“ซืออิน...”
เสียงคุ้นหูเรียกชื่ออยู่ใกล้ๆ ทำให้หลิวซืออินลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าท่านย่า นางรีบลุกขึ้นสวมกอดท่านย่าด้วยความดีใจ
“ท่านย่า ท่านมาอย่างไร”
หลิวซืออินกอดรัดร่างของผู้เป็นย่าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม
“ย่าเป็นห่วงเจ้า เป็นห่วงเหลือเกิน”
อ้อมกอดแสนอบอุ่นของท่านย่า โอบร่างของผู้เป็นหลานสาวไว้ หลิวซืออินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเหี่ยวย่นของท่านย่า
น่าประหลาด... ใบหน้าซูบซีดของท่านที่เจนตามาตลอด กลับเปล่งปลั่งเหมือนคนปกติ แววตาดูสดใสสดชื่นไม่อมทุกข์เช่นก่อน ท่านย่ามาหานางได้อย่างไร นางอยู่บนเรือมิใช่หรือ...
หลิวซืออินเริ่มฉุกคิดเมื่อความดีใจผ่านพ้นไป
“ท่านย่า ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มส่งมาให้ คนเป็นย่าลูบศีรษะหลานรักอย่างอ่อนโยน ดวงตาฝ้าฟางมองใบหน้างดงามนั้นด้วยแววตาอบอุ่นห่วงใย
“เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้”
คำสั่งสอนนั้นเจือรอยห่วงใยลึกซึ้ง คนฟังตื้นตันใจในความรักของท่านย่าจนน้ำตาซึม รีบพยักหน้ารับคำ
“เจ้าค่ะ ขอเพียงมีท่านย่าอยู่ข้างๆ ข้าก็มีความสุขแล้ว”
“หากไม่มีย่า เจ้าก็ต้องอยู่ให้ได้”
คนเป็นย่าบอกเสียงแผ่วพร่า แววตาหม่นแสงลง ขณะขยับกายลุกขึ้นยืน สร้างความแปลกใจให้หลานสาวมาก
“ท่านย่ายืนได้ ท่านย่าหายป่วยแล้วหรือเจ้าคะ”
หลิวซืออินมองร่างผอมบางอย่างตกตะลึง ท่านย่าส่งยิ้มอ่อนโยนให้หลานรัก ก่อนจะหมุนกายเดินไปยังประตู เมื่อเปิดประตูออก แสงสว่างจัดจ้าสาดส่องมา เห็นเพียงเงาร่างที่กำลังค่อยๆ เดินจากไป
“ท่านย่าอย่าไป อย่าทิ้งข้าไป!”
หลิวซืออินผวาตาม ร้องเรียกเสียงดังลั่น
นางผุดลุกขึ้นในท่าที่มือยังยื่นไปไขว่คว้า มองรอบกายด้วยความมึนงง ก่อนจะยกมือลูบใบหน้าชื้นเหงื่อ รับรู้ว่าตัวเองเพียงฝันไปเท่านั้น“ข้าฝันไปหรือเนี่ย...”
นางนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เดินไปล้างหน้าให้สดชื่น แล้วเดินออกมานอกห้อง ข้างนอก
นางหนีเข้ามาในห้อง นอนหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ยามเว่ยเสียแล้ว
“เจ้าโจรชั่วนั่น หายไปไหนนะ”
หลิวซืออินมองหาร่างใหญ่ของคนผู้นั้น นางพาตัวเองเดินไปยังห้องครัว ก่อนจะหยุดนิ่งที่ประตู เมื่อเห็นเขากำลังทำอะไรง่วนหน้าเตาไฟ กลิ่นหอมๆ ลอยมาจากหม้อคล้ายกลิ่นต้มเนื้อ
“เจ้าทำอะไร”
หลิวซืออินส่งเสียงทักทายไปก่อน เยี่ยเหวินจ้าวหันมามอง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างให้ ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนโยนน่ามอง
“ข้ากำลังทำเนื้อต้ม เจ้าชอบกินเนื้อหรือไม่”
“ผู้ใดบ้างไม่ชอบกินเนื้อ”
หลิวซืออินมานั่งรอที่โต๊ะ มองดูคนร่างใหญ่หยิบชามมาตักเนื้อต้มสองชาม วางตรงหน้านางชามหนึ่ง
“ข้าต้มไว้จนเปื่อยนุ่ม เจ้าลองชิมดู”
เขาวางชามข้าวพร้อมตะเกียบให้นาง แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม
"ข้าต้มเนื้อไว้เต็มหม้อ หากไม่พอตักเพิ่มได้"
จากจำนวนอาหารที่นางกินลงไปมื้อก่อนทำให้เขารู้ว่า สตรีตัวเล็กผู้นี้กระเพาะไม่ได้เล็กเลย นางสามารถกินอาหารได้เท่าผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง
“ข้าทำขนมไม่เก่ง ทำได้แค่ถั่วแดงต้มน้ำตาล เจ้าลองกินดูก่อน”
เมื่อเห็นว่านางกินเนื้อต้มไปสามชามแล้ว เขาก็ลุกไปตักขนมหวานมาให้
"อืม ขอบคุณ มื้อต่อไปข้าจะทำกับข้าวให้เจ้ากินบ้าง"
"ได้ ในตู้นั่นมีข้าวสารและถั่ว พวกเนื้อแห้งแขวนไว้ตรงนั้น ของสดข้าเอามาทำหมดแล้ว เหลือแต่ของแห้ง"
"ข้ารู้แล้ว"
หลิวซืออินพยักหน้ารับรู้ นางยกจานชามไปล้าง เขาตามมาช่วย ต่างคนต่างเงียบไม่พูดสิ่งใด ล้างชามเสร็จนางจึงเดินหนีออกมาด้านนอกไปยืนมองดูแม่น้ำ นึกถึงความฝันเมื่อครู่ อาจเป็นเพราะนางคิดถึงท่านย่ามาก จนเก็บเอามาฝัน
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
" ข้าสบายดี แล้วนี่พวกเรากำลังจะเดินทางไปที่ใดกัน"
หลิวซืออิน เก็บเรื่องราวความฝันของตัวเองเอาไว้ นางเอ่ยถามเขาถึงปลายทาง
" เมืองหนานไห่ พรุ่งนี้เช้าก็จะถึงท่าเรือแล้วข้าส่งมอบเรือเสร็จ ก็จะพาเจ้ากลับบ้าน"
///
เช้าวันต่อมาเรือก็มาถึงเมืองหนานไห่ ซึ่งเป็นเมืองติดชายทะเล เรือลำนี้ถูกขายต่อให้กับพ่อค้า ที่จะเดินทางไปยังแคว้นอื่น เยี่ยเหวินจ้าวรับหน้าที่นำเรือไปส่ง เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากจัดการกับหยวนจงเหลียงแล้ว ก็จะเดินทางไปพร้อมกับพ่อค้า แต่เขาพาตัวหลิวซืออินมาด้วย แผนการจึงต้องเปลี่ยนไป
หลังจากส่งมอบเรือเสร็จ เยี่ยเหวินเจ้าเช่ารถม้าคันหนึ่ง เพื่อพาหลิวซืออินไปส่งที่บ้านของนาง รถม้าใช้เวลาเดินทางเร็วกว่าเรือ เพียงครึ่งวันก็ใกล้ถึงอำเภอต้าโจวแล้ว
"หยุดพักที่นี่กันก่อน"
เยี่ยเหวินเจ้าสั่งให้คนขับรถม้าหยุดพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ตลอดทางทั้งสองไม่ได้พูดจากันเลย เขาบอกคนขับรถม้าว่าเขากับนางเป็นพี่น้องกัน กำลังเดินทางไปเยี่ยมญาติ คนขับรถม้าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใด
"นี่ซาลาเปาไส้เนื้อที่ท่านสั่ง ข้าซื้อมาให้สิบลูก ข้าชิมไปแล้วลูกหนึ่ง รสชาติไม่เลว"
คนขับรถม้า จอดรถให้ม้าพักดื่มน้ำ ระหว่างนั้นเยี่ยเหวินจ้าวก็ให้เขาไปซื้อซาลาเปามาให้
"พี่ชายได้ยินข่าวอันใดน่าสนใจบ้างหรือไม่"
เยี่ยเหวินจ้าวรับถุงใส่ซาลาเปาส่งให้หลิวซืออิน คืนเงินทอนให้เป็นสินน้ำใจกับคนขับรถม้า อีกฝ่ายรีบรับมาเก็บ พร้อมกับเล่าว่า
"เมื่อสี่วันก่อน หยวนจงเหลียงเจ้าของบ่อนในอำเภอต้าโจวถูกโจรฆ่าตาย เจ้าสาวที่เพิ่งรับขึ้นเกี้ยว ถูกโจรฉุดตัวไป คนสารเลวเช่นนี้ตายไป มีแต่คนยินดี"
ข่าวนี้ล้วนถูกกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง หยวนจงเหลียงเป็นเจ้าของบ่อนหน้าเลือด ย่อมมีคนเกลียดชังมากกว่านับถือ ตายไปไม่มีคนนึกเสียดายมีแต่สาปแช่ง
"ที่น่าสงสารคงจะเป็นครอบครัวเศรษฐีหลิว บุตรสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไม่พอ ยังโชคร้ายบ้านถูกไฟไหม้ คนในบ้านถูกไฟครอกตายจนหมด เฮ้อ... น่าเวทนาจริงๆ"
"ท่านว่าอะไรนะ ผู้ใดถูกไฟครอกตาย"
หลิวซืออินได้ยินข่าวนี้ ก็รีบถามขึ้นมา
"ก็ครอบครัวเศรษฐีหลิวน่ะสิ หลังจากส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว คืนนั้นไฟก็ไหม้บ้านจนไม่เหลือซาก พบเพียงศพถูกไฟครอก ยากจะแยกออกว่าเป็นผู้ใด"
คนขับรถม้าถอนหายใจออกมา ขณะที่หลิวซืออินนั่งตัวแข็งน้ำตาคลอ เยี่ยเหวินจ้าวขยับเข้ามาจับมือนางไว้
"อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปดู"
"พาข้าไป พาข้าไปที"
หลิวซืออินน้ำตาไหล บีบมือเยี่ยเหวินจ้าวไว้แน่น คนขับรถม้าเห็นท่าทางของทั้งสองก็แปลกใจ เอ่ยถามว่า
"พวกเจ้ารู้จักครอบครัวเศรษฐีหลิวด้วยหรือ"
"พวกเขาเป็นญาติที่เรากำลังจะไปเยี่ยม พี่ชายท่านรีบพาเราไปเถอะ"
"ได้ๆ ข้าจะเร่งม้าให้เร็วที่สุด"
คนขับรถรีบกระโดดขึ้นรถ ฟาดแส้ให้ม้าวิ่งออกไป เพียงหนึ่งชั่วยามก็มาถึงบ้านตระกูลหลิว ในช่วงเวลาเย็นเกือบค่ำ
"ถึงแล้ว พวกเจ้าลงมาดูเองเถอะ"
ภาพเบื้องหน้า ทำให้หลิวซืออินถึงกับร้องไห้ออกมา บ้านตระกูลหลิวที่นางเคยอาศัย บัดนี้เหลือเพียงเถ้าถ่าน ตัวบ้านถูกเผาจนจำสภาพเดิมไม่ได้ นางวิ่งไปมามองดูซากบ้าน หัวใจแตกร้าวไปหมด ภาพท่านย่าในความฝันผุดขึ้นมาในหัว
“เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้”
“หากไม่มีย่า เจ้าก็ต้องอยู่ให้ได้”
ถ้อยคำเหล่านี้ของท่านย่า คือการบอกลาเช่นนั้นหรือ
"ท่านย่า ท่านอา ท่านอาสะใภ้ เหตุใดพวกท่านทอดทิ้งข้า"
หลิวซืออินทรุดตัวลงร้องไห้คร่ำครวญ นางไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีท่านย่า ไม่เหลือผู้ใดอีกแล้ว
นางสูญเสีย สูญสิ้น หมดทุกสิ่ง มีเพียงลมหายใจกับร่างกายที่อ่อนระโหยโรยล้า ยังคงต้องฝืนมีชีวิตอยู่
"เจ้ายังมีข้า ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลเจ้าเอง"
เยี่ยเหวินจ้าวเข้ามาดึงหลิวซืออินมากอดไว้ ให้สัญญากับนางและตัวเองว่า เขาจะดูแลนางไปชั่วชีวิต
///บทที่ 8. ตอน คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าหลิวซืออินไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ชีวิตของนางก็เหมือนคนขาดที่พึ่ง ยามนี้คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือเยี่ยเหวินจ้าว เขาพานางขึ้นรถม้า เดินทางออกมาจากเมืองต้าโจ กลับไปยังท่าเรือ เมืองหนานไห่อีกครั้งระหว่างทางหลิวซืออิน เอาแต่นั่งขดตัว ร้องไห้อยู่เงียบๆในรถม้า ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เยี่ยเหวินเจ้าปล่อยให้นางอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี แผนการเดิมของเยี่ยเหวินจ้าว ก็คือการเดินทางไปยังแคว้นอื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรือที่เขาจะอาศัยไปด้วย กำหนดออกเดินทางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงต้องรอ เขาคิดจะหาบ้านเช่าสักหลัง โชคดีคนขับรถม้ารู้จักเจ้าของบ้านเช่าจึงแนะนำให้"เราจะอยู่ที่นี่กันสักหนึ่งเดือน"เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินเข้าบ้าน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็ก มีห้องนอนห้องเดียว ครัว และชานบ้าน ราคาจึงไม่สูงมาก "เจ้าปัดกวาดให้ดี ในครัวมีข้าวสารกับเนื้อ เจ้าทำกับข้าวได้เลย ข้าจะไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมา"เขาบอกนาง แล้วปล่อยนางไว้ที่บ้านเพียงลำพัง หลิวซืออินจึงจัดการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหาร งานพวกนี้นางล้วนเคยทำ
บทที่ 9. ตอน ภรรยา ข้าทำให้เจ้ามีความสุขหรือไม่เยี่ยเหวินจ้าวทาบกายแกร่งขึ้นก่ายเกยร่างงาม ริมฝีปากจุมพิตบนเรียวปากอิ่ม ตวัดไล้ ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กของนาง สัมผัสของเขาเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนยั่วเย้า หลอกล่อ มอมเมานาง จนไม่เป็นตัวของตัวเองปลายนิ้วสอดเข้าไปในผมยาวของนาง ประคองศีรษะให้รับจุมพิตของเขาอย่างไร้ทางหลบเลี่ยง ริมฝีปากถูกเขาดูดแรงทั้งบนและล่าง กวาดต้อนทุกความหวานของนางอย่างหิวกระหาย พร้อมกับยั่วเย้าให้ตอบสนองเมื่อลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นของเขา เยี่ยเหวินจ้าวก็เพิ่มแรงเร้าให้นางเป็นฝ่ายจูบเขาบ้าง ความไม่ประสาของนางทำให้เขาอิ่มเอมใจ พรหมจรรย์ของนาง เขาได้ครอบครองเป็นคนแรก จูบแรก ทุกสิ่งที่เขากระทำ เป็นสิ่งแรกสำหรับนางทั้งสิ้นเขาจูบอย่างอ่อนหวาน แล้วเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ บดเคล้า เล้าโลม ให้นางตกเป็นทาสเสน่หา เขาเองก็ตกอยู่ในห้วงพิศวาสจนยากจะถ่ายถอน เสียงหอบหายใจของนางดังกระเส่า เช่นเดียวกับเขาที่หายหอบแรง ครางเสียงหนักในคอ ดูดดื่มความหวานฉ่ำที่เขาโหยหาอย่างยั้งใจไม่อยู่เยี่ยเหวินจ้าวเฝ้าวนเวียนจุมพิตซ้ำจนหนำใจ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนมาประคองแก้มนุ่ม ถอนริมฝีปากปาก
