เขาจุมพิตริมฝีปากนางแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ ดูดดื่มมากขึ้น ริมฝีปากร้ายกาจทำให้คนถูกสัมผัสหลงใหลเกินต้านทาน เขากล่อมจนนางเคลิ้มไหว ปล่อยกายให้เขาชักเชิดดั่งใจนึก
มือหนาจับข้อเท้ามาพาดบนบ่าหนา ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากชุ่มชื้น มาจุมพิตปลีน่องเรียวสวย ขบเม้มตรงใต้เข่า ไล้เลีย หยอกเย้าให้นางรู้สึกตื่นเต้น แตะริมฝีปากไล่จุมพิตตามเรียวขาลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดขบเม้มตรงเนินสาว ตวัดปลายลิ้นลากไล้ผิวเนียนละเอียด ไปยังต้นขาอีกข้าง มือดันขาให้เบะออกด้านข้าง สอดมือยกสะโพกหนั่นแน่นให้ลอยขึ้นจากพื้น แล้วแทรกกายใหญ่โตเข้าแนบชิดผกางามที่คลี่กลีบเบ่งบาน ชวนเชิญให้ภมรหนุ่มลงไปดื่มกินน้ำหวาน
“อ๊ะ ไม่... ไม่นะ”
นางร้องห้าม นึกถึงคราแรกที่ถูกเจ้าสิ่งน่ากลัวนี้ แทรกเข้าไปในกายสาว ทำให้หดเกร็งด้วยความกลัว
“ชู่ ไว้ใจข้านะ มันจะไม่เจ็บ”
เยี่ยเหวินจ้าวจุปากไม่ให้นางเสียขวัญ ค่อยนำตัวตนแกร่งกร้าว แทรกผ่านความบอบบางแสนนุ่มร้อนจนสุดความยาว แรงโอบรัดรอบลำกายทำให้เขาสูดปากแรงด้วยความทรมาน จนต้องสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ข่มกลั้นความดิบเถื่อนในกายไว้สุดกำลัง
เขาจะทำให้นางรับรู้ถึงความงดงามของสิ่งนี้ มอบความทรงจำแสนวิเศษ ให้นางจดจำไปนานแสนนาน ขณะผ่อนตัวเองให้ช้าลง หยุดรอให้นางปรับตัว รั้งร่างบางมากอดปลอบประโลม พรมจุมพิตไปบนใบหน้างดงาม มือลูบไล้พร้อมกับปลุกเร้าให้นางเคลิ้มไหว
เมื่อนางเริ่มตอบสนอง เขาจึงค่อยๆ ขยับกาย เนิบช้า แต่หนักแน่น ส่งผ่านความรัญจวนให้ร่างงามพลิ้วไหว เริงร่าย ดั่งบุปผาต้องสายลม
"อา..."
เสียงครางแผ่วๆ ดังแว่วมา ภายในกายสาวตอดรัดเป็นจังหวะ บ่งบอกว่านางถูกสะกดให้หลงใหลในสิ่งที่กำลังทำร่วมกัน ใบหน้างามแดงจัด แก้มนวลเจือสีระเรื่อราวกับผลท้อ ริมฝีปากเม้มแน่นคล้ายสกัดกลั้นเสียงครางครวญไว้
หลิวซืออินหลับตาแน่น มือน้อยจิกต้นแขนของเขาที่ยันพื้นไว้จนเป็นรอยเล็บ ร่างงามโยกไหว ดีดเด้งไปตามจังหวะที่เขาบรรเลง ทรวงอวบกลมกลึงไม่ต่างจากผลท้อส่ายสะบัด ยิ่งเขาขยับเร็วเท่าไหร่ แรงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้นางส่งเสียงครางครวญดังขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยเหวินจ้าวกัดฟันกรอด พาตัวเองกระหน่ำโจนจ้วง เข้าหากายสาวขาวผ่องนั้น อย่างคลั่งไคล้ เร่งตัวเองให้เร็วขึ้น แรงขึ้น ตามอารมณ์ที่คุโชน
หลิวซืออินแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง บทเรียนรักบทนี้ แตกต่างจากครั้งก่อน ความหวาดหวั่นแทบไม่ปรากฏในความคิด เขาสร้างความรู้สึกประหลาดล้ำให้นาง ปรนเปรอ มอบความหฤหรรษ์ให้นางด้วยทุกส่วนในร่างกายของเขา ไม่ว่าเป็นปาก ที่ร่ายจุมพิตไปบนริมฝีปาก ป้อนความหวานราวกับหยอดน้ำผึ้งไว้บนปลายลิ้น มอมเมาราวกับสุราชั้นดี ปลายลิ้นร้อนดั่งอสรพิษร้าย ฉกไล้ เลื่อนชิวหาไปบนผิวนุ่มคราใด ก็ปลดปล่อยพิษเสน่หาให้ตกอยู่ในภวังค์
ยิ่งเขาสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่สุดของร่างกาย ทำให้นางเตลิดไปไกลสุดกู่ ความเร่าร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ร่างกายของนางกลับทรยศเจ้าของ หลงระเริงไปกับท่วงทำนองแห่งปรารถนาที่เขานำพาไป เขาครอบงำร่างกายและหัวใจของนางให้ตอบสนองอย่างไร้ยางอาย
ยามนี้เขาขยับไหวส่งผ่านคลื่นความรัญจวนเข้ามาในกายสาว ขับกล่อมนางด้วยบทเพลงพิศวาสแสนเร่าร้อน แนบชิดในจุดที่สตรีไม่เคยคิดว่าจะยอมให้บุรุษผู้ใดแตะต้อง ทุกจังหวะที่เขานำพา นางโยกโยนขยับตามอย่างลืมตัว ภายในกายสาวผ่าวร้อน ราวกับมีลาวาร้อนไหลผ่าน
ยิ่งเขาเร่งจังหวะรัวแรงเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความร้อนให้ร่างงามจนบิดตัวเร่า ปลายเล็บขูดข่วนเขาอย่างทรมาน หลิวซืออินหอบหายใจแรง เนื้อตัวเกร็งด้วยความเสียวสะท้านที่ไม่อาจห้ามไหว
“กรี๊ดดด...”
หลิวซืออินกรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อบางสิ่งในกายแตกพร่างออกมา ความสุขแผ่ซ่านไปทั้งกาย พร้อมกับเขาที่เกร็งกระตุกในกายสาว แล้วกระหน่ำตัวตนเข้าออกหนักหน่วงอีกสองสามครั้ง ร่างหนาสั่นสะท้านด้วยความสุขสม ก่อนจะจมดิ่งทิ้งตัวซวนซบลงมาแนบชิดไว้สุดตัว
“ภรรยาของข้า...”
เยี่ยเหวินจ้าวพึมพำข้างแก้มนุ่ม รวบกอดร่างน้อยไว้ขณะพลิกตัวให้หลิวซืออิน มานอนบนแผงอกกว้าง ลูบไล้แผ่นหลังชื้นเหงื่อของนางเบาๆ ให้ผ่อนคลายความเกร็งลง ในนาทีสุขสมนางเกร็งตัวบีบรัดเขาแนบแน่น รีดเคล้นทุกหยาดหยดของเชื้อพันธุ์ในกายเขาไปหมดสิ้น สตรีนางนี้คือยอดหญิงที่บุรุษใดได้ครอบครอง ถือว่าได้เพชรยอดมงกุฎไว้ในกำมือ นางงดงาม อ่อนหวาน พรั่งพร้อมด้วยเสน่ห์แห่งเรือนกาย อันยากยิ่งจะหาใครมาเปรียบ ที่สำคัญหัวใจของนาง ใสซื่อแสนดี จนเขาสัมผัสได้
เยี่ยเหวินจ้าวอิ่มเอมทั้งกายและใจ สุขล้นที่ได้ครอบครองร่างงดงามนี้
“ปล่อยข้าเถอะ พอแล้ว...”
หลิวซืออินไม่กล้าสบตาคมวาวของคนตัวโต เขายังแนบชิดกับนางไม่ยอมถอดถอน จุดเชื่อมประสานที่ผ่าวร้อน นางหอบหายใจแรง เนื้อตัวชุ่มเหงื่อ แรงรักจากเขาทำเอาอ่อนเพลียไปหมด ร่างกายอ่อนเปลี้ยยิ่งกว่าเทียนถูกหลอมละลาย ทว่าภายในกายกลับเอิบอิ่มสุขซ่านไปหมด นี่หรือความสัมพันธ์ของชายหญิง เขาได้สั่งสอนนางให้หลงใหลมันอย่างน่าละอาย
“ข้าอยากอยู่ในตัวเจ้า แบบนี้นานๆ”
เขาเอ่ยเสียงนุ่ม ยื่นหน้าขึ้นมาหอมแก้มนวลแรงๆ ดวงตาวาวเจิดจ้าด้วยความสุข นางตัวแค่นี้ แต่กลับทำให้เขามีความสุขอย่างเหลือเชื่อ สตรีผู้นี้คือสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเขา
หัวใจแข็งกร้าวอ่อนโยนลง เพียงมีนางในอ้อมกอด ความหมองเศร้าเลือนหายไป เพียงได้เห็นใบหน้างดงามนี้
เยี่ยเหวินจ้าวกอดร่างงามแน่นขึ้นอย่างหวงแหน เขาจะไม่ยอมปล่อยนางไป
นางต้องเป็นภรรยาของเขาตลอดไป!
////บทที่ 11 . ตอนหน้าที่ของภรรยาเช้าวันใหม่ หลิวซืออินลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่านางนอนอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตแสนหื่น เขาจบบทรักรอบแรกได้ไม่นาน ก็ชวนปรนเปรอเสน่หาอีกรอบ จนนางหมดเรี่ยวแรงเผลอหลับไป เขาเองก็คงเพลียนอนหลับสนิท วงแขนโอบกระชับร่างนางแนบชิดหลิวซืออินค่อยๆ ขยับตัว ยกแขนหนักออกจากลำตัว หยัดกายลุกขึ้นนั่ง สายตาทอดมองใบหน้าของบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินด้วย เขามีใบหน้าหล่อเหลาจนมองไม่ออกว่า เขาคือโจรร้ายที่ดักฉุกนางจากเกี้ยวเจ้าสาวในวันนั้น วันนี้เขากลายเป็นสามีของนางไปแล้วบทรักร้อนแรงของเขา ทำเอาร่างกายของนางแทบแหลกยับใต้ร่างหนา รอยจ้ำแดงๆ บนเนินอก และซอกคอ ที่เขาตีตราประทับไว้ คงลายพร้อยเต็มไปหมด เขาปรนเปรอให้นางสุขสมจนแทบลืมเลือนครั้งแรก ที่แสนเจ็บช้ำไปเกือบสิ้นหลิวซืออินถอนสายตาจากใบหน้าของสามี ขยับลงมาจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกคนหื่นเหวี่ยงตกบนพื้น เอามาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาชะโงกหน้า มองดูคนตัวโตที่ยังหลับสนิทไม่ยอมตื่น พลางถอนหายใจแรง พาตัวเองเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องครัวแม้ทั้งคืนจะถูกเขาปรนเปรอจนแทบหมดแรง แต่นางก็อยากตื่นมาทำอาหารมื้
บทที่ 12. ตอน เมื่อสามีหิว ภรรยาย่อมต้องยอมให้กิน หลิวซืออินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่คนหื่นไม่ยอมปล่อยนาง เขาลากตัวนางลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน "อื้อ ปล่อยข้า..."นางใช้มือดันหน้าเขาออก หอบหายใจแรง เขาจูบนางจนหายใจแทบไม่ทัน "ท่านทำบ้าอะไร""ข้าแค่หิว""หิว... ท่านหิวสิ่งใด"หลิวซืออินไม่เข้าใจคำว่าหิวของสามี แต่อีกฝ่ายแสดงความหิวโหยออกมาทางสายตา"ข้าหิวเจ้า""เมื่อคืนก็ทั้งคืนแล้ว ท่านยัง..."ใบหน้างามร้อนผ่าว นึกถึงช่วงเวลาร้อนแรงบนเตียงตลอดคืน เขาทำกับนางหลายรอบ หลายท่า จนนางแทบหมดแรง นี่เขายังจะ... ทำอีกหรือ"ความสามารถของข้า สามวันสามคืนก็ยังไหว เจ้าอยากพิสูจน์หรือไม่"เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยเสียงพร่า เขาจับนางนั่งคร่อมบนขาของเขา หันหน้าชนกัน ดวงตาของเขามองร่างงามของนางอย่างหลงใหล มือจับเอวดึงตัวมาแนบชิด "ไม่... ข้าไม่อยากพิสูจน์ ท่านทำข้าเปียกหมดแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"นางขยับจะลุกหนี แต่เขารั้งตัวนางกดลงที่เดิม เสื้อผ้าเดิมเปียกครึ่งตัว ตอนนี้ชุ่มไปทั้งตัว มองเห็นเรือนร่างอรชรของนางชัดเจน"เจ้าเปียกแล้ว ก็อาบน้ำพร้อมข้าเถอะนะ"คำพูดนี้ของเขา ทำให้หลิ
บทที่ 13. ตอน ช่วงเวลาดีๆ ของสองเราเมืองหนานไห่เป็นเมืองท่าชายทะเล ผู้คนค้าขายกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอาหารทะเล มีพ่อค้าจากเมืองต่างๆ มารับซื้อไปขายต่อ กุ้งหอยปูปลาสดๆ ราคาถูก อาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของสดจากทะเล ยามค่ำคืน จะมีแผงขายอาหารและของกินเล่น ชาวบ้านล้วนมาเดินเล่นดื่มกินกันเป็นเรื่องปกติ ยามเมื่อมีเทศกาลโคมไฟ ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม ตามถนนบ้านเรือน ประดับโคมไฟสวยงาม เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินออกมาเดินเล่น ชมความคึกคักของผู้คน รวมถึงอยากให้นางลองชิมอาหารทะเลสดๆ ด้วย เขาจูงมือภรรยาสาว เดินชมโคมไฟไปตามถนน เขาหยุดซื้อโคมไฟรูปผีเสื้อให้นางอันหนึ่ง "ให้เจ้า""ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่"หลิวซืออินรับโคมไฟมาดูด้วยท่าทางตื่นเต้น"เจ้าชอบหรือไม่ หรืออยากได้แบบอื่น"เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม เขามองใบหน้างามที่ตอนนี้ ดูตื่นเต้นดีใจเพียงแค่ได้โคมไฟอันหนึ่ง"ข้าชอบมากเจ้าค่ะ นับตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่จากไป ไม่เคยมีผู้ใดซื้อโคมไฟให้ข้าอีกเลย"คำพูดของนางทำให้คนฟังสะท้อนใจ เขาเองโชคดีท่านลุงรักและเอาใจใส่ จึงไม่ขาดแคลนสิ่งใด แต่หลานหรือจะสู้บุตรแท้ๆ ท่านป้าสะใภ้มักจะให้สิ่งที่ดีกว่ากับหลินตง ตัวเขาก
บทที่14. ตอน เยี่ยเหวินจ้าว เจ้ามันก็แค่กาฝากบ้านเช่าของเยี่ยเหวินจ้าวและหลิวซืออิน อยู่ด้านในตรอกเล็กๆ ค่ำคืนเช่นนี้จึงเงียบสงบยิ่งนัก สองสามีภรรยาเดินจูงมือไหล่อิงซบกัน ภายในใจรรู้สึกสุขสงบยิ่งนักบนท้องฟ้าดวงจันทร์ดวงกลมโต ทอแสงลงมาทำให้ไม่มืดมิดจนเกินไป เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูบ้านพักแล้วทันใดนั้นเอง ! คนที่ตามติดมาด้านหลัง ก็รีบวิ่งมาดักหน้า ขวางทั้งสองคนเอาไว้"พี่เยี่ย ข้าเองซุนเซิง"ชายผู้นั้นคือซุนเซิง สหายร่วมสำนักประกันภัยของเยี่ย เหวินจ้าว เขากำลังหลบหนีการตามล่าของมือปราบอยู่ จึงหนีมาหาเยี่ยเหวินจ้าว"เกิดอะไรกับเจ้า เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้"เยี่ยเหวินจ้างปล่อยมือหลิวซืออินเข้ามาจับแขนสหาย ร่างกายของได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลหลายรอย เนื้อตัวก็มอมแมมไปหมด"พาสหายของท่าน เข้าไปคุยในบ้านเถอะเจ้าค่ะ"หลิวซืออินบอกสามี ตัวนางไปช่วยเปิดประตูและเข้าไปจุดเทียน จากนั้นก็เข้าครัวต้มน้ำชงชา รวมถึงอุ่นซาลาเปาที่เหลือ ยกใส่จานมาวางบนโต๊ะให้ ขณะที่นางเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงทั้งสองสนทนากันอย่างเคร่งเครียด" ไม่รู้ว่าผู้ใดหักหลังพวกเรา แจ้งเบาะแสให้ทางการนำกำลังเข้าล้อมจับ มีคำสั่งให้
บทที่ 15. ตอน นางหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว!"เสี่ยวเหวิน เจ้ารีบหนีไป นังงูพิษนี่มันแจ้งจับเจ้าแล้ว"หลิวเซียวเห็นเยี่ยเหวินจ้าวปรากฏตัว ก็รีบบอกให้เขาหนี "ท่านลุง ข้ามาเพื่อลาท่าน ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องร้ายกาจเช่นนี้"เยี่ยเหวินจ้าวจ้องหน้าป้าสะใภ้ เขาโง่เองที่หลงเล่ห์กลของนาง เชื่อเรื่องที่นางโกหกโดยไม่สืบความจริงเสียก่อน ตอนนี้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพราะถูกป้าสะใภ้แจ้งเบาะแสให้ทางการมาจับเขา สหายของเขาก็ถูกจับตาย ทุกสิ่งล้วนเป็นแผนการร้ายของป้าสะใภ้คนนี้ทั้งสิ้น"เยี่ยเหวินจ้าว คิดหรือว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ เจ้าฆ่าคนและยังปล้นขบวนเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง นายอำเภอไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"นางหลี่เจียนเยาะเย้ย นางมองไปด้านหลังของเยี่ยเหวินจ้าว เห็นคนรับใช้ก็ส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย นางคิดไว้แล้วว่าเจ้าโง่คนนี้ต้องมา จึงวางแผนไว้รอรับมือ "หากนายอำเภอรู้ว่า ท่านป้าเป็นคนบงการให้ข้าทำ คิดว่านายอำเภอจะปล่อยท่านป้าหรือไม่" เยี่ยเหวินจ้าวไม่ยอมตกนรกคนเดียวแน่ เขาจนตรอกเมื่อใด ก็จะลากนางวายร้ายคนนี้ตายตกตามกัน "เจ้าคิดหรือว่า จะมีโอกาสนั้น"หลี่เจียนแสยะยิ้ม ไม่มีท่าทางหวาดกลัวสักนิด นางโยนถ้วยชาลงพื้นจนแตกก
บทที่ 16 ตอน สายใยรักบ้านตระกูลหลิว ถูกไฟเผาจนมอดไหม้ เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็พบว่า มีซากร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ในกองเพลิงหลายศพ จากสภาพที่เห็นไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลยหลิวซืออินและซุนเซิงเมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนั้นจากเจ้าหน้าที่ ก็รู้แล้วว่าเยี่ยเหวินจ้าวไม่มีโอกาสรอด พวกเขาสองคนไม่อาจรู้ได้ว่า ศพที่ถูกเผาไหม้เป็นต่อตะโกนั้น ศพใดคือศพของเยี่ยเหวินจ้าว เจ้าหน้าที่ได้นำศพไปฝังเอาไว้หลิวซืออินและซุนเซิง จึงทำได้เพียงนำป้ายชื่อกลับไปด้วยเท่านั้น "พี่เยี่ยก็จากไปแล้ว เจ้าคิดว่า เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป"ซุนเซิงเอ่ยถามหลิวซืออิน ตอนนี้นางได้กลายเป็นภรรยาม่ายของเยี่ยเหวินจ้าว หากไม่มีผู้ใดคอยดูแล สตรีนางนี้จะทำเช่นไร"ตัวข้าไม่มีบ้านให้กลับ ต่อไปนี้ก็คงต้องอาศัยตัวเองเพื่อความอยู่รอด"หลิวซืออินกอดแผ่นป้ายชื่อของสามีเอาไว้แน่น หลังผ่านการสูญเสียทั้งครอบครัวของตัวเอง และสามีของนางก็จากไปเร็วเช่นนี้ นางจึงต้องพยายามเข้มแข็งขึ้น นางยังมีลมหายใจก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้"พี่ซุนช่วยพาข้ากลับไปที่บ้าน ข้าคงจะต้องกลับไปเริ่มต้นที่นั่น"หลิวซืออินไม่มีที่ให้กลับอีกแล้ว บ้านของท่านอาก็ไม่มีใครเหลื
บทที่ 17 ตอน ชีวิตนี้ข้าขอมีสามีเพียงคนเดียว"เจ้าตั้งครรภ์ ลูกของพี่เยี่ยเช่นนั้นหรือ"ซุนเซิงรู้สึกเหมือนโดนทุบหัว เยี่ยเหวินจ้าวจากไปสามเดือนแล้ว ภรรยาม่ายของเขากลับตั้งครรภ์ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่มาไม่ถูกเวลา เขามองหน้าหลิวซืออินอย่างสงสาร เอ่ยว่า"ซืออิน ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คนตัวเปล่า ยังมีลูกในท้องที่กำลังจะเกิด หาก เอ่อ... หากข้าอยากช่วยเจ้าดูแลเด็กๆ เจ้าจะยินยอมหรือไม่"หลิวซืออินชะงักมือที่กำลังแกะเปลือกส้ม เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเสนอตัวช่วยดูแลนางกับลูก นางรู้ว่าซุนเซิงเป็นคนดีคนหนึ่ง ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เขาแวะเวียนมาช่วยนางทำงานหลายอย่าง คอยดูแลนางเอาใจใส่นาง แต่นางกลับมองเขาเป็นเพียงพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น"พี่ซุน ข้าขอบคุณพี่ซุนมาก แต่ข้าคงรับความหวังดีของพี่ไว้ไม่ได้ ข้าตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้ข้าขอสามีเพียงคนเดียว ก็คือท่านพี่เยี่ย""แต่เด็กต้องมีบิดา เจ้าจะเลี้ยงดูเขาตัวคนเดียวไหวหรือ"ซุนเซิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขานับถือเยี่ยเหวินจ้าวไม่ต่างจากพี่ชาย การเสนอตัวแต่งงานกับหลิวซืออินก็เพียงอยากช่วยเลี้ยงดูลูกของพี่เยี่ย แต่ไม่คิดว่านางจะปฏิเสธ "พี่ซุน ลูกข้ามีข้าเพียงคนเด
บทที่18 ตอน หากมีวาสนา คงจะได้พบกันอีก"ได้โปรดหยุดรถก่อน ช่วยพวกเราด้วย"ซุนเซิงเข้าไปขวางรถม้า เขาคิดวัดดวงหากคนขี่รถม้าไม่หยุด เขาจะปล้นชิงรถเสีย โชคดีที่คนในรถสั่งให้สารถีหยุดรถ"เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงยังอาจมาขวางทาง รู้หรือไม่ว่ารถม้านี้เป็นของผู้ใด"คนขับรถม้าพูดจาข่มขู่ หากใต้เท้าของเขาไม่บอกให้หยุด เขาคิดจะบดขยี้คนขวางทางให้แหลก"ข้าชื่อซุนเซิง น้องสาวข้าปวดท้องใกล้คลอด แต่รถม้าของพวกเราตกหลุมจนเพลาล้อรถหัก เดินทางต่อไม่ได้ ขอใต้เท้าโปรดช่วยนางด้วยเถิด"ซุนเซิงตะโกนเสียงดัง ให้คนในรถได้ยินด้วย"อาหม่า เจ้าลงไปดูสิว่า เป็นความจริงหรือไม่ หากจริงก็ให้พานางขึ้นรถมา"ท่านใต้เท้าที่อยู่ในรถม้าไม่ใช่คนไร้คุณธรรม แม้มีฐานะสูงส่งแต่ไม่คิดข่มเหงผู้ด้อยกว่า ครั้งนี้เขาเดินทางมาทำธุระส่วนตัว จึงไม่ได้นำผู้ติดตามมา อาศัยเพียงรถม้ามาเพียงลำพังกับฮูหยิน"ขอรับใต้เท้า"อาหม่าลงจากรถตามซุนเซิงไป เมื่อเห็นรถม้าที่ติดหล่มอยู่ ภายในมีหญิงท้องแก่กำลังร้องครวญครางปวดท้องคลอดก็รีบบอกว่า"เจ้าอุ้มนางตามข้ามา"อาหม่าวิ่งกลับไปยังรถม้า แล้วรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ"ในรถม้ามีสตรีท้องแก่กำลังปวดท้องคลอด
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต