“ฮือ... ไม่นะ อย่า...”
หลิวซืออินเบือนหน้าหนี พยายามดิ้นรนสู้ แต่ถูกเขาใช้มือข้างหนึ่งกดตรึงข้อมือทั้งสองไว้เหนือศีรษะ ใช้เข่ากดต้นขานางไว้จนดิ้นหนีไม่ได้ ใบหน้างามส่ายไปมา น้ำตาไหลจนเปื้อนผ้าที่ปิดไว้มองเห็นคราบชื้น เขาใจอ่อนลงวูบหนึ่งคล้ายจะยุติสิ่งที่ทำอยู่
ทว่า... ภาพของนางหลี่เจียน กำลังร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ ร่ำร้องให้เขาทวงความยุติธรรมให้กับจางเฉียนวาบเข้ามาในหัว
“เสี่ยวเหวิน เจ้าต้องล้างแค้นให้เสี่ยวเฉียน ป้าขอร้องเจ้า”
สภาพร่างไร้วิญญาณของจางเฉียน ทำให้คนเห็นแทบสติแตก เจ็บปวดรวดร้าว หัวใจเจียนแหลกสลาย จางเฉียนคือสตรีที่เขารักสุดหัวใจ
“ท่านป้าบอกข้าว่า โตขึ้นจะให้ข้าแต่งงานกับพี่ตง ข้าต้องรักพี่ตงให้มากๆ ”
จางเฉียนเป็นเด็กกำพร้า นางหลี่เจียนรับมาเลี้ยงไว้ สั่งสอนให้รักและเชื่อว่าต้องโตขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของหลินตงลูกชายของนาง จางเฉียนและเขาโตมาด้วยกัน ความผูกพันก่อเกิดเป็นความรักขึ้น หลินตงรับรู้ว่าเขารักจางเฉียน จึงชะลอการแต่งงานไว้ พยายามพูดให้มารดาเปลี่ยนใจ แต่นางหลี่เจียนยังยืนกรานให้จางเฉียนแต่งงานกับลูกชายของนาง
“หลินตงเป็นลูกชายคนเดียว ต้องมีทายาทสืบสกุล เสี่ยวเจียนคือคนที่ข้ากับท่านลุงของเจ้า เลี้ยงไว้ให้แต่งงานกับเขา เสี่ยวเหวินเจ้าอย่าคิดอกตัญญู แย่งชิงสตรีของพี่ชาย”
เขาถูกผู้เป็นป้าสะใภ้ขัดขวาง ไม่ให้แย่งชิงจางเฉียนมาจากหลินตง เขาจำยอมตัดใจพาตัวเองไปทำงานกับสำนักคุ้มภัย ออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เมื่อรู้ว่าหลินตงกับจางเฉียนกำลังจะแต่งงาน เขาจึงกลับมาร่วมอวยพรวันวิวาห์ ให้พี่ชายและสตรีที่เขารัก แต่นั่นกลับเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นทั้งคู่
หัวใจที่อ่อนลง พลันแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยไฟแค้น หยวนจงเหลียงฉุดจางเฉียนไป ข่มเหงนางจนนางคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย หลินตงเองก็ถูกทำร้ายจนขาหัก ร่างกายบอบช้ำ ท่านลุงเองก็เสียใจจนล้มป่วยติดเตียง ครอบครัวผู้มีพระคุณถูกรังแก สตรีที่เขารักต้องตายจาก
"หยวนจงเหลียนมันทำร้ายหลินตง และยังขืนใจเสี่ยวเฉียนจนนางคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ดวงตาลุกวาบด้วยความแค้น ความเห็นใจถูกปัดทิ้ง สุราที่ดื่มทำให้เขายิ่งขาดสติ ร่างกายร้อนวูยวาบ ภายในกายเกิดความกำหนัดขึ้นมาจนมิอาจยั้งใจตัวเองไหว เยี่ยเหวินจ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าสุราที่เขาดื่ม ผสมยากระตุ้นกำหนัดไว้ สติของเขาดับวูบเหลือเพียงความต้องการของร่างกายที่มิอาจควบคุม หญิงงามใต้ร่างจึงกลายเป็นที่ระบายความปรารถนา
“อย่านะ ปล่อยข้า ได้โปรด...”
หลิวซืออินพยายามดิ้นรนปกป้องตัวเองสุดชีวิต ทว่านางไม่อาจจะต้านทานความป่าเถื่อนของเขาได้ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม พร้อมกับเสียงร้องอ้อนวอน
“ปล่อยข้าเถอะ ฮือ อย่าทำข้าเลย ฮือ...”
เรือนร่างอันงดงาม ทรวงคู่งามอวบใหญ่พอดีตัว ปลายยอดสีชมพูกะจิดริดคล้ายไข่มุก เอวคอด หน้าท้องแบนเรียบ ผิวขาวผ่องไร้รอยไฝฝ้านุ่มเนียนละมุนไปทั้งตัว
สายตาของเยี่ยเหวินจ้าว กวาดมองไปบนร่างงดงามอย่างตะลึงลาน สตรีนางนี้เรียกว่างามล่มเมือง ไม่แปลกใจเลยที่หยวนจงเหลียงแต่งนางเข้าเรือน ไอ้สารเลวนั่นหมดโอกาสได้มีคืนวิวาห์กับเจ้าสาว ตอนนี้เขาเท่านั้นที่ได้ครอบครองนาง
“กรี๊ดดด อย่านะ...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างงดงามบริสุทธิ์ของเจ้าสาวในคืนวิวาห์ ถูกชายที่เจ้าตัวไม่เคยรู้จักสัมผัสไปทั้งตัว
“ฮือ ปล่อยข้า ฮือ ปล่อยข้าเถอะ...”
คำอ้อนวอนนั้นไร้ผล คนฟังไม่สนใจ อีกทั้งยังปิดปากของนางไว้ ด้วยริมฝีปากของเขา จูบจนนางไร้เสียงร้อง ทรวงอวบถูกมือของเขาเคล้นคลึงลูบไล้ ไม่มีพื้นที่ใดหลุดรอดรอยมือไปได้ ริมฝีปากถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมเจ่อ
ริมฝีปากร้อนผ่าว เคลื่อนไปบนลำคอขาวผ่อง ขบเม้มจนเกิดรอยจ้ำแดงเป็นจุด ดั่งต้องการประทับตราเป็นเจ้าของเรือนกายนี้
หลิวซืออินน้ำตาไหลริน ยิ่งดิ้นรนมากเพียงใด เขายิ่งแกล้งรังแกนางรุนแรงขึ้น เขาครอบครองทรวงอวบ ใช้ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดยอดทรวง ดูดเม้มจนเกิดเสียงดัง น่าอับอาย
ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปทั่วทรวงทั้งสองข้าง สลับไปมาไม่ยอมหยุด ลูบไล้ โลมเล้า คลึงเคล้า ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย หลิวซืออินบิดกายหนีแต่ไม่อาจหลุดพ้น ร่างกายของนางไม่อาจต้านทานเขาไหว ความหวาดกลัวครอบคลุมหัวใจ แรงต่อต้านลดน้อยลง เรี่ยวแรงหมดลงไปทุกที
“กรี๊ดดด”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อบางสิ่งรุกล้ำแทรกผ่านเข้ามาทำลายพรหมจรรย์ สร้างรอยราคีที่มิอาจลบล้างได้ เขากำลังขยับกายบดขยี้ตีตราบาปบนร่างกายของนาง
เวลาราวกับผ่านไปอย่างเชื่องช้า สภาพของสตรีบนเตียง มิต่างจากบุปผาที่ถูกบดขยี้จนชอกช้ำ
หลิวซืออินนอนนิ่ง น้ำตาไหลรินเจ็บร้าวทั้งกายใจ นางไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญ เหตุใดต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ อยากจะกลั้นใจตายให้หลุดพ้นไปจากความอดสูนี้ แต่ภาพของท่านย่าวาบเข้ามาในหัว
หากนางตายไป คงไม่ได้กลับไปพบท่านย่าอีก หลิวซืออินข่มความเจ็บช้ำไว้ในอก ปลอบประโลมตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น นางถูกข่มเหงไม่อาจเรียกคืนความสาว แต่ชีวิตและลมหายใจของนางยังมีอยู่ นางยังมีความหวังจะรอดกลับไป
"ข้าทำผิดอันใด เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้"
หลิวซืออินเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงขมขื่น นางไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า เหตุใดเขาจึงทำร้ายนางอย่างไร้ความปรานี
"ผิดสิ ผิดที่เจ้าเป็นเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง ถ้าเจ้าไม่แต่งกับมัน ข้าคงไม่เอาตัวเจ้ามา"
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับหยวนจงเหลียง มีความแค้นอันใดกัน เจ้าได้ฆ่าเขาตายไปแล้ว เหตุใดถึงฉุดข้ามา”
นางเอ่ยเสียงเจือสะอื้นน่าเวทนา ชุดเจ้าสาวสีแดงขาดวิ่น ถูกใช้ปิดบังความเปลือยเปล่าที่ถูกเขาสร้างรอยราคีจนเป็นรอยช้ำไปทั้งกาย
เยี่ยเหวินเจ้าละสายตาจากภาพนั้น ในใจรู้สึกผิดขึ้นมา สตรีนางนี้มิได้มีความผิดอันใด เขาบุกเข้าไปในขบวนแต่งงาน เพียงเพื่อต้องการสังหารหยวนจงเหลียง โดยมีสหายจากสำนักคุ้มภัยคอยช่วยเหลือ คนในขบวนถูกฆ่าปิดปากจนหมด เหลือนางเพียงคนเดียวที่เขาขอชีวิตไว้
"สหายทุกท่าน สตรีนางนี้ข้าจะนำตัวไปเป็นภรรยาของข้า"
เหล่าสหายจึงปล่อยให้เขาพาตัวนางขึ้นเรือมาด้วย หากปล่อยนางไว้อาจถูกสหายของเขาข่มเหง นางงดงามเพียงนี้คงไม่อาจรอดพ้นจากชายกลัดมันกลุ่มนั้นได้ ก่อนแยกย้ายเหล่าสหายมอบสุรามงคลให้เขาไว้ดื่ม เยี่ยเหวินจ้าวไม่ทันคิดว่าสหายคิดส่งเสริม ใส่ยาปลุกกำหนัดในสุราให้เขา เมื่อนำมาดื่มฤทธิ์ยาทำให้ขาดสติ พลั้งเผลอข่มเหงนาง
เขาคงปล่อยนางไปไม่ได้แล้ว !
///บทที่ 4. ตอน เจ้าเป็นของข้า“เจ้าเจ็บมากหรือไม่”เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม แต่นางกลับนอนนิ่งไม่ยอมตอบ เขาจึงแก้เชือกมัดมือ รวมถึงผ้าคาดตานางออกหลิวซืออินจึงได้เห็น ใบหน้าของโจรชั่วที่ข่มเหงนาง คนผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ราวกับคุณชายผู้สง่างาม ต่างจากภาพโจรในความคิดของนาง ว่าจะต้องมีใบหน้าอัปลักษณ์ท่าทางโหดเหี้ยม เขาหน้าตาดีแล้วอย่างไร คนหน้าตาดีใช่ว่าจะเป็นโจรไม่ได้ นางเมินหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย ไม่อยากจดจำคนเลว ที่ข่มเหงสร้างรอยราคีให้นาง หากมีชีวิตรอดกลับไป จะขอลืมคืนวันเลวร้ายนี้ไปให้ได้“มองหน้าข้า!”เขาจับปลายคางบังคับให้มองหน้า หลิวซืออินหลับตาไม่ยอมมองหน้า นางเกลียดชังคนผู้นี้ ไม่อยากมองให้เสียสายตา "ถึงเจ้าจะชิงชังรังเกียจข้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีก""แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้เต็มใจ เจ้ามันแค่โจรชั่วข่มเหงคนไร้ทางสู้" นางก่นด่าเขา"สวมเสื้อผ้า เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน"เยี่ยเหวินจ้าวรู้ดีว่านางเกลียดชังเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตนาง ด้วยการรับนางเป็นภรรยา"ไม่ ข้าไม่ทำ ฝันไปเถอะ"หลิวซืออินแม้ภายนอกจะดูเป็นคนอ่อนหวาน แต่ยามดื้อ
บทที่ 5. ตอน ข้าจะปล่อยเจ้าไปเช้าวันต่อมา หลิวซืออินตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว กว่าคนผู้นั้นจะปล่อยนางก็ค่อนรุ่ง นางอ่อนเพลียจนหลับไปในอ้อมกอดของเขา "เจ้าคนชั่ว ข้าจะต้องหาทางหนีให้ได้"หลิวซืออินบอกกับตัวเอง นางสูญเสียความสาวไปแล้วแต่ยังเหลือชีวิต หากมีโอกาสนางจะต้องกลับไปหาท่านย่าแกรก !ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของเยี่ยเหวินจ้าวเดินเข้ามา ในมือของเขามีเสื้อผ้าสตรีอยู่ชุดหนึ่ง เขาเดินมาหาหลิวซืออิน มองดูนางที่ตอนนี้สวมชุดแต่งงานขาดวิ่นเปื้อนเลือดตัวนั้น แล้วยื่นส่งชุดในมือให้"เอาไปเปลี่ยน หากอยากอาบน้ำ ตรงนั้นมีถังข้าตักน้ำมาให้แล้ว"เขาชี้มือไปยังมุมห้อง มีถังใส่น้ำวางอยู่ เยี่ยเหสินจ้าวอาศัยตอนที่นางหลับไปตักน้ำมาให้ และยังขอซื้อเสื้อผ้าจากชาวบ้านมาชุดหนึ่ง "ข้าจะรออยู่ข้างนอก หากเจ้าหิวก็ออกมากินข้าว"พูดจบเขาก็ยัดเสื้อผ้าชุดนั้นใส่มือนาง เดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูหลิวซืออินรีบวิ่งไปปิดประตู ยกเก้าอี้มาขวางไว้ ก่อนที่นางจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขามอบให้ ชุดสตรีแบบชาวบ้านทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบราคาถูก เทียบกับชุดแต่งงานผ้าไหมสีแดงที่นางสวมแล้ว แตกต่างกันมาก
บทที่ 6. เมื่อมิได้รัก ก็มิควรผูกพันกัน" ท่านจะปล่อยข้าไปจริงหรือ"หลิวซืออินเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง อีกฝ่ายพยักหน้ารับ" หากเจ้าไม่คิดจะแต่งกับข้า ข้าก็จะส่งเจ้ากลับไป แต่ข้าต้องนำเรือลำนี้ ไปส่งคืนเพื่อนของข้าเสียก่อน"เรือลำนี้ไม่ใช่ของเขา เยี่ยเหวินจ้าวยืมเรือมาจากเพื่อนของเขาคนหนึ่ง เขาจึงต้องนำเรือไปคืนเจ้าของ " ระหว่างนี้ ข้าให้โอกาสเจ้า คิดทบทวนให้ดี หากเจ้ากลับไป ครอบครัวของเจ้า จะยินดีให้เจ้ากลับไปอยู่ด้วยหรือไม่"สตรีถูกส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกเรือน มิอาจรับกลับคืน หลิวซืออินรู้ข้อนี้ดี แต่นางต้องการพบท่านย่า อยากกลับไปดูแลท่าน หวังเพียงท่านอาจะเห็นใจ"นั่นเป็นปัญหาของข้า เจ้าไม่ต้องคิดแทนข้า"" เช่นนั้นข้าจะตามใจเจ้า เราคงต้องอยู่บนเรือนี้กันอีกสักสองวัน ระหว่างนี้ เจ้าก็ทบทวนว่าจะทำอย่างไรต่อไป""เจ้าส่งเรือคืนแล้ว ก็ส่งข้าขึ้นฝั่ง ข้าจะกลับบ้านเอง"หลิวซืออินคิดเพียงอยากจะกลับบ้าน โลกของนางคือท่านย่าและบ้านตระกูลหลิว นางไม่คิดจะไปอยู่ที่ใดนอกจากที่นั่น "เจ้ามันคนโง่ โลกนี้โหดร้ายกว่าที่เจ้าคิด เอาเถอะ หากเจ้ากลับไปแล้วครอบครัวของเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็จ
บทที่ 7. ตอน ในวันที่ไม่เหลือใคร“ซืออิน...”เสียงคุ้นหูเรียกชื่ออยู่ใกล้ๆ ทำให้หลิวซืออินลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าท่านย่า นางรีบลุกขึ้นสวมกอดท่านย่าด้วยความดีใจ“ท่านย่า ท่านมาอย่างไร”หลิวซืออินกอดรัดร่างของผู้เป็นย่าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม“ย่าเป็นห่วงเจ้า เป็นห่วงเหลือเกิน”อ้อมกอดแสนอบอุ่นของท่านย่า โอบร่างของผู้เป็นหลานสาวไว้ หลิวซืออินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเหี่ยวย่นของท่านย่า น่าประหลาด... ใบหน้าซูบซีดของท่านที่เจนตามาตลอด กลับเปล่งปลั่งเหมือนคนปกติ แววตาดูสดใสสดชื่นไม่อมทุกข์เช่นก่อน ท่านย่ามาหานางได้อย่างไร นางอยู่บนเรือมิใช่หรือ...หลิวซืออินเริ่มฉุกคิดเมื่อความดีใจผ่านพ้นไป“ท่านย่า ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มส่งมาให้ คนเป็นย่าลูบศีรษะหลานรักอย่างอ่อนโยน ดวงตาฝ้าฟางมองใบหน้างดงามนั้นด้วยแววตาอบอุ่นห่วงใย“เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้”คำสั่งสอนนั้นเจือรอยห่วงใยลึกซึ้ง คนฟังตื้นตันใจในความรักของท่านย่าจนน้ำตาซึม รีบพยักหน้ารับคำ“เจ้าค่ะ ขอเพียงมีท่านย่าอยู่ข้างๆ ข้าก็มีความสุขแล้ว”
บทที่ 8. ตอน คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าหลิวซืออินไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ชีวิตของนางก็เหมือนคนขาดที่พึ่ง ยามนี้คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือเยี่ยเหวินจ้าว เขาพานางขึ้นรถม้า เดินทางออกมาจากเมืองต้าโจ กลับไปยังท่าเรือ เมืองหนานไห่อีกครั้งระหว่างทางหลิวซืออิน เอาแต่นั่งขดตัว ร้องไห้อยู่เงียบๆในรถม้า ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เยี่ยเหวินเจ้าปล่อยให้นางอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี แผนการเดิมของเยี่ยเหวินจ้าว ก็คือการเดินทางไปยังแคว้นอื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรือที่เขาจะอาศัยไปด้วย กำหนดออกเดินทางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงต้องรอ เขาคิดจะหาบ้านเช่าสักหลัง โชคดีคนขับรถม้ารู้จักเจ้าของบ้านเช่าจึงแนะนำให้"เราจะอยู่ที่นี่กันสักหนึ่งเดือน"เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินเข้าบ้าน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็ก มีห้องนอนห้องเดียว ครัว และชานบ้าน ราคาจึงไม่สูงมาก "เจ้าปัดกวาดให้ดี ในครัวมีข้าวสารกับเนื้อ เจ้าทำกับข้าวได้เลย ข้าจะไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมา"เขาบอกนาง แล้วปล่อยนางไว้ที่บ้านเพียงลำพัง หลิวซืออินจึงจัดการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหาร งานพวกนี้นางล้วนเคยทำ
บทที่ 9. ตอน ภรรยา ข้าทำให้เจ้ามีความสุขหรือไม่เยี่ยเหวินจ้าวทาบกายแกร่งขึ้นก่ายเกยร่างงาม ริมฝีปากจุมพิตบนเรียวปากอิ่ม ตวัดไล้ ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กของนาง สัมผัสของเขาเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนยั่วเย้า หลอกล่อ มอมเมานาง จนไม่เป็นตัวของตัวเองปลายนิ้วสอดเข้าไปในผมยาวของนาง ประคองศีรษะให้รับจุมพิตของเขาอย่างไร้ทางหลบเลี่ยง ริมฝีปากถูกเขาดูดแรงทั้งบนและล่าง กวาดต้อนทุกความหวานของนางอย่างหิวกระหาย พร้อมกับยั่วเย้าให้ตอบสนองเมื่อลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นของเขา เยี่ยเหวินจ้าวก็เพิ่มแรงเร้าให้นางเป็นฝ่ายจูบเขาบ้าง ความไม่ประสาของนางทำให้เขาอิ่มเอมใจ พรหมจรรย์ของนาง เขาได้ครอบครองเป็นคนแรก จูบแรก ทุกสิ่งที่เขากระทำ เป็นสิ่งแรกสำหรับนางทั้งสิ้นเขาจูบอย่างอ่อนหวาน แล้วเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ บดเคล้า เล้าโลม ให้นางตกเป็นทาสเสน่หา เขาเองก็ตกอยู่ในห้วงพิศวาสจนยากจะถ่ายถอน เสียงหอบหายใจของนางดังกระเส่า เช่นเดียวกับเขาที่หายหอบแรง ครางเสียงหนักในคอ ดูดดื่มความหวานฉ่ำที่เขาโหยหาอย่างยั้งใจไม่อยู่เยี่ยเหวินจ้าวเฝ้าวนเวียนจุมพิตซ้ำจนหนำใจ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนมาประคองแก้มนุ่ม ถอนริมฝีปากปาก