บทที่ 10 ตอน นางต้องเป็นภรรยาของเขาตลอดไป!เขาจุมพิตริมฝีปากนางแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ ดูดดื่มมากขึ้น ริมฝีปากร้ายกาจทำให้คนถูกสัมผัสหลงใหลเกินต้านทาน เขากล่อมจนนางเคลิ้มไหว ปล่อยกายให้เขาชักเชิดดั่งใจนึกมือหนาจับข้อเท้ามาพาดบนบ่าหนา ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากชุ่มชื้น มาจุมพิตปลีน่องเรียวสวย ขบเม้มตรงใต้เข่า ไล้เลีย หยอกเย้าให้นางรู้สึกตื่นเต้น แตะริมฝีปากไล่จุมพิตตามเรียวขาลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดขบเม้มตรงเนินสาว ตวัดปลายลิ้นลากไล้ผิวเนียนละเอียด ไปยังต้นขาอีกข้าง มือดันขาให้เบะออกด้านข้าง สอดมือยกสะโพกหนั่นแน่นให้ลอยขึ้นจากพื้น แล้วแทรกกายใหญ่โตเข้าแนบชิดผกางามที่คลี่กลีบเบ่งบาน ชวนเชิญให้ภมรหนุ่มลงไปดื่มกินน้ำหวาน“อ๊ะ ไม่... ไม่นะ”นางร้องห้าม นึกถึงคราแรกที่ถูกเจ้าสิ่งน่ากลัวนี้ แทรกเข้าไปในกายสาว ทำให้หดเกร็งด้วยความกลัว “ชู่ ไว้ใจข้านะ มันจะไม่เจ็บ”เยี่ยเหวินจ้าวจุปากไม่ให้นางเสียขวัญ ค่อยนำตัวตนแกร่งกร้าว แทรกผ่านความบอบบางแสนนุ่มร้อนจนสุดความยาว แรงโอบรัดรอบลำกายทำให้เขาสูดปากแรงด้วยความทรมาน จนต้องสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ข่มกลั้นความดิบเถื่อนในกายไว้สุดกำลังเขาจะทำให้นางรับรู้ถึง
บทที่ 11 . ตอนหน้าที่ของภรรยาเช้าวันใหม่ หลิวซืออินลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่านางนอนอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตแสนหื่น เขาจบบทรักรอบแรกได้ไม่นาน ก็ชวนปรนเปรอเสน่หาอีกรอบ จนนางหมดเรี่ยวแรงเผลอหลับไป เขาเองก็คงเพลียนอนหลับสนิท วงแขนโอบกระชับร่างนางแนบชิดหลิวซืออินค่อยๆ ขยับตัว ยกแขนหนักออกจากลำตัว หยัดกายลุกขึ้นนั่ง สายตาทอดมองใบหน้าของบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินด้วย เขามีใบหน้าหล่อเหลาจนมองไม่ออกว่า เขาคือโจรร้ายที่ดักฉุกนางจากเกี้ยวเจ้าสาวในวันนั้น วันนี้เขากลายเป็นสามีของนางไปแล้วบทรักร้อนแรงของเขา ทำเอาร่างกายของนางแทบแหลกยับใต้ร่างหนา รอยจ้ำแดงๆ บนเนินอก และซอกคอ ที่เขาตีตราประทับไว้ คงลายพร้อยเต็มไปหมด เขาปรนเปรอให้นางสุขสมจนแทบลืมเลือนครั้งแรก ที่แสนเจ็บช้ำไปเกือบสิ้นหลิวซืออินถอนสายตาจากใบหน้าของสามี ขยับลงมาจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกคนหื่นเหวี่ยงตกบนพื้น เอามาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาชะโงกหน้า มองดูคนตัวโตที่ยังหลับสนิทไม่ยอมตื่น พลางถอนหายใจแรง พาตัวเองเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องครัวแม้ทั้งคืนจะถูกเขาปรนเปรอจนแทบหมดแรง แต่นางก็อยากตื่นมาทำอาหารมื้
บทที่ 12. ตอน เมื่อสามีหิว ภรรยาย่อมต้องยอมให้กิน หลิวซืออินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่คนหื่นไม่ยอมปล่อยนาง เขาลากตัวนางลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน "อื้อ ปล่อยข้า..."นางใช้มือดันหน้าเขาออก หอบหายใจแรง เขาจูบนางจนหายใจแทบไม่ทัน "ท่านทำบ้าอะไร""ข้าแค่หิว""หิว... ท่านหิวสิ่งใด"หลิวซืออินไม่เข้าใจคำว่าหิวของสามี แต่อีกฝ่ายแสดงความหิวโหยออกมาทางสายตา"ข้าหิวเจ้า""เมื่อคืนก็ทั้งคืนแล้ว ท่านยัง..."ใบหน้างามร้อนผ่าว นึกถึงช่วงเวลาร้อนแรงบนเตียงตลอดคืน เขาทำกับนางหลายรอบ หลายท่า จนนางแทบหมดแรง นี่เขายังจะ... ทำอีกหรือ"ความสามารถของข้า สามวันสามคืนก็ยังไหว เจ้าอยากพิสูจน์หรือไม่"เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยเสียงพร่า เขาจับนางนั่งคร่อมบนขาของเขา หันหน้าชนกัน ดวงตาของเขามองร่างงามของนางอย่างหลงใหล มือจับเอวดึงตัวมาแนบชิด "ไม่... ข้าไม่อยากพิสูจน์ ท่านทำข้าเปียกหมดแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"นางขยับจะลุกหนี แต่เขารั้งตัวนางกดลงที่เดิม เสื้อผ้าเดิมเปียกครึ่งตัว ตอนนี้ชุ่มไปทั้งตัว มองเห็นเรือนร่างอรชรของนางชัดเจน"เจ้าเปียกแล้ว ก็อาบน้ำพร้อมข้าเถอะนะ"คำพูดนี้ของเขา ทำให้หลิ
บทที่ 13. ตอน ช่วงเวลาดีๆ ของสองเราเมืองหนานไห่เป็นเมืองท่าชายทะเล ผู้คนค้าขายกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอาหารทะเล มีพ่อค้าจากเมืองต่างๆ มารับซื้อไปขายต่อ กุ้งหอยปูปลาสดๆ ราคาถูก อาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของสดจากทะเล ยามค่ำคืน จะมีแผงขายอาหารและของกินเล่น ชาวบ้านล้วนมาเดินเล่นดื่มกินกันเป็นเรื่องปกติ ยามเมื่อมีเทศกาลโคมไฟ ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม ตามถนนบ้านเรือน ประดับโคมไฟสวยงาม เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินออกมาเดินเล่น ชมความคึกคักของผู้คน รวมถึงอยากให้นางลองชิมอาหารทะเลสดๆ ด้วย เขาจูงมือภรรยาสาว เดินชมโคมไฟไปตามถนน เขาหยุดซื้อโคมไฟรูปผีเสื้อให้นางอันหนึ่ง "ให้เจ้า""ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่"หลิวซืออินรับโคมไฟมาดูด้วยท่าทางตื่นเต้น"เจ้าชอบหรือไม่ หรืออยากได้แบบอื่น"เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม เขามองใบหน้างามที่ตอนนี้ ดูตื่นเต้นดีใจเพียงแค่ได้โคมไฟอันหนึ่ง"ข้าชอบมากเจ้าค่ะ นับตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่จากไป ไม่เคยมีผู้ใดซื้อโคมไฟให้ข้าอีกเลย"คำพูดของนางทำให้คนฟังสะท้อนใจ เขาเองโชคดีท่านลุงรักและเอาใจใส่ จึงไม่ขาดแคลนสิ่งใด แต่หลานหรือจะสู้บุตรแท้ๆ ท่านป้าสะใภ้มักจะให้สิ่งที่ดีกว่ากับหลินตง ตัวเขาก
บทที่14. ตอน เยี่ยเหวินจ้าว เจ้ามันก็แค่กาฝากบ้านเช่าของเยี่ยเหวินจ้าวและหลิวซืออิน อยู่ด้านในตรอกเล็กๆ ค่ำคืนเช่นนี้จึงเงียบสงบยิ่งนัก สองสามีภรรยาเดินจูงมือไหล่อิงซบกัน ภายในใจรรู้สึกสุขสงบยิ่งนักบนท้องฟ้าดวงจันทร์ดวงกลมโต ทอแสงลงมาทำให้ไม่มืดมิดจนเกินไป เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูบ้านพักแล้วทันใดนั้นเอง ! คนที่ตามติดมาด้านหลัง ก็รีบวิ่งมาดักหน้า ขวางทั้งสองคนเอาไว้"พี่เยี่ย ข้าเองซุนเซิง"ชายผู้นั้นคือซุนเซิง สหายร่วมสำนักประกันภัยของเยี่ย เหวินจ้าว เขากำลังหลบหนีการตามล่าของมือปราบอยู่ จึงหนีมาหาเยี่ยเหวินจ้าว"เกิดอะไรกับเจ้า เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้"เยี่ยเหวินจ้างปล่อยมือหลิวซืออินเข้ามาจับแขนสหาย ร่างกายของได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลหลายรอย เนื้อตัวก็มอมแมมไปหมด"พาสหายของท่าน เข้าไปคุยในบ้านเถอะเจ้าค่ะ"หลิวซืออินบอกสามี ตัวนางไปช่วยเปิดประตูและเข้าไปจุดเทียน จากนั้นก็เข้าครัวต้มน้ำชงชา รวมถึงอุ่นซาลาเปาที่เหลือ ยกใส่จานมาวางบนโต๊ะให้ ขณะที่นางเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงทั้งสองสนทนากันอย่างเคร่งเครียด" ไม่รู้ว่าผู้ใดหักหลังพวกเรา แจ้งเบาะแสให้ทางการนำกำลังเข้าล้อมจับ มีคำสั่งให้
บทที่ 15. ตอน นางหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว!"เสี่ยวเหวิน เจ้ารีบหนีไป นังงูพิษนี่มันแจ้งจับเจ้าแล้ว"หลิวเซียวเห็นเยี่ยเหวินจ้าวปรากฏตัว ก็รีบบอกให้เขาหนี "ท่านลุง ข้ามาเพื่อลาท่าน ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องร้ายกาจเช่นนี้"เยี่ยเหวินจ้าวจ้องหน้าป้าสะใภ้ เขาโง่เองที่หลงเล่ห์กลของนาง เชื่อเรื่องที่นางโกหกโดยไม่สืบความจริงเสียก่อน ตอนนี้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพราะถูกป้าสะใภ้แจ้งเบาะแสให้ทางการมาจับเขา สหายของเขาก็ถูกจับตาย ทุกสิ่งล้วนเป็นแผนการร้ายของป้าสะใภ้คนนี้ทั้งสิ้น"เยี่ยเหวินจ้าว คิดหรือว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ เจ้าฆ่าคนและยังปล้นขบวนเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง นายอำเภอไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"นางหลี่เจียนเยาะเย้ย นางมองไปด้านหลังของเยี่ยเหวินจ้าว เห็นคนรับใช้ก็ส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย นางคิดไว้แล้วว่าเจ้าโง่คนนี้ต้องมา จึงวางแผนไว้รอรับมือ "หากนายอำเภอรู้ว่า ท่านป้าเป็นคนบงการให้ข้าทำ คิดว่านายอำเภอจะปล่อยท่านป้าหรือไม่" เยี่ยเหวินจ้าวไม่ยอมตกนรกคนเดียวแน่ เขาจนตรอกเมื่อใด ก็จะลากนางวายร้ายคนนี้ตายตกตามกัน "เจ้าคิดหรือว่า จะมีโอกาสนั้น"หลี่เจียนแสยะยิ้ม ไม่มีท่าทางหวาดกลัวสักนิด นางโยนถ้วยชาลงพื้นจนแตกก
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต