หนึ่งจอมมารถือกำเนิดจากโคลนตม ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก พร้อมทำลายทุกสิ่งอย่างเลือดเย็น กับอีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์ถูกชะตากำหนดให้เป็นผู้กำจัดเภทภัยจึงตกเป็นเป้าหมาย ชีวิตมีอันตรายอย่างเลี่ยงไม่ได้
View Moreหลังจากที่เมล็ดพันธุ์ถูกฝังในแก่นวิญญาณของจอมมารเรียบร้อยแล้ว ความทรงจำที่อู๋เยว่ชิงมีต่อเขาในฐานะคนรักของหลินซีเวยจึงพรั่งพรูเข้าหาสวีลู่ชิงใช้พลังเทพบรรพกาลทำให้เขารับความรู้สึกของนางแม้จะยืนยาวได้ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจแต่ก็พอทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบชั่วขณะความรักของนางที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องลวงหลอก ดูเหมือนจอมมารจะสัมผัสได้ว่านางเอ่ยความจริงจากก้นบึ้งในใจ แต่มันกลับทำได้แค่เพียงสะกิดความรู้สึกแล้วจางหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยนางไม่ได้หวังอันใดไปมากกว่านี้ ขอแค่ให้เขาได้รับรู้บ้างเผื่อจอมมารจะรู้สำนึกว่าได้ทำอันใดลงไปแม้สวีลู่ชิงจะไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์ดวงสุดท้ายที่แตกร้าวจะทำให้ดวงอื่น ๆ ที่เคยถูกฝังในร่างจอมมารปริแตกหยั่งรากลึกก่อนเวลาอันควรจนความรู้สึกทั้งปวงก่อตัวขึ้นใน
หากแต่ผลที่ได้ไม่เป็นอย่างคาดคิดเพราะพลังมารที่เขาส่งออกไปสะท้อนกลับเข้าหาตัวเหมือนอย่างเคยกงจื่อเย่ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เหตุใดจึงฆ่าเจ้าไม่ได้!!!”เขาเชื่อว่าเมล็ดพันธุ์ของชาตินี้ที่อยู่ในแก่นวิญญาณของนางต้องได้รับความเสียหายจนปริแตกแล้วจึงได้ลงมือ แต่กลับทำอันใดนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อยครั้นลองร่ายพลังมารใส่อู๋เยว่ชิงอีกครั้ง พลังรุนแรงนั้นยังคงสะท้อนกลับมาหาเขาไม่เคยเปลี่ยนกงจื่อเย่กระอักเลือดออกมากองใหญ่ คิ้วขมวดเป็นปม เอ่ยถามนางด้วยความสงสัย “ที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้รักข้าหรือ”นั่นเพราะเขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าความรักมักจะทำให้มนุษย์อ่อนแอ ยิ่งรักมากเท่าใดยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น หากถูกคนท
Trigger Warning (TW 18+) = มีเนื้อหาหรือเหตุการณ์ที่อาจทำให้สะเทือนใจห่างไปอีกเมืองหนึ่งไม่ไกลนักรถม้าของอู๋เยว่ชิงหยุดพักอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชานเมือง นางพยายามรวบรวมสติของตนเองเอาไว้แล้วปกป้องอีนั่ว“เสด็จแม่ เราอยู่ที่ใดกันหรือ” อีนั่วเอ่ยปากถามทันทีที่ลืมตาหลังจากนอนหลับยาวนาน “เสด็จพ่อเล่า...”เมื่อถูกถามไถ่ถึงหลินซีเวย น้ำตาของนางก็เอ่อคลอแต่พยายามกลั้นใจเอาไว้ “พ่อของเจ้าจะรีบตามมา อีนั่วอย่าได้กังวลไปเลยนะ”มารน้อยพยักหน้าแล้วซบเข้าอ้อมกอดของมารดาสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของอู๋เยว่ชิง มือน้อย ๆ ลูบใบหน้าของนางราวกับต้องการปลอบประโลมพวกเขาหย
หลินซีเวยหมดท่าไม่อาจโต้กลับเหล่าเซียนสำนักหานหลิ่งได้อีกทั้งยังถูกตรึงด้วยผนึกเพื่อทำลายพลังมารปีศาจที่ควบคุมร่างเขาอยู่“ท่านเซียน ช่วยเขาไม่ได้หรือ” ฮ่องเต้เอ่ยปากถามเพราะยังมีความหวังว่าจะได้บุตรชายกลับคืน หากแต่เหล่าเซียนกลับตอบว่า “พลังมารปีศาจหลอมรวมเข้าแก่นวิญญาณของเขาแล้วมิอาจถอดถอนได้เฉกเช่นคนทั่วไป หนทางเดียวที่จะหยุดหายนะในเมืองไท่หยางคือสังหารเขาไปพร้อมกับมัน”“...” ทุกคนนิ่งเงียบ สายตามองปีศาจร้ายด้วยความหวาดกลัว เพียงแค่หนึ่งก้านธูป วังหลวงกลับนองเลือดราวกับมีสงครามครั้งใหญ่ หากคิดปล่อยไว้มีหวังทั้งเมืองไท่หยางคงกลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนเป็นแน่“ข้าไม่ได้ขอความเห็นพวกท่าน มาวันนี้เพื่อทำหน้าที่ของตนเอง มารปีศาจตนนี้ร้ายกาจนักหากปล่อยให้หลุดรอดไปได้คงทำลายผู้คนในเมืองอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน&r
หลินซีเวยสัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเขาจึงปลุกให้อู๋เยว่ชิงตื่นจากหลับฝัน เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาถึงตำหนักจันทราจนทำให้นางอกสั่นขวัญแขวนไปด้วยดวงตาสีฟ้ามองอีนั่วที่กำลังหลับแล้วสบตากับหลินซีเวย “ไม่จริงใช่หรือไม่เพคะ ไม่ใช่ฝีมือของลูก”เขาส่ายหน้าปิดบังความจริง “อย่ากังวลไปเลย ลูกเราไม่มีทางทำอันใดเช่นนั้นได้หรอก เชื่อข้าเถอะนะเยว่ชิง”“เพคะ หม่อมฉันเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรอีนั่วก็เป็นลูกของเรา ไม่มีทางเป็นมารปีศาจอย่างแน่นอน”ใบหน้าของหลินซีเวยซีดเผือดเพราะพลังมารของอีนั่ว เขาจึงหลบหน้าชายาตนเองเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงก่อนจะอุ้มอีนั่วขึ้นมา “เยว่ชิง วังหลวงคงไม่ปลอดภัยแล้ว เรารีบหนีออกไปหลบอยู่ที่จวนแม่ทัพใหญ่สักพักเถิด”
เช้าวันต่อมาองครักษ์ส่งข่าวให้ทุกคนในวังหลวงได้รับรู้ว่านักพรตชราผู้นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความสิ้นหวังจึงมาเยือนคนในตำหนักจันทรายิ่งนักอู๋เยว่ชิงกอดอีนั่วเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเพราะนางสัมผัสได้ว่ายามที่อีนั่วอยู่กับนาง อาการทรมานจะไม่แสดงออกมา หากแต่เมื่อใดที่นางเผลอหลับใหล พลังมารของอีนั่วกลับปะทุขึ้นมาทีละนิดจนมิอาจกลั้นนับวันยิ่งควบคุมไม่ได้ อู๋เยว่ชิงอดนอนฝืนตัวเองดูแลอีนั่วจนหลินซีเวยรู้สึกเป็นห่วงนางไม่แพ้กัน แต่เขากลับโทษตัวเองที่ทำอันใดเพื่อช่วยคนที่เขารักทั้งสองคนไม่ได้เลย“หม่อมฉันไม่เป็นอันใดเพคะ” นางลูบใบหน้าซูบเซียวของหลินซีเวยทั้งที่มือของนางแทบไม่มีแรงเหลือเขาแนบใบหน้ากับฝ่ามืออบอุ่นนั้น สายตาห่วงใยฉายชัดแต่ก็จำต้องแอบให้นางดื่มสมุนไพรเพื่อพัก
“องค์ชายสาม ไม่ได้พบพระองค์มานานพระวรกายแข็งแรงดีแล้วใช่หรือไม่” นักพรตผู้นั้นถามไถ่แล้วมองมารน้อยที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มไร้เดียงสาหลินซีเวยท่าทางนอบน้อม “เรื่องครั้งนั้น ข้ารู้สึกขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก เวลานี้อาการเจ็บป่วยไม่รู้สาเหตุจึงหายเป็นปลิดทิ้ง”ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่พึมพำว่า “ดีแล้ว” จากนั้นจึงยื่นมือมาหามารน้อยบ้าง อีนั่วผู้เป็นมิตรกับทุกคนจึงวางมือลงบนฝ่ามือของนักพรตชราอย่างไม่คิดระแวงครั้นคนตรงหน้าสัมผัสได้ว่าพลังมารแฝงอยู่ในแก่นวิญญาณจึงคิดไปว่าอาจจะเป็นผลทำให้อีนั่วต้องเจ็บป่วยเหมือนอย่างที่หลินซีเวยเคยประสบพบเจอ แต่พอได้ยินเสียงหง่าวดังมาจากด้านล่างจึงเข้าใจได้ว่าครั้งนี้คงจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยอย่างแน่นอน“แมวน้อยตัวนี้มาจากที่ใดหรือ” เขาเอ่ยถามอู๋เยว่ชิงเพราะสัมผัสไ