บทที่ 10 ตอน นางต้องเป็นภรรยาของเขาตลอดไป!เขาจุมพิตริมฝีปากนางแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ ดูดดื่มมากขึ้น ริมฝีปากร้ายกาจทำให้คนถูกสัมผัสหลงใหลเกินต้านทาน เขากล่อมจนนางเคลิ้มไหว ปล่อยกายให้เขาชักเชิดดั่งใจนึกมือหนาจับข้อเท้ามาพาดบนบ่าหนา ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากชุ่มชื้น มาจุมพิตปลีน่องเรียวสวย ขบเม้มตรงใต้เข่า ไล้เลีย หยอกเย้าให้นางรู้สึกตื่นเต้น แตะริมฝีปากไล่จุมพิตตามเรียวขาลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดขบเม้มตรงเนินสาว ตวัดปลายลิ้นลากไล้ผิวเนียนละเอียด ไปยังต้นขาอีกข้าง มือดันขาให้เบะออกด้านข้าง สอดมือยกสะโพกหนั่นแน่นให้ลอยขึ้นจากพื้น แล้วแทรกกายใหญ่โตเข้าแนบชิดผกางามที่คลี่กลีบเบ่งบาน ชวนเชิญให้ภมรหนุ่มลงไปดื่มกินน้ำหวาน“อ๊ะ ไม่... ไม่นะ”นางร้องห้าม นึกถึงคราแรกที่ถูกเจ้าสิ่งน่ากลัวนี้ แทรกเข้าไปในกายสาว ทำให้หดเกร็งด้วยความกลัว “ชู่ ไว้ใจข้านะ มันจะไม่เจ็บ”เยี่ยเหวินจ้าวจุปากไม่ให้นางเสียขวัญ ค่อยนำตัวตนแกร่งกร้าว แทรกผ่านความบอบบางแสนนุ่มร้อนจนสุดความยาว แรงโอบรัดรอบลำกายทำให้เขาสูดปากแรงด้วยความทรมาน จนต้องสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ข่มกลั้นความดิบเถื่อนในกายไว้สุดกำลังเขาจะทำให้นางรับรู้ถึง
บทที่ 11 . ตอนหน้าที่ของภรรยาเช้าวันใหม่ หลิวซืออินลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่านางนอนอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตแสนหื่น เขาจบบทรักรอบแรกได้ไม่นาน ก็ชวนปรนเปรอเสน่หาอีกรอบ จนนางหมดเรี่ยวแรงเผลอหลับไป เขาเองก็คงเพลียนอนหลับสนิท วงแขนโอบกระชับร่างนางแนบชิดหลิวซืออินค่อยๆ ขยับตัว ยกแขนหนักออกจากลำตัว หยัดกายลุกขึ้นนั่ง สายตาทอดมองใบหน้าของบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินด้วย เขามีใบหน้าหล่อเหลาจนมองไม่ออกว่า เขาคือโจรร้ายที่ดักฉุกนางจากเกี้ยวเจ้าสาวในวันนั้น วันนี้เขากลายเป็นสามีของนางไปแล้วบทรักร้อนแรงของเขา ทำเอาร่างกายของนางแทบแหลกยับใต้ร่างหนา รอยจ้ำแดงๆ บนเนินอก และซอกคอ ที่เขาตีตราประทับไว้ คงลายพร้อยเต็มไปหมด เขาปรนเปรอให้นางสุขสมจนแทบลืมเลือนครั้งแรก ที่แสนเจ็บช้ำไปเกือบสิ้นหลิวซืออินถอนสายตาจากใบหน้าของสามี ขยับลงมาจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกคนหื่นเหวี่ยงตกบนพื้น เอามาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมาชะโงกหน้า มองดูคนตัวโตที่ยังหลับสนิทไม่ยอมตื่น พลางถอนหายใจแรง พาตัวเองเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องครัวแม้ทั้งคืนจะถูกเขาปรนเปรอจนแทบหมดแรง แต่นางก็อยากตื่นมาทำอาหารมื้
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต