี๋ยวสร่างเมาค่อยพากลับตำหนักหากไปตอนนี้เกรงว่า
จิวซินจากไปองค์ชายห้าท่าทางครุ่นคิด“พี่ห้าเหตุใดท่าน ถึงปล่อยให้ข้าเป็นฝ่ายผิดที่ทำเหมือนขับไล่องค์ชายใหญ่ไปจากจวน”“ก็เพื่อให้เขาพร้อมใจ จากไปด้วยความเต็มใจอย่างไรเล่าทำไมน้องข้าถึงคาดไม่ถึง” ตบไหล่น้องชายเบาๆ ชงไฉ่ขมวดคิ้วสงสัยในอาการของพี่ห้าแต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากถาม“องค์หญิง” จิวซิน ยกมือขึ้นปิดปากจิ่นฉิน ความรู้สึกซาบซ่านแล่นเข้าสู่หัวใจของจิ่นฉิน“ใครให้เรียกข้าแบบนี้ องค์ชายต้องเรียกองค์ชาย” จิวซินพูดจาอ้อแอ้ปล่อยตัวตามสบายหลังจากที่พยายามตั้งสติยามอยู่ต่อหน้าองค์ชายห้าและชงไฉ่ จิ่นฉินรวบร่างบางอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกเดินย่ำไปตามทางที่มืดมิดจิวซินโอบมือรอบคอ ซุกหน้าลงบนอกภาพที่เห็นคือ บุรุษร่างบึกบึนกับอุ้มชายหนุ่มร่างอ้อนแอ้นแต่ใครจะรู้เล่าภายใต้อาภรณ์ของบุรุษนั้นได้ซ่อนร่างงามระหงหากแต่คนอุ้มไม่อาจปฏิเสธได้ว่าร่างอุ่นๆ ในอ้อมแขนเป็นร่างบอบบางของหญิงสาวอย่างแท้จริงองค์ชายห้ายืนลูบคางตัวเองไปมาทั้งๆ ที่ไม่มีเคราอย่างใช้ความคิดเมื่อทั้งหมดจากไปกันแล้วร่วมทั้งชงไฉ่ องค์ชายใหญ่จินเกอคนนั้นไม่เคยมีใครได้เคยพบหน้าค่าตา เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเล่นตลก แต่อย่างไรเสียก็ไม่น่าจะมีความกล้าม
จิวซิน เปลื้องผ้าลงไปนอนแช่น้ำอุ่นผมยาวสลวย สยายลงกลางหลังใบหน้าผุดผาดประทุมถันเต่งตึงหน้าท้องเรียบเนียนสวยไร้ที่ติ ผิวขาวอมชมพูจนหมิงหลินเป็นผู้หญิงยังถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเผลอมองแบบตรงๆ นายหญิงของนางไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้นหากแต่ใต้หล้านี้คงจะหาใครเทียบเคียงนางไม่“พอแล้วหมิงหลินเจ้าออกไปเถอะข้าเพียงต้องการ แช่น้ำอุ่นเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น”หมิงหลินขยับตัวคารวะก่อนจะถอยห่างออกไปด้านนอกจิวซินครุ่นคิดถึงแผนการที่นางวางขึ้นอย่างแสนจะเร่งรีบนั้นแม้จะไม่รัดกุมหากแต่ก็ยากที่ใครจะพบจุดบกพร่อง ตอนนี้จินเกอองค์ชายใหญ่หายตัวไปลึกลับ ตัวจิวซินเองก็มีหลายคนที่รู้แต่เพียงว่านางป่วยด้วยโรคประหลาดใบหน้าเสียโฉมจนต้องปิดบังใบหน้าไว้บัดนี้นางยังเก็บตัวเงียบอยู่ที่เหอตงหยวนไม่พบปะผู้ใดหลับตาลงช้าๆ เอนหลังพิงขอบถังไม้ใบใหญ่ต่อแต่นี้ต้องเริ่ม แผนการขั้นต่อไป ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของสองแคว้นแล้วยิ่งหากองค์ชายใหญ่ปฏิเสธองค์หญิง14อีกยิ่งกลับทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปกว่าเดิมหลับตานิ่งหายทางหนีทีไล่คิดว่าอีกไม่กี่มากน้อยไห่ตงหยวนต้องจับได้ถึงสิ่งที่จิวซินทำอยู่ตอนนี้เมื่อนั้นทุกอย่างยิ่งต้องเลวร้ายกว่าเดิม
จิวซินเร้นกายเข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าคราวนี้ม่านถูกนำมากลางกั้นรอบทิศทางฮุ่ยโม๋เดินมือไพล่หลังด้วยท่าทีเรียบเฉยปราศจากพิรุธ แต่ทว่าใบหน้า และแววตาตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด“ข้าบังเอิญผ่านมา ได้ยินเสียงเอะอะ” ตีสีหน้าเรียบเฉยได้อย่างประหลาด จิ่นฉินเหลือบตามองมีดสั้นที่ด้ามโผล่พ้นชายเสื้อของฮุ่ยโม๋อย่างที่ฮุ่ยโม๋ไม่ทันได้ระมัดระวังตัว“มีคนร้าย ...ผู้บุกรุกขณะที่องค์ชายของเรากำลังแช่น้ำ” องค์ชายห้ากระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก หมิงหลินเอ่ยคำสายตาคมดุจพญาเหยี่ยวเหลือบตามองหมิงหลินเพียงครู่ความคิดว่องไวปานสายฟ้า หญิงรับใช้คนนี้ ใบหน้าหมดจดงดงาม คงเป็นสาวใช้ที่ถูกกล่าวถึงเป็นแน่ องค์ชายสิบสองนิยมหญิงงาม“องค์ชายใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ชงไฉ่จับน้ำเสียงได้ถนัดชัดเจนพี่ห้าไม่เคยสนใจผู้ใดมาก่อน วันๆเอาแต่ฝึกวิทยายุทธจนซ่ำซองหากแต่วันนี้กับมีความห่วงใยออกมาให้เห็น“พี่ห้า ใจตรงกันท่านเพียงแค่ผ่านมาหรือว่าจงใจกันแน่” จิ่นฉินรู้สึกว่าคำถามที่เขาอยากถามโดนชงไฉ่เอ่ยไปก่อน“ข้าเพียงแค่ลัดเลาะเรื่อยเปื่อยบังเอิญนึกขึ้นได้ว่าองค์ชายใหญ่เมาหนักตั้งแต่เมื่อคืนป่านนี้จะสร่างหรือยัง”
“ข้ากับท่านถือว่าเสมอกันคราวนี้ข้ายอมให้ท่านเนื่องด้วยคราวก่อนกระบวนท่าเหนือกว่าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้คราวนี้แม้เป็นการต่อสู้เพื่อความบันเทิงหากแต่ข้าก็ถือว่าข้าเพลี่ยงพล้ำหากฝึกฝนให้มากกว่านี้ท่านก็คงนำหน้าข้าไปอยู่ดีหากท่านฝึกฝนเคี่ยวกรำเหมือนกัน”“นับว่าเป็นความพยายามที่น่าชื่นชมน้องสิบสองเจ้าต้องจำคำขององค์ชายใหญ่ไว้ผู้ที่อยู่เหนือกว่าหากฝึกฝนย่อมเหนือกว่า” จิวซินยิ้มละลายความขุ่นเคืองไปสิ้นทุกอย่างที่ทำเพื่อไห่ตงหยวนหาใช่ตัวเองไม่ราชโองการถูกส่งยังเหอตงหยวนอย่างเร่งด่วนอาชาทะยานป่านลูกธนูเข้าสู่เป้าหมายเหอหยวนกำมัดทุบลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่นเมื่อขันทีอ่านราชโองการจบลง“ไห่หยวนเจ้าไม่เหลือทางเลือกใดให้ข้าแม้สักเพียงนิด องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง” ถามไถ่ถึงจิวซิน“องค์หญิงยังพำนักอยู่ในตำหนักด้วยอาการป่วยด้วยโรคประหลาดฝ่าบาท” เหอหยวนถอดหายใจก่อนจะส่งเสียงไอออกมาสองสามทีด้วยอาการป่วย เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าจิวซิน ไม่ได้อยู่ที่นี่นางอาสาจากไปพร้อมกับแบกรับความทุกข์ระทมของเขาไว้ ราชโองการของไห่หยวน กดดันเหอหยวนยิ่งนักคนผู้นี้ไม่อาจจะนับเป็นสหายหรือเยื่อใยที่มีต่อกันจะคงอยู่อีกต่อไปจิ่น
จิวซินยิ้มกว้างแสดงความจริงใจ เลียนแบบฮุ่ยเจินองค์ชายสิบสามกับรู้สึกว่าใจไหววูบกับยิ้มกว้างเปิดเผยหมดจดนั้นสร้างมิตรดีกว่าผลิตศัตรูองค์ชายห้ากับองค์รัชทายาทและองค์หญิงสิบสี่ เดินมาถึงพร้อมกัน“ไยยิ้มกว้างเช่นนั้นเจ้าสิบสาม” ชงไฉ่เอ่ยปาก“หากพบสหายรู้ใจมีอุดมการณ์เดียวกัน (อุดมการณ์ต่อต้านบุรุษกล้าแกร่งผู้ที่เก่งกล้าทั้งบุ้นและบู๋) ข้ายอมยิ้มได้กว้าง” องค์ชายสิบสามต่อคำองค์หญิงสิบสี่เดินเข้าไปเกาะแขนจิวซินแน่น“องค์ชายใหญ่ข้าแวะมาชวนท่านออกไปเที่ยวย่านค้าขายนอกวัง” จิวซินตบมือบางขององค์หญิงเบาๆ ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายตามแบบที่ฝึกฝนมา องค์ชายห้าฮุ่ยโม๋กับองค์รัชทายาท มองท่าทางกรุ้มกริ่มของจิวซินอย่างขัดตา“องค์ชายใหญ่ไม่ต้องตามใจนางให้มาก” องค์ชายสิบสามเหน็บแนมเพราะรู้นิสัยเจียวซือดีหากได้ก็ต้องได้ยิ่งๆขึ้นไป องค์หญิงสิบสี่แลบลิ้นให้องค์ชายสิบสาม“เจ้าก็เอาแต่ใจจนเคยตัวข้ากำลังจะชวนองค์ชายใหญ่ยังลานธนูเสด็จพ่อประทับรอที่นั่นเพื่อชมการยิ่งธนูขององค์ชายใหญ่ ข้าเชิญท่านที่ลานธนู” องค์ชายสิบสามหันมายกมือประสานกันตรงหน้าจิวซิน องค์หญิงสิบสี่ทำเสียงจิจ๊ะขัดใจ“เช่นนั้นข้าขอตัวคารวะฮ่องเต้
“ฝ่าบาททรงไตร่ตรอง ข้าจิ่นเกอ แม้จะเก่งกล้าเพียงใดก็แค่เพียงธนูแต่ฝีมือกระบี่กลับไม่สามารถเอาชนะองค์รัชทายาทได้เป็นฝ่ายที่ต้องเพลี่ยงพล้ำ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ชงไฉ่เหลือบตามองจิวซิน นึกชื่นชมที่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ยกตนข่มท่าน“คราวก่อนที่ข้าเห็น เจ้าสิบสองเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำมิใช่หรือ”“อาจเป็นเพราะน้องสิบสองตั้งใจฝึกฝน จึงสามารถเอาชนะองค์ชายใหญ่ที่เยี่ยมยุทธ์ได้” ฮ่องเต้ยิ้มพึงใจกับคำกล่าวนั้น“เจ้าสิบสองมิเสียแรง บัดนี้องค์ชายใหญ่ มาอยู่ที่นี่ในฐานะราชบุตรเขย ทำให้ข้ารู้สึกสำราญใจ หนำซ้ำยังสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่พวกเจ้าเหล่าองค์ชายองค์หญิงในทางที่ดีเช่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในไม่ช้าเมื่อเจ้าขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าได้มีบัญชาถึงเหอตงหยวนเรื่องการทาบทามองค์หญิง..จิวซิน...ธิดาคนเล็กมา รั้งตำแหน่งฮองเฮาแก่เจ้าเพื่อสานสัมพันธ์สองแคว้น เจ้าคิดอ่านเช่นใด ชงไฉ่” ชงไฉ่อ้าปากค้าง องคืชายสิบสามรีบสะกิดเพื่อให้ชงไฉ่ไม่เผลอทำตามใจจนไห่หยวนไม่พอใจ“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุด หากสิ่งใดที่เสด็จพ่อเห็นสมควรลูกมิขัดข้อง” ”ชงไฉ่พูดไปตามสิ่งที่ควรพูดจิวซินรู้สึกหูอื้อตาลายเกือบจะเผลอตัว
จิวซินเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองพลาดเสียแล้วด้วยมารดาของจิ่นเกอจริงๆ นั้นไม่ชอบการรบพุ่งนางเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมและอ่อนหวานผิดกับมารดาของจิวซินที่เป็นหญิงชาวบ้าน ถนัดการท่องเที่ยวล่าสัตว์บนหลังม้าด้วยธนู“ข้าฮุ่ยโม๋อยากเห็น มารดาขององค์ชายใหญ่ยิ่งนัก นางคงทั้งงดงามอ่อนหวานและองอาจในเวลาเดียวกันไม่ต่างจากองค์ชายใหญ่” คำชมที่เผลอไผลออกไป ซึ่งตรงกับใจของชงไฉ่ที่คิดว่ามารดาขององค์ชายใหญ่จิ่นเกอผู้นี้คงเป็นหญิงงามอย่างที่สุดด้วยใบหน้าหวานดั่งหญิงสาวขององค์ชายใหญ่ทำให้ไม่อาจคิดเป็นอื่น“พี่ห้ากับเสด็จพ่อลูกขอตัวองค์ชายใหญ่ของลูก เพื่อพาลูกไปเดินเที่ยวนอกวังกันองค์ชายใหญ่จะได้เปิดหูเปิดตาเสียบ้าง” เจียวซือคล้องแขนจิวซินแน่น ฮ่องเต้พยักหน้าตามใจบุตรสาว จิวซินเชื้อเชิญให้เจียวซือนำหน้าไปก่อนชงไฉ่ ฮุ่ยโม๋และฮุ่ยเจินขยับตัวออกเดินตามไป“ลูกลาท่านพ่อ เราทั้งสามจะตามน้องสิบสี่และองค์ชายใหญ่ยังนอกวัง” องค์ชายห้าเป็นตัวแทนกล่าวคำลา ฮ่องเต้มองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาประหลาดนานครั้งที่เขาจะเห็นว่าเหล่าองค์ชายและองค์หญิงจะพร้อมใจกันทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง นี่หมายความว่าเป็นนิมิตหมายอันดี หากองค์ชายใหญ่สามารถใช้
“ข้าคิดว่าควรจะค่อยเป็นค่อยไปกับองค์หญิงดีกว่าเมื่อถึงเวลาที่องค์หญิงแต่งกับข้าชงไฉ่ไปแล้วข้าเห็นที่ต้องสั่งสอนว่าฝ่ามือนุ่มๆ ขององค์หญิงมันใช้ลูบไล้ให้คนเป็นสามีเท่านั้นมิใช่มีไว้แสดงว่าองค์หญิงมีวรยุทธ์” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นจิวซินดึงผ้าแพรออกจากในหน้าสวยด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองโมโหตัวเองทีเสียทีให้กับชงไฉ่ เผยให้เห็นใบหน้าหวานสวยจนไร้ที่ติปากคอคิ้วคางที่รับกับใบหน้าและเครื่องสำอางที่แต่งแต้ม ขย้ำผ้าแพรปาทิ้งด้วยความหงุดหงิดยังไม่ทันให้เขาได้รู้ว่าเหอตงหยวนมีเคล็ดวิชาที่น่ากลัวเพียงใดกับโดนเขาย้อนรอยกอดรัดไม่เป็นท่าและที่น่าโมโหกว่านั้นคือจิวซินรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของเขาแม่ปากจะปฏิเสธแต่ใจเจ้ากรรมกลับบอกว่าอยากลิ้มลองมากกว่านั้นเลือดสาวซูบฉีดจนน่ากลัวไม่สิเขามีชายาออกมากมายคงทำไปเพราะความเคยชินไม่ได้รู้สึกกับจิวซินพิเศษอย่างสัมผัสของเขาจิวซินบอกตัวเองไม่ให้หลงเตลิดไปกับสัมผัสอ่อนโยนนั้น คิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้เขาไม่ชอบจิวซินจนถึงกับต้องถอนหมั้นเพื่อยุติเรื่องราววุ่นวายต่างๆ ให้จบสิ้นไปอากาศข้างนอกหนาวเหน็บจิวซินเผลอหลับใหลภายใต้อากาศเย็นยะเยือกจิวซิน ฟุบหน้าลงบนโต๊ะผมยาวสลวยบดบังใบหน้
แผนการที่วางไว้รัดกุมไม่น้อยยากที่ชงไฉ่องค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนจะคาดเดาได้เหอหยวนเดินออกจากตำหนักของจิวซินจนลับตาจิวซินรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเช่นไรถึงเรียกว่าในเหอตงหยวนแห่งนี้ใครกล้านินทาว่าร้ายองค์หญิงรอง“ชงไฉ่ยิ้มแย้มสมใจคิดว่าอย่างไรเสียต้องเปิดเผยโฉมหน้าของจิวซินให้ได้“เห็นไหมเล่าทุกอย่างช่างเป็นใจเหลือเกินเจ้ากับข้าเราสองต้องได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่าจริงเหอจิวซิน”“องค์ชายคิดว่าอย่างไรจิวซินคงไม่มีทางเลือกหรือคิดว่าอย่างไรเสียจิวซินก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ แต่องค์ชายลองทบทวนดูเถิดว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกไก่ในกำมือที่นี่เหอตงหยวนหาใช่ไห่ตงหยวนที่องค์ชายเป็นถึงองค์รัชทายาทไม่” ชงไฉ่หาได้สนใจคำกล่าวของจิวซินไม่ยังคงมองดูจิวซินที่สารวนอยู่กับการดึงผ้าปิดปากปิดจมูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าภายใต้ผ้าแพรผืนนั้นใบหน้าที่ซ่อนอยู่จะงดงามหรืออัปลักษณ์เพียงใด“คำพูดของเจ้าอันไหนจริงอันไหนเท็จข้าชงไฉ่ไม่อาจแยกแยะ”“เช่นนั้นจงรู้ไว้เถิดว่าข้าจิวซินคนนี้ไม่ใช่ลูกไก่”“ข้ากลับไปคราวนี้เห็นทีต้องทูลขอเสด็จพ่อประทานอนุญาตให้ส่งเกี้ยวมารับตัวเจ้าไปดัดนิสัยในตำหนักชงหยวนเสียทีเ
“ปล่อยได้แล้ว องค์รัชทายาทไม่อายคนของท่านหรืออย่างไร” จิวซินพยายามยกมือขึ้นกระชับผ้าแพรบางเบาที่ปิดบังใบหน้าชงไฉ่ทำสีหน้ายียวน“หญิงใดที่เข้าใกล้ข้าชงไฉ่แล้วไม่มีใครปฏิเสธข้าได้เจ้าไยไม่เหมือนหญิงคนอื่นไหนว่าอยากแต่งกับข้ารอข้าส่งเกี้ยวมาจิวซินคิดว่าหากอยู่อย่างนี้ต้องเปลืองตัวแน่ขึงพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งเหมือนชงไฉ่ยิ่งแกล้งอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเจ้าเห็นไหมเหอจิวซินข้าไม่เคยรังเกียจใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้า ข้าชงว่าสู้เจ้าเปิดผ้าแพรออกเสียแล้วให้ข้าได้รู้จักเจ้ามากกว่านี้” มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นหมายปลดผ้าที่ปิดบังใบหน้าไว้จิวซินคิดหาหนทางเอาตัวรอด“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ” เสียงขันทีขานมาแต่ไกลจิวซินใช้ศอกกระทุ้งชงไฉ่จนหลุดออกมาจากอ้อมกอด“จิวซินถวายพระพรเสด็จพ่อ”“ไห่ชงไฉ่ถวายพระพร เสด็จลุง” เหอหยวนสะบัดชายเสื้อด้วยท่าทียโส จะว่าไปใบหน้าของชงมิแตกต่างจากไห่หยวนยามหนุ่มแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง“ข้าเหอหยวนหวังว่าเจ้าจะได้รับความสะดวกสบายมิใช่น้อยในการเดินทางและพำนักที่เหอตงหยวน”“ข้าชงไฉ่ พำนักในตำหนักองค์หญิงรอง ได้รับความสะดวกอย่างดี”“เราชาวเหอตงหยวนเมื
“องค์รัชทายาทชิงซาด้อยสามารถไม่อาจปกป้ององค์ชายในยามวิกฤติ”“ลุกขึ้นเถิดชิงซา ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหากแต่เป็นพวกมันที่ฉวยโอกาส”“องค์รัชทายาทหมายถึงผู้ใด”“ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันเป็นใครด้วย วรยุทธ์ล้ำลึกและยังไม่เปล่งสำเนียงของแคว้นใดออกมา”“เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ของเหอตงหยวนที่ต้องการสังหารองค์ชายเพื่อแก้แค้นฝ่าบาท” ชงไฉ่หันมองชิงซาเเต็มตา“เสด็จพ่อกับเหอหยวนฮ่องเต้บาดหมางกันเรื่องใด” สายตาคาดคั้น“องค์ชายรู้ไหมว่าเสด็จแม่ขององค์ชายงดงามเพียงใดจึงไม่น่าแปลกใจที่สองสหายฝ่าบาทและเหอหยวนฮ่องเต้จะหมายปองหญิงงามคนเดียวกัน” ชงไฉ่ขมวดคิ้ว“แล้วเหตุใด ท่านพ่อต้องการให้จิ่นเกอและองค์หญิงรองจิวซิน เข้ามาอยู่ในไห่ตงหยวนเล่า”“ฝ่าบาทนั้นเป็นฝ่ายกุมหัวใจของเสด็จแม่ขององค์ชาย ผู้ที่พ่ายแพ้มีอยู่สองอย่างที่พึงกระทำคือหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้และสองคือแค้นเคืองผู้ที่เป็นฝ่ายชนะเช่นนั้นเสด็จพ่อของพระองค์จึงจำเป็นต้องหาทางชดเชยให้แก่เหอหยวนฮ่องเต้เพราะเห็นแก่คำว่าสหาย”“อย่างนี้นี่เององค์ชายใหญ่จิ่นเกอและเหอจิวซินถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าข้านัก”“อันนี้ชิงซาคิดว่าเป็นองค์ชายเสียอีก ที่ทรงไม่ชอบ
“ที่เหอตงหยวนมีน้ำพุบำบัดอยากให้องค์รัชทายาทได้ลงไปแช่เพื่อสมานแผลตามแบบของเราให้จิวซินพาองค์ชายไปเถิด” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดทันควัน ชงไฉ่เผลอยิ้มที่มุมปากนับว่านางฉลาดล้ำลึกรู้หลบหลีกไม่ปะทะตรงๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับคนอีกคนในตำหนักบูรพา ตอนนี้เองที่ไม่ได้มีความรู้สึกถวิลหาเหมือนก่อนคล้ายกับว่าคุยกับคนผู้เดียวกันพยุงชงไฉ่ลุกจากแท่นนอนอกอุ่นเบียดชิดอกแน่นด้วยมัดกล้าม ชงไฉ่เหลือบตามองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมอย่างลืมตัวจิวซินหลบตาวุ่นวาย ทั้งคู่มาถึงยังบ่อน้ำพุกลางสวนร่มรื่นชงไฉ่ นึกชื่นชมความงามของสวนน้ำพุแห่งนี้“สวยงามเกินกว่าที่ข้าจะคาดเดาได้”“ข้าจิวซินเป็นผู้จัดตกแต่งมันด้วยตัวเอง” ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งเดียวในเหอตงหยวนที่จิวซินจะเร้นกายได้ในยามที่ทุกข์ระทม ชงไม่อยากเชื่อสายตาพี่น้องสองคนนี้มีหลายอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจชงไฉ่หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำพุ แต่ทว่าบ่อกลับลึกเกินกว่าที่เขาคาดคิดจึงลื่นไถลลงไป จิวซินเอื้มมือคว้าแต่ไม่ทันทำเอาทั้งสองคนหล่นโครมลงไปในน้ำพุด้วยกันเสียงดังสนั่นจิวซินยันกายลุกขึ้นได้ก่อนควานหาตัวของชงไฉ่ที่ยังอยู่ในน้ำอาภรณ์บางเบาไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่อวบอ
“ทำไม่ไม่เอ่ยปากสักคำเล่าข้าป้อนท่านก็ได้” จิวซินนึกเป็นห่วงชงไฉ่ไม่น้อยคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปหน่อยเมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรแล้วยังบาดเจ็บอีกยกชามข้าวต้มในมือขึ้นจ่อริมฝีปากขององค์ชายสิบสอง กลิ่นหอมนั้นทำเอาชงไฉ่ถึงกับกลืนน้ำลาย“ความกตัญญูของบุรุษคือล้างแค้นแทนพ่อ ความกตัญญูของลูกสาวคือการปรนนิบัติคนในครอบครัว” จิวซินตักข้าวต้มส่งถึงปากชงไฉ่ความหิวนั้นอาจไม่ถึงกับฆ่าคนแต่สามารถทำให้คนถูกฆ่าได้ ชงไฉ่กินอาหารด้วยความหิวโหยรสชาติที่ดีอยู่แล้วของเครื่องเทศของเหอตงหยวนยิ่งทำให้อาหารอร่อยจิวซินมองชงไฉ่คิดหาแผนการที่จะทำให้ชงไฉ่เห็นความร้ายกาจของจิวซิน“องค์หญิงอาหารของเหอตงหยวนรสชาติดีไม่เลว”“ท่านก็ว่าเช่นนั้นใช่ไหมเห็นไหมเล่าเสี่ยวถังเจ้าหาว่าข้ากินจุความจริงทุกอย่างที่นี่อร่อยข้าถึงกินไม่หยุด”“องค์หญิงหญิงงามกินแต่น้อย ไม่เช่นนั้น...”“เจ้าไม่ต้องกังวลเสี่ยวถัง ก็ในเมื่อองค์รัชทายาทเขาอย่างไรเสียต้องแต่งกับข้าแน่นอนข้าไม่จำเป็นต้องห่วงว่าข้าจะ...ไม่มีสวามี555” หัวเราะเสียงดังสนั่นโดยไม่มีอาการสำรวมแต่อย่างใดชงไฉ่รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างไรพิกลจนแทบจะสำลักนางช่างต่างจากองค์ชายใหญ่จ
จิวซิน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอาภรณ์ขององค์หญิงไม่ลืมที่จะหยิบผ้าแพรฝืนบางเบาคาดปิดใบหน้าครึ่งปากครึ่งจมูกทรุดตัวลงนั่งข้างชงไฉ่ บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ดึกสงัดจิวซินเผลอฟุบหลับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือด้วยความง่วงและความอ่อนเพลียจากการเดินทางชงไฉ่งัวเงียอาการเจ็บแปลบที่แผลทำเอาไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้กลอกตาไปมารอบๆ จนสะดุดเข้ากับร่างบางในอาภรณ์สีสวยสดข้างกาย ใบหน้างดงามแต่ถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าแพรบางเบา ความสงสัยไม่อาจอดกลั้นได้ ชงเอื้อมมือหมายปลดผ้าแพรบนใบหน้างามที่มองขัดตาเหลือเกิน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปจับชายผ้าได้จิวซินกลับตื่นขึ้นมาเสียก่อน ปัดมือของชงไฉ่อย่างแรงด้วยความตกใจ“ใบหน้าข้าอัปลักษณ์ยิ่ง ท่านไม่สมควรจะได้เห็นมัน” ชงไฉ่หดมือกลับ“แม่นางขอบคุณที่ช่วยข้าไว้แม่นางมีชื่อแซ่ว่าอย่างไร”“ข้าจิวซินองค์หญิงรองของเหอตงหยวน หวังว่าท่านคงจะเคยได้ยิน” ชงไฉ่ตะลึงมอง คำพูดของจิ่นเกอที่เขาได้ยินว่าน้องสาวร่วมบิดาใบหน้าขี้ริ้วกิริยาหยาบกระด้างไม่อาจปฏิเสธได้“ข้าชงไฉ่องค์ชายสิบสององค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนยินดีที่พบองค์หญิงรอง” ชงไฉ่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองในเมื่อ
การเดินทางรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อสองข้างทางแม้จะรกเรือหากแต่ทางที่ไปนับว่าสะดวกสบายเหลืออีกไม่กี่ลี้ก็จะเข้าเขตแดนของเหอตงหยวนซิงซาบังคับม้าให้หยุด“องค์ชายเบื้องหน้าเป็นเขตแดนของเหอตงหยวนแล้วเราพักที่นี่เสียก่อนพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”“เร่งเดินทางดีกว่าซิงซาอาจมีโรงเตี้ยมสักแห่งให้พักแรมดีกว่านอนกลางป่าเขา” ซิงซากระตุกม้าให้ตะบึงแทนคำตอบทั้งคู่ เข้าสู่ชายแดนเหอตงหยวนดวงอาทิตย์เริ่มอัสดงคล้อยแสงต่ำลงหาได้พบโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้ไม่ชงไฉ่กระตุกม้าเร่งความเร็วจนเคียงคู่ม้าของซิงซา“คงต้องพักค้างแรมเสียแล้วม้าและเราทั้งคู่เหนื่อยล้ามากคงต้องพักเสียที่นี่ไม่มีโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้”“องค์ชายซิงซาจะหายิงไก่ป่ามาย่าง” ซิงซาอาสาคว้าธนูมาถือไว้มั่นเหมาะควบม้าจากไปชงไฉ่หากิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟ ตัดกิ่งไม้มาปูนั่งรอซิงซาความมืดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้าซิงซาควบม้าตะบึงตามกระต่ายไปหาใช่ไก่ป่าไม่จนเข้าไปในดงไผ่หนาทึบ วกวน หาทางออกไม่เจอ ควบม้าวนไปวนมาจนเหนื่อยล้ามือสังหารนับสิบกรูกันเข้ามาล้อมกรอบชงไฉ่ไว้กระบี่ในมือไม่อาจดูดายถูกชักออกจากฝักด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าพันตุด้วยไม
ชายาเอกเหตุใดต้องเป็นคนของเหอตงหยวนแต่ไม่อาจมีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาได้แต่ก้มหน้านิ่ง“ท่านคิดว่าอย่างไรเสีย ก็ยังปักใจให้จิวซินน้องเป็นชายาเอกเช่นนั้นหรือ”“ไม่เป็นการอยุติธรรมไปหน่อยหรือหากข้าจะรีบตัดสินน้องของท่านเพียงเพราะคำพูดของท่านเท่านั้นองค์ชายใหญ่” ชงไฉ่แสดงให้เห็นถึงความเป็นบุรุษอย่างแท้จริงที่ไม่อาจตัดสินหญิงใดเพียงแค่คำนินทา จิวซินเผลอยิ้มด้วยความพึงใจ“ดีเช่นนั้นท่านต้องได้พานพบนางอย่างแน่นอนเมื่อนั้นค่อยตัดสินนางยังไม่สาย” ยกชาขึ้นจิบละเมียดรสชาที่ขมปนฝาดเยว่ฉีเหลือบตามองจิวซินอย่างค้นคว้าแม่เป็นสตรีหากแต่นางก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าจิวซินมิใช่บุรุษอย่างแท้จริงจิวซินระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวเพราะกิริยาบางอย่างมีเพียงอิสตรีด้วยกันเท่านั้นที่สามารถมองทะลุปรุโปร่ง“องค์ชายใหญ่จิ่นเกอ องอาจงดงามมิเสียแรงที่ทั่วทั้งวังกล่าวขานถึงความองอาจของท่าน” เยว่ฉีลองหยั่งเชิงดู“แม่นางเยว่ฉี กล่าวเช่นนี้องค์รัชทายาทจะเคืองขุ่นเมื่อภรรยากับเห็นผู้อื่นองอาจกว่าคนที่ร่วมเตียงทุกคืนวัน” ชงไฉ่อมยิ้มกับคำกล่าวของจิวซิน เยว่ฉีทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดผิด