หน้าหลัก / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 0 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

แชร์

มารเร้นกายดับแสงดารา
มารเร้นกายดับแสงดารา
ผู้แต่ง: MACARONI/1Millionmilesaway

ตอนที่ 0 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-28 15:27:07

ความสงบสุขเรียบง่ายหลายหมื่นปีของภพสวรรค์กำลังถูกสั่นคลอนเพราะมารตนหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ใครเล่าจะคิดว่าสิ่งเล็ก ๆ จากบ่อโคลนของความชั่วร้ายทั้งปวงจะหลอมรวมภัยอันตรายที่สามารถทำลายล้างสวรรค์ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ในเวลาไม่นาน

ภพมารแซ่ซ้องสรรเสริญผู้ปกครองดินแดนคนใหม่ ยกขึ้นเป็นนายเหนือหัวที่จะกลายเป็นจอมมารปลดเปลื้องพันธะให้เหล่ามารปีศาจที่ถูกกักขังในหุบเหวดำมืด จบสิ้นการลงทัณฑ์อันยาวนานจากเทพบรรพกาล

เสียงอึกทึกกึกก้องคำรามข่มขู่เหล่าเทพเซียนบนฟากฟ้าพร้อมบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์วุ่นวายโกลาหล

เคราะห์ยังดีที่กองทัพสวรรค์เป่าแตรส่งสัญญาณเตือนภัยได้ทันเวลา เหล่าเทพเซียนจึงผนึกกำลังป้องกันการรุกรานของทัพมารอย่างสุดความสามารถ

เทพสงครามนำทัพออกมาเผชิญหน้าปกป้องสรรพสิ่งไม่ให้แตกสลายจากมหันตภัยในครั้งนี้ กลยุทธ์มากมายที่เคยใช้กับจอมมารตนอื่นกลับไม่ได้ผลนัก

ไพ่ตายที่ถูกวางไว้สามอย่างเริ่มดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ หวังว่าจะหยุดความเลวร้ายทั้งหมดลงไปได้ก่อนที่จะมีความสูญเสียไปมากกว่านี้

เวลานั้นโฉมหน้าของผู้นำทัพมารจึงปรากฏขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายและแววตาเย็นยะเยือกทอดมองภาพเบื้องหน้า

อารมณ์หนึ่งเดียวในใจของเขาผู้นี้มีเพียงแต่ความกระหาย ทั้งเลือด ชีวิตและวิญญาณราวกับมารปีศาจที่อดอยาก

ดวงตาสีม่วงแดงถลึงตรึงร่างเทพชั้นผู้น้อยอย่างไม่แยแส เขาแสยะยิ้มชอบใจที่อีกฝ่ายกระเสือกกระสนหาทางหนี

ตรามารสีแดงผุดขึ้นกลางหน้าผาก ส่องแสงเรืองรองบ่งบอกว่าเขากำลังร่ายอาคมมารอยู่ในใจก่อนจะโบกมือสะบัดตัดร่างเหล่าเทพตรงหน้าแตกสลายไปอย่างง่ายดาย

ทันใดนั้น ธนูศรสีทองพุ่งดิ่งเข้าหาร่างจอมมารในพริบตาแต่เขากลับหลบเอี้ยวตัวได้ทัน ความแหลมคมของศรนั้นจึงเฉี่ยวเกี่ยวปลายผมสีดำสยายของเขาเพียงเท่านั้น

“ใครมันบังอาจ” เสียงขุ่นเคืองตะโกนก้องหาตัวคนที่กล้าลอบโจมตีเขา

ผู้มีผมสีเงินจึงก้าวออกมาจากฝูงชนด้วยท่าทางองอาจไม่เกรงกลัว เทพสงครามเฉิงอี้เรียกดาบประจำกายออกมา ประกาศตัว “เป็นข้าผู้นี้”

“อ่อนหัดเพียงนี้ยังคิดจะกำราบข้า” ดวงตาสีม่วงแดงมีประกายความเหยียดหยาม พลันสะบัดมือเพียงนิดแสดงให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดในภพสวรรค์เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาได้

หนึ่งในเทพนพเคราะห์ฉุนเฉียวมารไม่รู้ฐานะของตน “พูดจาสามหาวยิ่งนัก...” ทว่า ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี สีหน้าของเขากลับบิดเบี้ยว เลือดรินไหลด้วยความเจ็บปวดถึงวิญญาณ

เมื่อนั้นศรธนูสีทองอีกดอกหนึ่งจึงพุ่งเข้าหาจอมมารเพื่อหยุดการทรมานฝ่ายตนเอง

“มารอย่างเจ้าไม่เจียมตัวบ้างหรืออย่างไร” ใครบางคนเล็งคันธนูมาทางเขา แววตาเด็ดเดี่ยวสมกับเป็นเทพวายุ “เจ้าคิดว่าสวรรค์ไร้น้ำยาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”

จอมมารยิ้มแสยะหัวเราะร่าที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น “ก็เห็นอยู่เต็มตาไม่ใช่หรือว่าพวกเจ้ากำลังจนตรอกถึงกับหาทางถ่วงเวลาข้าเอาไว้เพื่อทำบางอย่างลับหลัง”

“เฮอะ อย่าย่ามใจไปเลย” เทพสงครามเฉิงอี้ยิ้มมุมปาก ไม่ว่าจะมารตนไหนที่เขาเคยต่อกรด้วยก็มักจะพูดมากยกยออวดพลังของตนเองอยู่ร่ำไป คนตรงหน้าของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน

หากแต่ไม่นานนักสีหน้าของเทพสงครามกลับเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ว่าข่ายอาคมคุ้มครองภพสวรรค์กำลังสะเทือนจนเกิดรอยปริราวกับแก้วที่กำลังจะแตกในไม่ช้า

“อ่อนแอหาสิ่งใดเปรียบ” จอมมารตอกย้ำสถานการณ์ของเทพเซียนเหล่านั้นด้วยสีหน้าประดับยิ้มกระหาย “ดาบเทพบรรพกาลอย่างนั้นหรือ ข้าไม่กลัวหรอก”

เสียงหัวเราะลั่นทั่วแดนสวรรค์ทำเอาคนที่ได้ยินขนลุกชูชัน ใจสั่นระรัวเพราะรู้สึกได้ว่าอันตรายถึงชีวิตกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

แม้จะมีมารปีศาจหรือสัตว์อสูรริอาจลองดีคิดทำลายสวรรค์ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่พวกเขาจะอกสั่นขวัญผวาได้เท่าครั้งนี้ 

มารอายุร้อยปีเลิกคิ้ว สายตามองทะลุไปยังหอสวรรค์ซึ่งบรรจุอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเทพบรรพกาลเอาไว้ ร่ายอาคมมารอยู่ในใจจนพื้นที่บริเวณนั้นสั่นสะเทือน ไอสีดำพวยพุ่งจากร่างของเขาไปทุกทิศทางพร้อมเสียงกัมปนาท

แตรสงครามดังลั่นเป็นสัญญาณ ข่ายอาคมคุ้มครองดินแดนระเบิดไปแล้ว

“ดูท่าจะมีของเล่นเยอะทีเดียว” จอมมารเอ่ยปากเพราะเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของเทพสงคราม เขาสนุกสนานกับการทำลายของที่ใครหลายคนต้องการปกป้อง ยิ่งยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าคนตรงหน้าจะทำอย่างไรต่อไป

บ่อโคลนสีดำเดือดระอุผุดขึ้นเบื้องหลังของเขา สัตว์อสูรสี่ขาอายุหลายพันปีค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากหลุมนั้นทีละนิด จำนวนของพวกมันทวีคูณทะลักออกมาเรื่อย ๆ

สัญชาตญาณอันดุร้ายรวมกับพลังมารเข้มข้นสั่งการพวกมันทะลวงกองทัพสวรรค์ให้ราบ

ฝ่าเท้าหนักอึ้งกระทืบดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนกระหึ่มไปทั่ว พวกมันทั้งไล่ขวิดคนบนนั้น จับกิน ฉีกกระชากและเล่นสนุกอย่างไม่รู้สึกรู้สาตามอย่างผู้เป็นนาย

ชายชราชุดเครื่องประทับทองก้าวออกมาจากทางด้านหลัง พลังของเขาสลายสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย แต่ไฉนจะสู้จอมมารผู้นี้ได้ เพียงแค่ขยับริมฝีปากเล็กน้อยร่ายอาคม สัตว์อสูรที่สลายไปก็หวนกลับคืนร่างตามเดิมราวกับพวกมันไม่เคยหายไปจากที่แห่งนั้น

“กงจื่อเย่” เทียนจวินเอ่ยเรียกชื่อคนผู้หนึ่ง “จักหยุดได้หรือไม่”

“บังอาจ!” ปีศาจสาวที่ยืนอยู่ข้างกายจอมมารตะโกนดังลั่นที่เห็นคนต่ำต้อยเรียกชื่อเจ้านายของตน แต่ผู้เป็นเจ้านายกลับหัวเราะในลำคอ

“หลางเทียนจวิน” กงจื่อเย่มองหน้าคนที่เขาเคยพบเจอช่วงที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมาใหม่ “ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าพบกันครั้งหน้าข้าจะสังหารเจ้าเสีย”

เทียนจวินถอนหายใจรู้ชะตากรรมของตนเอง ควบคุมสีหน้าให้เรียบเฉย “ข้ารู้”

เขารู้มาตลอดว่าเหตุการณ์ในวันนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะชะตาที่ถูกลิขิตไว้ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อครั้งที่เขาพบกงจื่อเย่วัยเด็ก เขาเคยคิดหวังว่ามารน้อยตนนี้จะสงบเสงี่ยมอยู่ในภพมารเหมือนมารปีศาจตนอื่นได้ จึงทำลายพลังมารที่สะสมในตัวเขาทิ้งก่อนกักขังไว้ภพนั้น

แม้ภายหลังจะมีเทพที่รู้เรื่องเหล่านี้แอบมาสังหารกงจื่อเย่จนร่างสลายไป  ทว่า พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าทุกอย่างเป็นเพียงฉากหน้าที่กงจื่อเย่วางแผนเอาคืน

มารน้อยอยู่อย่างสงบในภพมาร ปิดบังตัวตนและดูดกลืนความชั่วร้ายที่หลั่งไหลในสามภพตลอดหนึ่งร้อยปี

เวลานี้ นอกจากพลังเหนือกว่าผู้ใด ร่างมารยังเป็นอมตะ แม้จะถูกดาบเทพบรรพกาลสังหาร ไม่นานนักเขาจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ 

ดังนั้น ฝ่ายที่เสียเปรียบมากที่สุดจึงเป็นกองทัพสวรรค์เพราะจอมมารตนนี้สนุกยิ่งนักและมีแผนจะเล่นกับพวกเขาอีกนาน

ทันใดนั้น คิ้วขวากงจื่อเย่ก็กระตุก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปิดไม่มิดคิดในใจว่าการที่อีกฝ่ายพยายามถ่วงเวลานั้นน่าขบขันเพียงใด ก่อนหันมามองหน้าปีศาจสาวผู้เป็นลูกน้องพร้อมสั่งการหนึ่งอย่าง

เทียนจวินเห็นดังนั้นจึงเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดีเอ่ยปากว่า “กงจื่อเย่ แม้เจ้าจะเป็นอมตะ แล้งหัวใจ ไร้ความรู้สึก แต่สักวันหนึ่งเจ้าจักสูญสลายไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี”

กงจื่อเย่กระตุกยิ้ม หัวเราะร่าที่ได้ยินเช่นนั้น “คิดว่าข้าไม่รู้ไพ่ตายของพวกเจ้าหรือ เหตุใดจึงแน่ใจนักว่าจะกำราบข้าได้”

ดวงตาสีม่วงแดงมองไปยังเทียนจวินอย่างมีความนัยประกาศก้อง “นางผู้นั้น ข้าจะสังหารด้วยมือของข้า ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกกี่ชาติ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางรอดชีวิต ชะตาของนางจะต้องทุกข์ทรมานจนกว่าแก่นวิญญาณเทพจะดับสลาย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 1 ทัพมารบุกสวรรค์

    ท่ามกลางความโกลาหลตรงเขตชายแดนระหว่างภพมารและภพสวรรค์ เทพจันทราเร่งหลอมรวมวิญญาณและพลังของตนเองเพื่อผนึกลิขิตสวรรค์ในต้นไม้แห่งโชคชะตาไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้แม้จะต้องสละวิญญาณแต่นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องสรรพสิ่งจากหายนะที่คืบคลานเข้ามา ชายชรารู้เป็นอย่างดีว่าจอมมารจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชะตาของใครบางคนอย่างแน่นอน และนั่นอาจจะทำให้แผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นชิ้นดีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกระหึ่มสร้างความวิตกในใจของเขาเป็นอย่างมาก อีกนิดเดียว ข้าขอเวลาอีกนิดเดียว เขาคิดในใจหวังว่ากองทัพสวรรค์ที่อยู่ด้านนอกจะช่วยต้านทานถ่วงเวลาผู้บุกรุกได้อีกสักเพียงนิด“หยุดนะ!” ปีศาจสาวนามว่าหลิวอิงอิงผู้เป็นมือขวาของจอมมารตะโกนก้อง นางร่ายพลังปีศาจใส่เทพจันทราโดยไม่ยั้งมือ หากแต่ถูกสกัดกั้นโดยกองอารักขาเสียก่อน จึงทำให้นางฉุนเฉียวเพราะไม่ได้ดั่งใจเทพจันทราตั้งสติมั่นพลันขอบข่ายอาคมปรากฏขึ้นหลอมรวมกับจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของชายชราผู้นี้โอบล้อมเป็นม่านคลุมต้นไม้แห่งโชคชะตาเอาไว้ในชั่วขณะหลิวอิงอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 2 จุติเป็นมนุษย์

    บทสนทนาระหว่างเทพวายุกับจอมมารและการต่อสู้ของทั้งสองดำเนินไปอย่างดุเดือด สวีต้าเฟิงเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อถ่วงเวลาให้เทพสงครามได้อย่างแนบเนียนจนอีกฝ่ายสามารถหลอมพลังวิญญาณได้เรียบร้อยกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบคู่กายของตนเองสายตาที่เทพวายุมองสหายเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาทำให้กงจื่อเย่รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นละครฉากใหญ่จังหวะที่หันไปมองตามนั้น ดาบเทพสงครามอันมหึมาก็พุ่งทะลุผ่านร่างของจอมมารในพริบตาการสละวิญญาณของเทพสงครามได้ผลชะงัดเพราะสามารถผนึกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตดวงแรกไว้ในแก่นวิญญาณของจอมมารได้ ส่งผลให้พลังมารที่รุนแรงถดถอยลงไปหนึ่งส่วนกงจื่อเย่จะไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาภายในแก่นวิญญาณของตัวเองเพราะถูกพลังเทพสงครามบดบังเอาไว้แต่เฉลียวได้ว่าผู้นำกองทัพสวรรค์ย่อมไม่สละตนเองเพียงเพื่อทำลายพลังมารของเขาส่วนเดียวจอมมารยืนทื่ออยู่ครู่หนึ่ง พิจารณาว่าร่างมารของตนเองมีสิ่งใดผิดแปลกไปหรือไม่“พวกเจ้าทำอะไรข้า” เขาไม่รู้ว่าเหล่าเทพใช้วิธีใดและนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 3 ขัดขวาง

    ภพสวรรค์เซียนผู้เฝ้าหออาวุธโบราณเพิ่งสังเกตได้ว่าดวงเนตรอำพันหายไปจึงคิดรายงานเทียนจวิน แต่กลับถูกสัตว์อสูรเขาแหลมตัวเขื่องขวิดจนร่างแตกสลายไปเสียก่อนสวีต้าเฟิงเห็นจอมมารยิ้มมุมปากได้แต่นึกสงสัยว่าผู้ที่โดนรุมล้อมสังหารมีเหตุอันใดให้รื่นรมย์ใจถึงเพียงนี้ ทั้งยังแววตาท้าทายที่มองมายังเขาไม่วางตาราวกับบรรลุเป้าหมายบางอย่างครั้นจะปลีกตัวออกมาจากที่แห่งนั้นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจกลับถูกดาบเขี้ยวอสูรเหวี่ยงเข้ามาขวางทางเอาไว้ในพริบตา“จะหนีไปที่ใดกันเล่า” กงจื่อเย่แสยะพลางเรียกดาบประจำกายกลับมา“...” เทพวายุไม่เอ่ยอันใดแต่หันไปสบตากับเทียนจวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้ากังวลรู้สึกว่าตนเองกำลังตกหลุมพรางของมารเจ้าเล่ห์ผู้นี้“ไปเถิด” เทียนจวินเอ่ยปากบอกแล้วดันพลังของตัวเองมาต้านทานพลังมารของกงจื่อเย่แทนเทพวายุจอมมารเห็นช่องว่างช่วงเปลี่ยนผันไม่รอช้าเขวี้ยงดาบเขี้ยวอสูรใส่ทั้งคู่โดยไม่แยแสเพื่อสลายพลังที่ตรึงกายมารส่วนล่างของเขาเอาไว้กระนั้น เทพอาวุโสอีกคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีหลบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่ของสวีลู่ชิง

    แดนมนุษย์เดิมทีเทพดาราจะกลายเป็นดาวตกลงมาเผชิญด่านเคราะห์ทุก ๆ หนึ่งพันปีเพื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตในแดนมนุษย์ นางมีโชคชะตาที่เทพบรรพกาลเลือกสรรให้เป็นผู้สังหารจอมมารที่ถือกำเนิดขึ้นในสามภพตลอดระยะเวลาหลายแสนปีที่ผ่านมา เหล่าเทพเซียนภพสวรรค์ได้รับเลือกจากเทพบรรพกาลมานับไม่ถ้วนเพราะเขาผู้นั้นคือผู้หยั่งรู้โชคชะตาเมื่อจอมมารในแต่ละช่วงเวลาถือกำเนิด หากวิธีที่รับมืออยู่ไม่สามารถต้านทานพลังมารอันชั่วร้ายได้ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะผู้ที่สังหารจอมมารตนนั้นต้องสละแก่นวิญญาณของตนเองหลอมรวมอสนีบาตสวรรค์ 19 ครั้ง ผันเปลี่ยนเป็นพลังมหาศาลทำลายจอมมารไปพร้อม ๆ กันเหตุการณ์เหล่านั้นจึงทำให้มีเทพเซียนดับสูญตลอดกาลไปไม่น้อย แต่เพื่อแลกกับความสงบสุขของสามภพแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจึงยอมรับในโชคชะตาของตัวเองครั้งนี้สวีลู่ชิงลงมาเกิดเป็นมนุษย์ครั้งที่สองด้วยช่วงเวลาที่ห่างกันจากครั้งแรกเพียงห้าร้อยปี พลังเทพของนางจึงได้รับความเสียหายบางส่วนเด็กทารกดวงตาสีฟ้า เรือนผมขาวแต่กำเนิดราวหิมะปรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 5 ความโกลาหล

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งนอกเมืองหนานพ่อค้าจากต่างเมืองที่ผ่านมาแวะพักในโรงเตี๊ยมเล่าข่าวคราวที่บังเอิญได้ยินมาให้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นฟัง เสียงเล่าลือว่าคนในหมู่บ้านหงเหลียนทางตอนใต้แคว้นชิงตายด้วยอาการประหลาดคนที่เหลือรอดมาได้เล่าวกไปวนมาว่าสิ่งที่เข้าทำร้ายพวกเขาต้องไม่ใช่คน ดูไม่มีรูปร่างแต่แววตาแดงฉานฉายชัด ครั้นจะถามต่อว่าเป็นอย่างไรบ้างกลับไม่ได้อะไรเพิ่มเติม คนเหล่านั้นเหมือนสติหลุดพูดจาไม่รู้เรื่องไปเสียแล้วเจ้าเมืองจึงต้องส่งคนไปเชิญเซียนสำนักต่าง ๆ เข้ามาตรวจสอบข่าวลือที่ว่าผีปีศาจออกอาละวาดทำร้ายชาวเมืองเป็นเรื่องจริงหรือไม่กระนั้น หลายเดือนผ่านไปยังไม่มีใครเห็นเซียนที่เข้าไปในหมู่บ้านหงเหลียนออกมาข้างนอก บรรยากาศรอบหมู่บ้านราวกับมีผีสิง อึมครึม เย็นยะเยือก นานวันเข้าจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หมู่บ้านร้างอีกเลย“แค่เล่าให้พวกเจ้าฟังก็ขนหัวลุกแล้ว” หนึ่งในคาราวานพ่อค้าเอ่ยปากพลางทำท่าสั่นกลัว“ไม่ใช่แค่หมู่บ้านหงเหลียนหรอก” ชายคนหนึ่งกระดกแก้วเหล้าอึกใหญ่รำลึกถึงเหตุการณ์เฉียดตายที่พบเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 6 ผจญภัย

    สำนักเซียนดาราสวรรค์“จื่อเถิง มาหาอาจารย์หน่อยเถิด” เสียงของเฉาหมิงเรียกนางด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลูบศีรษะของศิษย์ผู้นี้อย่างอ่อนโยน “อาจารย์เจ้าสำนักฝากข้าเอามาให้เจ้า”จื่อเถิงมองดูหยกสีชมพูอ่อน สีหน้างงงวยเพราะไม่รู้ว่าหยกหน้าตาสวยงามคืออะไร“อาจารย์เจ้าสำนักเป็นห่วงเจ้ามากจึงฝากข้านำมาให้” เขาถอนหายใจเพราะรู้ว่าอาจารย์ของตนเองใช้พลังเซียนที่สั่งสมมานานหลายสิบปีหลอมหยกชิ้นนี้ขึ้นมาให้ศิษย์หลานโดยเฉพาะครั้นถามว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้นกลับได้คำตอบมาว่า “นางเดินทางออกนอกสำนักเป็นครั้งแรก ย่อมต้องห่วงเป็นธรรมดา”ทว่า เฉาหมิงกลับสังเกตได้ว่ารอยยิ้มของนางนั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ไม่อาจถามไถ่สิ่งใดได้อีกเพราะนางคงไม่มีทางบอกอย่างแน่นอน“ขอบคุณเจ้าค่ะ” จื่อเถิงรับปากว่าจะปกป้องทุกคนและกลับมาสำนักดาราสวรรค์ก่อนเทศกาลโคมไฟแล้วรีบวิ่งไปหาศิษย์น้องอิงฮวาที่ยืนรออยู่ด้านหน้าสำนักคล้อยหลังจื่อเถิง เฉาหมิงเอ่ยปากบอกหยางซีอวิ๋นผู้เป็นศิษย์พี่ว่า &ld

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 7 มังกรดำ

    ช่วงเวลานั้นเกิดเสียงหวีดร้องและเสียงปะทะพลังของทั้งสองฝ่ายกระหึ่มดังไปทั่วบริเวณเซียนหนุ่มหันไปมองสหายด้วยสายตากังวล“ไม่เป็นอันใดหรอก เลี่ยงหวง” เซียนสาวบอกศิษย์ร่วมสำนักด้วยท่าทีใจเย็นเพราะมีประสบการณ์เรื่องต่อสู้มามาก “จำที่อาจารย์สอนเจ้าได้หรือไม่”เลี่ยงหวงพยักหน้าแล้วรวบรวมพลังเซียนวิชาหนึ่งของสำนักตนเอง พลันแสงสีขาวก่อตัวพองโตเป็นลูกกลม ๆ ขึ้นทีละนิด เขาขมวดคิ้วกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ ข้าพร้อมแล้ว”เฉินซือหยางมัวแต่วอกแวกเพื่อกวนประสาทเซียนทั้งสองจึงไม่ทันระวังตัวโดนพลังเซียนขั้นสูงสาดใส่ร่างปีศาจเข้าเต็มเหนี่ยวกระเด็นทะลุบ้านเรือนไปหลายหลังเขายันตัวลุกขึ้นเอียงคอจัดกระดูกที่หักไปหลายท่อนกลับมาดังเดิมแล้วเช็ดเลือดที่มุมปากพลางปัดฝุ่นดินบนเสื้อผ้า แสยะยิ้มที่ไม่ได้เจอผู้ใดมีฤทธิ์เดชรุนแรงเท่าสองคนข้างหน้ามานานมากแล้ว“เฉินซือหยาง เจ้าอย่าลืมว่าพวกเขามิใช่เซียนธรรมดา”มังกรดำเอ่ยปากเตือนเพราะไม่อยากให้สหายเพลี่ยงพล้ำจนเสียการงาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 8 ตัวตนจื่อเถิง

    มังกรดำโผล่หน้าเหนือศีรษะของอิงฮวาอ้าปากรอเขมือบร่างบางที่มิอาจหลีกหนีได้ทัน หากแต่แสงจากกระบี่เซียนกำลังง้างปากของมังกรดำเอาไว้ไม่ยอมให้มันบดขยี้จื่อเถิงและหยางซีอวิ๋นยังไม่อาจผละจากกองทัพปีศาจที่อยู่รอบตัวได้ ครั้นกำจัดไปหนึ่งก็จะถูกอีกสองถ่วงแข้งขาเอาไว้อย่างรู้งานในเมื่อไม่อาจขย้ำเหยื่อตัวน้อยตรงหน้าได้ มังกรดำจึงเปลี่ยนวิธี ค่อย ๆ ดูดกลืนพลังชีวิตของอิงฮวาแทนเส้นสายสีขาวจาง ๆ ถูกดึงยืดออกจากร่างเซียนน้อยทีละนิดจนนางไม่อาจกลั้นเสียงร้องเจ็บปวดได้ค่อย ๆ หมดแรงต้านทานจนปากของสัตว์อสูรเริ่มปิดลงได้เรื่อย ๆ“ศิษย์พี่...” เสียงหอบเหนื่อยล้าของอิงฮวาพึมพำอยู่ลำพัง คิดในใจว่าวันนี้ตนเองอาจจะไม่รอดจึงร่ายพลังน้อยนิดที่เหลืออยู่ส่งสัญญาณให้พวกเขาดวงไฟสีขาวพุ่งเข้าหาจื่อเถิงกับหยางซีอวิ๋นในพริบตาจึงทันได้หันรอยยิ้มสุดท้ายของศิษย์น้องเล็กที่กำลังจะถูกมังกรดำเขมือบอยู่รอมร่อเหตุการณ์นี้กระตุ้นให้จื่อเถิงเปิดผนึกเทพดาราออกส่วนหนึ่งเกิดรอยอักขระโบราณขึ้นที่แขนของนางพลันพลังเทพดาราส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23

บทล่าสุด

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 35 สุสานเทพเซียน

    วันต่อมาหลังจากฮ่องเต้ฟ่านเจียรุ่ยหารือกับเหล่าขุนนางในท้องพระโรงร่วมกับองค์ชายและคณะทูตเกือบทั้งวันจึงได้เชิญชวนให้ทุกคนอยู่ร่วมงานต้อนรับในค่ำคืนนั้นด้วยการแสดงร่ายรำจากสตรีงามดึงดูดใจคณะทูตต่างเมืองจนพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก นางกำนัลหลายร้อยคนนำเหล้าสุรารสเลิศที่หมักบ่มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงอาหารพื้นเมืองประจำแคว้นทยอยออกมาวางบนโต๊ะยาวเพื่อรับรองแขกบรรยากาศรื่นเริงเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเป็นกันเองเพราะคนในแคว้นอันซีต่างเป็นมิตรกันทั้งนั้นหลินมู่หลงมองไปยังฮ่องเต้และบรรดาชายาสนมเอกของเขาแล้วยิ้มออกมา “หากข้ามีสนมมากมายเช่นนั้น สือหลิวคงจะทุบหลังข้าหักเป็นสองท่อนแน่ ๆ เลยพี่สาม”“วันหนึ่งเจ้าต้องกลายเป็นฮ่องเต้เมืองหมิงเหวิน อย่าง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 34 ห่างไกลกัน

    หนึ่งเดือนต่อมา ณ ตำหนักจันทรา“เยว่ชิง เจ้าดูนี่สิ วันนี้ข้าสั่งให้คนนำดอกไม้ที่เจ้าชอบมาปลูกในสวน ถึงวันที่เจ้าคลอดเมื่อใด ดอกไม้พวกนี้คงจะบานสะพรั่งพอดี” หลินซีเวยเอ่ยปากบอกพลางกุมมืออู๋เยว่ชิงที่กำลังลูบท้องของตนเอง“พระวรกายดีขึ้นแล้วหรือเพคะ ไม่กี่วันก่อนยังทรงพระอาเจียนอยู่เลย” นางยังคงนึกเป็นห่วงอาการแพ้ท้องแทนของหลินซีเวยเหมือนทุกครั้ง แต่คนข้าง ๆ ก็ยังตื่นเต้นกับการจะได้เป็นพ่อคนครั้งแรกจึงไม่สนใจร่างกายของตนเอง“เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องนั้นเลย เห็นเจ้ากับลูกสบายดี ข้าก็โล่งใจมากแล้ว” มือหนาลูบเรือนผมของนางอย่างแผ่วเบา “ข้ามีของขวัญอีกหนึ่งชิ้นให้เจ้า”หลินซีเวยหยิบปิ่นหยกเขียวบริสุทธิ์ออกมาให้นางดู ตรงด้ามสลักคำว่า รักมั่นนิรันดร์ ก่อนจะปักปิ่นบนเรือนผมให้ชายาของตนเอง“ขอบพระทัยเพคะ” อู๋เยว่ชิงยิ้มกว้างและรู้สึกขอบคุณความเอาใจใส่ดูแลของหลินซีเวยยิ่งนัก หนึ่งเดือนมานี้เขาตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างให้นางจนนางแทบไม่ต้องแตะต้องอันใดเลย แม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 33 แพ้ท้องแทน

    คืนนั้น ข่าวคราวของชายาองค์ชายสามแพร่สะพัดไปทั่ววังหลวง ปีนี้นับว่ามีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาจนใครหลายคนพากันขอบคุณสวรรค์หลังจากหมอหลวงกลับออกไป หลินซีเวยยิ่งตัวติดกับอู๋เยว่ชิงไม่ห่างมากกว่าเดิม คอยประคบประหงมดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน“หม่อมฉันดื่มเองได้เพคะ” นางรีบรับถ้วยยามาถือไว้เพราะเกรงใจคนตรงหน้าที่ไม่เคยต้องปรนนิบัติดูแลใครอย่างใกล้ชิดมาก่อน“ข้าอยากดูแลเจ้าเหมือนครานั้นที่เจ้าดูแลข้า ไม่ได้หรือ” หลินซีเวยไม่ยอมปล่อยถ้วยยานั้น อู๋เยว่ชิงไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรจึงได้แต่ทำตามโดยปริยายเช้าวันต่อมาฮ่องเต้และฮองเอาจึงมาแสดงความยินดีกับทั้งสองคนพร้อมอวยพรให้สุขภาพร่างกายของอู๋เยว่ชิงและเด็กน้อยในท้องแข็งแรง ไร้โรคภัยเบียดเบียนไท่จื่อกับชายารวมถึงหลินมู่หลงและองค์หญิงสือหลิวก็มาพร้อมหน้ากัน หากแต่ปฏิกิริยาของหลินซีเวยดูแตกต่างไปจากตอนที่บิดาของเขามาเยี่ยมนักบุรุษใดนอกเหนือจากที่เขาคิดอย่าได้ย่างกรายเข้ามาใกล้นางเป็นอันขาด“พี่สาม ข้าจะขอพบนางสักครู่ไม่ได้หรือ” หลินม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 32 ท้อง

    เสด็จพี่ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้หรือเพคะ” อู๋เยว่ชิงถามหลินซีเวยทันทีที่เห็นหน้า“นั่นสิพี่สาม วังหลวงออกจะกว้างใหญ่ บังเอิญจริง ๆ ที่ได้เห็นท่านที่นี่” หลินมู่หลงพูดเบา ๆ แต่อีกฝ่ายกลับตอบว่า “บังเอิญอย่างยิ่งที่มืดค่ำป่านนี้แล้วเจ้ายังไม่กลับตำหนักของตนแต่มาอยู่กับนาง”“พระพักตร์ไม่สบอารมณ์ พระสุรเสียงหงุดหงิด ท่าทางฉุนเฉียว” เสียงขององค์หญิงสือหลิวลอยมาแต่ไกลพลางมองคนของตนเองราวกับจะบอกว่า “เห็นไหมเล่า เป็นอย่างที่ข้าบอกจริง ๆ ด้วย”“เป็นอย่างไรหรือเพคะ” อู๋เยว่ชิงถามนางบ้าง“การกระทำเช่นนี้ องค์ชายสามคงจะตกไหน้ำส้มกระมัง” องค์หญิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แล้วหันไปบอกกับหลินมู่หลงว่า “เราสองคนขอตัวกลับกันก่อนดีกว่า” แล้วคล้องแขนดึงคนข้าง ๆ ไปทันที“เอ่อ...” หลินมู่หลงกำลังจะเอ่ยปากแต่ทำได้แค่ยกมือโบกลาอู๋เยว่ชิงเท่านั้นดวงตาสีม่วงแดงของหลินซีเวยขุ่นเคืองไม่น้อยจนอู๋เยว่ชิงนึกถึงคำที่องค์หญิงบอกเมื่อครู่ “เสด็

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 31 หึงหวง

    ผ่านไปสองเดือนฮ่องเต้เมืองไท่หยางได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการอภิเษกขององค์ชายสามกับบุตรสาวแม่ทัพอย่างยิ่งใหญ่เพื่อแสดงความยินดีกับทั้งคู่อย่างเป็นทางการเจ็ดวันเจ็ดคืนนอกจากนั้นยังเป็นการจัดงานรื่นเริงอวยพรให้องค์ชายสามมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงอีกด้วยวังหลวงถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าหลากสีสัน ห้อยโยงระย้าสวยงาม ทั้งยังมีโคมไฟลวดลายต่าง ๆ ห้อยไว้อยู่ทุกหนแห่ง ยามค่ำคืนดวงไฟนั้นจะส่องแสงสว่างสะท้อนภาพบนกระดาษที่ใช้ทำโคมไฟสิ่งที่ทำให้อู๋เยว่ชิงตื่นเต้นมากที่สุดคือการมาเยือนของหลินมู่หลงสหายรักของนางที่เดินทางกลับมายังเมืองไท่หยางพร้อมชายาของตนครั้นได้พบหน้ากัน อู๋เยว่ชิงจึงอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งไปหาเขาด้วยความคิดถึง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นมา ทั้งยังท่าทางสนิทสนมระหว่างคนทั้งคู่ก็ทำให้ใครบางคนนิ่วหน้าในทันที“องค์หญิงสือหลิว ยินดีด้วยเพคะ” อู๋เยว่ชิงกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นกันเองก่อนหน้านี้ได้อ่านจดหมายจากองค์ชายเจ็ดจึงพอได้รู้แล้วว่าองค์หญิงสือหลิวกำลังทรงพระครรภ์ นางจึงพลอยดีใจ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 30 ปีศาจอย่างข้า

    หลายวันต่อมาจู่ ๆ หลินซีเวยอารมณ์ดีนึกชวนอู๋เยว่ซินไปขอพรที่วัดบนเขา ทั้งสองจึงตระเตรียมข้าวของไปสักการะตามธรรมเนียม“เสด็จพี่ ทรงคิดถึงสิ่งใดอยู่หรือเพคะ” นางเอ่ยปากถามคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ หลินซีเวยหลับตาคิ้วขมวดราวกับครุ่นคิดบางอย่างพลันรอยยิ้มมุมปากเชิดขึ้นเพราะได้ยินนางเรียกเขาเช่นนั้น“ขอพรให้มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับเราสองคนอย่างไรเล่า” เขากระซิบข้างหู “หากมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นอยู่ในตำหนักจันทราคงจะดีไม่น้อย”แก้มสองข้างของอู๋เยว่ชิงแดงระเรื่อรู้ดีว่าเขาหมายถึงสิ่งใด ครั้นนึกถึงช่วงเวลาที่จะทำให้เกิดเจ้าตัวเล็กอย่างที่ว่าก็ไม่วายเขินอายอยู่ร่ำไปจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เขาจะแกล้งนางไปมากกว่านี้หลังจากใช้เวลาอันสงบนิ่งบนเขาอยู่พักหนึ่ง เจ้าอาวาสประจำวัดก็เดินออกมาพบทั้งคู่ สายตามองหลินซีเวยราวกับค้นหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่แล้วถอนหายใจฝ่ายองค์ชายสามเห็นดังนั้นรู้ดีว่าคนตรงหน้ามองเห็นไอมารจาง ๆ ในตัวเขาจึงกล่าวไม่ให้ผู้ใดคลางแคลงใจ มารโดยกำเนิดอย่างเขาไม่ว

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 29 ความรู้สึกเปลี่ยนไป

    หนึ่งเดือนผ่านไปราวกับว่ากำลังใจจากอู๋เยว่ชิงเป็นโอสถชั้นดี ร่างกายของหลินซีเวยจึงดีขึ้นเป็นลำดับแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เวลานี้จึงพอที่จะเดินเล่นนอกตำหนักได้บ้างแล้วนับเป็นครั้งแรกที่เหล่าขันทีและนางในได้เห็นองค์ชายสามและชายาประทับอยู่ในสวนดอกไม้ สายตาทุกคู่เห็นพ้องต้องกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาราวกับคนรักกันก็มิปานการกระทำของหลินซีเวยไม่มีปิดบัง การแสดงออกของเขาทำให้หลายคนได้ตระหนักว่าองค์ชายสามผู้นี้ก็มีด้านที่อบอุ่นและอ่อนโยนเช่นกัน“เทศกาลชมจันทร์ใกล้เข้ามาแล้ว เจ้าอยากไปเที่ยวชมหรือไม่เยว่ชิง” หลินซีเวยเอ่ยปากชวนนาง สีหน้าคาดคั้นหวังว่านางจะตอบรับคำขอ“เพคะ” รอยยิ้มบางของนางถือเป็นคำตอบ อู๋เยว่ชิงไม่เคยปฏิเสธคำขอของเขาสักครั้ง“เช่นนั้นเจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดีเถิด” เขาบอกกล่าวอย่างมีเลศนัยพลางเอื้อมมือมากุมมือสองข้างของนางไว้ “ขอบคุณที่ดูแลข้ามาตลอด”“หม่อมฉันเต็มใจเพคะ” อู๋เยว่ชิงยิ้มให้เขา “หม่อมฉันไม่หวังสิ่งใดไปมากกว่านี้แ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 28 อธิษฐาน

    ผ่านไปสามวันหลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองดีขึ้นจากแต่เดิมอยู่มาก แม้กระทั่งฮ่องเต้และฮองเฮายังรู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆ บุตรชายเปลี่ยนไปมากเพียงนั้นกระนั้นก็ทำให้พวกเขาทั้งคู่พอจะวางใจไปได้บ้างเพราะสุดท้ายแล้วการแต่งงานแก้เคล็ดในครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่าแรกเริ่มที่พวกเขาได้ยินจากปากของอู๋ฮูหยินว่าบุตรสาวของนางแอบรักองค์ชายสามมานานแล้วก็ได้แต่คิดว่าอู๋เยว่ชิงช่างน่าสงสารที่ถูกบุตรชายของตนผลักไสไล่ส่งยิ่งต้องให้นางช่วยผูกดวงชะตาเพื่อรักษาอาการของเขาแล้วก็ยังรู้สึกว่าละอายใจไม่น้อยที่ต้องขอให้ช่วยเช่นนี้ แต่อู๋เยว่ชิงกลับรับปากและบอกว่านางจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาอย่างสุดความสามารถคราวนี้ได้เห็นว่าความรักของนางได้รับการตอบแทนกลับมาบ้างแล้วจึงโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกหากแต่เรื่องราวลับคมคมในนี้มีเพียงแค่ฝ่ายจอมมารเท่านั้นที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่สักวันหลินซีเวยจะหักหลังอู๋เยว่ชิงและสังหารนางอย่างเจ็บปวดการถูกหักหลังจากคนที่รักและไว้ใจที่สุดจะเป็นอย่างไร หลินซีเวยแทบรอที่จะได้เห็นสี

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 27 ลองทำดี

    เมื่อได้ยินดังนั้นหลินซีเวยจึงถามต่ออีกว่า “หากนางรักข้า ข้าควรทำเช่นไรให้นางรักจนยอมตายเพื่อข้าได้เล่า”เรียวคิ้วของเฉินซือหยางขมวดชนกัน “ข้าเป็นปีศาจอาจจะไม่สามารถล่วงรู้ความรู้สึกของมนุษย์ได้แน่ชัด นายท่านลองอ่านหนังสือพวกนั้นดูเถิดขอรับ”เขาชี้ไปที่ตู้ไม้มุมห้อง ในนั้นมีหนังสือเขียนเกี่ยวกับมนุษย์มากมายให้ค้นหา หลินซีเวยกวาดสายตามองแต่ไกลเพื่อเลือกหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง“ไม่เห็นจะมีอันใดน่าสนใจ” เขาส่ายหน้าแล้วร่ายพลังเผามันทิ้งอย่างไม่ใยดีเฉินซือหยางคิดหนักกว่าเดิมแล้วบอกให้เจ้านายรออยู่ครู่หนึ่งก่อนกลับมาพร้อมหนังสือกองใหญ่ “นายท่านลองอ่านพวกนี้ดูก่อนขอรับ ข้าเห็นมนุษย์หลายคนชอบอ่านยิ่งนัก”จอมมารผู้อ่อนต่อโลกสุ่มหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน ในเวลาหนึ่งก้านธูปเขากลับอ่านหนังสือเล่มหนาได้จนจบเล่ม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จึงผุดขึ้นมาในทันทีแล้วหยิบหนังสือเล่มอื่น ๆ มาอ่านต่อโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างคืนนั้น จอมมารอ่านหนังสือกองพะเนินจนครบทุกเล่มโดยไม่หลับไม่นอนพลั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status