หลิวซืออินถูกฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว ความแค้นของเขาทำลายนางยังไม่พอ ยังก่อสายใยเป็นสองชีวิตน้อยๆ ในท้องนาง เมื่อพบกันอีกครั้งคนชั่วคนนั้นกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ แล้วอย่างไรต่อให้ท่านเป็นฮ่องเต้ข้าก็ไม่ให้อภัย! แนะนำตัวละคร หลิวซืออิน สตรีผู้เกิดมาอาภัพดั่งถูกสวรรค์แกล้ง ห้าขวบก็กำพร้าไร้บิดามารดา อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิว ไม่ต่างจากบ่าวไพร่คนหนึ่ง ท่านอาแท้ๆ ไม่ใส่ใจ อาสะใภ้ทุบตีรังแก อีกทั้งยังส่งนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เพื่อแต่งงานกับเจ้าหนี้แทนบุตรีตัวเอง ชะตาลิขิตให้ถูกคนชั่วฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว ความแค้นของเขาทำลายนางยังไม่พอ ยังก่อสายใยเป็นสองชีวิตน้อยๆ ในท้องนาง เมื่อพบกันอีกครั้ง คนชั่วคนนั้นกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ นางจะไม่ยอมให้เขาพราก เจ้าก้อนแป้งฝาแฝดของนางไป ท่านเป็นแม่ทัพแล้วอย่างไร ต่อให้ท่านเป็นฮ่องเต้ข้าก็ไม่ให้อภัย! *** เยี่ยเหวินจ้าว แม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยถัง เขาฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่หลังจากถูกเล่ห์ลวงจากหญิงชั่วผู้เป็นป้าสะใภ้หลอกให้เขากลายเป็นคนร้าย ทำลายชีวิตสตรีผู้น่าสงสาร ชะตาลิขิตให้พบเจอบิดาแท้ๆ ทำความดีความชอบในสงคราม จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น สิ่งเดียวที่ยังติดค้างในใจ นั่นคือ การตามหาสตรีนางนั้น ! ///
View Moreบทที่ 57. ตอน ปราบโจรสลัด เมืองหนานไห่เป็นเมืองท่าสำคัญของแคว้นเป่ยฉี มีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างคึกคัก เรือเดินสมุทรของพ่อค้าต่างแดนนำสินค้ามาจำหน่าย และซื้อสินค้านำขึ้นเรือกลับไปขายยังบ้านเมืองของตัวเอง ปัญหาที่ยากจะแก้ไขคือ มีเรือของโจรสลัดคอยดักปล้นเรือที่ออกจากท่าเรือเมืองหนานไห่ สร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อค้าต่างแดน จนนำเรื่องไปร้องเรียนทางการ ฮ่องเต้ได้รับฏีกาจึงสั่งการให้ใต้เท้าโส่วฝู่จัดการเรื่องนี้ ใต้เท้าโส่วฝู่จึงส่งฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬมาปราบปรามโจรสลัด เรือสินค้าลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือหนานไห่ บนเรือไม่ได้บรรทุกสินค้าแต่อย่างใด ทว่ากลับซ่อนกองกำลังทหารของกองทัพวายุทมิฬเอาไว้ ทหารทุกนายถูกสั่งให้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าและคนเรือ ฉู่หมิงฮ่าวถอดหน้ากากเงินของเขาออก ติดหนวกเคราพรางตัวเป็นลูกเรือคนหนึ่ง เขายืนด้านบนดาดฟ้าเรือ มองดูท้องทะเลสีคราม วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส คลื่นลมในทะเลสงบเหมาะแก่การนำเรือออกจากท่า เมื่อเรือแล่นพ้นชายฝั่งได้ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเรือลำใหญ่ลำหนึ่งบนท้องน้ำแล่นตรงมาหา ธงสีดำรูปหั
บทที่ 56. ตอน ไม่คิดรับผิดชอบ“หากท่านจะเข้าใจเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านเถอะ ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าจะกลับบ้านของข้า”หลิวชิงหลินผลักไสเขาออกห่าง ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่โยนเกลื่อนพื้นมาสวม แต่ซุนเซิงกลับคว้ามือของนางไว้ แย่งเสื้อผ้าออกโยนทิ้ง“จะรีบไปไหน เมื่อเจ้าไม่ถือโทษสิ่งที่ข้าทำกับเจ้า ถ้าอย่างนั้นเรามาสนุกกันต่อดีไหม ข้ายังกินเจ้าไม่อิ่มเลย”ซุนเซิงแกล้งพูดให้นางอับอาย เขาดึงตัวนางมากอดไว้ ซุกใบหน้าบนซอกคอขาว มือก็ขยำทรวงอวบเคล้นคลึงไปมา โทสะในใจที่มีต่อนางหวังจู ทำให้เขากระทำการหยาบหยามน้ำใจหลิวชิงหลิน“พี่ซุน ท่านปล่อยข้าเถอะ ท่านไม่ได้รักข้า ก็อย่ารังแกข้าอีกเลย”หลิวชิงหลินผลักไสเขา ในใจเจ็บช้ำกับการกระทำหยามเกียรตินี้ นางถูกเขาทำลายความสาวไปแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ เหตุใดยังคิดแกล้งให้นางต้องอับอายด้วย“เรื่องพวกนี้ รักไม่รักก็ทำได้ทั้งนั้น เมื่อครู่เราสองคนก็ทำกันไปแล้วมิใช่หรือ จะทำต่ออีกสักรอบสองรอบ คงไม่เป็นไร”ซุนเซิงโถมกายเข้าหาร่างงาม ผลักหลิวชิงหลินให้นอนลงอีกครั้ง ดวงตาของเขาวาววับด้วยความปรารถนา ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดยังไม่หมดสิ้นลงไป เขาดื่มสุราหลายจอกย่อมได้รับยามากกว่านา
บทที่ 55. ตอน พิศวาสท่ามกลางสายฝนเขาจับแขนพาหลิวชิงหลินเข้าไปในรถม้า แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออกจากร่าง ตัวเขาเองสลัดเสื้อผ้าเปียกชื้นของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า จากนั้นผลักนางให้นอนลงบนพื้น ร่างหนากว่าขึ้นทาบทับ กอดรัดร่างนุ่มเนียนของนาง“ชิงหลิน เจ้างามเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว”ซุนเซิงหยัดกายขึ้นมองเรือนร่างงดงามขาวผ่อง ราวกับก้อนสำลีของหลิวชิงหลิน ดวงตาจับจ้องไปยังยอดทรวงสีหวาน สายตามองไปขึ้นไปยังใบหน้างดงาม แล้วจดจ้องที่ริมฝีปากก่อนจะสอดมือใต้ท้ายทอย บังคับให้นางเงยหน้ารับจุมพิตเร่าร้อนของเขา“พี่ซุน อย่าเจ้าค่ะ...”หลิวชิงหลินครางเสียงสะอื้นเอ่ยห้าม แต่กลับลืมตัวเผยอปากออกรับเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา ขยับริมฝีปากตอบโต้เขาอย่างลืมตัว มือเรียวบางคล้องคอเขาไว้ นางหลับตาแน่นหอบหายใจแรงเมื่อถูกเขาจูบจนแทบหายใจไม่ทัน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาหอบกระเส่า ประสานกับเสียงลมหายใจของนางที่ดังไม่แพ้กัน เสียงดูดริมฝีปากดังขึ้นเมื่อเขาเม้มริมฝีปากล่างของนาง ดูดแรงจนเกิดเสียงจุ๊บ ก่อนจะปล่อยให้นางได้หายใจ แล้วไต่ริมฝีปากลงมาตามลำคอ ขบเม้มตรงซอกคอขาวผ่อง จนเกิดรอยแดงจ้ำเล็กๆ คล้ายต้องการประทับตราควา
บทที่ 54. ตอน ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดซุนเซิงลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปรินน้ำบนโต๊ะยกดื่ม แต่อาการร้อนรุ่มภายในไม่คลายลง เขาจึงเดินไปเปิดหน้าต่าง ให้ลมเย็นพัดเข้ามา ด้านนอกฝนตกหนักไอเย็นจากสายฝน ทำให้รู้สึกสดชื่นเขายืนอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งจึงค่อยรู้สึกดีขึ้น เมื่อปิดหน้าต่างหมุนกายขึ้นเตียงนอน ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่หน้าประตูห้อง เขาดับเทียนในห้องแล้ว เห็นเงาของสตรีนางหนึ่งถือตะเกียงยืนอยู่ ท่าทางของนางเหมือนกล้าๆ กลัวๆ เขาจึงแสร้งนอนเงียบ แอบลอบดูว่า นางจะทำอย่างไร ในที่สุดนางก็เปิดประตูเข้ามา ในอ้อมแขนหอบผ้าห่มมาผืนหนึ่งมาด้วย นางวางตะเกียงบนโต๊ะแล้วค่อยๆ ย่องมาที่เตียง“พี่ซุน พี่ซุนท่านหลับแล้วหรือยัง”เสียงกระซิบดังเบาๆ ซุนเซิงยังแกล้งนอนนิ่ง แต่แอบหรี่ตาดูนาง“คงจะหลับแล้ว ในห้องอากาศเย็นมาก พี่ซุนคงจะหนาว”หลิวชิงหลินรู้สึกถึงอากาศเย็นในห้องนอนของซุนเซิง ตัวนางเองภายในก็รู้สึกร้อนแปลกๆ คิดเอาเองว่าตนคงมีไข้ เมื่อเห็นเขานอนหลับอยู่ ก็คลี่ผ้าห่มที่เอามาด้วย คลุมร่างให้เขาอย่างเบามือ เสร็จแล้วก็ถอนหายใจ มองใบหน้าหล่อเหลาของคนบนเตียง ในใจนึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับนางเขารังเกียจนางกับมารดา แต่
บทที่ 53. ตอน ตกหลุมพรางซุนเซิงพาหลิวชิงหลินและนางหวังจู มาถึงบ้านของพวกนางในช่วงเย็น ตลอดทางเขานั่งอยู่ด้านนอกทำหน้าที่ขี่รถม้า ปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งอยู่ด้านใน นางหวังจูแรกนั้นไม่ยินยอมกลับ แต่ถูกหลิวชิงหลินบังคับพาตัวมาจนได้ นางจึงบ่นลูกสาวมาตลอดทาง“ถึงบ้านของพวกเจ้าแล้ว รีบลงมาเถอะ ข้าขอส่งแค่นี้”เมื่อรถม้าจอด ซุนเซิงก็กระโดดลงไป แล้วตะโกนบอกสองแม่ลูกให้ลงมาจากรถ“ขอบคุณพี่ซุนมากที่มาส่งข้ากับท่านแม่ เข้าไปดื่มน้ำชา แล้วค่อยกลับนะเจ้าคะ”หลิวชิงหลินประคองมารดาลงมาจากรถพลางเอ่ยขอบคุณ นางเห็นว่ารถม้าเร่งเดินทางคงจะเหน็ดเหนื่อย จึงเชิญเขาไปดื่มชาพักผ่อนก่อน“ไม่เป็นไร ข้าจะกลับแล้ว”ซุนเซิงปฏิเสธ แต่นางหวังจูกลับไม่ยินยอม นางมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นในใจ จึงเอ่ยขึ้นว่า“คุณชายซุน พักสักครู่คงไม่เสียเวลา ให้พวกข้าสองแม่ลูก ตอบแทนน้ำใจท่านสักครั้งเถอะ”“พี่ซุน พักม้าให้กินน้ำก่อน นี่ก็ค่ำแล้วท้องฟ้าก็ครึ้ม อีกสักครู่ฝนคงจะตกเดินทางกลับจะอันตราย”หลิวชิงหลินมองท้องฟ้าที่กำลังครึ้ม มีเมฆดำปกคลุม ในไม่ช้าฝนคงตกลงมา นางนึกเป็นห่วงซุนเซิง จึงคิดรั้งตัวเขาไว้“ก็ได้ พวกเจ้าไปข้างในกันก่อน เด
บทที่ 52. ตอน มิอาจเทียบกันได้/2“ซืออิน พี่ดีใจที่ได้พบเจ้า และขอบคุณเจ้าที่ให้อภัยพี่กับท่านแม่ ความผิดที่พี่ได้กระทำไว้ ทำให้ชีวิตของเจ้าต้องพบกับความลำบาก จนไม่อาจจะชดใช้ให้เจ้าได้อย่างไร วันหน้าหากพี่มีโอกาสได้ชดเชยให้เจ้าพี่ยินดีทำ กำไลทองที่พี่ฝากพี่ซุนไว้เป็นของดูต่างหน้าบิดามารดาของเจ้า ที่ติดตัวเจ้ามาตั้งแต่เด็กๆ ท่านย่าเก็บรักษาไว้ให้เจ้า และยังมีจี้หยกอีกชิ้นหนึ่ง แต่ท่านแม่ได้ขายไปแล้ว พี่ขอโทษที่รักษาไว้ให้เจ้าไม่ได้ โปรดให้อภัยพวกเราด้วย ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข พี่กับท่านแม่ไม่อาจรบกวนเจ้านานกว่านี้ จึงขอกลับบ้านไปก่อน โอกาสหน้าพี่จะมาเยี่ยมเจ้าอีก และคงได้พบกับลูกๆ ของเจ้า ลงชื่อ หลิวชิงหลิน” หลิวซืออินอ่านจดหมายจบ ก็หยิบกำไลทองออกมาดู ซุนเซิงมอบกำไลวงนี้ให้นาง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาบอกนางว่าหลิวชิงหลินฝากมามอบให้นาง กำไลวงนี้นางคุ้นตาแต่จำไม่ได้ว่า ท่านพ่อท่านแม่มอบให้นางตั้งแต่เมื่อใด โชคดีที่ได้คืนมา แต่มันวงเล็กจนนางสวมไม่ได้ หลิวซืออินจึงคิดจะมอบให้ผิงอัน “ผิงอัน เจ้าชอบกำไลวงนี้หรือไม่”
บทที่ 51. ตอน มิอาจเทียบกันได้/1ผู้ที่ดึงตัวหลิวชิงหลินเข้าไปในตรอกคือซุนเซิงนั่นเอง เขาตามหลิวซืออินออกมาแล้วปล่อยให้นางกลับไปรับเด็กๆ ตัวเขาซุ่มรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นหลิวชิงหลินเดินออกมาก็สะกดรอยตาม จนสบโอกาสดึงนางเข้ามาคุยที่ตรอกร้างแห่งนี้“พี่ซุน นี่ท่านทำอะไร”หลิวชิงหลินเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด ก็หยุดร้องโวยวาย นางมองหน้าซุนเซิงพบว่า เขามองนางด้วยสายตาคล้ายดูแคลน“หึ ข้าไม่คิดทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแค่อยากคุยกับเจ้าสักครู่ มาทางนี้เถอะ”ซุนเซิงเดินนำนางไปยังรถม้าที่จอดอยู่ เขาเดินขึ้นไปบนรถ ทำให้หลิวชิงหลินต้องเดินตามขึ้นไปเมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่าซุนเซิงนั่งอยู่แล้ว จึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามเขาออกไปว่า“พี่ซุน ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้า”“รับเงินนี่ไป”ซุนเซิงวางตั๋วแลกเงิน ลงบนโต๊ะตรงหน้าหลิวชิงหลิน“เงินอะไร ข้าไม่รับ”หลิวชิงหลินไม่ยอมหยิบ นางส่ายหน้าปฏิเสธทันที“เงินร้อยตำลึง มันมากพอจะให้เจ้ากับแม่มีชีวิตที่สุขสบาย หากรู้จักใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป รับไปสิ”"เหตุใดท่านต้องให้เงินข้าด้วย""เจ้ากับแม่มาพบซืออิน ไม่ได้หวังเงินทองหรอกหรือ"ซุนเซิงคิดใช้เงินฟาดหัวนาง เขาดูแคล
บทที่ 50. ตอน มีญาติเช่นนี้ ไม่มีเสียดีกว่า/3"ซืออิน ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยมีกิจการร้านค้า สามีของเจ้าเป็นผู้ใดกันถึงได้ร่ำรวยเพียงนี้"นางหวังจูเอ่ยถามอีก หลังจากปล่อยให้หลิวซืออินกับบุตรสาวของตนปลอบใจกันจนรู้สึกดีขึ้น นางลอบมองซุนเซิง เห็นเขามองหลิวซืออินด้วยแววตาห่วงใย ก็คิดว่าคนผู้นี้น่าจะมีความสัมพันธ์กับหลานสาวของตน"สามีข้าก็คือโจรผู้นั้น เขาจากไปหลายปีแล้วเจ้าค่ะท่านอา กิจการพวกนี้ล้วนได้รับความช่วยเหลือจากพี่ซุน"หลิวซืออินยกความดีความชอบให้ซุนเซิง นางมีวันนี้ได้เพราะมีซุนเซิงกับป้าฉีคอยช่วยเหลือ "อ้อ ที่แท้คุณชายซุนเป็นหลานเขยของข้าหรือนี่"นางหวังจูกลับเข้าใจว่าซุนเซิงคือสามีใหม่ของหลานสาว "ท่านอา ท่านเข้าใจผิดแล้ว พี่ซุนกับข้าเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน พี่ซุนเป็นหุ้นส่วนการค้าของข้า กิจการร้านค้าที่มีส่วนหนึ่งเป็นของพี่ซุน"หลิวซืออินรีบปฏิเสธ นางมองเห็นสายตาของหลิวชิงหลินที่มองซุนเซิง ก็นึกอยากเป็นแม่สื่อให้พี่สาวกับซุนเซิง ติดขัดตรงท่านอาอาจจะไม่เห็นด้วย นางจึงคิดยกฐานะซุนเซิงให้เป็นหุ้นส่วนการค้า ทำให้เขาดูดีขึ้นในสายตาท่านป้า"คุณชายซุน ท่านเป็นหุ้นส่วนการค
บทที่ 49. ตอน มีญาติเช่นนี้ ไม่มีเสียดีกว่า/2"ข้ากลับไปที่บ้าน พบว่าบ้านไฟไหม้ ผู้คนบอกว่าครอบครัวตระกูลหลิวตายในกองเพลิง ห้าปีมานี้ข้าตั้งป้ายบูชา หมั่นไหว้พระทำบุญให้พวกท่านอยู่เสมอ ไม่คิดว่าท่านอากับพี่ชิงหลินยังมีชีวิตอยู่ แล้วท่านย่ากับท่านอาอยู่ที่ใดกัน"หลิวซืออินเอ่ยถามถึงท่านอากับท่านย่า "ท่านพ่อจากไปเมื่อสามปีก่อน ส่วนท่านย่านั้น... ก็จากไปแล้วเช่นกัน"หลิวชิงหลินเอ่ยเสียงเครือ เมื่อคิดถึงบิดาและท่านย่าที่จากไป"โธ่... ท่านย่า ท่านอา น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้พบท่านทั้งสองอีก"หลิวซืออินแม้ได้ยินคำบอกเล่าจากซุนเซิง แต่ก็อยากถามสองแม่ลูกด้วยตัวเอง"ครั้งนั้นพวกเราหนีหยวนจงเหลียงไปเมืองหลวง ท่านย่าของเจ้าสิ้นใจระหว่างเดินทาง เป็นเพราะได้ข่าวว่าเจ้าถูกโจรฉุดตัวไป จึงตกใจและห่วงเจ้าจนอาการกำเริบ ท่านย่าของเจ้าตายเพราะเจ้าแท้ๆ"นางหวังจูโยนโทษให้หลิวซืออิน ทั้งที่จริงแล้วคนบังคับให้หลิวซืออินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวคือนาง เพียงคิดใช้เรื่องนี้กล่าวโทษให้หลานสาวรู้สึกผิด จึงเอ่ยออกมาเช่นนี้"เป็นเพราะข้า ท่านย่าถึงจากไป ท่านย่าข้าขอโทษ ฮือ..."หลิวซืออินน้ำตาร่วงสะอื้นไห้ออกมา ในคืนที่นางฝ
บทที่ 1. ตอน ฉุดเจ้าสาวจากเกี้ยวอำเภอต้าโจว แคว้นเป่ยฉีเจ้าบ่าวสวมชุดแดงนั่งบนหลังอาชาสีขาวตัวพ่วงพี นำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวออกจากหน้าประตูบ้านตระกูลหลิว ผู้คนต่างมามุงดูอยู่สองข้างทางเจ้าบ่าวมีนามว่า หยวนจงเหลียง เป็นเจ้าของบ่อนพนันใหญ่ของเมืองนี้ มีอิทธิพลและเลี้ยงอันธพาลเป็นลูกน้องอยู่หลายสิบคน หยวนจงเหลียง อาศัยว่ามีพี่สาวเป็นภรรยานายอำเภอ จึงไม่เกรงใจใคร ให้เงินพี่เขยวิ่งเต้นจนได้ตำแหน่งนายอำเภอนี้มา อีกฝ่ายจึงปิดตาข้างหนึ่ง ไม่รู้ไม่เห็นการกระทำเลวร้ายของน้องภรรยาผู้ใดหลงผิดเล่นในบ่อนจนติดหนี้ ก็ถูกบังคับยึดทรัพย์สิน พอใจหญิงงามคนใดก็ฉุดคร่าไม่สนศีลธรรม หลิวจื่อเซิ่งพลาดพลั้งหลงผิดจนติดหนี้พนันในบ่อนของหยวนจงเหลียง ถูกบังคับให้ยกบุตรีแต่งเป็นอนุเข้าเรือน มิอาจหลีกเลี่ยงจำต้องส่งบุตรีขึ้นเกี้ยวไปเมื่อขบวนแต่งงานพ้นบ้าน ประตูถูกปิดลง นางหวังจูภรรยาหลิวจื่อเซิ่ง สั่งคนเก็บข้าวของขึ้นรถม้า นางผลักหลิวจื่อเซิ่งให้ขึ้นไป"ท่านพี่รีบขึ้นไป ชักช้าจะไม่ทันการ""อาจู ทำเช่นนี้หากหยวนจงเหลียงจับได้ เราจะมิต้องตายยกบ้านหรือ"หลิวจื่อเซิ่งรู้สึกหวาดกลัว หยวนจงเหลียงหมายตาหลิวชิงหลินบุตรีของ...
Comments