เรื่องราวระหว่างเทพมังกรดิน ฮวงหลง และหญิงสาวเดินดินนามซิ่นฮวา เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้หญิงสาวมองเห็น ‘เทพมังกรดิน’ เขาจำ(ใจ)ต้องปรากฏกายทุกครั้งที่นางเรียกขานนามของเขา ทำให้เทพเซียนชั้นฟ้ากลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงตัวน้อย จวบจนนางเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง กฎสวรรค์ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ แต่เพราะนางและเขามีชะตาที่ต้องชดใช้กรรมร่วมกัน และมีเพียง ‘ลมหายใจมังกร’ เท่านั้น ที่จะต่อลมหายใจของนางได้ เส้นทางที่เขาเลือกมิใช่สิ่งที่นางปรารถนา เพียงหนึ่งชาติภพเพื่อให้ใจได้ ‘รัก’ แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น.... นางก็ยินดี จาก ‘ท่อนแขนมังกร’ สู่ ‘ลมหายใจมังกร’ (ท่อนแขนมังกรรุ่นลูก)
View More“มีข้าอยู่ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้” วงแขนที่โอบกอดรัดร่างนางเข้ามาอย่างปกป้องทำให้เมิ่งหย่าจิ้งตะลึงงันไป นางแหงนหน้ามองใบหน้าเด็ดเดี่ยวของซ่งเหว่ยหนาน เขาสวมชุดสีแดงมงคลเดียวกับนาง กราบไหว้ฟ้าดิน เสมือนเป็นสามีภรรยากันแล้ว แม้นางอยู่ใกล้ในอ้อมกอดของเขา ไฉนรู้สึกไกลห่าง คนที่เขาปกป้องไม่ใช่นาง พลันเกิดความรู้สึกน้อยใจ เสียใจ กระแทกหัวใจของปีศาจงูดำอย่างนาง นางไม่ควรรู้สึกเช่นนี้มิใช่หรือ? เขาก็แค่มนุษย์หน้าโง่คนหนึ่งที่สุดท้ายแล้วต้องถูกนางดูดกลืนปราณชีวิตจนหมดสิ้น เหตุใดนางต้องรู้สึกปวดใจและริษยาเจ้าของใบหน้าที่ตนจำแลงแปลงกายสวมรอยเป็นนาง “ซิ่นฮวา เจ้า...บาดเจ็บรึ? เจ็บที่ใด?” ซ่งเหว่ยหนานก้มมองหญิงสาวมาพอดีจึงผสานกับดวงตาที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เห็นสีหน้าเจ็บปวดของนางทำให้เขาเข้าใจไปว่านางบาดเจ็บเพราะบุรุษแปลกหน้าที่บุกเข้าห้องหอของเขา “เจ้า!” ฮวงหลงสะอิดสะเอียนท่าทางของปีศาจที่ใช้ใบหน้าและรูปร่างของซิ่นฮวาอิงแอบแนบชิดชายอื่น บังเกิดไฟโทสะที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งรอบข้างให้กลายเป็นเถ้าธุลี ‘ฮวงหลง!’ มือที่ยกขึ้นสูง
ในคราวนั้นเขาจำใจปล่อยนางเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่และยังมีเหลียงซื่อฮั่นที่เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะทำสิ่งใด เขาปล่อยนางให้หลุดมือไป แต่หมายมั่นไว้ว่าก่อนกลับแคว้นหานต้องค้นหานางให้พบ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาได้พบนางอีกครั้งในฐานะของท่านหญิงซิ่นฮวา เขาชอบนางและต้องการนางมาอยู่เคียงข้าง แต่เวลานี้เพียงผลักบานประตูเข้าไป เขาสามารถคว้านางมาไว้ในวงแขนให้ตำแหน่งภรรยาเอกกับนาง ทว่า... เหตุใดเขากลับรู้สึกลังเลยิ่งนัก บุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยสีแดงมงคล ดวงตาจับจ้องไปยังสตรีที่นั่งอยู่บนเตียง ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามนั้นทำให้หัวใจของเขาถูกบีบรัดจนเจ็บปวดไปหมด เหตุใดเรื่องเหล่านี้จึงเกิดขึ้นวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อสิบเจ็ดปีก่อน เขาไม่ต่างจากมังกรร้ายที่คลุ้มคลั่งบุกเข้าห้องหอของเจ้าสาว นางคือผู้ที่ดวงใจของเขาปรารถนาที่สุด เขาเฝ้ามองนางตั้งแต่นางยังเป็นเด็กเล็ก แต่เดิมนั้นเพียงเพราะความสงสารโชคชะตาของนางจากนั้นกลายเป็นความเอ็นดู ความผูกพันสานเกี่ยวใจทีละเล็กละน้อย แม้รู้ว่าไม่อาจครอบครองได้แต่ก็ไม่อาจต
งานแต่งงานที่แสนรีบเร่ง เมิ่งหลานเสวี่ยนมาทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ให้ ซิ่นฮวา เขาไม่รู้ว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกัน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องหอที่ถูกย้อมด้วยสีแดงมงคล เมิ่งหลานเสวี่ยนส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย “เมื่อพิธีวิวาห์ของท่านทั้งสองผ่านพ้นไป อายปีศาจจะค่อยๆ สลาย อย่าได้กังวลเรื่องอื่นใด” “ท่าน...แน่ใจรึ” “หากท่านคลางแคลงใจในสิ่งที่ข้าเอ่ยออกไปย่อมไม่ทำตามได้ แต่ราษฎรที่อดอยากหิวโหยของท่านหากรู้ว่ามีหนทางช่วยพวกเขาแต่ท่านลังเลไม่กล้าทำ พวกเขาจะเสียใจมากเพียงใด” แม้เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแต่ถ้อยคำคล้ายข่มขู่ ซ่งเหว่ยหนานหางตากระตุก แม้ไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจปริปากเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ เขาได้แต่หยุดยืนที่หน้าประตูอย่างลังเล หญิงสาวที่อยู่หลังบานประตูนั้นคือคนที่เขาต้องการและปรารถนาให้นางเคียงข้าง เขายังจดจำครั้งแรกที่ได้พบซิ่นฮวาที่หอนางโลมนั้นได้ดี ครั้งนั้นแม้เขาต้องเดินทางมาตุนหวงตามคำสั่งของบิดาเพื่อเชิญท่านหญิงซิ่นฮวามาแคว้นหาน แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้น เขาได้รับคำไหว้วานของเมิ่งหลาน-เสวี่ยนให้มาพบกับเหลียงซื่อฮั่นที่ขณะนั้นอยู่ตุนหว
“ดี!” สายตาที่จ้องมองราวกับจะฉีกนางออกมาเป็นชิ้นๆ “ดี! ข้าจะทำให้เจ้าจดจำข้าไปทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ จะให้บิดาที่เจ้ารักนักหนารู้ว่าความเจ็บปวดที่ข้าได้รับเป็นอย่างไร!” นางอยากกรีดร้องแต่ไร้เสียง มือใหญ่กระชากเสื้อของนางอย่างแรงจนขาดหลุดติดมือของเขา ซิ่น ฮวารีบรวบสาบเสื้อปกปิดเนินอกมิให้อีกฝ่ายได้เห็นผิวกายของนาง นางคิดจะพลิกตัวกระโดดลงจากเตียงแต่เหลียงซื่อฮั่นคว้าเอวบางได้ทัน เขาเหวี่ยงนางลงบนเตียงและคร่อมร่างเล็กอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ ข้อมือทั้งสองถูกตรึงด้วยมือแข็งแกร่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นจ้องมองอย่างต้องการเห็นนางย่อยยับไม่เหลือเศษซากชิ้นดี ‘ฮวงหลง!’ นางร้องเรียกบุรุษที่นางรักสุดหัวใจ ทว่านางได้แต่อ้าปากแต่ไร้เสียง ฝืนทำตัวเองให้เข้มแข็งอย่างแสดงความหวาดกลัวออกไป ไม่! นางเคยทำให้เขาต้องลำบากเพราะนางมาแล้ว นางจะ...จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก นางพยายามดิ้นรนขัดขืนใบหน้าน่ารังเกียจนั้นโน้มลงมาใกล้ นางหลับตาไม่กล้ามองดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น คล้ายแววตาของเทพมังกรเพลิงก่อนจะกลายเป็นปีศาจมังกรเพลิงที่อาละวาดสรวงส
เจ้ากลับไปพักผ่อนเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเถิด” เมิ่งหลานเสวี่ยนจำใจให้น้องสาวกลับไปสู่ร่างจำแลงแปลงเป็นซิ่นฮวาอีกครั้ง “คนผู้นั้นแต่งกับข้าด้วยใบหน้านี้” เมิ่งหย่าจิ้งชี้ใบหน้าตัวเองที่เป็นซิ่นฮวา “เขาไม่ได้แต่งกับข้าเมิ่งหย่าจิ้ง!” “เด็กโง่ เขากราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าย่อมแต่งกับเจ้าสิ” นางปลอบใจน้องสาว แม้เป็นหนึ่งในแผนการที่วางไว้ แต่ถ้าเมิ่งหย่าจิ้งได้ใช้ชีวิตเป็นภรรยาบุรุษผู้มีปราณแข็งแกร่งอย่างน้อยสักสิบหรือยี่สิบปี นางจะเพิ่มพลังให้ตนเองมากยิ่งขึ้น ส่วนจะ ‘รัก’ หรือไม่นั้น เป็นความโง่งมที่นางมั่นใจว่าน้องสาวของตนจะไม่ตกลงไปในบ่วงกรรมนั้น เมิ่งหลานเสวี่ยนปรายตามองไปยังเหลียงซื่อฮั่นแล้วเอ่ยเสียงหวาน “เจ้าไม่ไปดูแม่นางซิ่นฮวาหน่อยหรือ? ยังไม่มีผู้ใดส่งอาหารให้นางเลยนี่” “แค่อดข้าวไม่กี่มื้อไม่ตายง่ายๆ กระมัง” แน่นอนว่าคนที่เคย ‘อดยาก’ อย่างเขาย่อมรู้ดี ยิ่งเคยใช้ชีวิตสุขสบายมากเพียงใด แต่เมื่อชีวิตต้องตกอับพลิกผัน ไม่มีแม้หมั่นโถวสักชิ้นให้กัดกินมันแสนทรมานเพียงใด “แต่ข้ายังจำเป็นต้องใช้นางอยู่” เมิ่งหลานเสวี่ยนหัวเราะร่วน แล้วมองมายังตะก
“หากเป็นเช่นนั้นจริงต้องทำอย่างไรจึงจักขับไล่ปีศาจงูดำออกไปได้” อ๋องหยงอี้พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครา ทั้งที่เมื่อครู่เขายังสามารถลุกนั่งดื่มน้ำชาสนทนากับเมิ่งหลานเสวี่ยนและคุณชายเหลียงซื่อฮั่นได้ราวกับไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน “การกำจัดกลิ่นอายปีศาจงูดำออกไปได้นั้นย่อมมีวิธี แต่หนทางนั้นต้องให้คนสองคนเสียสละตนเองอย่างยิ่ง” “แม่นางเมิ่ง หากมีสิ่งใดที่พอช่วยเหลือราษฎรให้พ้นทุกข์ภัยในครั้งนี้ได้ โปรดแจ้งมาเถิด” เขาหงุดหงิดกับอาการอ้ำอึ้งของเมิ่งหลานเสวี่ยน “เสียสละอันใดและใครคือสองคนที่แม่นางกล่าวถึง” “คนสองคนนั้นคือคุณชายซ่งและแม่นางซิ่นฮวา” เมิ่งหลานเสวี่ยนเผยรอยยิ้มบางๆ คำพูดของนางทำให้ซ่งเหว่ยหนานนิ่งงันและค่อยๆ หันไปสบตากับซิ่นฮวา “ข้าหรือ?” เมิ่งหย่าจิ้งเบิกตาโตแสร้งเป็นตกใจ “หากข้าช่วยอะไรได้ยินดีทำทั้งสิ้น” “ท่านทั้งสองต้องเชื่อมเส้นวาสนาเข้าวิวาห์ร่วมหอกัน” “วิวาห์?” ซ่งเหว่ยหนานขมวดคิ้ว เขาปรารถนาจะแต่งงานกับซิ่นฮวา แต่ก็ต้องการให้นางแต่งงานกับเขาด้วยความเต็มใจมิใช่ต้องฝืนใจเช่นนี้ “เหตุใดต้องวิวาห์?” “ท่านทั้งสองมีดวงชะตาของผู้มีบุญ หากได้แต่งงานมีความสัมพันธ์ทา
ปี้เอ๋อร์ที่ยืนมองดูอยู่ด้านหลังถึงกับสูดลมหายใจลึก ท่านหญิงน้อยของนางซุกซนเพียงใดนั้นนางผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่คลอดจากครรภ์พระชายาย่อมรู้ดีเป็นที่สุด ทว่ากิริยาเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านหญิงน้อยกระทำเป็นแน่ แต่กระนั้นนางก็เดินตามออกมาด้วยท่าทีนอบน้อม รักษาระยะห่างปล่อยให้ผู้เป็นนายเดินคล้องแขนบุรุษ ต่อให้ท่านหญิงซิ่นฮวามีใจให้บุรุษใดย่อมไม่ทำกิริยาเช่นนี้แน่ รวมทั้งท่าทางแปลกพิกลที่นางรู้สึกได้นั้นยิ่งทำให้นางงุนงงสับสนราวกับไม่ได้ซิ่นฮวาที่นางรู้จัก ปี้เอ๋อร์ขมวดคิ้วสองเท้าหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองทางเด็กหญิงตัวน้อยที่เคยตามติดซิ่นฮวาไม่ยอมห่าง แต่บัดนี้กลับมีท่าทีหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ นางสูดลมหายใจลึกเรียกกันอี๋ที่เดินอยู่ข้างนางให้หยุดเดิน “มีอะไรหรือท่านน้าปี้เอ๋อร์” ปี้เอ๋อร์มองซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้อื่นแล้วจึงเอ่ยปากออกมา “เจ้า...เอ่อ...เวลานี้ท่านชายซิ่นหลิงอยู่ไม่ไกลแคว้นหานใช่หรือไม่” กันอี๋มองหญิงรับใช้คนสนิทของพระชายาอย่างงุนงงแต่พยักหน้ารับ “เจ้าสามารถส่งข่าวแจ้งท่านชายซิ่นหลิง?” “มีเรื่องใดกันแน่” กันอี๋
ซ่งเหว่ยหนานยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว เหตุการณ์บ้านเมืองยังวุ่นวาย เรื่องในจวนก็ไม่แพ้กัน นึกถึงสิ่งที่ตนสัญญากับซิ่นฮวา ไม่ว่านางจะเรียกฝนได้หรือไม่ เขาก็จะปกป้องนาง แน่นอนว่าหัวใจของเขาพร้อมปกป้องนาง แต่ท่าทางแปลกประหลาดของนางนั้นทำให้เขาสับสนเหลือเกิน ขณะที่กำลังครุ่นคิดกับปัญหาต่างๆ นานาที่โถมถั่งเข้ามานั้น หางตาเหลือบเห็นท่าทีประหม่าของซ่งซีเหมยที่ยืนแอบอยู่ข้างประตู เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเรียกให้เข้ามา “มีเรื่องอันใดหรือ?” ซ่งเหว่ยหนานยื่นมือไปรั้งร่างเล็กมานั่งบนตักส่งยิ้มอ่อนโยน “เอ่อ...” ซ่งซีเหมยมองพี่ชายอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้ดีว่าคนอื่นมักกล่าวถึงพี่ชายของนางว่าน่ากลัวและน่าเกรงขาม แต่เมื่ออยู่กับนางแล้วเขาเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนเสมอ “ว่ามาเถิด” “เมื่อครู่น้องเข้าไปคารวะท่านพ่อแต่ในห้องของท่านพ่อมีสตรีอยู่ข้างกาย” “สตรี?” ผู้ใดกันที่เข้าไปเยี่ยมบิดาของเขาโดยที่เขาไม่รู้เช่นนี้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก “นางเคยมารักษาข้าและท่านพ่อเมื่อหลายเดือนก่อน” ซ่งเหว่ยหนานนึกออกได้ในทันที “แม่นางเมิ่งหลานเสวี่
“สถานที่จอมปลอมเช่นนี้ไม่เหมาะกับเจ้าหรอก” เขายื่นมือมาเบื้องหน้า เล็บยาวเรียวแหลมดูน่ากลัว “ไปกับข้า ข้าจะดูแลเจ้า ไม่ยอมให้ผู้ใดหัวเราะเยาะเจ้าได้อีก ข้าจะรักเจ้า” “ระ...รัก...รักหรือ?” บุปผาน้อยได้แต่ทวนคำอย่างงุนงง เขารักนางหรือ? เพราะรักจึงมาหานางบ่อยๆ มาพูดจาหยอกล้อนางกระนั้นหรือ? เสียงทอดถอนใจแผ่วเบาก่อนเอ่ยย้ำนักอย่างชัดเจน “ข้ารักเจ้า” “แต่...ข้า...ไม่ได้รักท่าน” นางพูดจากใจจริง แล้วตระหนักได้ว่า... “ท่านเป็นเช่นนี้เพราะข้าหรือ? ท่านกลายเป็นปีศาจเพราะข้า?” “ไม่...ไม่ใช่เพราะเจ้า” เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้น “สถานที่หลอกลวงเช่นนี้ ข้าจะทำลายมันให้สิ้นซาก! เปิดประตูสวรรค์ให้เหล่าปีศาจได้มาสังสรรค์กันเต็มที่!” “อย่า! ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้” นางอ้อนวอน หากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะนาง นางต้องรับผิดชอบ! “เหตุใดข้าจะทำไม่ได้” “แล้ว...ถ้าข้าไปกับท่าน ท่านจะปิดประตูสวรรค์ได้หรือไม่ ไม่ให้เหล่าปีศาจขึ้นมาที่นี่” ดวงจิตที่ถูกปีศาจร้ายครอบครองแล้วนั้น ย่อมไม่สนใจว่าตนเองต้องรักษาคำพูด ทำได
สงคราม ‘ทรายย้อมโลหิต’ องค์รัชายาทเกือบสิ้นชีพในสงครามครั้งนั้น ทว่าเพื่อให้ทหารที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวได้กลับบ้าน จึงบังอาจเรียกปีศาจมังกรเพลิงมาเพื่อใช้ทำสัญญาแลกเปลี่ยน ‘บางสิ่ง’ เปลี่ยนให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ แม้ชนะศึกสงครามแต่ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท หากแต่สวรรค์มิได้ทอดทิ้ง ส่งคู่ชีวิตมาให้หัวใจที่เยียบเย็นได้กลับสู่ความเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพื่อปกป้องนางในดวงใจ ทำให้อ๋องเฟยเทียนขัดราชโองการ กว่าจะเดินทางจากตุนหวงกลับสู่เมืองหลวงกินเวลานานมากกว่าปกติ กระนั้นเมื่อได้พบพระพักตร์องค์ฮ่องเต้อีกครั้ง คราวนี้ได้สลายความไม่เข้าใจระหว่างพ่อลูกที่มีมานานนับสิบปี องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมีใจกำจัดอ๋องเฟยเทียนเพราะเกรงกำลังทหารในมือและคิดว่าอีกฝ่ายจะตั้งตนเป็นกบฏโดยอาศัยราชโองการขององค์ฮ่องเต้ จึงยืมมือทหารฝ่ายมองโกลกำจัด ทว่าไม่อาจเอาชีวิตชินอ๋องเฟยเทียนได้ กลับกลายเป็นว่าอ๋องเฟยเทียนได้กำจัดปีศาจมังกรเพลิงในตนเองไปสิ้น และยังรู้ตัวผู้บงการแผนร้าย เพียงแต่ไม่คิดยื่นมือเข้าไปวุ่นวาย ปล่อยให้องค์ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยเอง หลังจากกลับจากเมืองหลวงพร้อมข่าวลือแพร่สะบ...
Comments