สองพี่น้องฝาแฝด ที่ได้รับสมญานามแฝดอัจฉริยะ ได้มาเกิดใหม่ในยุคต่างมิติ และยังคงเป็นแฝดกันเหมือนเดิม อีกทั้งความทรงจำจากชีวิตเดิมยังคงอยู่ แต่ในโลกใหม่ที่คำว่า'เหนือฟ้า ยังมีฟ้า' ทำให้สองพี่น้องจำต้องเลือกหนทางเดิน เพื่อพาพวกเขาและครอบครัวใหม่ ให้มีชีวิตรอดจากสิ่งเลวร้าย ที่ถาโถมเข้ามาเหมือนพายุโหมกระหน่ำ
View More“หากเจ้ายินยอมแต่โดยดี ข้าจะมอบตำแหน่งที่คู่ให้” “กระบี่เจ้า! ควบคุมมันมิให้สั่นได้เสียก่อน ค่อยคิดสิ่งอื่นดีกว่าไหม…” หญิงสาววางถ้วยชาลง บนโต๊ะอย่างใจเย็น พรึ่บ! ปึก! เคร้ง! รวดเร็วจนชายหนุ่ม ขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ กระบี่ในมือร่วงลงพื้น ก่อนที่เขาจะเบนสายตา ไปมองยังหญิงสาว ซึ่งตอนนี้กลับไปนั่งยังที่เดิม เสมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ มันมิใช่ฝีมือของนาง “จะลงมือกับใครก็ตาม เจ้าต้องศึกษาอีกฝ่ายให้แจ่มแจ้ง หึๆ ยังดีที่ตรงนี้เป็นข้า ถ้าเป็นผู้ติดตามของข้าทั้งสอง เจ้าคงไม่ได้ยืนต่อคำ เกินชั่วอึดใจ...” ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าถอดสี เขาไม่คิดว่าแผนการที่แยบยล จะถูกล่วงรู้จนหมดสิ้นเช่นนี้ “ผู้ใดอยู่ข้างนอก เข้ามานี่เร็ว!” อ๋องน้อยโหว ตะโกนเรียกเหล่าองครักษ์ ทว่ากลับไร้ซึ่งวี่แวว ชายหนุ่มรีบย่อกายลงเก็บกระบี่ โดยที่สายตา หาได้ละไปจากร่างงาม ที่นั่งดื่มชาอย่างเพลิดเพลิน ราวกับเขาที่อยู่ร่วมห้อง เป็นเพียงอากาศธาตุ “หึๆ มิใช่เจ้าสั่งห้ามใครมารบกวนหรอกหรือ แต่คนของข้าอยู่ข้างนอกนะ เรียกได้...” “หญิงแพศยา! สตรีมีคู่หมาย
ยิ่งไม่เคยรู้ถึงฝีมือของคู่ต่อสู้ เขายิ่งต้องรีบเผด็จศึก ให้ได้โดยไว จึงมิคิดที่จะลีลาให้ตนเอง กลายเป็นฝ่ายเสียท่า สิ้นคำของชายหนุ่ม เงาร่างในชุดสีดำสองคน ก้าวออกจากหลังฉากกั้น ซึ่งเป็นส่วนด้านหลังห้องที่มีหน้าต่าง “อือๆ” เจ้าของจวนทำได้แค่...ส่งเสียงทัดทานในลำคอ ทว่ากลับไม่สามารถต่อต้านการกระทำใดๆ ของชายชุดดำได้เลย อาภรณ์เนื้อดีถูกถอดออก จนแหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนที่ชายชุดดำจะดึงมีดเล่มเล็กออกมา “นายหญิง โปรดพักผ่อนรอสักครู่ขอรับ” ชายผู้ถือมีดเอ่ยกับผู้เป็นนาย จินอู่หันหลังให้ พร้อมสะบัดมือเล็กน้อย เพื่อให้คนของเขา ลงมือได้แล้ว หากไม่ติดว่าที่นี่ คือถิ่นศัตรู...คำว่าเงียบเสียง จะไม่มีเลยสำหรับเขา ความเจ็บปวดของศัตรู ควรประกาศให้โลกรู้ แต่เมื่อสถานที่ไม่อำนวย เขาก็ไม่ติดที่จะลงมืออย่างเงียบๆ โหวอ๋องดวงตาเหลือกลาน แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เมื่ออาวุธคู่กายของเขา กำลังถูกเฉือดเฉือนประหนึ่งหนูถูกถลกหนัง แม้มันจะไม่รู้สึกเจ็บ ทว่าใจของบุรุษแท้เยี่ยงเขา มันแหลกละเอียดจนมิเหลือชิ้นดี “สกุลโหว ควรสิ้นสุดที่เจ้าสองพ่อลูก อย่าได้สร้าง
“คุณหนูเฉินเป็นอย่างไรบ้าง” เป็นสาวใช้อาวุโส ที่เอ่ยถามกับสาวใช้สกุลเฉิน และผู้ติดตามหนุ่ม “คุณหนูดื่มยาแก้เมา และหลับอยู่เจ้าค่ะ” เจินจู ตอบสาวใช้สูงวัย ก่อนจะเหลือบตามองไปยัง สาวใช้ของอนุหรู สตรีผู้เพียรพยายามรั้ง ให้คุณหนูของนางพักในจวน “ข้าจะมาเชิญคุณหนูเฉิน กลับเข้าพักยังเรือนรับรอง ด้วยตอนนี้เฉินฮูหยิน ได้พักผ่อนรออยู่แล้ว” “หากไม่มีคำสั่งใดจากปากของฮูหยิน ข้าคงมิอาจปล่อยให้คุณหนูห่างสายตา เอาเป็นว่าข้าจะให้เจินจู ติดตามท่านเข้าไปพบฮูหยินของเราก็แล้วกัน” “นี่เป็นประสงค์ของท่านอ๋อง ที่มิอยากให้ผู้ใดตำหนิ ว่าดูแลแขกไม่ดี” หญิงชราตวัดสายตาดุใส่ชายหนุ่ม ผู้ไร้ความยำเกรงในอายุและฐานะของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบเฉย แม้เพียงครึ่งเสี้ยงของใบหน้า นางก็รู้ดีว่าคนผู้นี้ ไม่ได้สะท้านต่อคำของนางเลย “งานเลี้ยงกับคนเมามาย ย่อมเป็นของคู่กัน และมิใช่ทุกคนที่ต้องการพักในจวนของเจ้าภาพ คุณหนูอยู่ในรถม้าแล้ว รอเพียงฮูหยินกลับออกมา เราก็พร้อมกลับจวน” จากความอ่อนน้อม พลันเป็นดุดัน จนทำให้ชายหนุ่มหลายคน ที่ยืนอยู่เบื้องหลังส
“สามหาว! เจ้ากล้าข่มขู่ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นรึ!” “ทำไมข้าต้องขู่ผู้ใดด้วย อีกอย่างถ้าท่านบริสุทธิ์ใจจริง จะเป็นเดือดเป็นร้อนไปไย แค่คุณหนูเฉินจะกลับบ้านตนเอง หรือมีสิ่งใดเป็นนอกในอย่างนั้นรึ! ดูรั้งนางจนออกหน้าเยี่ยงนี้” ชายหนุ่มเอียงหน้าช้า พร้อมมุมปากบิดขึ้นน้อยๆ การกระทำนั้นชวนให้อนุคนงาม หนาวสะท้านไปทั้งกาย บุรุษที่น่ากลัวย่อมเป็นคนที่มีหลากหลายบุคลิก ซึ่งปกติแล้วหรงเล่อถงสุขุมนุ่มลึก ทว่าตอนนี้...เขายิ่งกว่าคนจิตวิปลาสอย่างไรอย่างนั้น “นอกในอันใดกัน นางเป็นแขกของสามีข้า การดูแลเอาใจใส่ ย่อมเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว” “เช่นนั้นหลีกทางข้าเถิด อนุหรู” หรงเล่อถง กดน้ำเสียงให้ลึก และชัดเจนว่าเขาพร้อมขัดขวางเรื่องนี้ อย่างไม่คิดยินยอมปล่อยผ่าน ต่อให้สตรีที่กำลังตกที่นั่งลำบาก มิใช่พี่น้อง เขาก็คงปล่อยให้สตรีเหล่านั้น แปดเปื้อนจากคนโสมมได้เป็นอันขาด ถึงเขาจะมิใช่คนดีไปเสียทุกเรื่อง แต่เขามีพี่สาวน้องสาว พวกนางจะเป็นเช่นหากต้องอยู่อย่างอดสู แบกรับความอัปยศไปทั้งชีวิตเฉินหนิงฮวาในตอนนี้ ดวงตาปรือจนแทบจะปิดแล้ว ชายหนุ่มพอจะเดาได้ ว่าเกิดจากสาเ
“หยุดนะ! เจ้าจะทำอะไรลูกข้า!” เจียงชูเหนียง รีบผลักร่างของคนสนิทออก ก่อนจะหันไปหาบุตรชาย มือบางหมายจะเอื้อมไปแตะ ที่ข้างแก้มของผู้เป็นลูก ทว่าร่างสูงกลับเบี่ยงกายหลบ “อย่าล้ำเส้นข้าอีก มิเช่นนั้น...ข้าจะไม่ใจดีเช่นครั้งก่อน” “ครั้งก่อน...” เจียงชูเหนียง ถึงกับเซถอยหลัง คนของนางไม่เคยลงมือกับบุตรชาย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่ทั้งคู่เคยปะทะกัน เมื่อปีก่อนที่อารามบนเขา แววตาแตกตื่นทำได้เพียง มองตามแผ่นหลังของบุตรชาย ที่กลืนหายไปในความมืด “ไหนเจ้าบอกว่า เขาไม่เห็นเจ้าอย่างไรเล่า แล้ว...หรือเจ้าทำนอกเหนือจากที่ข้ารู้” “เขาก็แค่หยั่งเชิงเรา เจ้าอย่าได้เผยพิรุธจะดีกว่า เลือดในกายเขามีของเจ้าแค่ครึ่งเดียว อย่าคาดหวังให้มาก ว่าเขาจะเหมือนเจ้า เพราะขนาดพ่อแท้ๆ เขายังไม่เหมือนเลย กลับไปได้นิสัยของยายแก่ แม่สามีเจ้ามาแทบทั้งสิ้น” “พูดเรื่องนี้ก็ดี เจ้าหานางพบรึยัง!” “ยัง! หรงเล่อถงไม่เคยเผยร่องรอย ให้ข้าตามไปจนถึงตัวยายแก่นั้นได้เลย” “อย่าช้า! นางรู้เรื่องมากเกินไป หากปล่อยไว้ เล่อถงต้องคิดแปรพักตร์” “เหม
น้ำเสียงของชายหนุ่ม ไม่มีคำว่าเสแสร้ง เขาไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมจึงกล้าที่จะพูดความรู้สึกแท้จริงออกมา ทั้งที่เขาไม่เคยให้ใครได้เห็นมันเลยสักครั้ง อาจเพราะนาง เหมือนพี่สาวของเขาก็เป็นได้ “แล้วทำไม จึงไม่ไปหาพวกเขาเล่าเจ้าคะ” “หากข้าทำทุกอย่างได้ตามใจ ก็คงดีไม่น้อย ลูกภรรยารองที่ต้องแบกอนาคตของมารดา แค่หายใจผิดที่ก็คือหายนะแล้ว” “ดูลำบากนะเจ้าคะ” “ใช่!” “แล้วที่คุณชายพูดกับข้า มิกลัวข้าไปเล่าให้ผู้อื่นฟังหรือเจ้าคะ และไม่กลัวจะมีคนแอบฟังรึ!” “หึๆ ข้ามั่นใจว่าจะรู้แค่เราสี่คนเท่านั้น เพราะต่อให้คนที่คิดแอบฟังอยากได้ยิน ก็ไม่อาจเฉียดใกล้ตรงนี้ได้” ชายหนุ่มชำเลืองมองไปที่ ผู้ติดตามของหญิงสาว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา ต่อให้เป็นนักฆ่าระดับสูง ก็ยังต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนลงมือ และมิใช่แค่ชายผู้นี้เท่านั้น สาวใช้ของคุณหนูเฉิน ก็หาใช่ธรรมดาไม่... “เรื่องบางเรื่อง หากพูดออกมาแล้วสบายใจ ก็อย่าได้เก็บมันไว้เลยเจ้าค่ะ เว้นแค่เรื่องที่จะนำภัยมาสู่ตนเอง จึงมิควรเอ่ยออกมา คนเราล้วนมีเรื่องที่ยากจะพูดได้ แต่ก็ใช่ว่าบางเรื่องจะระบายออ
ใช้เวลากว่าสองชั่วยาม อาหารมากมายถูกจัดขึ้นโต๊ะ ซึ่งมันเป็นเวลาที่พระอาทิย์ลับขอบฟ้าไปแล้วเช่นกัน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว สองย่าหลานก็มานั่งร่วมกินอาหาร รวมถึงสาวใช้ข้างกาย ที่ได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะ กับเจ้านายทั้งสอง“ถงเอ๋อร์ เจ้าได้ข่าวพี่ๆ กับน้องชายเจ้าบ้างหรือไม่”หญิงชราถามถึงหลานชายหญิง ที่ติดตามสะใภ้ใหญ่ของนาง ไปอยู่ไกลถึงเมืองชีเป่ย นางคิดถึงหลานๆ เหลือเกิน ยิ่งเมื่อนึกถึงความต่ำช้าของลูกและสามี นางยิ่งไม่อยากให้หลานชายคนรอง ต้องมีชีวิตมั่วหมองเพราะมีพ่อกับปู่ เป็นคนเห็นแก่ได้ และกระหายในอำนาจ จนมิสนถูกผิด แต่อย่างไร...นางก็มิอาจพูดความจริง บางอย่างออกมาได้ หาไม่แล้วชีวิตของหรงเล่อถง คงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป“พวกเขาก็สุขสบายดีขอรับ เอาไว้เมื่อไหร่ที่พี่ใหญ่ พี่รองและน้องเล็กกลับมาเมืองหลวง ข้าจะพาพวกเขามาพบท่านย่านะขอรับ” “ขอบใจเจ้ามาก อย่างไรเจ้าก็พี่น้อง อย่าให้คำว่าอำนาจมาบังตา จนทำร้ายกันเองเล่า ข้าเชื่อว่าแม่ใหญ่ของเจ้า จะไม่สอนให้พี่น้องของเจ้า ช่วงชิงสิ่งใดและทำร้ายเจ้า นางเป็นคนจิตใจดี และย่าก็เชื่อว่าเจ้า จะมีเลือดของย่า มากที่สุดในกายเช่นกัน”
“สุราดีนะเจ้าคะ” หนิงฮวาเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงปนเขินอาย ตามจริตของสตรี“หากคุณหนูใหญ่ชอบ ข้ายินดีมอบให้เป็นของกำนัล”“หนิงฮวา ขอบคุณท่านอ๋องน้อย ที่มีน้ำใจเจ้าค่ะ”“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ชายหนุ่มเจ้าบ้าน ยังคงเลือกที่จะดื่มสุราอีกหลายจอก กับสองแม่ลูกสกุลเฉิน และนั้นทำให้หญิงสาวอีกคน ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่ง กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ ที่คนรักของนาง ให้ความสนใจหญิงอื่นต่อหน้าถึงนางจะเป็นบุตรสาวเสนาบดี แต่นางก็ยังคงเป็นเพียงลูกภรรยารอง ไม่อาจเทียบกับบุตรสาวคนโต สกุลคหบดีที่กำนิดจากภรรยาเอกและเท่าที่สืบรู้มา นายท่านสกุลเฉิน มีเพียงภรรยาเดียว นั่นหมายความว่าทุกอำนาจ อยู่ในมือมารดาของคุณหนูใหญ่สกุลเฉิน นางที่มารดายังเป็นรอง ไหนเลยจะเทียบเคียง“อย่าทำสิ่งใดออกนอกหน้า แค่ลูกพ่อค้า! จะเทียบอันใดเจ้าได้”ฮูหยินรองหรงเอ่ยกับบุตรสาว แม้ว่าในใจจะหวาดหวั่นอยู่มาก แต่นางไม่มีวันแสดงสิ่งใด ให้ศัตรูได้เห็นเด็ดขาด“แต่ท่านอ๋องน้อย”“ท่านอ๋องทำถูกแล้ว ถ้าไม่ไปทักทายพวกนาง จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนแท้จริงคือใคร”“เจ้าค่ะ”เมื่อหาข้อโต้แย้งมารดาไม่ได้ หญิงสาวจำต้องยอมนิ่งเงียบ แม้ว่าใบหน้างามจะแสร้งยิ้ม แต่ก็
“นายหญิงน้อยฟาง ตัวแทนสกุลจาง”เป็นเฟยที่ยื่นเทียบเชิญ พร้อมบอกถึงสถานะผู้เป็นนาย หลังจากแม่ลูกสกุลเฉิน ก้าวจากไปแล้ว “เชิญนายหญิงน้อยฟาง ด้านในขอรับ” พ่อบ้านประสานมือโค้งกาย เช่นที่ทำกับแขกคนอื่นๆ ก่อนจะเรียกสาวใช้มานำทาง เพื่อเข้าไปยังลานจัดเลี้ยง จื่อเว่ย เดินตามสาวใช้จวนอ๋องเข้าไป โดยมีชิงหลิงและเฟยก้าวตาม ทั้งสามเดินเข้ามาถึงลานสำหรับจัดเลี้ยง ซึ่งดูเหมือนคืนนี้ จะไม่มีการแยกชายหญิง “นายหญิงฟาง เชิญนั่งเจ้าค่ะ” สาวใช้ผายมือให้แก่ตัวแทนสกุลจาง ก่อนจะเดินจากไป เฟยและชิงหลิง ก้าวเข้าไปยืนอยู่เบื้องหลังของผู้เป็นนาย จื่อเว่ยเหลือบตามองไปยังโต๊ะข้างกัน ก่อนจะค้อมหัวเล็กน้อย ให้แก่แม่ลูกสกุลเฉิน ซึ่งนับเป็นคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญ “ไยวันนี้สกุลจาง จึงได้ให้หญิงงามมาเพียงลำพังเล่า ท่านหย่งสือและหลานๆ ไปที่ใดกัน” เป็นท่านอ๋องน้อยโหว ที่เดินเข้ามาถามจื่อเว่ย คราแรกเขาแอบผิดหวังเล็กน้อย ที่หรงเหลียนฮวาไม่มาด้วย แต่เมื่อครู่นี้...เขาได้ยลโฉมหญิงงามทั้งสอง จากสกุลเฉิน เลยทำให้ความรู้สึกใหม่เข้ามาทดแทน จึงไม่ใคร่จะใส่ใจ ว่าหรงเหลียนฮวาจะมาห
คฤหาสน์ตระกูลเฉิน ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้องโถง เคียงคู่กับหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน แม้แต่ความสูงยังแทบจะเท่ากันเลยด้วยซ้ำ สองหนุ่มสาวในชุดลำลองสบาย ๆ เดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งมีท่านเจ้าสัวเฉินกำลังหัวเราะร่าอยู่กับภรรยา เฉินหมิงมองไปยังน้องสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนสองพี่น้องจะเบะปากให้กันเป็นเชิงหยอกล้อ วันนี้เป็นการลาพักร้อนที่ตรงกันในรอบหลายปีของเขาสองคนพี่น้อง เฉินเปียวแกล้งมองผ่านลูกชายหญิง ก่อนจะชำเลืองมองอยู่ในที เขาอยากได้ยินข่าวดี ว่าทั้งสองลาออกจากกองทัพเสียที งานที่ลูก ๆ ทำมันอันตรายเกินกว่าเขาจะรับได้ แรก ๆ แค่ทหารยศธรรมดา พอนานวันเข้ากลายเป็นหน่วยรบพิเศษไปซะงั้น “บ้านเราก็ออกจะร่ำรวย ทำไมใครบางคนต้องอยากเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคนอื่นด้วยนะ” เจ้าสัวเฉินแสร้งประชดลูก ๆ ก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัด เมื่อลูกสาวคนรองเฉินหนิงก้าวเข้าไปนั่งข้าง ๆ พร้อมสวมกอดผู้เป็นพ่อ คุณนายเฉินได้แต่หัวเราะกับท่าทางของสามี ก่อนจะกวักมือเรียกลูกชายคนโต เฉินหมิงก้าวยาว ๆ เข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดจาออดอ้อนเสียจนน่าหมั่นไส้ “ขอเวลาเราสองคนอีกนิดนะคะป๊า แล้วเราจะกลับมาอยู่บ้านจนป๊ากับม๊าเ...
Comments