หลายวันต่อมาบรรดาปู่ย่าตายายของอีนั่วมาหาหลานพร้อมของรับขวัญเต็มไม้เต็มมือ ทั้งกำไลหยก กำไลเงิน แผ่นทองคำ จี้ทองและอีกสารพัดจนกล่องของขวัญในตำหนักจันทรากองพะเนินญาติสนิทมิตรสหายหลั่งไหลมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย แม้กระทั่งคนที่อยู่ไกลอย่างหลินมู่หลงยังส่งจดหมายมาแสดงความยินดีกับอู๋เยว่ชิงเจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามที่อ่านจดหมายทางไกลนั้น เรียกความอิจฉาเล็กน้อยจากเจ้าของตำหนักอย่างยิ่ง อู๋เยว่ชิงพลันรู้สึกได้ว่าสายตาใครบางคนมองนางมาตั้งแต่เมื่อครู่จึงค่อย ๆ หันกลับไป คลี่ยิ้มบางเรียกอีกฝ่ายเสียงหวาน “เสด็จพี่เพคะ”หลินซีเวยได้ยินนางเรียกรีบเดินเข้ามาหา “เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือ”“ทรงก้มลงมาใกล้ ๆ หม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ”
ผ่านไปสามเดือนอู๋เยว่ชิงรับรู้ได้ว่าลูกน้อยในท้องกำลังอารมณ์ดีเพราะได้ออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ข้างนอกบ้างหลังจากต้องอุดอู้อยู่ในตำหนักหลายวันเพราะนางต้องคอยดูแลหลินซีเวยที่จู่ ๆ ก็เจ็บออดแอดขึ้นมา“เจ็บมากหรือไม่เพคะ” อู๋เยว่ชิงถามไถ่อาการของเขาด้วยความเป็นห่วง หลายวันมานี้ใบหน้าของหลินซีเวยซีดเผือดไปมากนัก นางนึกว่าอาการแพ้ท้องจะหายไปแล้วแต่เขากลับเป็นหนักกว่าเดิมจนได้“อย่ากังวลเลย ยิ่งเจ้าทำหน้าขมวดคิ้วชนกันอย่างนี้แล้วเดี๋ยวอีนั่วจะพลอยเป็นห่วงเจ้าไปอีกคน” องค์ชายสามลูบใบหน้านางแผ่วเบาพลางจิ้มนิ้วยืดคิ้วที่ขมวดเป็นปมออกแล้วบอกคนตรงหน้าว่า “เจ้านั่งเล่นกับลูกอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่งเถอะ ข้าขอไปนอนงีบรออยู่ข้างในตำหนัก”“หม่อมฉัน...” อู๋เยว่ชิงคิดจะตามไปดูแลเขาด้วยแต่อีนั่วน้อยคงไม่ยอม
ความสงบสุขเรียบง่ายหลายหมื่นปีของภพสวรรค์กำลังถูกสั่นคลอนเพราะมารตนหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ใครเล่าจะคิดว่าสิ่งเล็ก ๆ จากบ่อโคลนของความชั่วร้ายทั้งปวงจะหลอมรวมภัยอันตรายที่สามารถทำลายล้างสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ในเวลาไม่นานภพมารแซ่ซ้องสรรเสริญผู้ปกครองดินแดนคนใหม่ ยกขึ้นเป็นนายเหนือหัวที่จะกลายเป็นจอมมารปลดเปลื้องพันธะให้เหล่ามารปีศาจที่ถูกกักขังในหุบเหวดำมืด จบสิ้นการลงทัณฑ์อันยาวนานจากเทพบรรพกาลเสียงอึกทึกกึกก้องคำรามข่มขู่เหล่าเทพเซียนบนฟากฟ้าพร้อมบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์วุ่นวายโกลาหลเคราะห์ยังดีที่กองทัพสวรรค์เป่าแตรส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันเวลา เหล่าเทพเซียนจึงผนึกกำลังป้องกันการรุกรานของทัพมารอย่างสุดความสามารถเทพสงครามนำทัพออกมาเผชิญหน้าปกป้องสรรพสิ่งไม่ให้แตกสลายจากมหันตภัยในครั้งนี้ กลยุทธ์มากมายที่เคยใช้กับจอมมารตนอื่นกลับไม่ได้ผลนักไพ่ตายที่ถูกวางไว้สามอย่างเริ่มดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ หวังว่าจะหยุดความเลวร้ายทั้งหมดลงไปได้ก่อนที่จะมีความสูญเสียไปมากกว่านี้เวลานั้นโฉมหน้าของผู้นำทัพมารจึงปรากฏขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายและแววตาเย็...
Comments