อำเภอต้าโจว แคว้นเป่ยฉี
เจ้าบ่าวสวมชุดแดงนั่งบนหลังอาชาสีขาวตัวพ่วงพี นำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวออกจากหน้าประตูบ้านตระกูลหลิว ผู้คนต่างมามุงดูอยู่สองข้างทาง
เจ้าบ่าวมีนามว่า หยวนจงเหลียง เป็นเจ้าของบ่อนพนันใหญ่ของเมืองนี้ มีอิทธิพลและเลี้ยงอันธพาลเป็นลูกน้องอยู่หลายสิบคน หยวนจงเหลียง อาศัยว่ามีพี่สาวเป็นภรรยานายอำเภอ จึงไม่เกรงใจใคร ให้เงินพี่เขยวิ่งเต้นจนได้ตำแหน่งนายอำเภอนี้มา อีกฝ่ายจึงปิดตาข้างหนึ่ง ไม่รู้ไม่เห็นการกระทำเลวร้ายของน้องภรรยา
ผู้ใดหลงผิดเล่นในบ่อนจนติดหนี้ ก็ถูกบังคับยึดทรัพย์สิน พอใจหญิงงามคนใดก็ฉุดคร่าไม่สนศีลธรรม หลิวจื่อเซิ่งพลาดพลั้งหลงผิดจนติดหนี้พนันในบ่อนของหยวนจงเหลียง ถูกบังคับให้ยกบุตรีแต่งเป็นอนุเข้าเรือน มิอาจหลีกเลี่ยงจำต้องส่งบุตรีขึ้นเกี้ยวไป
เมื่อขบวนแต่งงานพ้นบ้าน ประตูถูกปิดลง นางหวังจูภรรยาหลิวจื่อเซิ่ง สั่งคนเก็บข้าวของขึ้นรถม้า นางผลักหลิวจื่อเซิ่งให้ขึ้นไป
"ท่านพี่รีบขึ้นไป ชักช้าจะไม่ทันการ"
"อาจู ทำเช่นนี้หากหยวนจงเหลียงจับได้ เราจะมิต้องตายยกบ้านหรือ"
หลิวจื่อเซิ่งรู้สึกหวาดกลัว หยวนจงเหลียงหมายตาหลิวชิงหลินบุตรีของเขา จึงวางแผนหลอกให้เขาเล่นพนันจนติดหนี้ บังคับให้ยกบุตรีแต่งเป็นอนุเข้าเรือน
"กว่าหยวนจงเหลียงจะรู้ พวกเราก็หนีไปไกลแล้ว ข้าจะให้คนวางเพลิงเผาบ้านนี้ทิ้ง ให้เข้าใจว่าเราตายในกองเพลิง"
"แล้วซืออินเล่า นางยอมขึ้นเกี้ยวแต่งงานแทนพี่สาว หากหยวนจงเหลียงรู้ความจริง นางมิถูกตีตายหรือ"
ที่แท้แล้ว เจ้าสาวในเกี้ยวมิใช่หลิวชิงหลิน แต่เป็นหลิวซืออิน หลานสาวกำพร้าของหลิวจื่อเซิ่ง ลูกของพี่ชายที่ตายจากไป ถูกเขาเลี้ยงไว้ในบ้าน ความเป็นอยู่ดีกว่าสาวใช้เพียงเล็กน้อย
"หยวนจงเหลียงขึ้นชื่อว่ารักหยกถนอมบุปผา ซืออินหน้าตางดงาม คงถูกใจเขาไม่น้อย เจ้าอย่าห่วงนางเลย รีบไปเถอะ จะได้ตามไปสมทบกับหลินเอ๋อและท่านแม่ที่ล่วงหน้าไปก่อน"
หวังจูคิดแผน 'ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ' บังคับหลานสาวให้ขึ้นเกี้ยวแทน นางรักเพียงลูกตัวเอง หลานสาวของสามีเลี้ยงดูให้ข้าวน้ำมา ถึงเวลาควรตอบแทนบุญคุณ จะเป็นจะตายนางมิได้สนใจ
รถม้าเคลื่อนออกจากประตูด้านหลังบ้านตระกูลหลิว บ่าวรับใช้โยนคบเพลิงใส่หลังคาที่ราดน้ำมันถงจนชุ่ม น้ำมันถงนั้นติดไฟง่ายแต่ดับยาก ไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกท่วม เผาบ้านตระกูลหลิวทั้งหลัง เพียงคืนเดียวก็เหลือเพียงเศษขี้เถ้า
///
หลิวซืออินนั่งนิ่งบนเกี้ยวเจ้าสาว ในหัวกำลังนึกถึงก่อนหน้าที่นางจะถูกส่งขึ้นเกี้ยว อาสะใภ้เรียกนางมาช่วยแต่งตัวให้พี่สาว พอเข้าไปในห้องกลับถูกบังคับให้สวมชุดเจ้าสาว
"ซืออิน พี่ชิงหลินของเจ้ามิได้เต็มใจแต่งงานกับหยวนจงเหลียง ตอนนี้ได้หลบหนีไปแล้ว หากขบวนเจ้าบ่าวมาถึงแล้วไม่พบตัวเจ้าสาว พวกเขาคงฆ่าพวกเราแน่ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าหยวนจงเหลียงโหดเหี้ยมเพียงใด"
นางหวังจู ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตากล่อมหลิวซืออินให้ยอมทำตาม
"หากพวกเราตายไป ท่านย่าของเจ้าจะมีผู้ใดดูแล ทุกวันต้องป้อนยา ป้อนข้าว เจ้าคิดดูเถิด"
แม่เฒ่าหลิวป่วยหนักเป็นอัมพาตมาหลายปี นางรู้ข่าวบุตรชายคนโตกับสะใภ้ถูกโจรฆ่าตาย ระหว่างเดินทางไปค้าขายยังต่างแดน ก็เป็นลมล้มฟาดพื้น นับแต่นั้นก็ทำได้เพียงนอนบนเตียงไม่ต่างจากผัก หลิวซืออินรอดชีวิตมาเพียงคนเดียว นางดูแลท่านย่าเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยามาหลายปี ย่อมมีความผูกพัน หวังจูใช้จุดนี้มาต่อรองกับหลิวซืออิน
"เพียงท่านอาสะใภ้รับปากดูแลท่านย่า ข้าจะขึ้นเกี้ยวแทนพี่ชิงหลิน"
"ซืออินเจ้าช่างกตัญญู ท่านอารับปากเจ้า จะดูแลท่านย่าของเจ้าเป็นอย่างดี"
หลิวซืออินเข้าไปบอกลาท่านย่า ร่างชราเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก มิอาจขยับตัวเมื่อได้ยินหลานสาวยอมทำตามคำสั่งของลูกสะใภ้ก็ได้แต่หลั่งน้ำตา
"อินเอ๋อ เจ้าเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง จำไว้คนดีเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ความดีของเจ้าจะตอบแทนเจ้าในสักวัน"
หวังจูให้คนพาแม่เฒ่าหลิวขึ้นรถม้าจากไป หลิวซืออินจึงวางใจ ยอมเป็นตัวแทนพี่สาวขึ้นเกี้ยว นางเห็นเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาว บุรุษผู้นั้นท่าทางน่ากลัว หากเขาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว แล้วพบว่าคนที่ต้องการถูกสลับตัว จะโมโหเพียงใด คิดแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา
ทันใดนั่นเอง ! คนแบกเกี้ยวก็หยุดเดิน พร้อมกับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง !
เสียงนั้นดังสนั่นติดต่อกัน ควันสีขาวลอยเข้าปกคลุมขบวน เสียงคนแตกตื่นและเสียงต่อสู้ดังขึ้น
เคร๊ง อ๊าก เคร๊ง อ๊าก !
เสียงดาบพร้อมกับเสียงคนร้องอย่างเจ็บปวดดังวุ่นวาย หลิวซืออินตกใจจนไม่กล้าขยับตัว ควันสีขาวลอยฟุ้งตลบมองไม่เห็นอะไร นางสำลักควันแต่ไม่กล้าไปไหน
ทันใดนั้นเอง !
มือของใครบางคนก็แหวกม่านกั้นประตูเกี้ยว ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทำให้มองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัด
"อย่าขัดขืน ถ้าไม่อยากตายก็ตามข้ามาดีๆ"
ข้อมือถูกมือหนาแข็งแรงราวคีมเหล็ก จับไว้แล้วกระชากตัวหลิวซืออินลงจากเกี้ยว
"นายท่าน เจ้าสาวโดนฉุดไปแล้ว !"
เสียงตะโกนของใครคนหนึ่งในขบวนดังขึ้น หยวนจงเหลียงรีบขี่ม้าไปขัดขวางโจรชั่วไว้ แต่เขากลับถูกอีกฝ่ายซัดมีดสั้นเข้าใส่จนร่วงตกจากม้า ดาบในมือคนร้ายจ่อที่คอ ขณะกระชากตัวเจ้าสาวมา แล้วดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก
"หยวนจงเหลียง เจ้าเคยแย่งชิงเจ้าสาวของพี่ชายข้า ทำลายเฉียนเอ๋อจนนางคิดสั้น วันนี้ข้าจะล้างแค้นแทนนางเอง"
ฟึบ อ๊าก !
ตวัดดาบทีเดียว คอของหยวนจงเหลียงก็ขาดกระเด็น เลือดพุ่งกระจาย สิ้นใจในทันที
หลิวซืออินตกใจจนเข่าทรุด เลือดของหยวนจงเหลียงกระเซ็นเปื้อนชุดเจ้าสาวของนาง
"เจ้าบ่าวของเจ้าตายแล้ว จะตายตามมันไป หรือตามข้ามา"
เสียงของโจรชั่วดังขึ้น หลิวซืออินหันไปมองเห็นชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าพันทับด้วยผ้าสีดำ เห็นเพียงดวงตาคมกริบกำลังจ้องมองนาง
"อย่านะ กรี้ดดด !"
หลิวซืออินกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ทุกอย่างรอบกายจะดำมืด พร้อมกับอนุสติสุดท้ายของนางได้ดับลงไป
///
บทที่2. ตอน คนชั่วเช่นข้ากำลังจะเป็นสามีเจ้าหลิวซืออินรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางความมืด พยายามขยับลุกขึ้นแต่มือถูกมัดไว้แน่น ปากกับดวงตาก็มีผ้ามัดไว้เช่นกัน นางนอนอยู่บนพื้นรู้สึกถึงการโครงเครงไปมา พยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน ร่างกายขยับได้เล็กน้อยเพราะถูกพันธนาการไว้จนดิ้นไม่หลุด ยิ่งออกแรงยิ่งถูกเชือกที่มัดไว้บาดข้อมือจนแสบไปหมดนางจึงนอนนิ่งๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามตั้งสติตัวเอง นึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้นภาพในความทรงจำเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นสติค่อยๆ วาบผ่านมาในหัว "เจ้าบ่าวของเจ้าตายแล้ว จะตายตามมันไป หรือตามข้ามา" ประโยคนี้ของเจ้าโจร ทำให้ความกลัวพุ่งวาบเข้ามา ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น นางถูกโจร ฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว!หลิวซืออินพยายามสงบอารมณ์ ข่มความหวาดกลัวลงทีละน้อย ท่านย่าเคยสอนว่า อย่าให้ความหวาดกลัวมาทำให้ตัวเองขลาดเขลา หลิวซืออินสูดลมหายใจแรงๆ นิ่งเงียบเงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ กายเสียงน้ำไหล... เสียงลม... พื้นโครงเครง... นางคงถูกพาขึ้นมาบนเรือและเรือกำลังไปที่ไหนสักแห่ง...แกร๊ก...เสียงเปิดประตูดังแว่วมา หลิวซืออินนอนตัวแข็
บทที่3. ตอน ดั่งบุปผาถูกขยี้“ฮือ... ไม่นะ อย่า...”หลิวซืออินเบือนหน้าหนี พยายามดิ้นรนสู้ แต่ถูกเขาใช้มือข้างหนึ่งกดตรึงข้อมือทั้งสองไว้เหนือศีรษะ ใช้เข่ากดต้นขานางไว้จนดิ้นหนีไม่ได้ ใบหน้างามส่ายไปมา น้ำตาไหลจนเปื้อนผ้าที่ปิดไว้มองเห็นคราบชื้น เขาใจอ่อนลงวูบหนึ่งคล้ายจะยุติสิ่งที่ทำอยู่ทว่า... ภาพของนางหลี่เจียน กำลังร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ ร่ำร้องให้เขาทวงความยุติธรรมให้กับจางเฉียนวาบเข้ามาในหัว“เสี่ยวเหวิน เจ้าต้องล้างแค้นให้เสี่ยวเฉียน ป้าขอร้องเจ้า”สภาพร่างไร้วิญญาณของจางเฉียน ทำให้คนเห็นแทบสติแตก เจ็บปวดรวดร้าว หัวใจเจียนแหลกสลาย จางเฉียนคือสตรีที่เขารักสุดหัวใจ“ท่านป้าบอกข้าว่า โตขึ้นจะให้ข้าแต่งงานกับพี่ตง ข้าต้องรักพี่ตงให้มากๆ ”จางเฉียนเป็นเด็กกำพร้า นางหลี่เจียนรับมาเลี้ยงไว้ สั่งสอนให้รักและเชื่อว่าต้องโตขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของหลินตงลูกชายของนาง จางเฉียนและเขาโตมาด้วยกัน ความผูกพันก่อเกิดเป็นความรักขึ้น หลินตงรับรู้ว่าเขารักจางเฉียน จึงชะลอการแต่งงานไว้ พยายามพูดให้มารดาเปลี่ยนใจ แต่นางหลี่เจียนยังยืนกรานให้จางเฉียนแต่งงานกับลูกชายของนาง“หลินตงเป็นลูกชายคนเดียว ต้
บทที่ 4. ตอน เจ้าเป็นของข้า“เจ้าเจ็บมากหรือไม่”เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม แต่นางกลับนอนนิ่งไม่ยอมตอบ เขาจึงแก้เชือกมัดมือ รวมถึงผ้าคาดตานางออกหลิวซืออินจึงได้เห็น ใบหน้าของโจรชั่วที่ข่มเหงนาง คนผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ราวกับคุณชายผู้สง่างาม ต่างจากภาพโจรในความคิดของนาง ว่าจะต้องมีใบหน้าอัปลักษณ์ท่าทางโหดเหี้ยม เขาหน้าตาดีแล้วอย่างไร คนหน้าตาดีใช่ว่าจะเป็นโจรไม่ได้ นางเมินหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย ไม่อยากจดจำคนเลว ที่ข่มเหงสร้างรอยราคีให้นาง หากมีชีวิตรอดกลับไป จะขอลืมคืนวันเลวร้ายนี้ไปให้ได้“มองหน้าข้า!”เขาจับปลายคางบังคับให้มองหน้า หลิวซืออินหลับตาไม่ยอมมองหน้า นางเกลียดชังคนผู้นี้ ไม่อยากมองให้เสียสายตา "ถึงเจ้าจะชิงชังรังเกียจข้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีก""แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้เต็มใจ เจ้ามันแค่โจรชั่วข่มเหงคนไร้ทางสู้" นางก่นด่าเขา"สวมเสื้อผ้า เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน"เยี่ยเหวินจ้าวรู้ดีว่านางเกลียดชังเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตนาง ด้วยการรับนางเป็นภรรยา"ไม่ ข้าไม่ทำ ฝันไปเถอะ"หลิวซืออินแม้ภายนอกจะดูเป็นคนอ่อนหวาน แต่ยามดื้อ
บทที่ 5. ตอน ข้าจะปล่อยเจ้าไปเช้าวันต่อมา หลิวซืออินตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว กว่าคนผู้นั้นจะปล่อยนางก็ค่อนรุ่ง นางอ่อนเพลียจนหลับไปในอ้อมกอดของเขา "เจ้าคนชั่ว ข้าจะต้องหาทางหนีให้ได้"หลิวซืออินบอกกับตัวเอง นางสูญเสียความสาวไปแล้วแต่ยังเหลือชีวิต หากมีโอกาสนางจะต้องกลับไปหาท่านย่าแกรก !ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของเยี่ยเหวินจ้าวเดินเข้ามา ในมือของเขามีเสื้อผ้าสตรีอยู่ชุดหนึ่ง เขาเดินมาหาหลิวซืออิน มองดูนางที่ตอนนี้สวมชุดแต่งงานขาดวิ่นเปื้อนเลือดตัวนั้น แล้วยื่นส่งชุดในมือให้"เอาไปเปลี่ยน หากอยากอาบน้ำ ตรงนั้นมีถังข้าตักน้ำมาให้แล้ว"เขาชี้มือไปยังมุมห้อง มีถังใส่น้ำวางอยู่ เยี่ยเหสินจ้าวอาศัยตอนที่นางหลับไปตักน้ำมาให้ และยังขอซื้อเสื้อผ้าจากชาวบ้านมาชุดหนึ่ง "ข้าจะรออยู่ข้างนอก หากเจ้าหิวก็ออกมากินข้าว"พูดจบเขาก็ยัดเสื้อผ้าชุดนั้นใส่มือนาง เดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูหลิวซืออินรีบวิ่งไปปิดประตู ยกเก้าอี้มาขวางไว้ ก่อนที่นางจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขามอบให้ ชุดสตรีแบบชาวบ้านทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบราคาถูก เทียบกับชุดแต่งงานผ้าไหมสีแดงที่นางสวมแล้ว แตกต่างกันมาก
บทที่ 6. เมื่อมิได้รัก ก็มิควรผูกพันกัน" ท่านจะปล่อยข้าไปจริงหรือ"หลิวซืออินเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง อีกฝ่ายพยักหน้ารับ" หากเจ้าไม่คิดจะแต่งกับข้า ข้าก็จะส่งเจ้ากลับไป แต่ข้าต้องนำเรือลำนี้ ไปส่งคืนเพื่อนของข้าเสียก่อน"เรือลำนี้ไม่ใช่ของเขา เยี่ยเหวินจ้าวยืมเรือมาจากเพื่อนของเขาคนหนึ่ง เขาจึงต้องนำเรือไปคืนเจ้าของ " ระหว่างนี้ ข้าให้โอกาสเจ้า คิดทบทวนให้ดี หากเจ้ากลับไป ครอบครัวของเจ้า จะยินดีให้เจ้ากลับไปอยู่ด้วยหรือไม่"สตรีถูกส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกเรือน มิอาจรับกลับคืน หลิวซืออินรู้ข้อนี้ดี แต่นางต้องการพบท่านย่า อยากกลับไปดูแลท่าน หวังเพียงท่านอาจะเห็นใจ"นั่นเป็นปัญหาของข้า เจ้าไม่ต้องคิดแทนข้า"" เช่นนั้นข้าจะตามใจเจ้า เราคงต้องอยู่บนเรือนี้กันอีกสักสองวัน ระหว่างนี้ เจ้าก็ทบทวนว่าจะทำอย่างไรต่อไป""เจ้าส่งเรือคืนแล้ว ก็ส่งข้าขึ้นฝั่ง ข้าจะกลับบ้านเอง"หลิวซืออินคิดเพียงอยากจะกลับบ้าน โลกของนางคือท่านย่าและบ้านตระกูลหลิว นางไม่คิดจะไปอยู่ที่ใดนอกจากที่นั่น "เจ้ามันคนโง่ โลกนี้โหดร้ายกว่าที่เจ้าคิด เอาเถอะ หากเจ้ากลับไปแล้วครอบครัวของเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็จ
บทที่ 7. ตอน ในวันที่ไม่เหลือใคร“ซืออิน...”เสียงคุ้นหูเรียกชื่ออยู่ใกล้ๆ ทำให้หลิวซืออินลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าท่านย่า นางรีบลุกขึ้นสวมกอดท่านย่าด้วยความดีใจ“ท่านย่า ท่านมาอย่างไร”หลิวซืออินกอดรัดร่างของผู้เป็นย่าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม“ย่าเป็นห่วงเจ้า เป็นห่วงเหลือเกิน”อ้อมกอดแสนอบอุ่นของท่านย่า โอบร่างของผู้เป็นหลานสาวไว้ หลิวซืออินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเหี่ยวย่นของท่านย่า น่าประหลาด... ใบหน้าซูบซีดของท่านที่เจนตามาตลอด กลับเปล่งปลั่งเหมือนคนปกติ แววตาดูสดใสสดชื่นไม่อมทุกข์เช่นก่อน ท่านย่ามาหานางได้อย่างไร นางอยู่บนเรือมิใช่หรือ...หลิวซืออินเริ่มฉุกคิดเมื่อความดีใจผ่านพ้นไป“ท่านย่า ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มส่งมาให้ คนเป็นย่าลูบศีรษะหลานรักอย่างอ่อนโยน ดวงตาฝ้าฟางมองใบหน้างดงามนั้นด้วยแววตาอบอุ่นห่วงใย“เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้”คำสั่งสอนนั้นเจือรอยห่วงใยลึกซึ้ง คนฟังตื้นตันใจในความรักของท่านย่าจนน้ำตาซึม รีบพยักหน้ารับคำ“เจ้าค่ะ ขอเพียงมีท่านย่าอยู่ข้างๆ ข้าก็มีความสุขแล้ว”
บทที่ 8. ตอน คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าหลิวซืออินไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ชีวิตของนางก็เหมือนคนขาดที่พึ่ง ยามนี้คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือเยี่ยเหวินจ้าว เขาพานางขึ้นรถม้า เดินทางออกมาจากเมืองต้าโจ กลับไปยังท่าเรือ เมืองหนานไห่อีกครั้งระหว่างทางหลิวซืออิน เอาแต่นั่งขดตัว ร้องไห้อยู่เงียบๆในรถม้า ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เยี่ยเหวินเจ้าปล่อยให้นางอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี แผนการเดิมของเยี่ยเหวินจ้าว ก็คือการเดินทางไปยังแคว้นอื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรือที่เขาจะอาศัยไปด้วย กำหนดออกเดินทางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงต้องรอ เขาคิดจะหาบ้านเช่าสักหลัง โชคดีคนขับรถม้ารู้จักเจ้าของบ้านเช่าจึงแนะนำให้"เราจะอยู่ที่นี่กันสักหนึ่งเดือน"เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินเข้าบ้าน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็ก มีห้องนอนห้องเดียว ครัว และชานบ้าน ราคาจึงไม่สูงมาก "เจ้าปัดกวาดให้ดี ในครัวมีข้าวสารกับเนื้อ เจ้าทำกับข้าวได้เลย ข้าจะไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมา"เขาบอกนาง แล้วปล่อยนางไว้ที่บ้านเพียงลำพัง หลิวซืออินจึงจัดการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหาร งานพวกนี้นางล้วนเคยทำ
บทที่ 9. ตอน ภรรยา ข้าทำให้เจ้ามีความสุขหรือไม่เยี่ยเหวินจ้าวทาบกายแกร่งขึ้นก่ายเกยร่างงาม ริมฝีปากจุมพิตบนเรียวปากอิ่ม ตวัดไล้ ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กของนาง สัมผัสของเขาเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนยั่วเย้า หลอกล่อ มอมเมานาง จนไม่เป็นตัวของตัวเองปลายนิ้วสอดเข้าไปในผมยาวของนาง ประคองศีรษะให้รับจุมพิตของเขาอย่างไร้ทางหลบเลี่ยง ริมฝีปากถูกเขาดูดแรงทั้งบนและล่าง กวาดต้อนทุกความหวานของนางอย่างหิวกระหาย พร้อมกับยั่วเย้าให้ตอบสนองเมื่อลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นของเขา เยี่ยเหวินจ้าวก็เพิ่มแรงเร้าให้นางเป็นฝ่ายจูบเขาบ้าง ความไม่ประสาของนางทำให้เขาอิ่มเอมใจ พรหมจรรย์ของนาง เขาได้ครอบครองเป็นคนแรก จูบแรก ทุกสิ่งที่เขากระทำ เป็นสิ่งแรกสำหรับนางทั้งสิ้นเขาจูบอย่างอ่อนหวาน แล้วเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ บดเคล้า เล้าโลม ให้นางตกเป็นทาสเสน่หา เขาเองก็ตกอยู่ในห้วงพิศวาสจนยากจะถ่ายถอน เสียงหอบหายใจของนางดังกระเส่า เช่นเดียวกับเขาที่หายหอบแรง ครางเสียงหนักในคอ ดูดดื่มความหวานฉ่ำที่เขาโหยหาอย่างยั้งใจไม่อยู่เยี่ยเหวินจ้าวเฝ้าวนเวียนจุมพิตซ้ำจนหนำใจ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนมาประคองแก้มนุ่ม ถอนริมฝีปากปาก
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต